The Death-discourse in the Cafés Chat
เรื่องบางเรื่องมันไม่น่าจะเป็นเรื่อง แต่เรื่องที่เป็นเรื่องมันมาจากเรื่องบางเรื่อง...
กาลครั้งหนึ่งไม่นานเท่าใด บนถนนสายไซเบอร์หลายคนไม่เคยเจอหน้ากันแต่ได้คุยกัน ซึ่งต่างจากถนนอีกสายหนึ่งแม้จะได้เจอกันทุกวันแต่ไม่เคยคุยกันแม้แต่ครั้งเดียว โลกเราประหลาด...
บ้างครั้งคนที่สนิทกันกลับไม่ยอมคุยกันเลย ต่างจากคนที่ไม่สนิทไม่เคยเห็นหน้ากลับคุยกันอย่างสนิทสนม...สิ่งเหล่านี้เกิดจากเส้นใยบางเล็ก เทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ซึ่งกระทบแปรปรวนเปลี่ยนความหมาย สร้างความถูกต้อง รวมไปถึงครอบงำบิดเบือนความจริงให้เป็นความจริง ...............
ในห้องแชทรูมห้องหนึ่ง ที่วุ่นวายไปด้วยการไหลของรหัส 0 กับ 1 ผ่านสายตาเป็นอักษรนับพันนับหมื่น คนสองคนได้รู้จักสนิทสนม ทั้งนี้เป็นเพราะความโหยหาสังคม ความเหงาไร้มิตร และความสนุกเพลิดเพลิน จากวันเป็นคืน ไหลผ่านเป็นเดือน คนที่เคยคุยคุ้นในห้องผ่านจอสี่เหลี่ยมนึกอยากเจอกันเพราะคิดว่า เราเข้ากันได้
ผมจำได้ว่าได้ยินเรื่องการนัดเจอกันครั้งแรกจากเพื่อนของผม ผู้ช่ำชองการแชท มันมาฟุ้งใหญ่ว่า คนที่มันนัด คุยถูกคอนัก โดยเฉพาะเรื่องการเมือง มันบอกผมว่า เรื่องสภากาแฟเป็นเรื่องของคนแก่ล้าสมัย คนรุ่นใหม่เขาคุยกันผ่านแชททั้งนั้น
...............
เพื่อนผมมันชื่อ จอด ทั้งวันมันอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กลับบ้านไปก็ดูทีวี แล้วก็นอน มันบอกผมว่า ในอินเทอร์เนทมีทุกสิ่งทุกอย่าง สรรพความรู้หรือความบันเทิง หาได้จากที่นี่ อินเทอร์เนทคือ ความจริง และก็ความจริง มันเชื่อในสิ่งที่มันเห็น มันเชื่อในสิ่งที่มันอ่าน และใช่สิ่งเหล่านั้นคือความจริง ! หาใช่ความเท็จ
พุดถึงรายการทีวี มันชอบดูรายการทีวีที่เรียกว่า เรียลลิตี้โชว์ มากๆ มันบอกผมว่า สนุก สมจริง ไม่หลอกลวง รู้สึกมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ มันเชื่อว่าสิ่งที่มันเห็นเป็นความจริง ผมว่าอะไรๆที่มันพุดก็จริงไปหมด ใช่เพราะมันพูดในความจริง ความจริงที่มันรู้ และคิดว่า จริง!
ผมบอกมันว่า มันเป็นโรคจิตอ่อนๆ มันกลับหัวเราะและถามผมว่า ทำไมคิดว่ามันเป็นอย่างนั้น ผมย้อนกลับไปว่า เป็นธรรมดาของคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้าน โดยเฉพาะพวกรายการที่มันชอบดู สนองตอบต่อความอยากรู้ได้เป็นอย่างดี ผมกล่าวย้ำว่า จริงๆ รายการที่มันดู ไม่ต่างอะไรกับการที่มันชอบดูหนังโป๊ ดูคนอื่นเสพสมกัน เพราะมันเป็นสันดานของมนุษย์ ผมว่าจริงๆ อะไรๆมันไม่ต่างกันหรอก แม้แต่การดูละครก็คือการดูเรื่องคนอื่นทั้งนั้น ดูเรื่องและมีอารมณ์ร่วมกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองทั้งเพ
มันบอกผมว่า ผมเป็นพวกผีบ้า เป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย คิดมาก
ผมยอมรับ...
ลืมเล่าเรื่องสำคัญไปเลย เรื่องนัดของมันจากการแชท
...............
มันคุยเรื่องน้องคนหนึ่งให้ผมฟัง และสุดท้ายก็ได้นัดเจอกันที่ร้านสตาร์บัฟฟ์...วันนั้นเป็นวันหยุดพักผ่อน แน่นอนว่าห้างสรรพสินค้าต้องแน่นไปด้วยรอยเท้านับหมื่นที่เหยียบย่ำเดินชมเดินซื้อข้าวของ มันแต่งตัวซะหล่อ กะว่าน้องเขาเห็นจะชอบมันมากขึ้น
มันโม้เรื่องน้องให้ฟังว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ผมไม่ค่อยเชื่อหรอก เพราะว่าผมเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายเสมอ ดังนั้น...
...............
บรรยากาศในร้านดูคึกคัก กลิ่นหอมกาแฟส่งกลิ่นพรากกระชากสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าให้ลอยไปสู่ความร่ำรวยทางฝั่งตะวันตก ฝั่งตรงกันข้ามมีผู้คนผีบ้ายืนรอคิวเหมือนกับจะรอขออาหารในโรงทาน แต่คนเหล่านี้ทรัพย์ในกายกลับอักโข ช่างเป็นภาพที่ต่างกันลิบลับ ชื่อร้านอ่านยากเหลือเกิน ได้ยิน(มาอีกแล้ว)ว่าเป็นร้านขนมปังจากสิงคโปร์รสชาติดี ขายดี อร่อยจนทำไม่ทัน ผมไม่นึกว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้จริงๆ จะมีไหมที่มายืนรอคิวสั่งส้มตำ หรือยืนรอคิวซื้อขนมเบื้อง ถ้ามีจะรีบไปดูก่อนคนแรกเลย แต่ว่าไปกลิ่นขนมปังมันหอมยวนใจจริงๆ อยากไปต่อคิวลองเสียตังค์ดูเหมือนกัน
จอดมันนั่งเอามือกุมวางไว้บนโต๊ะ ท่าทางดูร้อนใจพิกล บางครั้งมันเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มันรีบรับทันที มันพยักหน้าสองสามที แล้ววางสาย
ไม่นานนัก มันก็ได้เจอน้องคนที่คุยกับมัน
สวยจริงด้วย นึกไปก็อิจฉา แม่ง !
ดูท่าทางสองคนจะคุยกันถูกคอ เพราะหัวเราะกันตลอด รอยยิ้มดูท่าทางจะไม่จางจากมุมปากเลย จนกาแฟหมด สองคนเดินออกจากร้านกาแฟไปอย่างรวดเร็ว
สองคนไปหยุดอยู่ที่ร้านไอศกรีม หวานซึ่ง ร้านเจ็ดความรู้สึก หรือ Seven Sense
ไอศกรีมดูเหมือนจะจืดไป ด้วยซ้ำ
แต่...
ไอศกรีมดูเหมือนจะไม่หวานอย่างที่คิด !
คิดว่า ส.ส. แทบ น่าจะพ้นไปจากแผ่นดินนะ แผ่นดินไทยจะได้สูงขึ้นอีก มันว่า
พรรคแบบนี้มีอยู่ในไทยก็รกไปเปล่า ถูกสอบสวนยุบพรรคไปเลยก็ดี มันเริ่มออกอาการ
เอ่อ พี่ หนูว่า...
น้องว่าจริงมะ พี่อ่านข่าว เห็นในอินเทอร์เนท เห็นในทีวี คนมันเลว ดูท่านผู้นำสิทำเรียลลิตี้ออกไปอยู่ไปกินไปนอนกับประชาชน ดีขนาดไหน ไม่ถือตัว
พี่ ! น้องขึ้นเสียง
คนเราถ้าตายไปสสารมันก็คงอยู่ในโลก แผ่นดินไม่เห็นจะสูงขึ้นตรงไหนเลย
โธ่น้อง น้องไม่รู้อะไร ยังเด็กนัก น้องอย่าไปเชื่อในสิ่งที่เขาพูดจูงใจสิ เชื่อพี่เถอะ พี่ผ่านโลกมามากแล้ว
พี่ขึ้นชื่อว่า เล่น การเมือง มันคงไม่มีใครคิดจริงใจกับใครหรอกค่ะ แม้แต่กับประชาชนเอง หนูว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า ไร้สาระ
ไม่ไร้สาระนะ พี่ว่าหนู Maturity ยังไม่พร้อมไม่เข้าใจหรอก
ชีวิตหนู ไม่ได้ว่าง ไร้สาระขนาดนั้นนะ หนูมาเพื่อผ่อนคลายไม่ได้มาเพื่อฟังเรื่องการเมืองบ้าๆ ใครจะเป็นยังไง พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รู้จักหนู แม้หนูจะรู้จักเขา ส.ส.แทบ จะตายหรือไม่ตาย หนูก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเขาสักหน่อย
ไม่ได้หรอก น้องคิดผิดถนัด มันส่ายหน้า
คนที่เราเลือกเป็นผู้นำ เป็นผู้แทน เขาคือคนที่มุ่งมั่นในการพัฒนาสังคม แก้ปัญหาความยากจน มันจะไม่เกี่ยวกับเราได้อย่างไร ปากท้องของเราทั้งนั้น นี่น้องอย่าเพิ่งโกรธนะ เดี่ยวเขาจะหาว่า E.Q. ต่ำ สุดเสียงเท่านั้น สาวน้อยก็ลุกเดินออกไป
............... ผมเห็น ผมรู้ ผมได้ยิน แต่เพื่อนผมมันไม่เห็นที่ผมเห็น มันอาจจะรู้ในสิ่งที่ผมรู้ และได้ยินอะไรเหมือนผม
วันรุ่งขึ้นมันเดินมาที่โต๊ะทำงานของผม และบ่นให้ฟังว่า เซ็งมาก ผมบอกมันว่า ผมรู้แล้ว มันซักผมว่ารู้ได้อย่างไร ผมก็เลยบอกมันว่า ผมแอบตามมันไป ได้ยินหมด เพราะผมชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้าน แถมแอบถ่ายรูปมันกะน้องตอนคุยกันอีกด้วย...
ตอนบ่ายมันเข้าไปตั้งกระทู้ในห้องที่มันชอบไปคุย ก็เรื่องที่มันเถียงกับน้องอยู่นั่นล่ะ ผลก็คือน้องคนนั้นเขามาตอบมัน ว่า จขกท (เจ้าของกระทู้) ว่างนักหรือไง มันตอบไปกวนๆ ว่า คนตอบก็คงว่างเหมือนมัน
ผมเห็นมันหน้าตาคร่ำเคร่ง ผมเลยแอบติดตามอ่านในกระทู้ของมัน ตอนเจ้านายไม่อยู่
หนูว่าพี่เลิกถามไร้สาระเสียทีเถอะว่า ถ้าไม่มีใครแล้วจะเป็นอย่างไร หนูว่าเป็นคำถามที่ไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย หนูว่า หากจะพูดเรื่องการเมืองทำไมไม่พูดเรื่องที่เป็นแง่มุมไม่ใช่มากล่าวโทษว่าใครผิดหรือถูก หรือใครสมควรตาย หรืออยู่ ทำไมไม่คิดว่า จะแก้ไขอย่างไร หรือเหตุมีที่มีที่ไป เนื่องจากปัจจัยอื่นอย่างไร พี่ลองดูทีวีช่องอื่นที่ไม่ใช่ของรัฐบวมบ้างสิ
หนูจะเชื่อสื่อเหล่านั้นเหรอ มันของพรรคฝ่ายแค้นมันก็ด่าแต่รัฐบวมสิ ทำไมไม่ดูช่องสี่ช่องหกช่องแปดช่องสิบ เขาลงตรงกันหมด เห็นมะ
พี่คิดว่าท่านผู้นำไม่ได้ให้ข่าวเสนอแบบนั้นเหรอ มันอาจจะเป็นการแสดงละครก็ได้
ไม่มีทางหรอกหนู พี่ว่าหนู ควรอ่านให้มาก ดูให้มาก แล้วจะเข้าใจ อย่างที่พี่บอก คน E.Q. ต่ำอย่างหนูคงเข้าใจอะไรได้ยาก หัดมองโลกในความเป็นจริงเสียบ้าง
พี่ผิดหวังในตัวหนูมาก ตอนที่เจอกันเมื่อวาน มันชักนอกประเด็นในกระทู้แล้ว ผมแอบตามอ่านเงียบๆ
หนูว่าพี่ ทำไมเป็นคนแบบนี้ พี่ไม่เข้าใจอะไรเลย พี่คิดว่าพี่ถูกทุกอย่างหรือไง มีใครบ้างไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เขาเหล่านั้นเคยสัญญากับเราด้วยคำหวานๆ เขาทำตัวเหมือนเขาเป็นญาติเรา ทำให้เราคิดให้เราไว้วางใจ เรารู้สึกว่าเขารู้จักเรา...แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เขาไม่รู้จักเราแม้แต่น้อย เราต่างหากที่คิดว่าเขาต้องรู้จักเราแน่ๆ พี่ไปหลงอะไรกับเขา
พี่ไม่อยากบอกนะ ว่าพี่รู้ว่าหนูเป็นกะเทย พี่ผิดหวัง ทำไมต้องหลอกพี่ มันชักนอกเรื่องไปกันใหญ่แล้ว
หนูไม่เคยหลอกพี่นะ แต่พี่ไม่ถามเอง
สงสารพ่อแม่หนูจริงๆ ที่มีลูกผู้ชายเกิดมาตอนแรกดีใจ แต่สุดท้ายผิดธรรมชาติ ทำให้ท่านผิดหวังจริงๆ
พี่ พี่อย่าเอาตัวเองมาเป็นมาตรฐานวัดสิคะ เกิดมาหนูไม่เคยได้ยินพ่อแม่หนูบ่นหรือเสียใจในเรื่องที่หนูเป็นแบบนี้ ท่านเข้าใจดี พี่อย่าเอาพ่อแม่หนูมาเป็นเครื่องมือว่าหนูเลย นี่มันที่สาธารณะนะ ไว้หน้าหนูบ้าง
เกิดมาทั้งที เป็นอย่างนี้เสียชาติเกิด
พี่ นี่มันสิทธิของหนู หนูเกิดมาไม่มีสิทธิเลือกทางเดินเลยหรือ ทำไมต้องมาตั้งกฎเกณฑ์ว่าหนูควรเป็นอย่างนั้น หรือทำอย่างนี้ หนูผิดหรือที่เป็นกะเทย ถึงหนูจะเป็นแบบนี้แต่หนูก็ภูมิใจ ถามจริงๆ พี่เอาสมองไว้ไถนาหรือเปล่าคะ วันๆ หนูเห็นพี่คิดแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง
ผมได้ยินเสียงตบโต๊ะ แถมหน้าแดงเดินออกมาจากโต๊ะทำงาน ผมสะดุ้งและรีบเปลี่ยนหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที มันเดินมาหาผม และเริ่มจะเล่า
เดี๋ยวแก ผมหยุดมันก่อนจะพูด
แกรู้ป่าวว่า น้องคนเมื่อวานน่ะ มันแย่งพูด
ไม่ต้องพูดเลย กูรู้
นี่มึงรู้มะ กูเพิ่งเถียงกับมันมา มันเปลี่ยนคำว่า น้อง เป็นมันไปแล้ว
เดี่ยวสิ กูจะบอกมึงว่า...น้องเมื่อวานกูจ้างไปเอง แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ยิน เพราะมันพูดแข่งกับผม
"มึงจะบอกกูว่า คุยกับใครให้ระวังใช่มั้ย" และแล้วมันก็ไม่ได้ยินจริงๆ
และน้อง คนที่มึงคุยด้วยก็...
"เออกูรู้ กูไม่น่าไว้ใจเลย เห็นคุย คะ ขา นึกว่าเป็นผู้หญิง แม่ง ดันเป็นกระเทย" มันพูดไม่ยอมให้ผมได้พูดจริง
กู เอง ผมพูดกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับหัวเราะ
มันก็หัวเราะพร้อมกับผม !
Create Date : 24 มิถุนายน 2549 | | |
Last Update : 26 มิถุนายน 2549 18:31:02 น. |
Counter : 251 Pageviews. |
| |
|
|
|