All Blog
เตือนใจเจ้าของ
คิดมานานอยากจะเขียนเรื่องนี้ เพื่อเตือนใจตัวเอง และเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อย
ในชีวิตได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ทั้งล้มลุกคุลกคลาน ทั้งอยู่ดีมีสุข ทั้งได้เป็นหัวหน้าแล้วต่อมากลายเป็นลูกน้อง ผิดหวังอกหัก และสมปรารถนาและได้สัมผัสกับผู้คนมากมายไม่ว่าคนทำงานกลางวันคนทำงานกลางคืน ตัวเองเป็นคนชอบเรียนรู้ชีวิต ชอบคุยกับผู้คนถึงเรื่องราวชีวิตของเขา เช่นคุยกับขอทาน คุยกับคนมั่งมี และส่วนหนึ่งมักจะมีคนมาปรึกษาเรื่องราวชีวิตของเขาประจำ
ต่อมาตัวเองได้ไปเรียนเป็นโหร (มีเหตุผลที่ทำให้ตอนนี้เลิกเด็ดขาดแล้ว) มีคนมาดูดวงพอสมควรทำให้ได้มองเห็นความเดือดร้อนของตัวเองที่ผ่านมาและความเดือดร้อนของผู้ทีได้สัมผัส ดังที่พระพุทธองค์ได้กล่าวใว้ ถึงความทุกข์ว่า
แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์ เพราะมีร่างกายให้หิว มีจิตรให้อยากได้
แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์ เพราะเราอยากจะดูดี ไม่อยากจะแก่เหียวยาน ร่วงโรย
แม้ความเจ็บก็เป็นทุกข์ พูดถึงเรื่องทุกข์ขออนุญาติเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังค่ะ แม่ป่วยเป็นเบาหวานมานานพึ่งจะทรุดหนัก ปลายๆปี ๕๐ เพราะเป็นหลายโรคเพิ่มขึ้น นอกจากเบาหวานแล้วยังเป็น ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง สมองฝ่อ ทำให้ไม่มีแรง ซึ่งแต่ก่อนแม่เป็นผู้หญิงที่ขยัน เก่งและแกร่งมาก งานไร่งานนาไม่มีใครสู้ได้ แต่ภายในปี ๕๑ แม่เข้าโรงบาลบ่อยมาก เราต้องไปนอนเผ้า ได้เห็นคนป่วย บางคนร้องครวญครางบางคนพึ่งเห็นตอนเย็น พอใกล้รุ่งตายแล้ว อายุพึ่ง สิบแป็ดอยู่เลย ตอนแม่ผ่าตัดกระดูกเราก็ได้ไปนอนเฝ้าอีกเห็นคนหลังผ่าตัดกระดูก เขาทรมารมากๆ ลุกก็โอย นั่งก็เจ็บ ความเจ็บป่วยนี้เป็นทุกข์จริงๆ แต่ทุกคนก็ต้องเจ็บหนีไม่พ้น
แม้ความตายก็เป็นทุกข์ ขออนุญาติเล่าเรื่องของตัวเองอีกค่ะ ตอนนี้แม่ตายแล้วเมื่อ วันที่ ๑๘ พ.ย. ๕๑ ที่ผ่านมา มันเป็นความทุกข์ที่เราต้องเสียบุคคลที่เรารักไป แต่ในความทุกข์นั้นมีความสุขปนด้วยเพราะแม่ได้ไปดีแล้วไม่ต้งทรมานต่อไป ตอนแม่ทรุดหนัก ช่วยเหลื่อตัวเองไม่ได้เลย หนาวก็เอาผ้ามาห่มให้ตัวเองไม่ได้ มดกัดก็เอาออกไม่ได้ เวลาลูกป่วยอยากเดินไปดูก็ไม่ได้ เห็นแม่ทรมานมากๆ ถ้าใครผ่านประสบการณ์ พ่อ, แม่, ลูก, ภรรยา สามี และคนที่เรารักตายก็จะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี
ปรารถนาสี่งได้ไม่ได้สี่งนั้นแม้นั้นก็ทุกข์ อย่างเช่นความรักของหนุ่มสาว รักเขา เขาไม่รักก็ทุกข์ ไอ้ที่ได้มาแล้วไม่ถูกใจก็ทุกข์อีก เฮ้อ....
แต่พระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้ไปเครียดคิดมากกับทุกข์ พระองค์สอนให้รู้จักทุกข์และอยู่กับมันอย่างฉลาดและรู้เท่าทันมัน เพราะไม่มีใครหนี เกิด แก่ เจ็บ ตาย ผิดหวัง ไปได้เลย นอกจาก พระอรหันต์สิ้นแล้วผู้ไปแล้วด้วยดีไม่กลับมาเกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกแต่พวกเราไปแล้วแต่ไม่แล้ว ตายไปก็ต้องกลับมาเกิดอีก เป็น อเนกอนันต์ นับไม่ได้จนกว่าเราจะบรรลุธรรม สำเร็จเสร็จสิ้นไม่กับมาเกิดอีกแล้ว
เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว ทำไมเราจะต้องมาเข่นฆ่ากัน ทำลายร้างกัน อิจฉาริษยากันไปทำไม ในเมื่อชีวิตนี้สั้นนัก เดี๋ยวเราก็ตายๆกันแล้ว สู้เราสร้างความดีให้กัน ไม่เบียดเบียนกัน ไม่ฆ่าฟันกัน ไม่คิดอิจฉาตาร้อนกัน จนตัวเองและผู้อื่นต้องเดือดร้อน ทำไมเราไม่อยู่กันแบบสงบๆ พยายามสร้างแต่สิ่งดีๆ ลด ละ และเลิก สิ่งที่ไม่ดี เดินตามทางของพระพุทธองค์ ศึกษาแผนที่จากพระไตรปิฎก เราจะได้ไม่เดินหลงอยู่ในวัตสงสาร ศิลคือความปกติสุข ถ้าเราไม่มีศิลเราก็อย่าหวังถึงความปกติสุขเลยท่านทั้งหลาย
ขอฝากใว้เป็นข้อคิดเตือนเจ้าของ














Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 22:35:31 น.
Counter : 650 Pageviews.

1 comments
  
เคยเรียนโหราศาสตร์เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้เอาดีทางนั้น แม้มีอาจารย์จะอยากมอบวิชาให้
เพราะมุ่งหวังทางธรรมมากกว่าค่ะ จบในชาตินี้ดีกว่า มัวรอชาติอื่นไม่รู้จะพบพุทธศาสนาหรือปล่าว
Have a nice day naka
โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:7:59:49 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

shada
Location :
น้ำหนาว เพชรบูรณ์ , เกาะพงัน สุราษฯ  Ghana

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นหูที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นกายที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นใจที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง พระไตรปิฏก เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง.....พระไตรปิฏก เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง
พระไตรปิฏก เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง

ธรรมวินัยอันพระตถาคตเจ้าประกาศแล้วเปิดเผย ไม่กำบังจึงรุ่งเรือง (เล่ม ๑๐ หน้า ๔๖๕_ปกน้ำเงิน)
บัญญัติของพระพุทธเจ้า จากพระไตรปิฎกชุด 91 เล่ม ของมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 3
(ปกสีแดง หน้า 887 ปกสีน้ำเงิน หน้า 940)
พระบัญญัติ อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่ง ทอง-เงิน หรือยินดี ทอง-เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ก็ดี เป็นนิสสัคคียปาจิตตีย์(นิสสัคคียปาจิตตีย์ 1 ตัว ต้องตกโรรุวนรก 1 ชั่วอายุ คือ 4,000 ปีของนรกขุมนี้ เท่ากับ 840,960,000 ล้านปีมนุษย์)

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.ให้ไว้ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535
เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภาดังต่อไปนี้ มาตรา 15 ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
...(4)รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
**หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา(โยมควรเรียนรู้) ทำบุญแล้วเป็นบาป ตกนรกทั้งพระและโยม
1.ตักบาตรด้วยเงินและทอง
2.ตักบาตรด้วยสิ่งของที่ต้องห้าม ข้าวสารอาหารแห้ง-ดิบ
3.ทำบุญกับพระทุศีล(ผิดศีลธรรมและไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย)รับเงิน รับทอง มีบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นของตนเอง มีบัตรเอทีเอ็ม มีบัตรเครดิต
4.ฯลฯ
จากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปลไทยฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย 91 เล่ม
**ชาวพุทธทั้งหลาย ขอให้อธิษฐานเพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้
"ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญของข้าพระพุทธเจ้าให้เข้าไปรวมเป็นพระราชกุศลของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลังบุญทั้งหลาย ที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อพสกนิกรและราชอาณาจักร ขอบุญนั้นทั้งหมด จงเป็นพลังขับดันโรคภัยทั้งหลายที่กำลังเกิดในพระวรกายของพระองค์ให้อันตรธานไป"

จากหลักฐานเทียบเคียงของการใช้สัจอธิษฐาน ในพระไตรปิฎก 91 เล่ม ฉบับมหามกฎราชวิทยาลัย เล่ม 74 หน้า 447-479 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 1, 3, 341, 342 และ 343 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ (www.samyaek.com) ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ขอจงพิจารณาเอาเถิด เพราะไม่บังคับให้ใครมาเชื่อหรือทำตาม เพียงแต่นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย เพื่อให้ชาวพุทธปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ยินดีในบุญกับทุกท่านที่รวมใจกันเปิดเผยพระธรรมวินัยให้รุ่งเรือง ค่ะ

ชฎา มีโครงการ จะเปิด บ้านพักตากอากาศ ติดถนน ติดทะเล ไม่ไกลจาก ท่าเรือ ท้องศาลา บรรยากาศ เหงียบ สงบ เป็นธรรมชาติ ให้เช่าที่เกาะพงัน

"สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด"