Do you love movies ?

วิจารณ์ ปัญญา เรณู (2011)

ปัญญา เรณู



[บทวิจารณ์นี้เปิดเผยเนื้อหาของหนังบางส่วน]

เห็นตัวอย่างหนัง, เห็นโปสเตอร์หนัง ผมก็ทราบตั้งแต่แรกแล้วว่า ปัญญา เรณู คงเป็นหนังไทยที่สะอาด สดใส ไร้มลพิษ รวมถึงแฝงเรื่องราวมิตรภาพ วัฒนธรรมภาคอีสาน และความเชื่อต่างๆไว้เพียบ แต่ถึงกระนั้น ถ้าไม่ได้กระแสดูแล้วบอกต่อจากเว็บพันทิป ผมก็คาดว่าตัวเองคงจะรอดูหนังไทยเรื่องนี้ทางเคเบิ้ลทีวีเสียมากกว่า แต่สุดท้ายเพื่อไม่ให้เป็นการตกกระแสหนังไทย ที่คนชื่นชมกันเป็นประวัติการณ์ ผมจึงตีตั๋วเข้าไปพิสูจน์เรื่องราวของ ปัญญา กับ เรณู ในโรงภาพยนตร์จนได้ หนังเล่าเรื่องราวชีวิตในชนบทของภาคอีสาน โดยมีตัวละครหลักเป็นเด็กชายหญิงตามชื่อเรื่อง ร่วมด้วยแกงค์เพื่อนๆ, ชาวบ้านในชนบท, ครูในโรงเรียน และพระผู้เป็นศูนย์รวมใจของทุกคนในหมู่บ้าน ซึ่งเหตุการณ์ตามท้องเรื่องที่เกิดขึ้น เด็กๆในหมู่บ้านต้องไปประกวดร้องเพลงประจำอำเภอ โดยมีคู่แข่งเป็นโรงเรียนคนรวยงบเยอะ แต่แล้วก็เหมือนโชคเข้าข้าง เมื่อกลุ่มเด็กอายุเท่ากันในเมืองหลวงแวะเข้ามาพักในหมู่บ้านพอดี การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจึงเกิดขึ้น และทำให้พวกเขาได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมในการประกวดวงดนตรีครั้งนี้ด้วย

ผมไม่เถียงในเจตนาดีของผู้กำกับบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่ต้องการถ่ายทอดวัฒนธรรมแท้ๆ ของชาวบ้านในภาคอีสาน และชื่นชมในการทำหนังเพื่อสะท้อนสังคมเด็กอีสานอย่าง แท้จริง ทีมนักแสดงเด็กในเรื่อง เล่นกันได้น่ารักตามมาตรฐาน แต่ถือว่าน่าชื่นชมสำหรับมือใหม่ และบทหนังก็เอื้อต่อการแสดงของน้องๆ ทั้งหมดอยู่แล้ว เนื่องจากได้แสดงในฉากหลังที่คุ้นเคย และใช้ภาษาที่คุ้นชินเป็นทุนเดิม หากแต่เมื่อว่ากันด้วยตัวหนังจริงๆแล้ว หนังยังห่างไกลกับความยอดเยี่ยมเหมือนกระแสที่ บอกต่อกันมา หนังผูกเรื่องอย่างง่ายๆ บ้านๆ เข้ากับบรรยากาศในเรื่อง แต่กลับตัดต่อไปมาแบบหวือหวาฉับไว และการลำดับฉากในเรื่องก็ไม่ละเอียดพอ อารมณ์ของเรื่องจึงโดดไปโดดมา

หนังสะท้อนวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของชาวอีสานได้ดี แต่กลับถ่ายทอดภาพความสวยงามของชนบทไม่ได้มากนัก ทั้งที่หากเลือกจะนำเสนอความสดใส สบายตากับท้องไร่ท้องนาในเรื่อง ก็ย่อมทำได้สบายๆ หนังกระจายเรื่องราวใ้ห้คืบหน้าไปผ่านตัวละครหลากหลายในเรื่อง ไม่เ้น้นอยู่เฉพาะคู่ปัญญากับเรณูเท่านั้น แต่กลับเลือกจะทอดทิ้งบางตัวละครให้หายจากเรื่องไป อาทิเช่น น้องมิว, เด็กหญิงนิสัยดีจากกรุงเทพ ที่โผล่มาร่วมจอแค่ช่วงกลางเรื่อง ก่อนจะถูกลดทอนความสำคัญลงจนหายไปจากเรื่อง ทั้งที่น่านำมาผูกปมเล่นกับความรักวัยใสได้มากกว่านี้ นอกจากนี้บรรดาัตัวละครอย่างครูใหญ่ ครูสาวตาเหล่ และตัวละครย่อยอื่นๆก็ช่างดูไร้มิติ เหมือนว่าจะใส่มาเพื่อเรียกเสียงรอยยิ้มจากคนดูเท่านั้น ทำให้ความน่าเชื่อถือของเรื่องถูกลดทอนลงไป

สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจคือ ทำไมหนังพยายามเทน้ำหนักไปให้ 'การมาของคนเมือง' เป็นเรื่องสำคัญที่คนชนบทเฝ้ารอ และมีผลต่อเหล่าผู้คนชนบทมากเพียงนี้ โดยเฉพาะฉากคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายตอนจบ ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าหนังจะวาดภาพความงดงาม เป็นธรรมชาติในชนบทอย่างไร สุดท้ายแล้วผู้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยให้ชนบทพ้นวิกฤต ก็คือเหล่าคนเมือง ซึ่งย้อนแย้งกับเนื้อหาสาระ ที่หนังพยายามสอดแทรกเอาไว้ตลอดเรื่องโดยสิ้นเชิง

หนังตกม้าตายกับตอนจบ ที่พยายามชวนให้ซึ้งและเรียกน้ำตาคนดู แต่กลับอ่อนเหตุผล และดูยัดเยียดมากจนเกินไป เสมือนว่าสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อนำมาสู่บทสรุปลักษณะนี้ ทั้งที่ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ได้เลย ในหมู่บ้านแห่งความสุขสันต์แบบนี้ ตอนจบชวนซึ้งของเรื่องจึงออกมาแปลกแปร่งไปพอสมควร บทสรุปของปัญญา เรณู จึงถือเป็นหนังไทยที่น่าชื่นชม และน่าให้การสนับสนุน แต่ไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดน่าหยิบรางวัลติดมือไปในช่วงเทศกาลแต่อย่างใด

6/10


Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2554 14:13:36 น. 26 comments
Counter : 2537 Pageviews.  

 
ถ้าพิจารณานัยยะความช่วยเหลือของกี่ในประเด็นนี้ ผมว่า การมาของคนเมือง ในหนังทำได้เหมาะสมแล้วนะ เด็กเมืองอย่างกี่ รู้ว่าปัญญาต้องการความช่วยเหลืออย่างไร แล้วเขาก็ช่วยเหลือไปตามนั้นเท่าที่ปัญญาต้องการ ทุกวันนี้เวลาคนเมืองไปช่วยชนบท มีสักกี่กรณีที่ช่วยเหลือโดยเข้าใจความต้องการชองพวกเขาอย่างถ่องแท้ ถ้าไม่มากเกินไปเพราะยึดเอาความคิดของผู้รับผิดชอบว่า ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ถึงจะเป็นการดีกว่าเดิม ก็เป็นเรื่องของการแอบแฝงผลประโยชน์ส่วนตัว ความพอดีหรือเกินไป "ครูสอนด๊านซ์เซอร์" น่าจะบ่งบอกอย่างนั้นนะ ครูที่กี่ส่งมาช่วยเป็นใครก็ไม่รู้แต่แน่นอนว่ามีความสามารถในการเต้น ขณะที่ครูของอีกโรงเรียนหนึ่งนั้น"ขั้นเทพ" ที่พึงพิจารณาคือ ทำไมเนื้อเรื่องในหนังถึงต้องจากขั้นเทพมาสอน เพราะท่าน สส.ใช่ไหม โดยเฉพาะคนที่มารับบทครูด๊านซ์เซ่อร์ของโรงเรียนคู่แข่ง ดูโดยไม่คิดอะไร เชิญท่านนี้มารับบทนี้ในหนังก็โอเค แต่พอพิจารณาให้ลึกลงไปอย่างที่เจ้าของบล้อกตีความ ผมว่าตัวละครตัวนี้มีความหมายถึงความโอเว่อร์ในเรื่องความช่วยเหลือจากคนเมืองดังกล่าว


โดย: หนุ่มพเนจร IP: 124.121.42.195 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:40:54 น.  

 
ส่วนในตอนจบของหนัง หลายๆท่านวิจารณ์ว่า ไม่สมเหตุสมผล ประเด็นนี้ยิ่งชัดเจน "ความไม่มีเหตุผลก็คือความมีเหตุผล" ความไม่มีเหตุผลในหนังตามที่หลายท่านว่ามาคือ ภัยของปัญญานั้นไม่มีเค้าลางล่วงหน้า ดูเหมือนหนังนั้นยัดเยียดนึกจะใส่มาก็ใส่มา นั่นแหละครับคือความมีเหตุผลในสังคม ทุกวันนี้ภัยสังคมที่พวกเราพบกันอยู่นั้น มีอันไหนบ้างที่มีเค้าลางล่วงหน้า คนไม่เคยเจออาจไม่เข้าใจ แต่คนที่ประสบกับตนเองมาแล้วคงรู้ซึ้ง ยกตัวอย่างง่ายๆ เคยเห็นคนถูกวิ่งราวกระเป๋าวิ่งราวสร้อยไหม มันมีเค้าล่วงหน้าให้คนที่ร่วมชะตากรรมอยู่แถวนั้นรู้ไหม รู้อีกทีคนโดนกระทำตะโกนช่วยด้วยช่วยด้วยปาวๆ ขณะที่คนรอบข้างยังงงงวยอยู่ว่า เกิดอะไรขึ้น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่น่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นได้อย่างนั้น??


โดย: หนุ่มพเนจร IP: 124.121.42.195 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:57:18 น.  

 
วิจารณ์ เท่งโหน่ง หน่อย


โดย: lennon IP: 125.24.108.30 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:7:41:30 น.  

 
มุมมอง ต่างกัน ก็คิดแบบเครียดๆ ก็ตามนั้น คิดแบบดูสนุกๆ ก็ตามนี้ คือ มันสนุก ครับรวดเร็ว ฉับไว ไม่น่าเบื่อ ตลกแบบธรรมชาติไม่มีการยัดเยียด และ ทำให้นึกถึงวัยเด็กได้อย่างน่าอัจจรรย์ เช่นกันเน้อ ขอบคุณครับ เขียนได้ดีเช่นกันครับ


โดย: ชื่อนั้นสำคัญฉะไหน IP: 110.49.193.223 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:58:49 น.  

 
ผมว่าคุณวิจารณ์ด้วยความที่ไม่เข้าพื้นฐานชีวิตของต่างจังหวัด เวลาที่มีคนจากกรุงเทพ หรือคนต่างถิ่นมาจะรู้จักหรือไม่ก็ตาม ทุกคนจะดีใจอยากจะรู้จักคนเหล่านั้น ลองเรียนรู้ดูนะครับในหนังนำเสนออาจจะมากขึ้นเพือให้เป็นความสนุกสนาน แต่โดยรวมผมว่ามันเยี่ยมมาก


โดย: sss IP: 124.120.129.220 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:9:54:33 น.  

 
อ่านเม้นท์ข้างบน
เห็นด้วยค่ะ
ชาวชนบท ไม่ว่าใครที่พลัดหลงเข้ามาในหมู่บ้าน
เราจะดีใจ และต้อนรับเป็นอย่างดี

หนังเรื่องนี้ ถ้าเราๆทีเกิดในชนบท
ทำให้เราย้อนคิดถึงตัวเองในวัยเด็ก

หนังไม่ได้ยัดเยียดค่ะ
แต่ได้เอาวัฒนธรรมความเชื่อของชาวชนบท
ไปไว้ในหนัง ทุกอย่างในหนังเรื่องนี้
เกิดจริงในชนบทค่ะ



โดย: fonrin วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:07:12 น.  

 
หนังเรื่องนี้มันไมี่ใช่หนังที่ถูกต้องที่สุดหรอก แต่มันเป้นหนังที่ถูกใจที่สุด ธรรมชาติมันมีบวกและลบ หนังใหญ่บางเรื่องขายแค่เสียงหัวเราะดูถูกคนดูมาก ผมดุหนังเรื่องนี้ผมภูมิใจที่ไม่เสียดายเงินเลย และดู ๒ รอบเลย


โดย: ดิฐ IP: 115.67.16.206 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:47:17 น.  

 
ที่วิจารณ์มันก็ถูกครับ แต่ผมว่าจะเอาเหตุผลของความจริงมาหมดคงไม่ได้ ที่ผมเข้าไปดูมาผมไม่รู้ว่าการดำเนินเรื่องจะต้องตามหลักสูตรการทำหนังป่าว แต่ที่ผมได้ คือ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ตื้นตันใจ เสียงปรบมือ และ การสะท้อนความจริงของสังคมชนบท ออกมา ครับ ส่วนเรื่องมีรางวัลติดมือ ผมเชียร์ ด.ญ. เรณู ครับ ให้เข้าชิง นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมครับ ^ ^


โดย: อี๊ด IP: 118.172.43.48 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:08:25 น.  

 
เห็นด้วยว่า ภาพชาวชนบทที่รอความช่วยจากคนเมือง (โดยเฉพาะฉากคอนเสิร์ต) อันนี้เห็นด้วยนะ

ส่วนเรื่องการหายตัวของมิว และครูตาเหล่ นี่เขียนในกระทู้ไปแล้ว ไปตามอ่านแล้วกัน


โดย: trufa IP: 110.49.79.138 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:27:31 น.  

 
หนังยังห่างจากคำว่ายอดเยี่ยมอยู่หลายก้าวจริง ๆ ครับ เป็นหนังที่ดูน่ารักเท่านั้น ตอนจบยัดเยียดมากไป

ตอนที่ผมดูแล้วเศร้ามาก ๆ ก็คือการที่ทีมของปัญญาและเรณูรอคอยการมาช่วยของเด็กกรุงเทพฯ เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะในการประกวด รู้สึกรันทดแทนเด็กต่างจังหวัดครับ มันคงจะดีกว่านี้ถ้าพวกเขาชนะได้ด้วยความสามารถของตัวเอง



โดย: 9A วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:38:29 น.  

 
ด้วยความเคารพนะครับ

คือผมนั่งไล่อ่านบทวิจารณ์ของคุณมาหลายอันอยู่เหมือนกันครับเนี่ย ตามลิ้งค์บล็อคมาจากใน pantip น่ะครับ

จริงๆคุณเขียนได้ดีนะครับ ในแง่ของการเขียนถ่ายทอด

แต่ผมว่าคุณวิจารณ์หนังแต่ละเรื่องด้วย "แนวคิดแบบเดียว" กันเกินไป หมายความว่ายังไงเอ่ย

หมายความว่า บนโลกนี้ เราไม่น่าสามารถตัดสินอะไรได้ด้วย มาตรฐานความคิดแบบเดียวน่ะครับ เช่น หนังแอคชั่นแฟนตาซี เราก็ต้องพร้อมแล้วที่จะเปิดรับความโอเว่อร์ของมัน , หนังดราม่า หนัง Realistic โอเค เราค่อยมาอยู่บนพื้นฐานเหตุผลของความเป็นมนุษย์กัน , และเช่นกันกับความคิดเห็นของท่านบนๆ

หนังฝรั่ง กับ หนังไทยเอง คนและตัวละครที่อยู่ในเรื่อง ก็มีวัฒนธรรมที่ต่างกันตามภูมิภาคนั้นๆ ย่อยลงมาถึงเรื่องนี้ คนอีสาน กับ คนกรุงก้จะมีวัฒนรรมและแนวคิดที่ต่างกันไป

แต่ผมว่าบทวิจารณ์ของคุณมันถูกเขียนขึ้นภายใต้กรอบของ "คนเมือง" หรือ คนที่คุ้นเคยกับบริบทคนเมืองน่ะครับ ผมรู้สึกได้ถึงเส้นความคิดเส้นนึงที่คอยควบคุมการวิจารณ์ของคุณอยู่ และคุณใช้เส้นนี้ในการวิจารณ์ทุกเรื่องเลย ... นั่นเป็นที่มาของการที่ผมรู้สึกว่า เราไม่ควรมีกรอบความคิดเดียวในการวิจารณ์งานศิลปะน่ะครับ

รวมไปถึงในแง่เทคนิค เช่น การตัดต่อของเรื่องนี้ ผมว่าไม่มีอะไรเสียหายเลย การตัด Cross - sequence แบบนั้นไม่ได้จำเป็นว่าเค้าต้องการโชว์ความหวือหวา หรือ อยู่แต่ในหนังแอคชั่นน่ะสิครับ ถ้ามันเหมาะที่จะรับใช้เรื่อง มันจะถูกใช้ในหนังแนวไหนก็ได้ครับ อย่างที่คุณวิจารณ์ว่า หนังมันง่ายๆ ใสๆ ซื่อ ไม่รู้จะมาตัดสลับทำไม...ผมจึงไม่เห็นด้วยครับ เพราะลำดับการถ่ายทอดห้วงเหตุการณ์ในเรื่องนี้ ผมว่ามันออกมาโอเค.... นั่นคือตัวอย่างของจุดที่ผมขอแย้งอ่ะนะครับ

แต่ก็ นานาจิตตังครับคนเราต่างความคิด ต่างความเห็น ก็ขอให้เขียนวิจารณ์ต่อไปครับ ถือว่าแชร์ไอเดียกันเนอะ ^^


โดย: นุ่นแม๋น IP: unknown, 80.219.11.240 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:7:21:59 น.  

 
ขอบคุณครับ

บทวิจารณ์ผมตื้นกว่าที่อื่นแน่นอนครับ เพราะผมพยายามเขียนแบบรีวิวภาพรวมทุกครั้ง แต่ไม่่ค่อยได้เจาะประเด็นวิเคราะห์ลึกๆ เพราะรู้ตัวว่าไม่ได้เก่งการตีความ

อย่างไรก็แล้วแต่ ผมวิจารณ์เก็บไว้เพื่อตัวเองนั่นแหละครับ ไว้นับสถิติปลายปีว่าดูไปกี่เรื่อง เรื่องไหนจำไม่ค่อยได้ก็มาเปิดอ่านย้อนกลับไป ประมาณนี้น่ะครับ


โดย: Branelay วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:23:27 น.  

 
ดีครับ ลุยต่อไป

แต่โอ้โห....
นี่ค่าตั๋วดูหนัง น่าจะดาวน์รถใหม่ได้เลยนะครับเนี่ย

ดูเยอะมาก !!!!!!


โดย: นุ่นแม๋น IP: unknown, 80.219.11.240 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:59:22 น.  

 
ข้อวามข้างบนคะ คุณเห็นว่าเป็นหนังอิสานแล้วจะให้ฉายให้ดูฟรีเลยรึไงคะ


โดย: พี IP: 58.9.49.243 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:9:35:45 น.  

 
ข้อความข้างบนครับ ผมหมายถึง ไอ้ยอดรวมหนังทั้งหมดที่คุณเจ้าของบล็อคเค้าไปดูครับ

เค้าดูหนังมาเยอะมาก ผมเลยแซวเรื่องค่าตั๋วยอดรวมมันแพงแหงมๆ

เห็นที่ผมเขียนว่า "ดูเยอะมาก" มั้ยครับ

คนเราสมัยนี้ ฟังไม่ได้ศัพท์ อ่านไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียดเยอะมากครับ

ผมไปพูดถึงเรื่องไหนเรื่องหนึ่งตอนไหน เกี่ยวอะไรกับหนังอีสานตอนไหน ผมน่ะแฟน ปัญญา เรณูครับ

ขอร้องว่า อ่านหนังสือให้ดีๆ ให้แตกฉานครับก่อนจะไปคุยอะไรกับใคร

ด้วยความเคารพ




โดย: นุ่นแม๋น IP: unknown, 80.219.11.240 วันที่: 3 มีนาคม 2554 เวลา:18:24:46 น.  

 
ไปดูเพราะแรงเชียร์เหมือนกัน อยากสนับสนุนหนังไทย แต่ดูแล้วตัวเองไม่รู้สึกว่าดีสมกับที่เชียร์ ไม่เหมือนกับเรื่องโหมโรงที่ดีจริง สมกับแรงเชียร์นะ
เราดูแล้วก็งงๆ ว่าไปงัยมางัย คณะเด็กผู้หญิงกับหนึ่งเด็กกระเทยและสองครูหนุ่ม มาทัศนศึกษา(หรือเปล่า)กันไกลขนาดนั้น วาริน กับ กทม เนี่ยนะ แถมเรื่องส่งครูมาสอนเต้น กับส่งแดนเซอร์มาช่วยเต้นเนี่ยนะ มันเหลือเชื่อเกินไป ไกลขนาดนั้น แต่ก็นะ อย่าคิดมากๆ ดูเอาขำๆ ชิลๆ ไม่คิดมากดีกว่า เห็นเด็กๆน่ารัก ใสๆ วิถีชีวิตพื้นบ้าน ก็พอยิ้มได้ ไม่เสียดายตังค์หรอก


โดย: tu IP: 1.46.106.203 วันที่: 4 มีนาคม 2554 เวลา:19:04:26 น.  

 
หนังปัญญาเรณูนี่ผิดหวังอย่างแรง ขาดทั้งความสมเหตุสมผลและขาดความเป็นธรรมชาติ บทไม่ถึง ผู้กำกับไม่ถึง ตัวแสดงถึงบ้างไม่ถึงบ้างชนิดที่เรียกว่าลาวต้มลาว จนทายล่วงหน้าได้เลยว่าหนังเรื่องต่อไปของคุณบิณฑ์คงจะไม่มีใครยอมโดนหลอกซื้อตั๋วเข้าไปดูอีก ที่แย่สุด ๆ ก็คือนักแสดงพูดคำว่าปัญญาในหนังบ่อยจนรกจนรำคาญหู ก็ไม่เข้าใจว่าหนังมันแรงได้ยังไง แต่ถึงอย่างไรก็แสดงให้เห็นว่าแฟนชาวไทยยังรอให้การสนับสนุนหนังไทยอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แต่ขอร้องเถอะ ช่วย ๆ ทำหนังให้สมกับที่คนไทยเขาคอยเอาใจช่วยหน่อยเถอะ ไม่ใช่คอยแต่จะใช้กระแสต้มกันเพื่อหลอกเอาเงิน ผมให้4เต็ม10 แต่เพื่อนบางคนบอกให้2เต็ม10ก็บุญแล้ว

แต่หนังอย่างสบายดี2นั่นสมควรสนับสนุนเพราะบทถึง ผู้กำกับถึง ตัวแสดงถึง ไม่เสียดายค่าตั๋ว


โดย: ทิม IP: 127.0.0.1, 110.164.59.131 วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:19:57:25 น.  

 
คุณทิมดูหนังมาแล้วจะวิจารณ์หนังก็ตามสะดวกครับ ไม่ชอบไม่แปลก ธรรมดาวววว์
เพราะตัวบทเองผมก็ว่ามีจุดกั๊ก จุดประหลาดๆอยู่บ้างเหมือนกัน , ในส่วนอื่นๆแล้วแต่คนคิดครับ

แต่ที่คุณพาดพิงว่า "หนังใช้กระแสหลอกคนมาดู" นี่ผมว่าเกินไป

หนึ่งคือ กระแสมันเกิดขึ้นมาเองเรื่อยๆจากคนที่ไปดูมาแล้วบอกต่อกัน ซึ่งมันไปห้ามอะไรไม่ได้หรอก

สองคือแล้วคนที่ชอบเรื่องนี้ หรือ ไปดูแล้วประทับใจนี่คือ โง่ เหรอครับ คือ โดนหลอก เหรอครับ

อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งนักนะครับ มันไม่ได้ทำให้ความคิดของคุณดูโง่หรอกครับ แต่มันทำให้ดู "ทุเรศ" ครับ

ด้วยความเคารพ






โดย: นุ่นแม๋น IP: unknown, 80.219.11.240 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:6:33:19 น.  

 
ผมไปดูหนังมาแล้ว ตั้งใจไปดูเพราะอยากสนับสนุนให้กำลังผู้กำกับ หนังกระแสอาจไม่ดีเพราะนายทุนมองข้าม เฉกเช่นเพลงลูกทุ่งที่คนลูกทุ่งมักถูกมองว่าไม่ทำเงิน สู้ปั้นบอยแบนด์ไสตล์เกาหลี นี่แหละที่วัฒนธรรมการบริโภคของคนสมัยนี่ถดถอยลง ผมจะนึกรำคาญทุกครั้งที่ได้ยินสำเนียงการร้องเพลงไทยแต่ใช้เลียนแบบฝรั่ง เสมือนฝรั่งพูดไทยหัดร้องเพลง ผมยินดีกับการจ่ายเงินดูหนังเรื่องนี้ เพราะรากเหง้าผมคือต่่างจังหวัดทุกเรื่องที่สะท้อนในหนังหลายคนวิจารณ์ว่าไร้เหตุผลแต่นี่คือวิถีสังคมชนบท ไม่งั้นเขาไม่กลัวผีแม่ม่ายกันหลอก เรื่องการแก้บน เรื่องความเชื่อ ความสัมพันธ์ระหว่างบ้านกับวัด ครูกับบ้าน ล้วนสะท้อนความจริงของบ้านนอกไม่ผิดเพี้ยนกับชีวิตวัยเด็กของผม การมาของคนเมืองมันเป็นความตื่นเต้นของเด็กบ้านนอก สมัยก่อนหมู่บ้านผมไม่มีรถยนต์เลย หากมีรถของคนเมืองเข้ามาเด็กทุกคนจะมายืนมุงดูลูบๆคลำๆ ผมยังเคยตกหลุมรักเด็กคนเมืองที่แอบไปนั่งเฝ้าดูเขาจำได้ว่าเด็กเมืองเขาใส่ชุดนอนแต่เราไม่มีชุดนอนกะเขาอยากมีมากตอนนั้น เพราะเด็กต่างจังหวัดชุดเล่นชุดนอนมันก็อันเดียวกัน และปิดเทอมทุกครั้งก็ตั้งตารอเขากลับมาทุกครั้ง หนังเขาสะท้อนเกือบทั้งหมดที่ผมเคยเจอวัยเด็ก แต่......หลายคนที่ไม่ประทับใจก็คงเพียงเพราะว่า ผู้กำกับอาจนำมาเรียงร้อยไม่เนียนสนิททำให้บางช่วงอาจสะดุดอารมณ์ แต่ผมเข้าใจได้ว่า เขาไม่ต้องการ เฟค ความจริงก็เป็นสิ่งไม่ราบรื่นอยู่้แล้วแต่ ความเท็จสิสามารถ ปรุงแต่งให้หลอกอารมณ์ดูชมได้ ผมจึงไม่ติดใจมองสาระสำคัญของเรื่องมากกว่า
และยังชื่นชมความกล้าของบิณฑ์ที่กล้านำความเป็นไทยอันคือรากเหง้าของสายพันธ์พวกเรามางัดกับกระแสคลั่งเกาหลีอย่างกวนมึนโฮที่ดูกี่ครั้งก็ยังไร้สาระสำหรับผม ดินเหนียวปั้นเป็นรูปอะไรก็ได้อย่างนั้น สังคมเราก้เหมือนกัน หล่อหลอมมาแบบไหนก็ได้แบบนั้น สมัย 14 ตุลา เด็กฟังเพลงเพื่อชีวิต ชอบบทกวี รักอุดมการณ์ รักสังคมประชาชน ทุกวันนี้นายทุนยัดเยียดแต่เพลงรักอกหัก เด็กกระโดดตึกตายเพราะประชดรัก เด็กทำแท้ง เด็กไม่รักพ่อแม่แต่ เชื่อแฟน อยากให้กลับมามองสังคมว่านับวันมันจะไปกันใหญ่เราทุกคนล้วนมีส่วนที่จะนำพาส่งคม จะไปสู่ความเสื่อมหรือความสุข ก็เลือกเอา


โดย: ชาวบ้านๆ IP: 58.181.157.122 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:7:14:10 น.  

 
ชอบมากครับ หนังใสๆสะอาดบริสุทธิ์ ดูแล้วทำให้เรายิ้มได้ อารมณ์ดี ตื้นตันใจ ขอเป็นกำลังใจให้คุณบิณฑ์ทำหนังดีๆแบบนี้ตลอดไปครับ...ดูหนังอย่าคิดมากนักครับ แค่ให้ความบันเทิง อิ่มเอิบใจ นี่ก็ถือว่ามีความสุขแล้ว...เอาเป็นว่าหนังที่เข้าฉายในรอบสัปดาห์เดียวดันผมดูมาครบทุกเรื่อง สรุปว่าหนังไทยเรื่องนี้สร้างความสุขให้ผมได้มากที่สุดครับ


โดย: คนดูหนัง IP: 10.0.1.165, 118.173.235.22 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:8:32:04 น.  

 
เนื้อเรื่องของหนัง ลงตัวอย่างดี
.. ผมขอ เดาใจในการสร้างหนัง ตรงที่ ..
- พระขี่ มอเตอร์ไซร์ มาหา ปัญญา เพื่อเอาเงินมาให้ยืม ++ ผมเข้าใจว่า คงได้แรงบันดาลใจจาก .. โฆษณายาหอมตราฤษี .. สมัยนั้นจะล้อเลียนโฆษณายานี้ว่า ตราฤษีขี่มอเตอร์ไซร์ใส่หมวกกันน็อค
- ยายอายุ 75 แต่งงานกับหนุ่ม 35 คืนเดียว หนุ่มที่แต่งงานด้วยตาย ++ คิดว่า มุขจะใช้น่าจะเป็นคำจบว่า ..สังสัยตายเพราะไปกินนมหมดอายุ


โดย: นัน IP: 183.89.22.200 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:15:51:18 น.  

 
วิจารณ์หนังได้แย่ครับ สำหรับเจ้าของกระทู้ อ่านไปอ่านมาก็ดีแต่มาตอกย้ำความคิดของตัวเองที่ไม่เข้าท่าตอนท้ายๆ ไม่รู้นะว่าคุณคือคนกรุงหรือคนบ้านนอก ไม่ว่าจะเด็กเมืองหรือเด็กบ้านนอก ถ้าพวกเขาพร้อมจะช่วยเหลือกันด้วยความเต็มใจ คุณก็ไม่ควรจะมาบอกหรอกว่า สุดท้ายก็ต้องให้คนกรุงมาช่วย รู้ๆกันดีว่าในหนังเขาต้องการให้เห็นความรักและสามัคคีของคน คนที่มีโอกาสมากกว่าย่อมช่วยเหลือคนที่มีโอกาสน้อยกว่าอยู่แล้ว มันก็ไม่ผิดตรงไหน ไม่ใช่หรือ


โดย: ทัน IP: 125.26.167.223 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:17:17:11 น.  

 
ขอตอบ แทนเจ้าของกระทู้น่ะครับ..
โดย: ทัน IP: 125.26.167.223 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:17:17:11 น
......
้เขาวิจารณ์ ได้ถูกต้องแล้วครับ และไม่ได้บอกว่า หนังไม่ดี เขาบอกเพียง หนังขาดบางส่วนที่สำคัญไป
บทเด็กที่มาจาก กทม. น้อยเกินไป (บิณท์ บอกว่าแค่มาทำให้ เรณูหึงหวงปัญญา เพื่อจะได้เดินเรื่องราวให้สนุก)
แต่คุณเชื่อไหม แค่ เด็ก กทม. เข้ามามีบทเพียงเล็กน้อย แต่ความประทับใจจากคนดูมีมากกว่า ตัวละครหลักอย่างมาก
พอ มิว กลับ กทม. บทหายไปเลย กลับมาช่วยตอนท้ายเรื่องอิกที แทบไม่มีบทเลย (คุณคิดจุดนี้อย่างไร เล่าให้ฟังอิกที)
ตรงนี้เป็นจุดเด่นของหนังเลย
มาแลกเปลี่ยนความคิดกัน
ขอให้คุณ วิจารณฺ ในส่วนที่คุณติดว่า หนังขาดส่วนสำคัญตรงไหน ที่คุณคิดว่า น่าจะมี
วิจารณื แบบไม่ได้ว่าหนังไม่ไดี เพียงแต่ หนังขาดอะไรไป


โดย: นัน IP: 183.89.22.200 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:18:09:13 น.  

 
หนูไปดูหนังเรื่องปัญญาเรณูชอบมาก ประทับใจสุดๆ ตลก สื่อให้เห็นถึงความน่ารักของเด็ก
อิสาน


โดย: หนึ่ง IP: 182.52.189.182 วันที่: 27 มีนาคม 2554 เวลา:23:23:05 น.  

 
ฉากที่ถ่ายทอดความสวยงามของชนบทมีเยอะ ความเป็นอยู่ของชาวบ้านถ่ายทอดถึงวัฒนธรรมก็จริง แต่จุดนี้ละ ที่ทำให้มองเห็นถึงความสวยงามของชนบท (หรือคุณมองไม่เห็น)

ตอนจบของเรื่องเป็นฉากเรียกน้ำตา ที่มีเหตุและมีผล แต่ขาดเวลาในการดำเนินเรื่อง จุดนี้เองที่ผมมองว่าขาด

บ้านปัญญาถูกคนร้ายปล้น พ่อและแม่ ยอมให้โจรเอาไปได้ทุกอย่าง แต่ไม่บอกว่า ลูก(ปัญญา) อยู่ในบ้าน โจรได้ลือของแบบเร่งรีบ และเจอความอนู่ในคอก เลยจะไปเอาความแทน (ผมขอวิจารณ์คนที่วิจารณ์ฉากนี้ว่าขาดความสมเหตุสมผลหน่อยนะรู้ไหมว่าโจรภาคอีสานปล้นทุกครั้งก็เอาควายไปด้วยมันมีราคา แล้วถ้าเอาไปอยู่เป็นฝูงก็ตามหาตัวไม่เจอแล้ว) แต่ปัญญาวิ่งไปตัดเชือกจูงควาย เพื่อไม่ให้โจรได้จูงไปง่ายๆ

ฉากโกนผม ซึ่งเรียกน้ำตา แต่ขาดความสมจริง จุดเล็กที่มองเห็นคือทำไมไม่โกนคิว

หนังไทย คุณต้องให้การสนับสนุน การวิจารณ์ เป็นสิ่งที่ดี แต่การตัดสินโดยให้คะแนน ผมเองก็ไม่สามารถที่จะมองได้ว่า คะแนนที่พวกคุณให้นั้น ใช้อะไรตัดสิน

สมองส่วนไหน...


โดย: คนชนบท IP: 182.53.119.103 วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:57:55 น.  

 
แล้วรู้หรือยังล่ะ "วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก"
อยากบอกอะไรก็จะรับรู้ไว้...ว่าฉันก็เป็นเหมือนเธอ..
อยากบอกให้เธอได้รู้ไว้เธออยู่ในใจฉันเสมอไม่เคยลืม
เวลาเจอก็ดีใจถึงแม้ว่าไม่ได้พูดได้คุยกับเธอก็ตาม
แต่อยากให้รู้ว่า "ยังรัก" เสมอ เช่นกัน


โดย: วินัย นักรบนพดล IP: 210.246.186.4 วันที่: 22 ธันวาคม 2554 เวลา:18:29:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Branelay
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add Branelay's blog to your web]