ต่างกัน
ต่างกัน ผมยอมรับว่าผมติดหูฟัง การใช้ชีวิตในตัวเมืองที่เสียงรถ เสียงแตร เสียงคน เสียงนู้น เสียงนี่ เสียงนั้น แข่งกันดังวุ่นวายไปหมด การใสหูฟังฟังความสุนทรีย์ของเสียงเพลงในท่วงทำนองที่ชอบ ดูจะเป็นเรื่องปกติของคนตัวเมือง (ย้ำอีกครั้ง) ผมยอมรับว่าผมติดหูฟัง เวลาออกจากบ้าน เดินทางไปไหนก็ตาม หูฟังถูกเสียบใส่หูแทบจะก่อนใส่รองเท้า หูฟังที่มีตามท้องตลาดผมแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง(อุดเข้าไปในหู) กับ แบบได้ยินเสียงรอบข้าง (แบบไม่อุดเข้าไปในหู) ผมเลือกใช้แบบได้ยินเสียงรอบข้าง เพราะมันแถมฟรีมากับมือถือ >< ไม่ใช่!! เพราะแบบนี้มันไม่ได้ตัดเราจากสิ่งรอบตัว มันยังมีโอกาสได้ยินเสียงคนที่ทัก เสียงรถที่บีบแตรเตือน ยังมีโอกาสให้ได้ยินสิ่งรอบตัว ในการเดินทางทุกครั้ง ผมทิ้งเจ้าหูฟังไว้บ้าน จะได้เปิดรับฟังสิ่งใหม่ๆได้เต็มที่ แบบว่า รับเข้าทุกโสตประสาท ซึ่งการไปภูกระดึงครั้งนี้ ครั้งที่ 2 ผมเอาหูฟังไว้บ้าน เปิดให้ ตาดู หูฟัง เสียงธรรมชาติ แต่ขึ้นชื่อว่า ภูกระดึงต่อให้เราไปในช่วงที่ไม่ใช่ช่วงเที่ยว ผู้คนก็เป็นสื่งที่เราจะต้องพบเจอ คนที่เดินขึ้นภู เดินบนภู เดินลงภู หลายๆกลุ่มจะเปิดเพลงฟัง ไม่ก็เสียบหูฟังฟังเพลง มันทำให้นึกถึงตอนมาครั้งแรก ผมและเพื่อนๆก็เปิดเพลงฟังระหว่างเดิน จากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง พฤติกรรมแบบนี้มันชวนเอะใจให้คิด ครั้งนี้กับครั้งนั้น มันต่างกันตรงไหน กลุ่มเพื่อน ทัศนียภาพ มันอาจไม่ใช่ มันอาจอยู่ข้างใน อยู่ที่ความคิด อยู่ที่การให้ความสำคัญ อาจเป็นไปได้ที่ครั้งแรกต้องเปิดเพลงฟังเพราะตัวเราให้ความสำคัญที่จุดหมาย ระหว่างทางจึงน่าเบื่อ เพลงจึงเข้ามาช่วยผ่อนคลายแก้เบื่อแก้เหงา ครั้งนี้ความสำคัญคือระหว่างทาง จุดหมายก็ยังเป็นจุดหมาย แต่การเรียนรู้มันเริ่มตั้งแต่ก้าวแรก ระหว่างทางจึงสำคัญ หูฟังเลยไม่จำเป็น เพลงเลยพักไว้ก่อน ฟังท่วงทำนองของธรรมชาติขับกล่อมแทน มันอาจต่างกันนิดเดียว ระหว่างใส่หูฟัง กับ ไม่ใส่หูฟัง แต่ถ้าทุกคนใส่หูฟังกันหมด ระหว่างทางคงไม่จำเป็น
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2554 20:17:59 น.
Counter : 1537 Pageviews.
Stay Hungry, Stay Foolish
วันนี้จะขอยกคำพูดของผู้ชายคนหนึ่งมาให้น้องๆฟังกันครับ ผู้ชายคนนี้เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ผู้ชายคนนี้ถูกบริษัทที่ตัวเองก่อตั้งขึ้นมาไล่ออก ผู้ชายคนนี้ถูกหมอวินิจฉัยผิดว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่เดือน (มารู้ทีหลังว่าวินิจฉัยผิด) ผู้ชายคนนี้ฝากคำพูดไว้ประโยคหนึ่งไว้ในการปาฐกถาพิเศษ ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เขาพูดว่า "Stay Hungry, Stay Foolish” (จงรู้สึกกระหายและโง่เขสาอยู่เสมอ) ผู้ชายคนนั้นชื่อว่า Steve jobs ผู้ก่อตั้ง Apple และ Pixar Animation ชีวิตของเขาคนนี้น่าสนใจมากๆเลยค่ะ ลองไปหาอ่านเพิ่มกันนะคะ
Create Date : 24 กันยายน 2554
Last Update : 24 กันยายน 2554 11:55:44 น.
Counter : 546 Pageviews.
อย่าลืมเข็มวินาที
ผมว่าทุกคนคงต้องเคยได้ยินเรื่อง Think big มองให้ใหญ่ แต่ผมว่าลองมองให้เล็กบ้าง เราจะเห็นคุณค่าของช่วงเวลามากขึ้น อย่างที่ Ralph Waldo Emerson เขาพูดว่า "For every minute you remain angry,you give up sixty seconds of peace of mind!" (ทุก1นาทีที่คุณยังโกรธอยู่ คุณรู้ไหมว่าคุณได้สูญเสีย60วินาทีที่เคยสุขสงบในจิตใจไปเสียแล้ว) น่าคิดนะครับ บางครั้งเราพยายามมองให้ใหญ่มองไปที่อนาคต เรียนมหาวิทยาลัยแค่ 4 ปีเองเรียนคณะนี้ดีกว่าจบได้จะได้ทำงานง่ายๆ มีเงินเยอะๆ สบายชัวร์ แต่ถ้าเรามองให้ดีช่วงเวลา 4 ปี ก็คือเวลา 1461 วัน 35,064 ชั่วโมง 2,103,840 นาที ดูเป็นเวลาแสนนานเลย และ หลังจากจบไปก็ไม่แน่ว่าจะแฮปปี้อย่างที่คิดด้วย ยังไงผมว่าเราพยายามมองสิ่งที่ชอบให้เจอ และมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งที่ชอบต่อไป แล้วเวลามองนาฬิกาอย่าลืมดูเข็มวินาทีก็เท่านั้นเอง^^
Create Date : 24 กันยายน 2554
Last Update : 24 กันยายน 2554 11:53:40 น.
Counter : 1292 Pageviews.
"I have not failed." Thomas A. Edison
เคยฟังเรื่องตลกเรื่องนี้ไหมครับ เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่ประดิษฐ์หลอดไฟได้สำเร็จคนแรกของโลก ในวันที่หลอดไฟถูกปลุกให้ลืมตาขึ้นส่องแสงสว่างไปทั่วโลก นักข่าวก็รุมมาสัมภาษณ์นักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่อง และเป็นอันรู้กันว่าความสำเร็จของนักวิทยาศาสตร์คนนี้ แลกมาด้วยความล้มเหลวนับพันนับหมื่น นักข่าวจึงอดถามขึ้นไม่ได้ "ในกระบวนการประดิษฐ์หลอดนับพันนับหมื่นครั้งที่คุณล้มเหลว คุณไปหาแรงบันดาลใจกำลังใจจากไหนมาสู้ต่อ" แล้วรู้ไหมนักวิทยาศาสตร์คนนั้นตอบกลับไปว่าอะไร เขาตอบกลับไปว่า "I have not failed."(ผมไม่ได้ล้มเหลว) "I've just found 10,000 ways that won't work!" (ผมเพิ่งค้นพบ10,000 หนทางที่ไม่เกิดผล) !- Thomas A. Edison
Create Date : 24 กันยายน 2554
Last Update : 24 กันยายน 2554 11:44:30 น.
Counter : 667 Pageviews.
Nick Vujicic จงล้มแล้วลุก
ผมเชื่อว่าชีวิตทุกคนเคยผิดพลาด พลั้งพลาด พลั้งเผลอ หกล้ม เจ็ดล้ม แต่ทุกครั้งที่ล้มเราต้องลุก "Don't find a fault -find a remedy!" (อย่าไปมองหาความผิดพลาด แต่จงมองหายารักษาความผิดพลาดนั้น ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง)VIDEO
Create Date : 24 กันยายน 2554
Last Update : 24 กันยายน 2554 11:40:41 น.
Counter : 557 Pageviews.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
คนหนึ่งคนที่รอความตาย อาจารย์ยงยุทธ อาจารย์เคยพูดไว้ว่า คนบนโลกนี้มี 2 ประเภท 1.คนที่ตายแล้ว 2.คนที่รอความตาย ผมยังอยู่ประเภท 2 กำลังรอความตาย แต่จะรอความตายอย่างไร? ติดตามผมมาเถอะครับ