จากตอน 1 ที่เล่าถึงว่าถ้ามีวีดีโอสตรีมมิ่งที่เป็นของ  Youtube แล้ว

ถามว่า … ทำไมยังต้องใช้บริการวีดีโอสตรีมมิ่งที่เสียเงินอีกล่ะ

ตอบว่า … ขอกล่าวถึงหนังสือดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งกล่าวไว้ได้เห็นภาพมากคือ ถึงเราจะมีสินค้าที่ขายอยู่ใน 7-11 ที่ว่าขายดีมาก และใหญ่มากแล้ว เรายังต้องมีหน้าร้าน เป็นของเราเองอีกไหม นั่นเอง บางแบรนด์สินค้าอาจเห็นว่าไม่ต้องไม่จำเป็นเพราะลงทุนแล้วไม่คุ้มกับภาพลักษณ์ของสินค้า ขายเอายอดใน 7-11 ให้ได้ เล่นกับโปรโมชั่นที่ทาง 7-11 จัดอย่างเดียวก็พอ การใช้บริการ YouTube ที่เป็น Public ก็เช่นเดียวกัน ถ้ามองเห็นว่าการลงทุน ติดตั้งวีดีโอสตรีมมิ่งเอง ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ก็ไม่ต้อง ทำ

แต่ถ้ามองว่า….อยากลงทุนเพราะคุ้มค่ากับภาพลักษณ์ที่ได้นอกจากนั้นจะมีอะไรอีก

1. โฆษณา ถ้าให้บริการสตรีมมิ่งเอง เงินโฆษณา หรือสปอนเซอร์เราสามารถบริหารจัดการเองได้ หรือจะไม่มีโฆษณาก็ได้

2. ให้บริการภายใน การบริหารจัดการเนื้อหารายการวีดีโอทั้งแบบรายการสด และรายการออนดีมานด์ สามารถติดตั้งระบบวีดีโอสตรีมมิ่งเฉพาะภายในได้ คือภายในอินทรา ภายในหน่วยงานไม่จำเป็นต้องต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ตภายนอก ทั้งฟากรับและฟากส่ง ช่วยในเรื่องความปลอดภัยได้เยอะ

3. การจัดหมวดหมู่หน้าตารูปแบบของหน้าเว็บเพจวีดีโอ สามารถปรับแต่งได้เอง หรือจะนำไปเชื่อมต่อระบบอื่นๆ เช่นดิจิตอลไซเนจ เราสามารถ เชื่อมกับฐานข้อมูลวีดีโอได้เลย

4. บริการ ส่วนใหญ่จะมีบริการให้คำปรึกษา ดูแลจากผู้ให้บริการระบบ Video Streaming เป็นอย่างดี

5. รายละเอียดด้านเทคนิคอื่นๆ ที่อาจต้องมีการเปรียบเทียบ ระหว่าง Youtube และ Video Streaming ที่ให้บริการเป็นรายไป จะเห็นความแตกต่างชัดเจน ด้วยตาตนเอง

ถามว่า...แล้วถ้าทำระบบวีดีโอสตรีมมิ่งเองแล้วต้องเอามาไว้ที่ Youtube อีกมั้ย

ตอบว่า …ควรทำ ถ้าเนื้อหานั้นเป็นบริการเพื่อความบันเทิงที่ไม่มีความลับ หรือลิขสิทธิ์สูงสุด เพราะการที่ Youtube เป็นสื่อ Social Media ช่วยในการกระจายช่องทางในสร้าง วีดีโอ Viral ให้กับแบรนด์ได้อีกทางหนึ่ง (อย่าลืมว่ามี Facebook วีดีโอด้วยเดี๋ยวนี้)

ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินความต้องการ หรือความสามารถในการบริหารเพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มเติมของบริษัทนั่นเอง

สถานีโทรทัศน์ดิจิตอลบ้านเราส่วนใหญ่มักใช้บริการ Video Streaming ในรูปแบบบริษัท ฯ พร้อมกับการนำวีดีโอไปสร้าง Official ไว้ที่ Youtube ด้วย เรียกว่าใช้ทั้ง 2 ช่องทางให้เกิดประโยชน์สูงสุด

จบ...

พูดถึงการสตรีมมิ่ง ในสมัยนี้ดูเป็นเรื่องง่ายและธรรมดาสามัญมากสำหรับเหล่านักเทคโนโลยี และการตลาด แม้ว่าบางท่านจะนึกถึงโปรแกรม Streaming สำหรับซื้อขายหุ้น ก็ตาม

วีดีโอสตรีมมิ่ง คือการส่งสัญญาณภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องไปเรื่อย

รูปแบบความหมายของวีดีโอสตรีมมิ่งที่มักได้ยินคือ

1. แบบรายการสด LIVE

2. แบบรายการเรียกรับชมตามความต้องการ VOD

ยกตัวอย่างง่ายๆ ให้รู้จักกันคือ Youtube นั่นเอง มีทั้งรายการสด และรายการวีดีโอที่อัพโหลดไว้ให้เรียกรับชมตลอดเวลา หรือตามความพอใจได้เลย

มีคำศัพท์มากมายหลายหลากในวงการของผู้ให้บริการวีดีโอสตรีมมิ่ง เมื่อก่อนจะคุยกับคนอื่นทีดูเป็นเรื่องยากมาก เพราะต้องแปลศัพท์ในวงการ เป็นภาษาที่ทุกคนจะเข้าใจได้ตรงกัน ประหนึ่งการคุยด้วยศัพท์แพทย์กับคนไข้ คงไม่มีคนไข้เข้าใจ เรียกว่าพูดไม่รู้เรื่อง คือเข้าใจแต่สื่อสารด้วยภาษาที่คนอื่นไม่เข้าใจ

ศัพท์ที่อาจจะดูยากอยู่แต่พอเข้าใจกันได้มากขึ้น

1. มัลติบิทเรท คือการส่งสัญญาณวีดีโอแบบสตรีมมิ่งหลายๆ ขนาดเพื่อให้รองรับหลากหลายอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ต่ออินเทอร์เน็ต หน้าจอใหญ่ /ก็ส่งแบบขนาดใหญ่ คุณภาพดีกว่าการส่งเพื่อรับชมผ่านอุปกรณ์ประเภท PAD หรือ SmartPhone

2. Adaptive bitrate เมือส่งมาแบบ Multi bitrate แล้ว อุปกรณ์ปลายทางต้องสามารถรับรู้ได้ด้วยเช่นเดียวกันว่าจะเลือกรับชมด้วยคุณภาพขนาดไหน ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยคือ

1. ขนาดหน้าจอ

2. ระบบปฎิบัติการอะไร windows , iOS, Android เดี๋ยวนี้ ทันสมัย ปล่อยมาแบบเดียว

3. และต่อเชื่อมด้วยอินเทอร์เน็ตอะไร ADSL ตามบ้าน หรือ WiFi หรือ 3G/4G ก็ประหยัดหน่อยเรียกแสดงผลด้วยบิทเรทต่ำลงมาเพื่อประหยัดดาต้า เป็นต้น

รายการอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในระบบ วีดีโอสตรีมมิ่ง มีอะไรบ้าง

1. เครื่อง Encoder  รับสัญญาณภาพและเสียงแล้วแปลงเป็น IP จบหน้าที่ แต่คุณภาพของต้นทางสำคัญดังนั้น อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็น Encoder ก็จะมีหลายตัวแปรทำให้มีหลากหลายราคาในท้องตลาด ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นกลาง รุ่นใหญ่ รุ่นใหญ่มาก ราคาสูงมากเช่นกัน เริ่มตั้งแต่หลักหมื่น - หลักล้านเลยทีเดียว /มากมายจริง ๆ

2. Streaming Server เมื่อก่อน Youtube ยังไม่ให้บริการ ถ่ายทอดสดสำหรับบริการทั่วไป การสตรีมมิ่งวีดีโอเพื่อให้บริการจะทำผ่านสตรีมมิ่งเซอร์เวอร์ ทั้งแบบภายใน และ Public CDN เจ้าดังๆ อย่าง AKAMAI ซึ่งคิดปริมาณการให้บริการเป็นดาต้า ราคาสูงแต่มีประสิทธิภาพ สูงเช่นกัน

มีบริการ Youtube แล้วยังต้องใช้บริการสตรีมมิ่งเซอร์เวอร์อีกไหม ถ้าถาม Yes/No ตอบ Yes ยังต้องใช้งานผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง ทั้งแบบต่างประเทศ และแบบในประเทศ เรียกแตกต่างกันหลายๆ อย่าง คุ้นหูหน่อยก็จะเป็นบริการคลาวด์สตรีมมิ่ง

ใช้บริการผู้ให้บริการคลาวด์สตรีมมิ่งในประเทศ หรือต่างประเทศ ที่ไม่ใช่ของ Youtube แลัวมีผลดีผลเสียอย่างไร ทำไมต้องใช้บริการ เดี๋ยวมาต่อตอน 2 ค่ะ วันนี้กลับบ้านก่อน ^^