เที่ยวนคร แหลมตะลุมพุก กระบี่ ชุมพร ( 21-25 เมษา 2553 ) ตอนที่ 3 ท่าปอม กระบี่ – สวนโมกข์ – ชุมพร
หลังจากทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาที่ริมแม่น้ำกระบี่ ก็ขับรถกลับ แต่ขอผ่านท่าปอมคลองสองน้ำก่อน เพราะว่าเพื่อนที่กระบี่มันบอกว่าสวยดียิ่งได้ดูรูปจากหนังสือ อสท ก็ยิ่งอยากไปและมันก็อยู่ทางผ่านไปสุราษฎร์พอดีและมันก็สวยจริง ๆ ทั้งสายน้ำและต้นชมพู่น้ำน้ำที่นี่มันใสมาก ทั้งน้ำจืดน้ำกร่อย ถ้าอากาศช่วงที่ไปไม่ร้อนมากนะ จะเพลิดเพลินมากมีสะพานเดินให้ชมตลอดเส้นทางมีที่ให้เล่นน้ำโดยเฉพาะช่วงอยู่ด้านล่าง ๆ ของสายน้ำแล้ว ห้ามเล่นเกินขึ้นไปจากแนว STOPออกจากที่ท่าปอมแล้วก็ขับรถไปที่สุราษฎร์ ผ่านเส้นเซาท์เธิร์นซีบอร์ด ที่มีเกาะกลางบางช่วงเป็นสวนปาล์ม ใครชอบขับรถนะ ต้องชอบเส้นนี้แน่ ๆ ซัดกันได้สนุก แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุทีต้องหนักไม่น้อย แล้วก็ถึงวัดธารน้ำไหลตอนเกือบหกโมงเย็นซึ่งวัดเกือบปิดแล้ว ซื้อไข่เค็มเป็นของฝาก แล้วก็ขับรถไปนอนที่หาดทุ่งวัวแล่นวัวตัวนี้คงคึกน่าดู ฮ่าฮ่า ไม่งั้นคงไม่แล่นแน่ ๆ แล้วก็ขับรถเลาะมาเรื่อย ๆ จนมาถึงที่นี่เป็นเนินทรายกองมหึมามีแต่ทราย กับไม้เตี้ย ๆ ที่ขึ้นบนทรายได้มองจากยอดเนินลงไปที่ทะเลหาดที่นี่สะอาดดีครับเพราะเป็นที่ในโครงการตามพระราชดำริกลางวันนี่ แสบตาพอควรเพราะทรายที่สะท้อนแสงแดดสุดปลายหาดข้างหนึ่งเป็นหมู่บ้านระมงที่มีภูเขาเป็นฉากหลัง ส่วนปลายหาดอีกด้านหนึ่งคือหาดบางเบิดที่อยู่ในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้ว จากนั้นก็ขับรถกลับบ้าน แวะเข้าหัวหิน จะไปเพลินวานสักหน่อย แต่ก็ยอมแพ้เพราะคนเยอะเหลือเกิน ยังกับมีอะไรแจกฟรี แค่ที่รับฝากรถข้าง ๆ ก็น่าจะรวยแล้วจบการขับรถทั้งหมด 2,800 กม. จากบ้านถึงที่เที่ยวต่าง ๆ จบกลับถึงบ้าน ขอบคุณที่ติดตามชมจนจบครับ
เที่ยวนคร แหลมตะลุมพุก กระบี่ ชุมพร ( 21-25 เมษา 2553 ) ตอนที่ 2 กระบี่
เที่ยวนคร แหลมตะลุมพุก กระบี่ ชุมพร ( 21-25 เมษา 2553 )ตอนที่ 1 นครศรีธรรมราช
ที่จริงจะทำตั้งนาน แล้วติดอยู่ข้อสองข้อ คือ ไม่มีเวลา และอีกอย่างคือขี้เกียจ พอมาตอนนี้มีเวลาบ้างและความขี้เกียจบรรเทาลงไป จึงได้ทำสักที( ตอนหน้าฝนนี่แหละ ถ้าทำตั้งแต่เที่ยวเสร็จใหม่ ๆ คงมีหลายคนอยากไปเที่ยวบ้าง หรือว่าบางคนเห็นแล้วไม่อยากไปเที่ยว ก็ต้องขออภัยด้วยครับ) เนื้อหาสาระไม่ค่อยมีนะครับ ถือว่าดูรูปไปเพลิน ๆ ดีกว่าครับเนื่องด้วยต้องไปงานแต่งเพื่อนที่ท่าศาลา ในวันที่ 22 เมษา ก็เลยถือโอกาสไปเที่ยวซะเลย เพราะไหน ๆ ก็ต้องขับรถไปตั้งไกล ก็ขอได้เที่ยวหน่อยเถิดน่า ออกเดินทางตอนตีสามของวันที่ 21 ก็ไปเรื่อย ๆ ไปถึงท่าศาลาตอนบ่ายแก่ ๆ พอตอนเย็นก็ไปกินที่ ท่าศาลาซีฟู๊ด อาหารอร่อยดี ราคาแพงกว่าทางบ้านผม มีชีวิตชาวบ้านให้ดูด้วยแล้วก็ไปนอนในส่วนโรงแรมของม.วลัยลักษณ์ เนื่องด้วยเป็นช่วงปิดเทอม ก็เลยเงียบ ๆ มีมาพักกันแค่สามสี่ห้อง ม. กำลังโตวันโตคืน มีที่กว้างใหญ่ไพศาล มีตึกที่กำลังสร้างอยู่สองสามตึก ที่นี่วัวเยอะครับ ข้างหลังคือเขาหลวงนะครับพอเช้ามาก็ไปยกขันหมาก พอเสร็จใกล้ ๆ เที่ยง เราก็ไปเที่ยววัดพระธาตุ อยากไปมานานแล้วนึกถึงตอนกระแสจตุคามเลยครับคนจะมากมายแค่ไหนได้เจอของจริงแล้วครับด้านซ้ายด้านขวาช่วงที่ไปถือว่าโชคดีที่เขาเปิดให้ขึ้นไปทอดผ้าที่องค์เจดีย์ด้านบนเวลาที่ไปถึงเป็นตอนบ่าย แดดเปร็ยง ๆ พื้นเป็นหินอ่อน ทำเอาคนที่เดินเวียนนี่ เดินอย่างรวดเร็วจนเกือบวิ่งกันเลย กว่าจะครบสามรอบ ร้อนเท้าสุด ๆ ( ต้องตะแคงเท้าเดิน )ลงมากับเจดีย์รอบ ๆ ดูไปเรื่อย ๆ อีกที่ทำบุญแล้วไปไหว้ศาลหลักเมือง ซึ่งอยู่ไม่ไกลแล้วก็ไปร้านโกปี๊ รู้สึกว่าจะเป็นรุ่นที่สามแล้วครับ ชาอร่อยมาก และกินบะหมี่หยกแห้งกับขาหมูด้วยจากนั้นก็ไปแหลมตะลุมพุก วัดระยะทางตรงจาก gps แค่ 20 กม.เท่านั้น (ข้ามทะเล)รูปที่พายุแฮเรียดถล่มแล้วก็ขับเลยไปให้สุดปลายแหลม(ทางลูกรังประมาณ 4-5 กม.) ปลายติ่งของแหลมจริง ๆ ลองดูในกูเกิลแม็พได้เลย มีศูนย์บริการ มีหอคอยสูง 5 ชั้นไว้ชมวิวมองลงมา คุณลุงเสื้อลายที่ขายปลาหมึกย่างที่ร้านสะดวกกินของแกคนนี้ เล่าให้ฟังถึงตอนที่พายุมา แต่ตอนนั้นแกก็ยังเด็กอยู่ บอกว่าบ้านพังเป็นช่วง บางช่วงก็ไม่ได้รับผลกระทบมากมายเท่าไรสุดปลายแหลมตะลุมพุก ( ซึงหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวเด็กนักเรียนไปเล่นน้ำแล้วโดนกระแสคลื่นพัดออกไปทางด้านทะเลเปิด จนจมน้ำตายไปสามคน )ที่เห็นด้านหลังก็คือตัวเมืองนครศรีธรรมราช จะเห็นว่าไม่ไกลเลย แต่ต้องขับรถอ้อมมาประมาณ 70 กม. ไปกลับก็ 140 กม. แล้วก็กลับไปนอนที่บ้านงานแต่ง (วันนั้นคงเป็นวันที่ดีมาก มีงานแต่งกันทั้งนคร เฉพาะแถวบ้านเพื่อนระยะทางประมาณ 3 กม. มีแต่งกัน 5 คู่) อีกวันก็ออกเดินทางไปกระบี่ต่อหมดภาคนครศรีธรรมราชเพียงเท่านี้ ที่จริงนครมีที่ๆน่าเที่ยวอีกเยอะเลย แต่ด้วยเวลามีน้อย เอาไว้โอกาศหน้าถ้ามีโอกาสจะไปใหม่ ติดตามเที่ยวกระบี่ตอนสองนะครับ ขอบคุณครับ
=>เขาค้อ(หนาว) =>ภูหินร่องกล้า =>ทับเบิก(น้ำหนาวจับใจ)
หลังจากที่เขาไปเที่ยวกันตอนปีใหม่ พอวันที่ 6 มกรา เราไปบ้าง ไปคนเดียวครับ รูปส่วนมากใช้กล้อง Ricoh GRDII ส่วนรูปที่เขียนกำกับไว้ว่า D5D ถ่ายด้วย Konica Minalta D5D ครับแวะที่แรกก็เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ นั่งรถลาก ไปอีกฝั่งของสันเขื่อน ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 50 นาที ค่าตั๋ว 25 บาทD5D แล้วก็ทานตะวันหน้าเขื่อน แล้วก็ขับขึ้นไปเขาค้อ ขึ้นทางนางั่ว ถึงอนุสาวรีย์ก็ห้าโมงเย็นแล้ว ฐานกรุงเทพ d5d แล้วก็ไปหาที่กางเต็นท์ เข้าไปที่นี่ที่แรกแล้วก็จ่ายเงินเลย 100 บาท รีสอร์ตทั้งรีสอร์ตเป็นของเราคนเดียวไม่มีใครมาแย่งใช้ห้องน้ำ(มีน้ำอุ่นด้วย) ไม่มีเสียงคนอื่น เพราะเราเป็นคนเดียวที่มาพักที่นี่คืนนี้ ตอนปีใหม่คนเต็มๆๆๆน้องเขาบอกว่า ตอนที่ปรับที่ทำรีสอร์ตเมื่อสามปีก่อนเจอปลอกกระสุน M16 เยอะเลย มีซุ่มยิงกันที่นี่ด้วย แต่มีตายหรือเปล่าน้องเขาไม่ได้บอก และเราก็ไม่อยากรู้ด้วยคนดูแลมาช่วยกางเต็นท์ด้วย ซื้อมาสองปีแล้วเพิ่งจะกางนอกบ้านครั้งแรกอาหารมาตรฐานแฟรนไชส์ที่นี่ก็มีขาย แต่ไม่ได้กินก็เขาหรอกเพราะโต๊ะเต็มครับยามเช้ามืด ตีห้ากว่า ๆ ไปคนเดียว ต้องพึ่งขาตั้งกล้องหมอก ยามเช้า คนเดียวจริง ๆ ข้อดีคือ อยากไปไหน แวะไหนก็ได้ตามใจ ไม่ต้องห่วงว่าคนอืนจะหิวหรือยัง อยากเข้าห้องน้ำไหมอุณหภูมิ เช้าวันที่ 7 มกราคมดอกไม้ดอกนี้ที่จริงสีออกม่วงนะครับอีกดอกครับพระธาตุแล้วก็ลงไปทางทุ่งสมอ ไป คอฟฟีฮิลกินโกโก้ ขนมปังกรอบวิวสวยจริง ๆบรรยากาศดีมากรหัสไปรษณีย์ที่นี่แล้วก็ขับผ่านทุ่งแสลงหลวง ขึ้นภูหินร่องกล้า จ่ายค่าผ่านด่าน 30บาท ค่ารถเข้าอีก 40 บาท ใบก่วมแดง(หรือเปล่า) ตรงที่ทำการโรงตำข้าวปตอ.ร่องรอยกระสุนปืนผาชูธงเมื่อก่อนเคยเป็นธงแดง แต่วันนี้เป็นธงไตรรงค์ลานหินปุ่มสวยดีครับ กับตอนบ่ายสาม แล้วก็ขับไปทับเบิก ประมาณ 30 กม. มีรถสวนไม่เกิน 5 คัน ปิดแอร์ เปิดกระจก อากาศเย็นสบายดอกนางพญาเสือโคร่ง สีชมพูมีต้นเดียวที่อยู่ริมถนนกลางโค้งเลย นอกนั้นอยู่ตามเขา มีคนทำเป็นแท่นขึ้นไปดู เก็บคนละสิบบาท คงจะเก็บตอนปีใหม่ แต่ตอนนี้ไม่มีใครเฝ้า ไม่ต้องจ่ายแล้วก็ถึงยอดทับเบิก"ตู้อยากรู้" ผมว่า 90 % ของคนที่ไปทับเบิกต้องเปิดตู้นี้ดูแน่ ๆดวงจันท์ขึ้นแล้วยามเช้า เจ็ดโมงกว่า ๆ หมอกหนามากเลขประจำวันที่ 8 มกราคม 2552 ออก 5.5 องศามีคนไปกางเต็นท์คืนนี้ประมาณ 30 คนศาลาอีกรูป อาบน้ำตอน เก้าโมงกว่า หนาวจับใจจริง ๆ หนาวกว่าที่เคยอาบที่ภูกระดึง ภูเรืออีก สั่นไปทั้งตัวเลย ที่จริงเห็นมีป้ายขายน้ำอุ่นด้วยถังละ 40 บาท แต่ไม่รู้ว่าต้องไปติดต่อตรงไหน ก็อาบน้ำเย็นเจี๊ยบนั่นแหละ เดี๋ยวหาว่ามาไม่ถึงภูทับเบิกสุดท้ายกับการเที่ยวในครั้งนี้ หมอกตอนเกือบสิบโมงยังหนาอยู่ลงทางหล่มเก่า ทางลงเขาประมาณ30 กม. กำลังทำทางอยู่ประมาณ 10 กม. ทางเป็นหลุม ขรุขระไม่น้อย ใครขับรถเก๋งก็ค่อย ๆ หยอดหน่อยครับ จบแล้วครับ ขอบคุณที่ดูจนจบครับ