Nichar love Beauty ^^ Beauty love Nichar
 
 

สูบบุหรี่ ทำร้าย DNA ได้ในไม่กี่นาที

ใครที่คิดว่า "สูบม้วนเดียวไม่ตายหรอก" ก็ได้เวลาคิดใหม่กันเสียที

เพราะทางวารสาร Toxicology เขาเปิดเผยการศึกษาที่บอกว่า การสูบบุหรี่อาจทำร้ายคุณได้เร็วพอ ๆ กับการฉีดบุหรี่เข้าสู่ร่างกายเลยทีเดียว โดยบุหรี่มีสารชนิดหนึ่งชื่อ Polycyclic Aromatic Hydrocarbons หรือ PAHs และเจ้าสารนี้ล่ะที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ดีเอ็นเอของเราเสียหายภายใน 15-30 นาที

โดยสารดังกล่าวมันจะเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดได้อย่างน่าตกใจ เทียบเท่ากับการฉีดสาร PAHs เข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง

ทางด้านนักวิจัย Stephen S. Hecht จาก Masonic Cancer Center and Department of Pharmacology ก็ออกมาย้ำว่า นี่น่าจะเป็นคำเตือนให้คนที่คิดสูบบุหรี่ได้เป็นอย่างดี

ขอบคุณ : lisa




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2554   
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 10:43:53 น.   
Counter : 470 Pageviews.  


วันภาษาไทย แห่งชาติ 29 กรกฏาคม

วันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี กำหนดให้เป็น “วันภาษาไทยแห่งชาติ” เนื่องด้วยตรงกับวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้ทรงเสด็จฯไปเป็นประธานและทรงร่วมอภิปรายกับผู้ทรงคุณวุฒิ ในการประชุมทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2505 ทรงเปิดอภิปรายในหัวข้อ “การใช้ภาษาไทยในปัจจุบัน” ทรงดำเนินการอภิปรายและทรงสรุปการอภิปรายอย่างดีเยี่ยม แสดงถึงพระปรีชาสามารถ และความสนพระราชหฤทัยห่วงใยในภาษาไทยเป็นที่ประทับใจผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง และนับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของวงการภาษาไทย ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว ดังนั้นคณะกรรมการรณรงค์เพื่อภาษาไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เสนอให้รัฐบาลไทย (ชวน 2) จัดตั้ง“วันภาษาไทย”ขึ้น และได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2542 อันเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ กำหนดให้วันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปีเป็น “วันภาษาไทยแห่งชาติ” ตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และสนองพระมหากรุณาธิคุณ ของพระองค์ท่านในด้านภาษาไทย รวมทั้งเพื่อกระตุ้นให้สถาบันการศึกษา องค์กร หน่วยงานต่างทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชนชาวไทย เพื่อช่วยกระตุ้น และปลุกจิตสำนึกให้คนไทยทั้งชาติได้ตระหนักถึงคุณค่า และความสำคัญของภาษาไทยตลอดจนร่วมมือกันทำนุบำรุง ส่งเสริมและอนุรักษ์เอกลักษณ์ของภาษาไทย อันเป็นภาษาประจำชาติให้คงอยู่ตลอดไป และร่วมใจกันใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง งดงามยั่งยืนตลอดไป

ความเป็นมา วันภาษาไทย
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อภาษาไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย และมีความห่วงใยในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อภาษาไทย และเพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกให้คนไทยทั้งชาติ ได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย ตลอดจนร่วมมือกันทำนุบำรุง ส่งเสริม และอนุรักษ์ภาษาไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป จึงได้เสนอขอให้รัฐบาลประกาศให้วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ เช่นเดียวกับวันสำคัญอื่นๆ ที่รัฐบาลได้จัดให้มีมาก่อนแล้ว เช่น “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ” และ “วันสื่อสารแห่งชาติ” เป็นต้น และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันอังคารที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๔๒ เห็นชอบให้วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ของทุกปีเป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ

วัตถุประสงค์
1. เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงเป็นนักปราชญ์ และนักภาษาไทย รวมทั้งเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ได้ทรงแสดงความห่วงใยและพระราชทานแนวคิดต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย

2. เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒

3. เพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกของคนไทยทั้งชาติให้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของภาษาไทย ตลอดจนร่วมมือร่วมใจกันทำนุบำรุงส่งเสริม และอนุรักษ์ภาษาไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และเป็นสมบัติวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป

4. เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการใช้ภาษาไทย ทั้งในวงวิชาการและวิชาชีพ รวมทั้งเพื่อยกมาตรฐานการเรียนการสอนภาษาไทยในสถานศึกษาทุกระดับให้มีสัมฤทธิผลยิ่งขึ้น

5. เพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาลและเอกชนทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม ที่หลากหลาย เพื่อเผยแพร่ความรู้ภาษาไทยในรูปแบบต่างๆ ไปสู่สาธารณชนทั้งในฐานะที่เป็นภาษาประจำชาติ และในฐานะที่เป็นภาษาเพื่อการสื่อสารของทุกคนในชาติ

ประโยชน์ที่ได้รับ
1. การมี “วันภาษาไทยแห่งชาติ” จะทำให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาลและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ และทบวงมหาวิทยาลัย ตระหนักในความสำคัญของภาษาไทย และร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นเตือน เผยแพร่ และเน้นย้ำให้ประชาชนเห็นความสำคัญของ “ภาษาประจำชาติ” ของคนไทยทุกคน และร่วมมือกันอนุรักษ์การใช้ภาษาไทยให้มีความถูกต้องงดงามอยู่เสมอ

2. บุคคลในวงวิชาชีพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาไทย โดยเฉพาะในวงการศึกษา และวงการสื่อสาร ช่วยกันกวดขันดูแลให้การใช้ภาษาไทยเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม มิให้ผันแปรเปลี่ยนแปลง จนเกิดความเสียหายแก่คุณลักษณะของภาษาไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ

3. ผลสืบเนื่องในระยะยาว คาดว่าปวงชนชาวไทยทั่วประเทศจะตื่นตัวและสนใจที่จะร่วมกันฟื้นฟู ทำนุบำรุง ส่งเสริมและอนุรักษ์ภาษาไทย อันเป็นเอกลักษณ์และสมบัติวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติให้ดำรงคงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป

กิจกรรม
ให้สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน จัดกิจกรรมเนื่องใน “วันภาษาไทยแห่งชาติ” ในวันภาษาไทยแห่งชาติ โดยจัด ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ของทุกปี โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่นการจัดนิทรรศการ, การอภิปรายทางวิชาการ, การประกวดแต่งคำประพันธ์ ร้อยแก้ว ร้อยกรอง การขับเสภา การเล่านิทาน ฯลฯ

โดย :จิ้มจุ่ม




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 10:43:20 น.   
Counter : 560 Pageviews.  


ตำนานนักสู้ผู้กล้าแห่งเส้าหลิน

“ศิลปะวิทยายุทธ์จีนทั้งหลาย ล้วนมีที่มา จากวัดเส้าหลิน”

“All Chinese martial arts stem from Shaolin.”

วัดเส้าหลินตั้งอยู่บนเขาซ้อง ทางตอนกลางของจังหวัดฮีนาน มณฑลเต็งเพิง โดยจักรพรรดิ เสี่ยวเหวิน ทรงสร้างขึ้นเมื่อ 48 ปี ก่อนพุทธศักราช เพื่อให้เป็นที่พำนักของภิกษุ ผู้เดินทางมาจากอินเดีย

ส่วนยุทธจักรเส้าหลินตำนานระบุว่า ถือกำเนิดขึ้นในราว 23 ปี ก่อนพุทธศักราช โดยท่าน โพธิธรรม สมณะใน พระพุทธศาสนาผู้ จาริกมาจากอินเดีย ท่านเป็นผู้ริเริ่มการฝึกฝนออกกำลังกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ แข็งแรง ลักษณะการเคลื่อนไหวของ ร่างกายในการ ฝึกฝน นั้น ท่านได้เลียนแบบมาจากท่าที ของสัตว์ชนิดต่างๆ ที่ได้พบเห็นมา และ นับแต่นั้น ภิกษุแห่งวัด เส้าหลินก็ถือปฏิบัติ การฝึกฝน ร่างกายรวมทั้งวิทยายุทธ์ ทั้งหลาย เป็นวัตรประจำวัน

อันการที่ภิกษุจำต้องเรียนรู้วิทยายุทธ์นั้น ก็เนื่องมาจากวัดเส้าหลินอยู่ทางดินแดน ภาคใต้ โดยดินแดนตอนเหนือมีราชวงศ์เว่ยปกครอง และมีท่าทีคุกคามสถานภาพของพุธทศาสนา ทางตอนใต้ พระท่านจึงต้องเตรียมรับมือไว้ครับ หาใช่ฝึกไปเข่นฆ่ารุกรานใครไม่

หลักวิทยายุทธ์ของเส้าหลินนั้น จะเน้นไปในด้านความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อและกระดูก เคลื่อนไหวรวดเร็วและมีพละกำลัง ซึ่งจะต่างกับ บู๊ตึ๊ง ซึ่งเป็นอีกสำนักยุทธจักรหนึ่ง ซึ่งเน้นไปทางด้านนิ่มนวล หรือที่เรียกกันว่าใช้ความอ่อนโยนสยบความ ดุดันนั่นแหละ

แต่ไม่ว่าจะเป็นเส้าหลินหรือบู๊ตึ๊ง ต่างก็ต้องศึกษา พื้นฐานวิทยายุทธ์อันเดียวกันก่อน ซึ่งมีอยู่ 2-3 อย่าง อาทิ

การสกัดจุด ได้แก่ การใช้นิ้วจี้จุดสำคัญ อันเป็น ศูนย์ประสาทบนร่างกายของศัตรู ทำให้มันผู้นั้น ถึงแก่การเป็นอัมพาต มิอาจเคลื่อนไหวร่างไป ชั่วขณะ ซึ่งผู้มีวิทยายุทธ์นี้จะต้องเรียนรู้ถึง ตำแหน่งจุดสำคัญนั้น ซึ่งมีอยู่มากมายทั่วร่าง โดยหลักการถือว่าเมื่อจี้จุดดังกล่าวแล้ว จะทำให้ กระแสโลหิตถูกปิดกั้น มิอาจไหลวนเวียนไปเลี้ยง ร่างกายได้ เกิดอาการชา และถ้าถูกปิดกั้นนานๆ ก็ส่งผลให้ ถึงแก่ความตายได้

วิชาตัวเบา (ฉิงกง) เป็นเทคนิคการฝึกฝน ร่างกายให้ตัวเบาและว่องไว ก็อย่างที่เห็นนักสู้ผู้กล้าสามารถเหินขึ้นไปต่อกรกันบนยอด ไม้หรือบนหลังคาเก๋งจีนนั่นแหละ นักบู๊บางคนถึง กับเดินบนผิวนํ้าในทะเลสาบได้อย่างสบายๆ ซึ่งแท้จริงแล้วอาจจะ “เว่อร์” ไปหน่อย เพราะในคัมภีร์กังฟูของเส้าหลินนั้น อย่างเก่งก็เพียงแต่ฝึกให้นักสู้สามารถตัวเบาเกาะไต่กำแพงสูงๆ ขึ้นไปได้คล้ายจิ้งจกเท่านั้น ซึ่งแค่นี้ก็ต้องฝึกกันเป็นปีๆ อย่างเหน็ดเหนื่อยรวดร้าวกว่าจะมี ความชำนาญ

พลังดัชนี (จินก้งจือ) ได้แก่ การฝึกให้นิ้วมีความแข็งแกร่งดุจเพชร แรกๆ ก็เริ่มจากการ ฝึกทิ่มทะลวงวัสดุอ่อนๆ เช่น ต้นกล้วย ต้นไม้ อิฐ ไปจนถึงกำแพงและหินผา ฝึกกันทั้งวันทั้งคืน จนสามารถทิ่มศิลาเป็นรูโบ๋ได้อย่างง่ายดาย ก็ถือว่าสำเร็จวิทยายุทธ์นี้แล้ว

กำลังภายใน (เหน่ยลี่) จัดว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญ ที่สุดก็ว่าได้ เพราะหากว่าปราศจากกำลังภายในอันแข็งแกร่งเสียแล้ว การจะเหาะเหิน หรือจี้จุด ก็มิอาจจะกระทำได้ดังใจ ซึ่งความสามารถ พิเศษนี้จะ เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อนักสู้มี จิตใจที่สงบแน่วแน่ลุ่มลึก เรียกว่าต้องใช้ สมาธินั่นแหละ

มีการควบคุม การหายใจให้แผ่วเบาสมํ่าเสมอ ทั้งนี้ คนทั่วไป จะหายใจเข้าราวๆ 18 ครั้งต่อนาที แต่นักสู้ผู้กล้าจะ สามารถควบคุม การหายใจเข้าจนเหลือเพียง 3 ครั้งต่อนาทีเท่านั้น ซึ่งตามหลัก วิทยาศาสตร์แล้ว ผู้ใดที่มีการหายใจช้ากว่าก็จะมี หัวใจและปอด รวมทั้งร่างกายที่แข็งแรงกว่าครับ ซึ่งเมื่อควบคุมสมาธิได้แล้ว เหล่าจอมยุทธ์ก็สามารถ รวบรวมพลังให้เป็นหนึ่งเดียวไปที่ นิ้วหรือฝ่ามือจนมีพลานุภาพ อาจทำลายแม้กำแพงอัน แข็งแกร่งได้โดยง่าย

นอกเหนือจากการฝึกต่อสู้ด้วยมือเปล่าดังกล่าวแล้ว นักสู้ก็ยังเรียนรู้ถึงการใช้อาวุธได้ด้วย ซึ่งมีอยู่ หลายหลากครับ ตั้งแต่ ดาบ ธนู ทวน ง้าว สามง่าม กระบอง ตลอดไปถึงอาวุธหน้าตาแปลกๆ เช่น คราด เชือกกับลูกตุ้ม ไปจนถึงอาวุธลับที่ปล่อยไปทำร้ายศัตรูจากวิถีไกล

สำหรับยุทธจักรเส้าหลินนั้น ตำนานกล่าวว่า มีกระบวนท่ามือเปล่าอยู่ถึง 172 ท่า โดยในวัดจะ มีภาพแกะสลักไม้ของท่าวิทยายุทธ์ เหล่านี้ติดอยู่ในห้องโถงใหญ่ ส่วนโถงด้าน ในจะเป็นที่เก็บ อาวุธต่างๆ โดยแขวนไว้กับ ราวซึ่งพร้อมที่จะ ฉวยคว้ามาใช้งานได้ ทันท่วงที

เพลงมวยของวัดเส้าหลินอาจ แบ่งออกได้ มากกว่า 50 ชนิด ในชื่อต่างๆ กัน ที่รู้จักกัน ดีก็มีอาทิ ฝ่ามืออรหันต์ กระบวนท่าเจ็ด ดาวเหนือ พลังจู่โจมกระแสนํ้าบ่า เป็นต้น

เส้าหลินป็นวัดหลักของพุทธศาสนาในแผ่นดินจีน จึงมีความมั่งคั่ง ภายในวิหารมี ประติมากรรม 8 อรหันต์ทองคำลํ้าค่าประดิษฐานอยู่ ซึ่งเป็นที่หมายปองของโจรร้าย และจอมยุทธ์สำนักอื่น การฝึกฝนต่อสู้จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ซึ่งภิกษุเส้าหลินจำเป็นต้องใช้เพื่อปกป้องวัด

ชื่อเสียงของยุทธจักรวัดเส้าหลินระบือไกล มีผู้มาขอเป็นศิษย์รํ่าเรียนมากมาย จนต้องเปิดสาขา ขึ้นอีกแห่งหนึ่งในมณฑลทางใต้ และยั่งยืนเกริกไกรอยู่หลายร้อยปี และเป็นเสาหลักในการต่อต้านการรุกรานของพวกแมนจู

แต่แล้วในที่สุด ความโด่งดังของ วัดเส้าหลินก็มี อันต้องปิดฉากลงด้วยนํ้ามือ ของแมนจู ซึ่งปราบราชวงศ์หมิงลงอย่าง ราบคาบ และก่อตั้งราชวงศ์ชิงขึ้น วัดเส้าหลินซึ่งเคยต่อต้านแมนจู จึงถูกขุนศึก สือโย่งซาน แห่งแมนจูเผาทำลาย เพลิงไหม้อยู่ นานถึง 40 วัน วิหารและ โถงใหญ่ถูกผลาญเรียบ

โดย :จิ้มจุ่ม




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 10:42:35 น.   
Counter : 589 Pageviews.  


สุดยอด ! เรือนไทยกลางหิมะ ที่แคนาดา

สุดยอดเรือนไทยหมู่แห่งแรกในประวัติศาสตร์ Echo Valley Ranch ที่ปลูกสร้างท่ามกลางหิมะในประเทศแคนาดา ออกแบบโดย รศ.ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี

โดยดร.ภิญโญได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติในบริเวณนั้นลำเลียงขึ้น มาหล่อเลี้ยงท่อสร้างความอบอุ่นให้กับตัวอาคาร ส่วนวัสดุที่ใช้สร้างก็ใช้วัสดุในท้องถิ่นโดยประยุกต์กับวัสดุที่ใช้ สร้าง Rock Cabin ของคนพื้นเมืองเป็นพวกไม้ซีด้ากับโอ๊ค ตัวกระเบื้องเกล็ดหลังคาใช้ไม้ซีด้าทำขนาดให้เท่ากับกระเบื้องหลังคาเรือน ไทยในกรุงเทพ ในการออกแบบหลังคาและชานเรือนต้องเผื่อน้ำหนักของหิมะที่ตกลงมาทับถม จำเป็นต้องเปลี่ยนกรรมวิธีในการออกแบบโครงสร้าง ส่วนการเจาะสลักเดือยอย่างการสร้างบ้านไทยก็ต้องปรับเพราะต้องใช้ช่างฝรั่ง ปลูกสร้างทั้งหมด

สิ่งที่พิเศษและมีน่าสนใจสำหรับเรือนไทยหมู่หลังนี้ คือการออกแบบที่งดงามอ่อนช้อยแบบไทยแต่ได้ประโยชน์สูงสุด บริเวณใต้ถุนยกสูงซึ่งควรเปิดโล่งก็ปิดทำเป็นห้องแช่น้ำแร่ติดกระจกเพื่อให้ สามารถชมวิวอันสวยงามในฤดูกาลต่าง ๆ ได้ ในประเทศไทยมีรีสอร์ทสไตล์คันทรี่แต่ที่แคนาดามีรีสอร์ทและสปาแบบไทย ที่ใครเห็นก็ต้องยกนิ้วให้ว่าสุดยอด

ที่มา news.voicetv




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 10:41:53 น.   
Counter : 611 Pageviews.  


แก้ปัญหาเสื้อผ้าเหม็นอับ

ฝนตกทุกวันแบบนี้ พ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลายคงมีปัญหากับการซักผ้าแล้วไม่แห้ง ผลที่ตามมาก็คือเสื้อผ้าเหม็นอับ ไม่อยากพบปัญหาดังกล่าว ลองดูวิธีต่อไปนี้

เสื้อผ้าเหม็นอับจากการซักแล้วไม่แห้ง ทำอย่างไรก็ไม่หาย หนีไม่พ้นต้องซักใหม่ บรรดาพ่อบ้านแม่บ้านอย่าเพิ่งเซ็งไป ให้ลองใส่น้ำส้มสายชูแท้ 5% ปริมาณ 3 ช้อนชา ในขั้นตอนการซัก เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียตัวการสร้างกลิ่นอับติดเสื้อผ้า วิธีนี้จะป้องกันปัญหากลิ่นเหม็นอับที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้ หรืออาจจะใช้วิธีนำสารส้มมาแกว่งในน้ำ แช่ผ้าที่เหม็นอับไว้หนึ่งคืน แล้วนำมาซักตากตามปกติก็ได้ วิธีนี้ก็จะทำให้กลิ่นเหม็นอับหายไปเช่นกัน และควรแช่น้ำยาปรับผ้านุ่มทุกครั้งหลังการซัก เพราะนอกจากจะทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมตามปรารถนาแล้ว ก็สามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นจากเสื้อผ้าเหม็นอับได้ด้วย

แต่ถ้าหากต้องการเสื้อผ้าแห้งแบบทันใจ ให้นำชุดเก่งที่จะใช้แต่ดันไม่แห้ง ไปเป่าหลังคอมเพรสเซอร์แอร์ จะช่วยทำให้เสื้อผ้าแห้งเร็วขึ้นมาก หรือจะใช้ไดร์เป่าผมก็ได้ แต่จะได้ประสิทธิภาพไม่เท่า หรือในกรณีมีเครื่องซักผ้า ให้เลือกโหมดปั่นแห้งพร้อมทั้งใส่ผ้าขนหนูแห้ง ๆ ลงไปพร้อมกัน ผ้าขนหนูจะช่วยดูดความชื้นทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น หรือไม่ก็ใช้เตารีดรีดเพื่อทำให้ความชื้นของเสื้อผ้าระเหยไปโดยเร็ว แต่วิธีนี้แนะนำเฉพาะเวลาที่เสื้อผ้าเกือบที่จะแห้งแล้วเท่านั้น ไม่เช่นนั้นนอกจากจะเสียเวลา ยังเปลืองค่าไฟอีกด้วย.

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 10:41:10 น.   
Counter : 726 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  

chiza_love
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
[Add chiza_love's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com