|
การขอวีซ่า ไปออสเตรเลีย(วีซ่าพาเพลิน)
วีซ่าพาเพลินนนน
จากตอนที่แล้ว (จุดเริ่มต้น) เราได้ตกลงว่าสมัครเรียนทีANUTech Education Centre เป็นที่เรียบร้อย ต่อจากนั้นคือ...การขอวีซ่า เราไม่ได้ผ่านเอเจนต์เลย การขอวีซ่าจึงต้องทำด้วยตัวเองหมด
หลังจากสมัครเรียนเรียบร้อยแล้ว ทางโรงเรียนก็จะ Faxรายละเอียดและเอกสารต่างๆมาให้ จากนั้นเราก็ต้องโอนเงินเข้าบัญชีของทางโรงเรียน ตอนแรกก็เสียวๆอยู่ว่า โอนแล้วจะวืดดดไหม แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะๆไม่มีปัญหาอะไร ทางธนาคารที่เราไปโอนเงินเขาก็เช็คให้ด้วยว่ารายละเอียดต่างๆมันเชื่อถือได้ไหม พอทางโรงเรียนได้รับเงินแล้วเขาจะส่งใบ CoE(ถ้าจำชื่อไม่ผิด....ถ้าผิดก็ช่วยบอกด้วยค่ะ...แบบว่าสมองไก่)
ใบนี้เป็นใบสำคัญมากเพราะเป็นเอกสารที่ใช้ในการยื่นขอวีซ่า เมื่อได้ใบนี้จะเป็นการยืนยันว่าทางโรงเรียนได้รับเราเข้าเรียนแล้วมันจะแสดงรายละเอียดของเรา โรงเรียน คอร์ส ระยะเวลาในการเรียน การทำประกันสุขภาพ ฯลฯ
ก่อนที่จะไปขอวีซ่าให้โทรถามรายละเอียดทาง Visa Centre ก่อนว่าเขาต้องการอะไรบ้าง สมัยนั้นยังไปขอที่สถานฑูตออสเตรเลีย แต่เดี๋ยวนี้ย้ายไปอยู่ที่อาคารหอการค้าไทย-จีน (THAI CC)ชั้น 34 ตรงสถานนีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์นะคะ ทางที่ดีไปที่นั่นก่อนก็ได้ค่ะ เพราะว่ามันต้องมีเอกสารเอามากรอกก่อนยื่นเรื่องอยู่แล้ว เขาจะให้รายชื่อโรงพยาบาลที่เราจะต้องไปตรวจร่างกาย(กรณีที่ไปเกิน 3 เดือน)พร้อมเอกสารในการตรวจ ...อะแฮ่มๆ เลือกให้ดีๆนะคะ ระวังจะซวยเจอหมอโรคจิตแบบเรา จะเขียนในตอนต่อไปนะคะ
คือ เราต้องไปตรวจร่างกายก่อนที่จะเอาเอกสารมายื่นนะคะ การยื่นเอกสารสมัยนี้เอาอะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่สมัยเรา เอาไปทุกอย่าง ได้แก่ พาสปอร์ต (อายุของพาสปอร์ตต้องเหลือมากกว่า 6 เดือน)บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน วุฒิการศึกษา เอามาให้หมดทุกอย่าง ใบประกาศ(เกี่ยวกับเรื่องเรียน แบบว่าแสดงระยะเวลา ประเภทใบบริจากเงินผ้าป่า หรือ บริจากดวงตาไม่ต้องเอามา...อายเขา)และใบรับรองเอามาให้หมด ถ้าเป็นคนที่ทำงานแล้วก็เอาหลักฐานการทำงานมาด้วย คือเอามาแสดงให้เขาดูว่าช่วงเวลาแต่ละช่วงเราทำอะไรบ้างไม่ได้ว่างโบ๋เฉยๆ
อีกอันนึงก็คือหลักฐานทางการเงิน ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นชื่อเรา เป็นของพ่อ แม่ หรือญาติก็ได้ แต่ต้องเอาเอกสารที่แสดงการรับรองว่าคนๆนั้นเป็นสปอนเซอร์ให้เราเช่นใบรับรอง และ บัตรประชาชนของสปอนเซอร์(เซ็นรับรองด้วยด้วย) สปอนเซอร์อีกประเภทก็คือที่อยู่ หากมีญาติโยม เพื่อนสนิทมิตรสหายอยู่ที่โน่นแล้วให้เขาเป็นสปอนเซอร์ที่อยู่เราก็ได้(ถ้าเขายอม) แต่ต่อมีหลักฐาน เช่นจดหมายยืนยัน
ส่วนหลักฐานทางการเงินที่เขาใช้ๆกันก็ เงินสด บัญชีธนาคาร หุ้นก็ได้(เท่าที่ทราบเขาตีราคา 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาหุ้น) ถือตัวจริงเอาไปแสดงด้วย ถ้าไป 1 เดือนต้องมีเงิน 1,000 เหรียญ(ประมาณ 28,000 บาท) ไปนานแค่ไหนก็คำนวณเอาตามถนัด แล้วก็ต้องเตรียมเงินค่าธรรมเนียมต่างๆไปด้วย ค่าวีซ่านักเรียนค่อนข้างแพง สมัยนั้นยังแปดพันบาท สมัยนี้อาจจะถึงหมื่นแล้ว แต่ถ้าเป็นวีซ่าท่องเที่ยวก็ประมาณ 3,000 บาทค่ะ
ถ้าทุกอย่างต้องการความชัวร์ โทรถามศูนย์วีซ่านะคะ บางทีเขาอาจเปลี่ยนกฎ
อีกเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับคนที่ขอวีซ่าด้วยตัวเองก็คือการกรอกเอกสาร Student Visa สนุกมากค่ะ(โกหกอย่างแรงงงงงงฮิ) ตอนนี้หน้าตามันเป็นยังไงไม่รู้ แต่ตอนนั้น"หนาปึ๊ก" แถมเป็นภาษาอังกฤษอีกต่างหากประมาณว่าถ้าเราสามารถกรอกได้หมดทุกอันโดยไม่ผิด ก็ไม่ต้องไปเรียนภาษาแล้วค่ะ แล้วทำไงล่ะ... ตอนแรกเอามาที่บ้าน แม่บอกว่ามีเพื่อนแม่คนนึงเขาบอกว่าเขาไปเมืองนอกบ่อยเขาจะช่วยกรอกให้ พอไปถึงเขาเปิดๆๆ แล้วก็ปิด บอกว่า...อืม มันเป็นภาษาอังกฤษนี่ ..แล้วจากนั้นเธอก็เล่าเรื่องว่าเธอไปเมืองนั้น เมืองนี้ ประเทศนั้น โน้นนน นี้ สวยมาก ซื้อนั่น นี่.....โธ่เว้ยช่วยได้มากจริงๆค่ะคู๊ณณณณณณ นี่เรียกมาฟังอภินิหารการท่องเที่ยวใช่ไหม....ห๊า ปัดโธ่
สุดท้ายเราหันไปพึ่งใครไม่ได้จริงๆ เลยเอาไปกรอกวันที่ยื่นวีซ่าเลยค่ะ (ไม่แนะนำให้ทำแบบนี้นะคะ) กะว่ามันต้องมีคนที่เหมือนเรา....กะว่าจะลอกเขานั่นแหละ ไม่มีเลยค่ะเขาเตรียมกันมาหมด นั่งหยิ่งตัวตรงเต็มบรรทัดทุกคนเลย...ก็ได้ไม่เป็นไร ความหวังสุดท้าย...
..ไปที่ศูนย์มณีลอย เอ๊ย ศูนย์แนะนำการศึกษาต่อประเทศออสเตรเลียอยู่ที่สถานฑูตเลย ชั้น3(ละมั้ง..สมัยนั้นยังขอวีซ่ากันที่สถานฑูต)บอกเจ้าหน้าที่ว่า "พี่คะ ช่วยหนูหน่อยได้ไหมคะ เอกสารมันเยอะมากเลยค่ะเป็นภาษาอังกฤษด้วย" เป็นการแก้ปัญหาแบบหน้าด้านแต่ได้ผลเกินคาด เจ้าหน้าที่น่ารักมากๆ ช่วยเหลือเต็มที่ค่ะ ทั้งๆที่จริงๆแล้วก็คงไม่ใช่หน้าที่ของเขา ...ขอบคุณค่าาาา
ถ้าตรวจร่างกายแล้ว เอกสารครบแล้ว จ่ายเงินแล้ว ก็ยื่นเรื่องได้เลยค่ะ เดี๋ยวนี้เขามีบริการส่งพาสปอร์ตถึงบ้านด้วย เจ้าหน้าที่จะถามว่าจะให้ส่งถึงบ้านไหม มีค่าบริการนะคะ แต่เราคิดว่าสะดวกดี ไม่ต้องคอยโทรถามไม่ต้องมารับเอง ตอนนี้ถ้าใครกำลังขอวีซ่าอยู่ หวังว่าคงจะมีประโยชน์นะคะ ขอให้โชคดีวีซ่าผ่านทุกคนค่ะ
ตอนหน้า เป็นเรื่องไปตรวจร่างกายเพื่อขอวีซ่า กับหมอโรคจิต จิต จิต จิต จิต
Create Date : 26 พฤษภาคม 2550 |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2550 0:00:41 น. |
|
0 comments
|
Counter : 586 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|