สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 08

สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 08




หลังจากที่จัดการกับอาหารเช้าที่เกือบจะเป็นอาหารเที่ยงเรียบร้อยเมดูอากับเมฟูก็ เดินสำรวจรอบๆ เมือง ก่อนตัดสินใจที่จะใช้ลานกว้างแห่งหนึ่งเป็นที่กางกระโจมที่ตรงนี้เป็นที่ที่ทางการอียิปต์จัดเตรียมไว้ให้เหล่าพ่อค้าวานิชที่มาจากดินแดนอื่นใช้ปักกระโจมเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราว

แต่พ่อค้าและกองคาราวานสวนใหญ่มักอาศัยอยู่ในโรงแรมที่อยู่ไม่ห่างออกไปจากตลาดนักเพื่อจะได้สะดวกในการติดต่อซื้อขายสินค้าที่ตรงนี้เลยกว้างพอที่เมดูอาและเมฟูจะอาศัยมุมหนึ่งของลานดินกางกระโจมขึ้นมาอย่างง่ายๆ

หญิงสาวจัดการปลดสัมภาระบนหลังของธอธตามด้วยอานม้าและบังเหียนออกจากม้าของตนเพื่อให้เพื่อนคู่ใจได้พักผ่อนแทะเล็มหญ้าที่ขึ้นรอบๆลานดินเมื่อหันกลับมาดูที่ม้าของเมฟูก็พบว่าเขาจัดการปลดทุกอย่างที่เคยอยู่บนหลังม้าลงแล้วเช่นกันและตอนนี้เมฟูก็กำลังกางกระโจมไว้สำหรับพักอาศัยกันในคืนนี้และคืนต่อๆไปที่ยังอยู่ในอียิปต์

หลังจากกางกระโจมของตัวเองเสร็จ... เมดูอาได้มีเวลาสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างละเอียดนอกจากกระโจมของเมดูอาและเมฟูแล้วยังมีกระโจมของพ่อค้าอีกราวๆสิบกระโจมตั้งเรียงรายอยู่รอบๆ มีทั้งกระโจมเล็กที่พอที่จะอาศัยได้เพียงคนเดียวไปจนถึงกระโจมหลังใหญ่ที่จุคนได้นับสิบไว้ข้างในหรือมีกระทั่งกระโจมที่กางอย่างง่ายๆ เพื่อใช้บรรจุสินค้าที่อยู่ข้างในแถวนี้แทบจะไม่ซ้ำกันเลยบ่งบอกให้เมดูอารู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นมาจากต่างถิ่น ต่างวัฒนธรรม หากอยู่ในเมืองพวกนี้อาจจะดูเด่นสะดุดตาแต่พอมาอยู่รวมกันในที่แบบนี้แล้วทุกคนก็แทบไม่มีใครสนใจใครเลย การจะทำตัวให้กลมกลืนไม่เตะตา...ที่นี่คงจะเหมาะที่สุด

เมดูอาจัดการสัมภาระของตนที่แยกสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้เอาเข้าไปในกระโจมและของมีค่าเก็บไว้กับตัวให้มิดชิดที่สุดเพื่อไม่เป็นล่อตาล่อใจพวกโจรและขโมย

ลังไม้ขนาดเล็กถูกดึงออกมาจากถุงที่เย็บมาจากหนังสัตว์

เมฟูชะงักมือที่กำลังดึงเชือกเพื่อกางกระโจมของตนให้ตึงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหยิบอะไรไรออกมา...เขาสงสัยมาตั้งแต่เดินทางแล้วว่ามันมีอะไรอยู่ข้างในนั้นและรู้ทันทีที่เห็นลังไม้นั้นปรากฏให้เห็น

"ตายหอง...นี่เจ้าเอาฟาซิสมาด้วยเรอะนี่"

ผู้เป็นพี่เผลอปล่อยเชือกหลุดออกจากมือด้วยความตกใจเขาไม่นึกว่าเมดูอาจะเอามันมาด้วย

ฟาซิสที่พูดถึงคืองูเห่าทะเลทราย มันมีพิษร้ายแรงมากที่สุด...ผู้ที่โดนไม่เคยมีใครรอดจากเงื้อมมือของเทพอนูบิสไปได้เลยอีกทั้งเจ้างูเห่าตัวเขื่องไม่เคยเชื่องกับใครแม้กระทั่งเมดูอาผู้เป็นนายหลายครั้งที่เด็กสาวเกือบโดนฉกถ้าไม่ว่องไวพอที่จะหลบคมเขี้ยวมฤตยู ป่านนี้เจ้าตัวคงได้ไปเฝ้าเทพอนูบิสตั้งนานแล้ว

"น่า... เดี๋ยวนี้ฟาซิสพูดรู้เรื่องขึ้นตั้งเยอะ"เมดูอาพูดปลอบใจอีกฝ่าย แต่คำปลอบใจนั้นไม่ได้ทำให้เมฟูสบายใจขึ้นได้เลย‘พูดรู้เรื่อง’ ของเมดูอานั้นมันห่างไกลกับคำว่า‘เชื่อง’ ของเขามากมายนัก

ร่างเล็กพาลังไม้อันเล็กหายเข้าไปในกระโจมอย่างรวดเร็วเมื่อออกมาอีกที่ก็พบว่าเมฟูยืนเท้าสะเอวหน้าหงิก...อยู่หน้ากระโจมของตน

"ยังไงพี่ก็ไม่เห็นด้วยที่เจ้าจะเอาอสรพิษนั่นเข้าไปนอนกอดในกระโจมด้วย"

“น่า... ข้าไม่เอามันออกมานอนกอดให้ท่านพี่ ‘เห็น’ หรอก” เด็กน้อยเน้นคำหวังยั่วเย้าอีกฝ่ายที่ดูวิตกจนเกินเหตุ

เมฟูส่ายศรีษะอย่างระอา น้องเขา...มีนิสัยแปลกประหลาดมาตั้งแต่เด็ก ชอบเลี้ยงอะไรที่ไม่เหมือนชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นงูเห่าทะเลทราย แมงป่อง เหยี่ยว หรือแม้กระทั้งล่าสุด...นกแร้ง

มีเพียงอย่างเดียวที่น้องเขายังล่ามันมาเป็นสัตว์เลี้ยงไม่ได้นั่นก็คือ...หมาไน

และเขาหวังว่าเมดูอาคงไม่คิดจะล่าเจ้าหมาไนมาเป็นสัตว์เลี้ยงไว้ดูเล่นไม่เช่นนั้น...เขาและคนในเผ่าคงต้องนอนหวาดผวาทุกคืนแน่ๆ

"สัญญากับพี่มานะ... ว่าจะต้องดูแลฟาซิสดีๆ อย่าให้มันเพ่นพ่านออกมาข้างนอกเด็ดขาด"เมฟูกำชับ...แต่คำตอบอีกฝ่ายตอบกลับมาหน้าตาเฉย ทำให้เขาแทบอยากจะเอาน้องสาวตัวแสบผูกกับม้าแล้วปล่อยให้มันลากไปทั่วเมือง

"อ้าวทำไมล่ะ แหมเสียดายแย่เลย...ข้ากำลังคิดว่าจะให้ฟาซิสหาเงินโดยเปิดการแสดงแบบชาวเปอร์เซียอยู่พอดีเลย"

"ไม่ตลกเลยนะเมดูอา รับปากพี่มาก่อน...“

"ก็ได้..." หญิงสาวจงใจเว้นวรรค "ข้าจะไม่เอาฟาซิสออกมา... ถ้าไม่จำเป็น"

“ถึงจำเป็น...ก็ไม่ได้”

เมฟูกำชับอีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจมของตน ในขณะที่เมดูอาเป็นฝ่ายหน้าหงิกแทน...วันนี้เมฟูขัดใจเธอมาแล้วสองหน และถ้ามีหนที่สาม...รับรองคืนนี้เธอจะให้ฟาซิสเข้าไปนอนในกระโจมเป็นเพื่อนพี่ชายแน่ๆ


เมฟูตรวจดูความเรียบร้อยของสิ่งของบนหลังม้าทั้งสองตัวอีกครั้งเพื่อกันไม่ให้สัมภาระตกหายระหว่างการเดินทางวันนี้เขากับเมดูอาตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังหมู่บ้านทาสฮิคโซสที่อยู่ค่อนไปทางทางตอนเหนือของเมืองหลวง

ชายหนุ่มหันมาดูน้องสาวที่กำลังนั่งคนอาหารที่ทำขึ้นมาแบบง่ายๆเพียงเพื่อยาไส้ มีผักสองสามชนิดต้มรวมกับเนื้อสัตว์เละๆ ราคาถูกที่หาซื้อจากตลาดเมื่อเช้าเมดูอายื่นขนมปังอบเสร็จใหม่ๆ ที่ตนพึ่งซื้อมาจากตลาดให้อีกฝ่ายกินแก้หิวก่อนที่อาหารในหม้อจะเดือด

"หลังจากไปที่หมู่บ้านทาส...พี่ว่าเราน่าจะกลับกันได้แล้วนะเมอา"

ผู้เป็นพี่พับกระโจมเล็กๆ ชนิดที่นอนได้เพียงคนเดียว หรือถ้าเป็นหุ่นขนาดเมดูอาก็อาจจะยัดเข้าไปได้สองคน กระโจมแบบนี้เป็นกระโจมเล็กที่ชาวเบดูอินมักเอาไว้ใช้ในการเดินทางที่ต้องออกไปทำธุระที่อื่นทำให้ง่ายในการจัดเก็บและพกพา เมฟูยัดกระโจมที่พับเรียบร้อยใส่ถุงสัมภาระหลังอานม้า

หญิงสาวไม่ตอบคำถามของพี่ชายเธอก้มหน้าคนอาหารที่อยู่ในหม้อก่อนยกมันลงจากเตาตักใส่ชามให้พี่ชายและตัวเองก่อนจะบิขนมบังสุดแข็งจิ้มลงไปเพื่อทำให้มันนุ่ม...เคี้ยวง่ายและอิ่มท้องมากขึ้น

"ข้ายังไม่กลับ" เมดูอาพูดหลังจากพยายามกลืนขนมปังก้อนแรกที่แข็งกว่าหินลงไป

'ให้ตายเถอะ...ขนมปังแข็งชะมัด '

"แต่... พี่ว่าเราน่าจะกลับไปตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนด้วยซ้ำไป"

เมฟูพูดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนแตกตื่นเมื่อฟาซิสหลุดออกจากลังที่เมดูอาเผลอเปิดฝาทิ้งไว้และมันก็เลื้อยหายไปกว่าเมดูอาจะรู้ตัวอีกที่เธอพบเพียงลังไม้เปล่าๆที่ไร้ร่างของเจ้างูอ้วนเคยนอนขดอยู่

"ก็บอกแล้ว...ว่าไม่ได้ตั้งใจให้เกิด"

เมดูอาหัวเสียขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอต้องเสียเพื่อนที่เคยอยู่ด้วยกันมาตลอดสามปี

ส่วนหนึ่งเป็นความผิดของเธอ...ที่เผลอเปิดฝากล่องทิ้งไว้ตอนค้นอาหารในถุงสัมภาระทำให้ฟาซิสหลุดออกจากกล่องเลื้อยออกไปข้างนอก...ตามวิสัยของงูที่ได้กลิ่นอาหารอยู่ข้างนอกกระโจมแต่ทุกทีเมดูอาก็สามารถทำให้มันกลับเข้ามาอยู่ในลังได้แค่เพียงใช้กลิ่นเฉพาะที่ทำมาจากไขสัตว์เพื่อเรียกมันกลับมา

ถ้าหากพวกทหารอียิปต์ไม่ควบม้าผ่านมาทางนี้เสียก่อน...

ม้าของทหารอียิปต์ตกใจ...เสียขบวนและมันทำให้ใครคนหนึ่งที่อยู่กลางขบวนต้องหัวเสีย...ที่ม้าของเขาตกใจจนเกือบจะสลัดเจ้าของออกจาหลังของมัน

‘ว่าที่’ ฟาโรห์หน้าสวยคนนั้น...ใครจะคิดว่าเขาจะขี่ม้ามาเที่ยวแถวนี้

ฝูงคนที่อยู่โดยรอบส่งเสียงเอะอะ...เมื่อเห็นเจ้างูเห่าทะเลทรายแผ่แม่เบี้ยชูคออยู่กลางขบวนเสด็จของเจ้าชายโอซาเมซิสเหล่าทหารกรูกันเข้าไปปกป้องว่าที่ฟาโรห์ที่พยายามควบคุมม้าทรงที่กำลังแตกตื่น

เมดูอาแอบมองอยู่ห่างๆ ในฝูงชนที่เริ่มมาอออยู่บริเวณนั้นมาขึ้นทุกทีใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าคลุมซีดเผือดเมื่อเห็นเพื่อนของตนกำลังตกอยู่ในอันตรายเหล่าทหารล้วนจ้องหาช่องว่างจะจัดการอสรพิษแห่งท้องทะเลทรายที่เข้ามาขัดขวางขบวนเสด็จ

เด็กสาวพยายามแฝงตัวให้เข้าใกล้ที่สุด...อย่างน้อยถ้าฟาซิสได้กลิ่นอาจจะสงบลงและยอมกลับมาแต่โดยดีแต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้ขบวนเสด็จได้เลย ทหารที่ตรึงกำลังอารักขา ‘ว่าที่’องค์ฟาโรห์ทำให้เมดูอาไม่สามารถเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของงูเห่าทะเลทรายตัวนั้นได้

ดวงตาสีทรายเหลือบไปเห็นทหารคนหนึ่งดูจาการแต่งกายคงจะมียศพอสมควรทหารคนนั้นเงื้อหอกที่อยู่ในมือหมายจะปลิดชีพงูเห่าทะเลทรายตัวดำมะเมื่อมกำลังชูแม่เบี้ยขู่ศัตรูของเธอ...

เรื่องอะไรที่เธอจะยอม...หากฟาซิสจะต้องตายเธอขอเป็นคนลงมือเองดีกว่า

เมดูอาหยิบมีดสั้นที่อยู่ในเสื้อคลุมมาถือไว้ในมือโดยไม่ให้ใครผิดสังเกตในขณะที่ดวงตาสีทรายจับจ้องอยู่กับหอกที่กำลังเงื้อสูงขึ้นทุกที

แต่ก่อนที่มีดสั้นจะปลิวออกไปจากข้อมือ มือของใครบางคนก็เอื้อมมาจับมือเล็กนั้นไว้...เมดูอาหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นพี่ชายตน เขาส่งสายตาห้ามปรามไม่ให้เธอทำได้ดั่งใจคิด...ด้วยรู้ดีว่าหากเมดูอาขว้างมีดสั้นออกไปนั้นปัญหาคงไม่จบแค่นี้แน่ๆ มือหนาจึงแย่งมีดสั้นมาถือไว้เอง

เมื่อเมดูอาหันกลับไปมองยังขบวนเสด็จอีกครั้ง... ก็พบว่าฟาซิสถูกทหารอียิปต์จัดการเรียบร้อยแล้ว

เด็กสาวกัดริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้นและน้ำตาไม่ให้หยดลงมา...ดวงตาสีทรายมองไปยังคนที่อยู่ตรงกลางขบวนเสด็จที่ตอนนี้ควบคุมม้าให้หายจากอาการตื่นตระหนกได้แล้วและพูดอะไรบางอย่างกับทหารที่อยู่ข้างกายโดยไม่ได้สนใจซากงูเห่าทะเลทรายที่ถูกเขี่ยให้พ้นทางเสด็จ

แค้นนี้...เธอต้องเอาคืน คนๆ นั้นต้องชดใช้ร้อยเท่าพันทวี

ร่างบางถูกพี่ชายลากกลับมาที่กระโจม เด็กสาวพยายามหายใจลึกๆเพื่อระงับอารมณ์ของตนที่อยากจะกระโจนเข้าไปปลิดชีพคนที่บังอาจมาฆ่าเพื่อนของเธอ

หลังจากนั้นเมดูอาจำไม่ได้ว่าเธออาละวาดอยู่ในกระโจมนานแค่ไหนแต่พอควบคุมตัวเองได้ก็พบว่าเมฟูยืนรอนิ่งๆ อยู่หน้ากระโจม...เด็กสาวถลาไปกอดอีกฝ่ายก่อนจะปล่อยฮออกมาอย่างไม่อายใคร

เป็นครั้งแรกที่เธอร้องไห้ให้พี่ชายเห็น... เมฟูไม่ได้พูดอะไรแต่เขาก็ปล่อยให้เมดูอาระบายความอัดอั้นกับอกตนโดยใช้เพียงอ้อมกอดนั้นเป็นเครื่องปลอบใจ

คืนนั้นท่ามกางกองไฟที่ก่อขึ้นอย่างง่ายๆท่าทีของน้องสาวเหมือนจะเป็นปกติจนหาร่องรอยความเสียใจเมื่อกลางวันไม่เจอแต่ดวงตาสีน้ำตาลอมทองนั้นทำให้เขารู้ว่าเมาดูอากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ

"กลับเถอะเมอา เรามาอยู่ที่นี่นานเกือบจะครึ่งเดือนแล้วนะ...ยิ่งอยู่นานพี่ก็ยิ่งไม่สบายใจ"

เมฟูรู้สึกถึงลางบางอย่างที่กำลังคุคามเข้ามาในจิตใจ ถึงพวกเขาจะแสดงตัวเป็นพ่อค้าเร่ร่อน แต่หลายวันมานี้พวกเขาไม่ได้ซื้ออะไรเลยนอกจากอาหารประทังชีวิต...

หากทหารอียิปต์รู้เข้า...คงมีการพาตัวไปสอบสวนแน่ๆ

คำพูดของเมฟูทำให้เด็กสาวเรียกสติกลับมายังปัจจุบันดวงตาสีน้ำตาลทองหันไปมองหน้าเมฟูด้วยความสงสัยที่อีกฝ่ายทำท่าอยากจะกลับทั้งที่งานยังไม่สำเร็จ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เมดูอาและเมฟูเข้ามาอยู่ในอียิปต์ตอนบนนอกจากมาสืบข่าวเกี่ยวกับว่าที่ฟาโรห์องค์ใหม่แล้วภาระกิจหนึ่งที่ทั้งสองคนได้รับมอบหมายคือลองหาทางที่จะเข้าไปในวังหลวงเพื่อไปหาญาติของราชิดที่ถูกต้อนไปทำงานอยู่ข้างในวัง

จุดมุ่งหมายที่แท้จริง... เพื่อสักวันหนึ่งเมดูอาจะต้องเข้าไปในวังหลวง...และหาจุดอ่อนของศัตรูไว้ใช้เล่นงานในภายหลัง

เมดูอาเคยถามบิดาว่า…

“จะหาจุดอ่อนของศัตรูทำไมให้ยุ่งยาก...ฆ่าทิ้งซะก็หมดเรื่อง”

“ฆ่าศัตรูน่ะมันง่าย แต่การให้ศัตรูเจ็บยิ่งกว่าตายทั้งเป็นน่ะมันยาก” บิดาก้มลงมามองบุตรีก่อนจะพูดต่อไปว่า “ถึงอย่างนั้น...พ่อก็ยังอยากให้พวกอียิปต์ได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่ราชิดเคยได้รับพวกมันต้องชดใช้ในการกระทำครั้งนั้น”

ใช่ !!พวกมันต้องได้รับความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน...ถึงจะสาสม

เมดูอามองมือขวาที่เคยจับดาบ ยิงธนูซ้อมกับราชิด…มือนี้ที่ราชิดของฝากความแค้นกับความหวังเอาไว้และเธอต้องทำมันให้สำเร็จ

ในวัยเด็กของเมดูอา...เด็กน้อยวัยห้าขวบที่น่าจะเป็นวัยที่มีความสุขไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นวันๆ ก็เล่นกับเพื่อน ค่ำมาก็กลับกระโจม

...แต่สำหรับเมดูอา เช้าขึ้นมาต้องออกไปฝึกขี่ม้ากับผู้เป็นบิดา สายหน่อยก็ต้องไปเรียนการต่อสู้และการใช้อาวุธกับราชิดได้พักแค่ช่วงเที่ยงหลักจากนั้นก็จะเรียนหนังสือโดยมีไนล่าเป็นคนสอนพอตอนเย็นก็จะไปซ้อมดาบกับบิดาอีกครั้ง…ค่ำลงก็นอนเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต

ถึงแม้จะเหนื่อยและอ่อนล้า... แต่นี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่เมดูอาสามารถตอบแทนความเสียสละของราชิดและครอบครัวได้

“ก็บอกแล้วไง...ว่าข้าไม่กลับ”

“เมอา...”

“พี่ข้า... ท่านก็รู้ใช่ไหมว่าเรามาอียิปต์ตอนบนกันทำไม”

ดวงตาสีทรายจ้องมองไปที่ชายหนุ่มเหมือนจะเตือนให้เขานึกออกว่าเหตุใดเมเทเทปถึงต้องการให้เมดูอาเข้ามาในอียิปต์ตอนบน

“ฤา...พี่ข้ากลัวพวกทหารอียิปต์ ??”


(โปรดติดตามตอนต่อไป)




Create Date : 23 เมษายน 2556
Last Update : 23 เมษายน 2556 18:59:51 น.
Counter : 725 Pageviews.

2 comment
สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 07

สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 07


 


คนที่อยู่บนหลังม้าสีหมอกเอามือจับตรงลงบนหัวใจที่กำลังเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนภาพเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนและผู้คนปรากฏสู่สายตาบ่งบอกได้ว่า...เธอเข้ามาในอาณาเขตของศัตรูแล้วดวงตาสีทรายหันไปมองคนที่มาด้วยกันก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองเธออยู่เช่นกัน

“ตอนนี้ยังถอยกลับทันนะ”

แววตาของเมดูอาไหววาบและอาการนิ่งค้างอยู่บนหลังม้าเมื่อครู่ ทำให้ชายหนุ่มเริ่มลังเลว่าเขาควรพาน้องมาที่นี่หรือเปล่า...นี่เป็นครั้งแรกที่เมดูอาได้เข้ามาถึงถิ่นของฝ่ายศัตรู ในขณะที่เขากับพรรคพวกเข้ามาสำรวจและสืบข่าวในเมืองอียิปต์ตอนบนหลายครั้ง

“ถอยให้โง่สิ...พึ่งมาถึง”

ดวงตาสีทรายตวัดค้อนโดยไม่รู้ตัว อีกฝ่ายคงนึกว่าเธอกำลังกลัว...แต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้หัวใจของเธอกำลังตื่นเต้นจนไม่สามารถห้ามได้เลยเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับอนุญาตจากบิดาให้เข้ามาสำรวจในตัวเมืองอียิปต์ตอนบน...ถึงแม้ว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากคำอนุญาตคือคำสั่งห้ามของมารดาตามมายาวเป็นพรวน

เมื่อสงบใจลงได้...ร่างบางก็กระตุกบังเหียนม้าให้ออกเดินเข้าไปในแดนของศัตรู

ในขณะที่เมฟูได้แต่ส่ายหน้าระอาคนที่ทำปากแข็งเมื่อครู่เขาเห็นสีหน้าหวาดหวั่นของน้องถึงแม้จะเพียงชั่วขณะแต่เขาก็รู้ดีว่าเมดูอากำลังคิดอะไรอยู่... ใครบ้างจะไม่กลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ตนรู้ดีว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหน

ฝูงคนดูเหมือนจะหนาแน่นผิดปกติเมื่อเด็กสาวควบม้าเข้ามาในตัวเมืองสิ่งที่เห็นนอกจากฝูงคนที่หนาแน่นแล้วเหมือนจะมีทหารมากมายอยู่ตรงทางเข้าวิหารของเทพอนูบิส

ดวงตาสีทรายมองเห็นผู้คนจำนวนหนึ่งถือข้าวของและเห็นคานหามที่ทำลวดลายวิจิตรงดงามเกินกว่าที่คนธรรมดาจะมีได้...อยู่ตรงทางเข้าของวิหารดูคล้ายขบวนแห่ที่กำลังรออะไรสักอย่าง

"เกิดอะไรขึ้น... เหมือนมีงานอะไรสักอย่าง"

หญิงสาวมองภาพเบื้องหน้าจากบนหลังอาชาสีหมอกผู้คนมากมายพากันมารวมตัวออแน่นอยู่หน้าวิหารแห่งเทพอนูบิสจนไม่มีใครสนใจคนเดินทางสองคนที่แต่งกายผิดแผกชาวบ้านเสื้อผ้าที่ทั้งสองคนสวมใส่คลุมตัวจนเกือบมิดมองเห็นเพียงดวงตาโผล่ออกมา...

เมดูอาก้มหน้าลงไม่อยากให้ใครเห็นดวงตาสีน้ำตาลอมทองด้วยรู้ดีว่าสีตาที่ผิดปกติแบบนี้อาจจะพาเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลังหากทหารอียิปต์มาเห็นเข้า...และถ้ายิ่งเห็นสีผมที่แปลกประหลาดกว่าคนอื่นอาจจะถูกจับไปสอบสวนต่อในคุกก็ได้

ในฐานะอาจจะเป็น... ‘ไส้ศึก’ ที่มาจากต่างแดน

เมฟูลงจากหลังม้าก่อนจะดึงสายรั้งบังเหียนม้าของตัวเองและม้าของน้องสาวจูงไปพร้อมกันผู้คนมากมายแบบนี้ไม่เหมาะที่ควบม้าแหวกเข้าไปอาจจะทำให้ม้าตื่นได้ง่ายและทำให้ควบคุมทิศทางลำบาก

ชายหนุ่มไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นงานอะไร แต่ถ้าเป็นเทพอนูบิส...มันก็ต้องเกี่ยวข้องกับความตาย

ฟาโรห์อามันโฮเทปเป็นชื่อแรกที่เขานึกออก...

งานใหญ่ขนาดนี้จะเป็นงานของใครไปไม่ได้นอกจากงานศพของเจ้าผู้ครองอียิปต์ตอนบน

ทหารเดินมาออกมาจากในวิหารคอยกันคนที่พยายามจะเข้าไปดูพิธีการข้างในซึ่งถ้าไม่ใช่คนในราชวงค์หรือนักบวชผู้ทำพิธีก็ไม่สามารถให้เข้าไปได้

"ขบวนเคลื่อนพระศพเสด็จแล้ว" เสียงของทหารที่ยืนอยู่หน้าวิหารร้องบอก ประชาชนชาวอียิปต์นับพันชะเง้อเข้าไปในวิหารเพื่อจะได้เห็นขบวนแห่พระศพและอยากจะยลโฉมผู้ปกครองอียิปต์ตอนบนคนใหม่

ทันที่ขบวนอันเชิญพระศพของอดีตฟาโรห์เดินออกมาจากวิหารของเทพอนูบิสประชาชนที่รุมล้อมมุงดูอยู่โดยรอบก็หนีฮือออกมาจนเกิดจารจลย่อยๆ ขึ้น

ผู้คนค่อยๆ ก้มศรีษะหมอบลงพื้นไม่กล้ามองเมื่อคณะนักบวชและตัวแทนของเทพอนูบิสเดินนำขบวนออกมาเมฟูต้องรีบลากน้องสาวลงจากหลังม้าก่อนจะบังคับให้อีกฝ่ายให้นั่งก้มหน้าเอาไว้จะได้ไม่ผิดสังเกตุ

"อะไร...พี่ข้า เกิดอะไรขึ้น ??" เมดูอาร้องถามอีกฝ่ายอย่างตกใจ เธอพยายามเงยหน้าขึ้นมองแต่ถูกมือใหญ่กดศรีษะนั้น

"อย่าเงยหน้าขึ้นมองนะเมอา... นี่คือพิธีศพของอดีตฟาโรห์อามันโฮเทป ถ้าใครเงยหน้าจะเป็นการไม่ให้เกียรติแก่ผู้ตายและเทพอนูบิส" พี่ชายกระซิบบอกอีกฝ่าย

"ข้าไม่จำเป็นที่จะต้องให้เกียรติผู้เป็นศัตรู"

เมดูอาฮึดฮัดที่ตนต้องเป็นฝ่ายเคารพศัตรูผู้ที่ครั้งหนึ่งมีคำสั่งให้ประหารเด็กทารกที่เกิดในเดือนนั้นและอาจจะเป็นตัวเธอที่ต้องตาย...หากบุตรของราชิดไม่มารับเคราะห์แทน

"เจ้าจะไม่ให้เกียรติคนตายก็ได้นะ แต่เจ้าจะไม่ให้เกียรติเทพอนูบิสไม่ได้"

พี่ชายอธิบายถึงความหมายที่แท้จริงของการก้มครั้งนี้... ถึงแม้พวกเขาจะเป็นพวกเร่ร่อนอยู่ในทะเลทราย แต่ครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยปกครองอียิปต์ตอนกลางก่อนที่จะถูกพวกอียิปต์ตอนบนบุกบึดภายหลังเพราะฉะนั้นทุกวันนี้พวกเขาก็ยังเคารพเทพเจ้าเหมือนเช่นเดิมที่เคยเป็นมา

"ก็ได้...ข้าถือว่าครั้งนี้ข้าจะก้มหัวให้เทพอนูบิสเท่านั้น"หญิงสาวกัดฟันตอบ...ด้วยความเป็นคนที่ไม่ยอมใครทำให้หญิงสาวจึงไม่เคยต้องก้มหัวให้ใครยกเว้นผู้เป็นพ่อกับแม่

"ผู้แทนพระองค์ เจ้าชายโอซาเมซิสเสด็จแล้ว..." เสียงประกาศอีกครั้งของทหารคนเดิมทำให้หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าอยู่ปลายแถวเงยหน้าขึ้นมองอย่างตั้งใจ

ผู้แทนพระองค์...งั้นก็หมายความว่าผู้ชายคนนี้คือฟาโรห์องค์ต่อไป เธออยากจะรู้นักว่าศัตรูคนใหม่ของเธอจะหน้าตาเป็นอย่างไร

แวบแรกที่พบ...เมดูอาถึงกับอุทาน

"นี่เรอะ... ว่าที่ฟาโรห์คนใหม่"

ผมสีดำถูกรวบอยู่ในมงกุฎของเจ้าชายแห่งอียิปต์ตอนบน...ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวสีดำเข้มได้รูป ดวงตาสีนิลเหมือนเหยี่ยวทะเลทราย จมูกที่โด่งเป็นสันรับกับปากแดงอิ่มหยักลึกได้รูป...ให้ตายเถอะเมื่อทุกอย่างมารวมกันบนใบหน้าแล้วน่าจะเรียกว่า...สวยมากกว่าหล่อ

อาจจะสวยกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ...

เมดูอารีบก้มหน้าลงตามเดิมเมื่ออีกฝ่ายเองก็จ้องมองมายังเธอเช่นกัน...ขบวนเสด็จสะดุดกึกเมื่อว่าที่องค์ฟาโรห์คนใหม่หยุดมองดูชาวบ้านที่กำลังก้มหน้า

ใช่ทุกคนกำลังก้มหน้า...ยกเว้นคนๆนั้นที่อยู่ข้างกายคนตัวโต...ที่กำลังเงยหน้าจ้องมองมายังขบวนพิธีแต่พอเขาหันกลับไปมองให้เต็มตาดวงตาคู่นั้นก็หลุบต่ำแต่มันก็ทันพอที่จะทำให้เขามองเห็นดวงตาของอีกฝ่ายที่เหมือนจะสะท้อนสีของท้องทะเลทรายเอาไว้

จะเป็นไปได้ไง... เขาอยู่ตั้งไกลจะสามารถเห็นได้ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ??คงเป็นเพราะแสงหักแหมากกว่าโอซาเมซิสเลยเห็นตาคนเป็นสีผิดเพี้ยนขนาดนี้

เขาไม่รู้ว่าเจ้าของดวงตานั้นเป็นหญิงหรือชาย...เพราะชุดที่แต่งกายนั้นดูใหญ่รุ่มร่ามจนเหมือนเด็กขโมยเสื้อพ่อมาใส่ใบหน้านั้นถูกบดบังด้วยผ้าสีเดียวกับผ้าโพกผม...คงเป็นพ่อค้าเข้ามาค้าขายกระมังเขาเห็นม้าสองตัว ที่ยืนอยู่ข้างๆ นายของมัน...บนหลังม้าก็มีถุงใส่สัมภาระพาดอยู่

โอซาเมซิสเลิกสนใจอีกฝ่ายทันทีตอนนี้เขามีภาระที่สำคัญกว่า...คือการเป็นเป็นพยานในการยืนยันความบริสุทธิ์ของวิญญาณคนตายต่อหน้าเทพโอซิริสเทพธอธ เทพีอะมาต เทพอนูปู และเทพอีกทั้ง 42 พระองค์

หากเขาไม่สามารถแก้ต่างให้ได้แล้วไซร้... พระศพของอดีตฟาโรห์อามันโฮเทปจะถูกเมินไม่ได้รับการฝังที่ถูกต้องในพีระมิดและจะถูกโยนพระศพกลายเป็นอาหารแก่พวกนกแร้ง

นี่คือภาระสุดท้าย...หน้าที่ของผู้เป็นบุตรที่จะทำให้กับบิดา

เขาต้องทำให้ได้...

"พี่ข้าขบวนพระศพฟาโรห์องค์นี้จะไปไหนต่อ..." หญิงสาวถามทันที่ที่ได้ลุกหลังจากพวกทหารข้าราชบริพาน และนักบวช รวมทั้งเจ้าชายหน้าสวยที่เธอแอบตั้งฉายาอยู่ในใจ...ไปกันหมดแล้ว

"เขาจะพาไปยังที่ที่ฟาโรห์อามันโฮเทปได้พักผ่อนและจะรอวันคืนชีพกลับขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เทพอนูบิสได้ชำระพระศพจนสะอาดหมดครบ 70 วัน "

พี่ชายหันมามองหน้าเมดูอาใบหน้าของเธอยามนี้เหมือนเด็กที่กำลังเจอของเล่นชิ้นใหม่

"ข้าจะไปดู"

นั่นไง...คำตอบของน้องสาวทำให้เขานึกหวั่นใจอยู่แล้วว่าเจ้าตัวต้องคิดอะไรแผลงๆสักอย่าง

"ไม่ได้..." เมฟูทำเสียงเหี้ยม "...ในนั้นเขาไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปยกเว้นนักบวชและผู้ที่จะนำพาดวงวิญญาณไปส่งให้เทพโอซิริส"

"ข้าก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะเข้าไปดูข้างใน... ข้าแค่จะแอบมองดูข้างนอกห่างๆนะ...พี่ข้า...นะ"

เมดูอาทำสีหน้าออดอ้อนพี่ชายเหมือนเช่นทุกทีและมักจะทำให้เขาใจอ่อน แต่คราวนี้เมฟูให้น้องทำตามใจเช่นทุกทีไม่ได้จริงๆ

"ยังไงก็ไม่ได้...”เมฟูรีบชี้หน้าอีกฝ่ายทันทีที่คนตรงหน้ากำลังจะอ้าปากพูด “เจ้าสัญญากับท่านอาไนล่าแล้วนะว่าจะไม่ดื้อกับพี่”

แน่นอน...คำสัญญาที่อีกฝ่ายย้ำเตือนขึ้นมานั้นทำให้เด็กสาวเงียบไม่กล้าโต้แย้งและไม่กล้าขัดคำสั่งของมารดาอีกด้วยแต่ยังไงเธอก็ต้องสืบข้อมูลของฝ่ายศัตรูไปให้มากที่สุดตามคำสั่งของบิดาเช่นเดียวกัน

‘จำไว้นะเมอาที่พ่อให้เจ้าไปอียิปต์ตอนบนครานี้...พ่อหวังจะให้เจ้าไปเรียนรู้ศัตรูคนใหม่ให้มากที่สุดถ้าเป็นไปได้...จงไปหาจุดอ่อนของศัตรูให้พบ...’

‘ข้าสัญญาท่านพ่อ...ข้าสัญญา’

เด็กสาวดึงสายรั้งบังเหียนของเจ้ามาสีหมอกออกมาจากมือเมฟูใบหน้าที่เรียบเฉยของอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าโดนน้องสาวจอมยุ่งงอนเข้าให้แล้ว

“ไม่เอาน่า... พี่หวังดีกับเจ้านะ”

ใช่...เมดูอารู้ดีว่าพี่ชายหวังดีแต่ก็ไม่ชอบที่ถูกอีกฝ่ายขัดใจ...ทั้งที่อยากจะเข้าไปดูอีกฝ่ายให้ใกล้กว่านี้สักนิดอย่างน้อย...บางทีเธออาจจะรู้อะไรเกี่ยวกับศัตรูมากขึ้นก็ได้

"เหอะ...ข้ารู้น่า”

“แล้วนั่นเจ้าจะไปไหนกัน” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายจูงม้าสีหมอกเดินไปยังทิศตรงข้ามของขบวนแห่พระศพของอดีตฟาโรห์

“ไปตลาด... ข้าจะไปหาอะไรลงท้องสักหน่อย”

“ตลาดน่ะ...อยู่ทางนี้”

เมฟูชี้ไปอีกทางในขณะที่เมดูอาหยุดกึกก่อนจะหันไปมองยังทิศทางที่เมฟูชี้เด็กสาวทำปากพึมพำราวกับจะสวดอะไรสักอย่างก่อนที่จะจูงม้าคู่กายเดินตรงไปยังทิศนั้นโดยไม่ได้สนใจพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังอีกเลย

ตอนนี้เธอต้องการไปให้พ้นจากอีกฝ่ายโดยไวก่อนที่จะสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ไหวและอาจจะเผลอลงมือทำร้ายร่างกายพี่ชายจอมขัดลงไปด้วยความไม่ตั้งใจแต่เจตนา...

เมฟูพยายามกลั้นหัวเราะไว้อย่างสุดเสียงเมื่อเห็นกิริยาของอีกฝ่าย

โถ่เอ้ย... ทำเป็นงอนยัยเด็กแก่แดด !!


(โปรดติดตามตอนต่อไป)


* * * * * * * * * * * * 


อะแฮ่ม...ขอผมแทรกช่วงท้ายนิดนึงครับ พอดีมีเพื่อนท่านหนึ่งท้วงมาว่าโพสต์วันละตอนถี่เกินไป... ทำให้นิยายเรื่องอื่นตกเร็วมาก กระผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย m(_ _)m  และตอนนี้กำลังคิดว่าจะโพสต์ห่างออกมาอีกหน่อยเป็นสัปดาห์ละตอนเพื่อนๆ คิดว่าไงบ้างครับ...




Create Date : 20 เมษายน 2556
Last Update : 20 เมษายน 2556 15:26:51 น.
Counter : 712 Pageviews.

5 comment
สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 06

สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 06



ม้าสองตัวที่วิ่งห้อจนฝุ่นตลบเห็นมาแต่ไกลหยุดอยู่บนเนินทรายลูกหนึ่ง ชายหนุ่มที่ดูสูงกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัดเป็นเจ้าของม้าสีน้ำตาลไหม้เขาหันมองเพื่อนร่วมทางที่บังคับม้าสีหมอกให้เดินไต่เนินทรายอีกลูกที่อยู่สูงกว่า

ทั้งสองมองเห็นโอเอซิสที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่ยืนอยู่...ด้วยความคุ้นเคยเส้นทางทำให้ทั้งสองคนรู้ว่าโอเอซิสแห่งนี้มีขนาดใหญ่และมีน้ำเพียงพอที่จะให้คนเผ่าได้พักอาศัยสักคืนสองคืนก่อนที่จะออกเดินทางไปยังเมืองถัดไป

"เจ้าคิดว่าไง ??"

เด็กหนุ่มที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ อยู่ในชุดประจำเผ่าเผยให้เห็นรูปร่างที่สูงโปร่งหากแต่ก็มีกล้ามเนื้อปรากฏอันเนื่องมาจากการออกกำลังกายอยู่เป็นนิจผมซอยสั้นถูกสะบัดเพื่อไล่ทรายให้ออกจากศรีษะในขณะที่เปียหางเต่าอันเล็กที่อยู่ตรงท้ายทอยก็ไกวแกว่งไปตามแรงสะบัด

ความจริงเวลาเดินทางกลางทะเลทรายแบบนี้เขาต้องมีผ้าโพกหัวอีกชั้นแต่อากาศเมื่อเช้าที่ไม่มีแดดทำให้เขาไม่ได้หยิบผ้าโพกหัวติดมือมาด้วยทั้งที่คิดว่าจะออกมาขี่ม้าเล่นนิดหน่อยแต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงจนเกือบจะตรงหัว

ในขณะที่อีกคนร่วมเดินทางมาด้วย...มีผ้าโพกหัวและคลุมหน้าปิดบังไอแดดอย่างมิดชิดอีกทั้งเครื่องแต่งกายที่ดูยาวรุงรังนั้นทำให้ดูแทบไม่ออกว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างแบบไหน...มีเพียงดวงตากลมโตสีทรายมีแววขี้เล่นปรากฏให้เห็นเป็นประจำ

"คิดว่าไงได้เล่า... "

คนที่มีผ้าที่พันปิดจมูกและปากแสยะยิ้มอยู่ข้างใน …อีกฝ่ายถึงจะมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงแต่ลูกตาคู่นั้นก็บอกว่าเจ้าตัวกำลังนึกแผนการร้ายอยู่แน่!!

"นอกจาก...ใครไปถึงทีหลังคนนั้นต้องอาบน้ำให้ม้าของอีกฝ่าย ตกลงตามนั้นไหมพี่ข้า??"เจ้าของม้าสีหมอกเอ่ยท้าพนันกับอีกฝ่าย...ดวงตาคู่นั้นวาววับด้วยความสนุก ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองแล้วแอบเก็บไว้ในความทรงจำแห่งใจ...

"ได้เลย ถ้าเจ้าคิดว่าจะชนะข้าได้นะ...เมอา"ชายหนุ่มกระตุกบังเหียนม้าอย่างแรงหลังพูดจบก่อนหวดแส้ไปที่ก้นของม้าเพื่อกระตุ้นให้มันห้อเต็มเหยียด...ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีอายุน้อยกว่า แต่เขาก็ไม่ออมมือให้และก็ไม่อยากพ่ายแพ้ด้วย

"ข้าต่อให้เจ้าเนินทรายหนึ่งลูกยังได้เลยนะพี่ข้า"

เด็กน้อยแสยะยิ้มตะโกนบอกอีกฝ่ายที่ควบม้าออกไปก่อน ยิ้มที่รู้แน่ว่าตนต้องเป็นฝ่ายมีชัย...หากแต่อีกฝ่ายไม่ได้เหลียวกลับมาดู

"ไป๊...!!"

คนร่างเล็กกว่าเอาเท้ากระทุ้งลำตัวของม้าเบาๆ เพียงเท่านั้นเจ้าม้าสีหมอกก็อ่านความคิดของคนที่นั่งอยู่บนหลังของมันออก...มันไล่ห้อม้าของคนตัวโตกว่าเต็มฝีเท้า

ทั้งคนและม้า...ต่างก็ไม่ยอมแพ้อีกฝ่าย

"ข้าบอกแล้วไง... ว่าข้าต้องชนะเท่านั้น"เจ้าของม้าสีหมอกหันมาบอกชายหนุ่ม...เมื่อม้าของเด็กน้อยตีฝีเท้าควบคู่มากับม้าของอีกฝ่ายก่อนจะแซงหน้าเมื่อขึ้นเนินทรายลูกถัดไป

ม้าทั้งสองและเจ้าของมุ่งหน้าไปยังโอเอซิสที่เห็นอยู่ไม่ไกลนักถึงแม้จะนำ...แต่เด็กน้อยไม่ประมาทยังคงรักษาระยะห่างไว้อย่างเยี่ยมยอดก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นไปอีกเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย...

ม้าสีหมอกเปลี่ยนจากการห้อสุดฝีเท้ามาเป็นเหยาะย่างเมื่อคนบนหลังดึงบังเหียนและค่อยๆ เดินมาหยุดนิ่งริมน้ำตามคำสั่งของเจ้านาย

เจ้าของม้าสีหมอกกระโดดลงจากหลังม้ามายืนรออีกฝ่ายที่เพิ่งควบม้าเข้ามาในโอเอซิสดวงตาสีน้ำตาลทองราวกับจะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่าย

"เจ้าแพ้พนันข้าแล้วนะ...พี่ข้า"

ผู้มาทีหลังทำหน้าหงิกที่รู้ว่าตนแพ้น้องอีกแล้วทั้งๆที่ไม่ได้ออมมือให้อีกฝ่ายแม้แต่น้อย แต่ใครๆก็รู้ว่าเจ้าอาชาสีหมอกตัวนี้ฝีเท้าจัดว่าดีเกือบที่สุดในเผ่า...เป็นรองก็แค่ม้าของเมเทเทปเท่านั้น

"ชิ...คราวหน้าข้าจะท้าเจ้าแข่งอูฐ"

ผู้แก่กว่ายังคงไม่ยอมแพ้ ต้องมีสักอย่างน่าที่เขาจะชนะน้องได้...เด็กน้อยหัวเราะร่าก่อนโยนบังเหียนม้าของตนให้ให้ผู้เป็นพี่ไปจัดการ

"ได้เสมอพี่ข้า...แต่คราวนี้ท่านต้องอาบน้ำให้ม้าของข้าไปก่อนนะ"

เจ้าของชัยชนะปลดผ้าโพกหัวที่พันปิดครึ่งหน้าตนออกหลังจากนั้นก็ปลดเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่ยาวรุ่มรามตามลงมาอวดผมยาวสยายสีน้ำตาลอ่อนเหลือบทองแผ่สยายอยู่เต็มกลางหลัง

ที่ผมของเมดูอาผิดแผกจากชาวเผ่าคนอื่นเป็นเพราะพิษของยางม่วง...ในครั้งนั้นพิษของยางม่วงทำให้เด็กน้อยมีอาการเป็นตายเท่ากันติดต่อกันนานถึงสามวันทุกคนในเผ่าต่างก็ไม่คิดว่าทารกน้อยจะรอด...แต่พอผ่านพ้นทิวาของวันที่สามเมดูอาก็รอดมาได้ราวกับปฏิหารย์

การรอดครั้งนั้นทำให้หลายอย่างในตัวของเมอาเปลี่ยนไป...ไม่ว่าจะเป็นผมสีน้ำตาลอ่อนเหลือบทอง หรือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสีของเม็ดทราย...ผิวที่ออกขาวซีดผิดแผกเผ่าพงศ์รูปร่างที่ผอมแห้งตลอดเวลาตลอดเวลาทั้งที่รับประทานไปมากแค่ไหนก็ไม่อ้วนอีกทั้งการเจริญเติบโตนั้นก็ดูช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด...และพิษนั้นก็ยังคงมีผลต่อร่างกายมาจนถึงทุกวันนี้ทำให้เธอมีไข้บ่อยๆหากร่างกายอ่อนแอหรืออดนอนติดต่อกันหลายคืน

รูปร่างของเมดูอานั้นผอมบางเหมือนจะหักได้ง่ายเป็นสองท่อนหากออกแรงเพียงนิดเดียวและอาการป่วยไข้ที่มักเกิดขึ้นโดยเด็กสาวไม่ทันตั้งตัวทำให้ผู้เป็นพี่ต้องคอยดูแลน้องน้อยอยู่ไม่ห่าง... ทั้งที่เจ้าตัวนั้นบอกเสมอว่า

‘ข้าดูแลตัวเองได้’

เขาสัญญากับตัวเองตั้งแต่เด็กแล้ว...ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไรเมดูอาจะเป็นเช่นคำทำนายหรือไม่ก็ช่าง...เขาจะขออยู่ดูแลอีกฝ่ายไปตลอดชีวิต...จะไม่ยอมผิดพลาดเป็นครั้งที่สองอีก

"เฮ้ย...ทำอะไรน่ะ เมอา !!" ชายหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มต้นถอดเสื้อตัวยาวออกเขารีบหันหลังให้อีกฝ่ายทันทีแต่หูก็ยังได้ยินเสียงน้องสาวหัวเราะดังอยู่ข้างหลัง

"เป็นอะไรไปพี่ข้า ข้าก็แค่จะอาบน้ำเท่านั้น... ทำเป็นเขินไปได้ เมื่อก่อนเจ้ายังอาบน้ำให้ข้าเสมอเลยไม่ใช่ฤๅ"

"แต่ตอนนี้เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว...น่าจะสำรวมตัวไว้บ้างมาแก้ผ้าแก้ผ่อนกลางแจ้งแบบนี้มันไม่งาม" เขาเตือนอีกฝ่ายและยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะร่าของน้องสาวดังขึ้นกว่าเดิม

"แล้วใครว่าข้าจะแก้ผ้าเล่า ข้าใส่เสื้อกับกางเกงไว้ข้างในอีกตัวน่า..."

คำตอบของเมดูอาทำให้เมฟูหันกลับไปมองอย่างช้าๆก่อนถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นเสื้อสีดำกับกางเกงขายาวสีเดียวกันสวมทับอยู่บนตัวน้องสาว

"แล้วไป... ไม่ใช่อะไรหรอก ข้าสงสารเทพเจ้าที่สถิตอยู่แถวนี้ต้องเห็นเจ้าโป๊ต่างหากผู้หญิงอะไรโตเป็นสาวแล้วแต่แบนยิ่งกว่าไม้กระดาน...โอ๊ย !"คนพูดร้องเสียงหลงเมื่อลูกหินขนาดเท่าไข่กาปาโดนตรงกลางหัวชนิดที่เรียกว่าแม่นเหมือนจับวางเมฟูรู้ดีว่าเรื่องอื่นต่อหน้าเมดูอาพูดได้

ยกเว้นสองเรื่อง...หนึ่งในนั้นคือคือเรื่องหน้าอก

เขารู้ดีว่าน้องสาวคงเก็บไปคิดเป็นปมด้อยของตัวเองอยู่นิดๆแต่หญิงสาวยังไม่รู้ว่าตนเองจะตัวโตได้อีก และหน้าอกที่แบนราบในวันนี้ต่อไปจะขยายขนาดขึ้นแน่นอน...มั้ง!!

เมฟูไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไร...เด็กสาวที่อายุน้อยกว่าเมดูอานั้นเริ่มมีหน้าอกกันหมดแล้วและบางคนที่มีอายุมากกว่าเมดูอาสองสามปีก็มีครอบครัวแล้ว

"เมอา ปีนี้เจ้าเท่าไรแล้วนะ" พี่ชายถามอีกครั้งทั้งๆที่เขาเองก็รู้คำตอบนั้นอยู่ แต่เขากำลังชวนน้องเปลี่ยนเรื่องคุย

จะได้ไม่โดนม้า เอ้ย!...น้องสาวดีดหินใส่เหมือนเมื่อกี้อีก

"ปีนี้ก็...สิบสี่แล้ว"

เจ้าตัวกระโดดลงว่ายในน้ำเย็นถึงจะเป็นโอเอซิสกลางทะเลทรายแต่น้ำบริเวณนี้ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้จนแดดส่องไม่ถึง

น้ำจึงได้เย็น...จนเจ้าตัวยังหนาวสั่นทันทีที่ร่างบางกระทบกับผิวน้ำ

"สิบสี่งั้นเรอะ...งั้นข้าก็จะอายุสิบเก้าแล้วงั้นสิ ...ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วเช่นนี้"

ชายหนุ่มเผลอถอนหายใจยาวในขณะที่มือกำลังแปรงขนม้าสีหมอกเพื่อไล่ฝุ่นและเม็ดทรายที่เกาะอยู่ตามแผงคอเมดูอาว่ายน้ำมาใกล้ๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเมฟู

"มีอะไรรึพี่ข้า... ทำหน้าอย่างกับคนถ่ายไม่ออก"

"ข้าไม่อยากเป็นผู้ใหญ่เลย..."

ถึงจะไม่ได้สืบทอดคำทำนายเหมือนเช่นเมดูอาแต่สักวันเขาก็ต้องเป็นหัวหน้าเผ่ารับผิดชอบผู้คน...แทนอาเมทที่เริ่มจะสูงวัยอาเมทเคยพูดกับเขาหลายหนแล้วว่าจะวางมือเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่...แต่ก่อนที่จะรับตำแหน่งเขาก็ต้องแต่งานมีครอบครัวเสียก่อน

ความจริงวัยเช่นเขาเป็นวัยที่ต้องมีครอบครัวได้แล้ว... แต่เขาแกล้งถ่วงเวลาไปเรื่อยเพราะไม่อยากจะมีภาระมาคล้องตัวเหนืออื่นใดที่สุด...เขาอยากอยู่กับเมดูอาให้นานกว่านี้อีกนิด

"ความจริงวัยเช่นพี่... น่าจะแต่งงานได้ตั้งนานแล้วนะพี่ข้า"

“ข้าไม่อยากมีครอบครัว...”

เมดูอานิ่งเงียบเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้น...ที่จริงแล้วเธอรู้แค่เพียงว่าทำไมเมฟูถึงไม่อยากมีครอบครัวเขาเคยบ่นให้เธอได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่าไม่อยากรับช่วงหัวหน้าเผ่าต่อจากบิดาของเมดูอาถ้าเขามีครอบครัวเมื่อไรเมื่อนั้นคือวันที่เขาสูญสิ้นอิสรภาพ

ถ้าเมดูอาเป็นชาย...อย่างน้อยก็คงจะช่วยเมฟูให้เขามีอิสระได้ดั่งใจต้องการ

“ข้าไม่พร้อมที่จะรับภาระหรือรับผิดชอบใครทั้งนั้น...”

ชายหนุ่มจูงเจ้าม้าสีหมอกลงน้ำเป็นเวลาเดียวกับที่หญิงสาวพาตัวเองขึ้นจากน้ำไปอย่างเงียบเชียบความรู้สึกของเธอตอนนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับพี่ชาย...เธอเองก็ยังไม่พร้อมที่จะรับภาระอันหนักอึ้งแต่ให้ปฏิเสธง่ายๆ เหมือนอีกฝ่ายนั้นเธอทำไม่ได้

เมดูอาเป็นความหวังหนึ่งเดียวของชาวฮิคโซส...ภาระที่หนักอึ้งไม่น้อยกว่าการรับผิดชอบผู้คนในเผ่าฮิคโซส

...‘นางผู้จะพาทุกคนคืนบ้าน’...

คำทำนายที่เธอรับรู้มาตลอดตั้งแต่จำความได้...และถูกปลูกฝังจากบิดาให้เรียนรู้เกี่ยวกับกลศึกจนชำนาญ เรียนรู้การต่อสู้ทุกรูปแบบรวมทั้งเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอียิปต์...และศัตรู

ทุกสิ่งที่ฟาโรห์รู้...เธอก็ต้องรู้เช่นกัน

ฝีมือในการรบของเธอตอนนี้เป็นรองแค่บิดากับราชิดเท่านั้น

เมฟูเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป... เมื่อหันไปมองก็พบว่าร่างบางขึ้นจากน้ำตรงไปที่เสื้อคลุมถูกวางอยู่ก่อนจะใช้มันเช็ดตัวอย่างลวกๆ แต่สีหน้าของอีกฝ่ายกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ทำให้เขานึกออกว่าพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกไปเสียแล้ว

เมดูอาเองตั้งแต่เกิดก็รับแบกรับความรับผิดชอบอันหนักอึ้งไว้บนบ่าน้อยๆมาโดยตลอดโดยไม่ได้โอดครวญให้ใครได้ยิน...นับว่ามีจิตใจที่กล้าเกร่งตั้งแต่เด็กแต่แท้ที่จริงแล้วเขารู้ว่าเมดูอาเองก็ยังหวั่นไหวต่อภาระที่เหล่าผู้คนฝากความหวังอันยิ่งใหญ่ไว้

ในขณะที่เขาผู้เป็นพี่ได้แต่มองอยู่ห่างๆด้วยความห่วงใยแต่ไม่สามารถแบ่งเบาภาระนั้นลงได้เลย...หน้าที่นี้เป็นของเมดูอามาตั้งแต่เกิดและมันจะเป็นตลอดไปจนกว่าเด็กสาวจะทำสำเร็จหรือจนกว่าสิ้นลมหายใจเขาจึงได้แต่เพียงให้กำลังใจและคอยช่วยเหลืออยู่ข้างกายเพื่อที่น้องของเขาจะได้ทำหน้าที่นั้นให้สำเร็จ

"เป็นอะไรไปเมอา บอกพี่ได้ไหม ??” น้ำเสียงนั้นมีร่องรอยห่วงใยจนปิดไม่มิด แต่น้องสาวยังคงส่ายหน้าแทนคำตอบ “หรือว่า... กำลังกังวลเกี่ยวกับคำทำนายนั้น”

แววตาไหววูบของอีกฝ่ายทำให้เมฟูรู้ทันทีว่าตนเองเดาถูก...คำทำนายที่เขาได้ยินมาจนเบื่อ

น้องของเขาจะนำชาวฮิคโซสกลับคืนแผ่นดินแม่แห่งอียิปต์

เขาไม่สนใจว่าน้องเขาจะพาพวกเขากลับบ้านได้หรือไม่เมฟูสนใจเพียงอย่างเดียวว่าสิ่งไหนที่จะให้น้องมีความสุขได้...เขาก็จะทำ

ตั้งแต่น้องอายุได้เพียงห้าขวบก็ถูกพวกผู้ใหญ่จับสอนสารพัดวิชาการรบให้เจ้าตัวโดยไม่เคยถามเมดูอาเลยว่านางเต็มใจที่จะรับหรือไม่...ทุกคนฝากความหวังไว้ที่นางจนเกินไป

เขากลัวว่าสักวันเมดูอาจะรับไม่ไหว...และอาจจะตัดสินใจผิดพลาด จนพาตัวเองไปสู่ความตาย

"ว๊า...ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ นานๆ จะได้ออกมาเที่ยวสักครั้ง"เมฟูรีบเปลี่ยนเรื่องคุย... เขาไม่อยากเห็นเมดูอามีดวงตาที่เศร้าหมอง น้องของเขาต้องมีดวงตาสีทรายที่สดใสถึงจะเหมาะ

"จริงสิพี่ข้า... ไหนๆ ก็ได้ออกมาเที่ยวแล้วเราไปเมืองธีปส์ดีไหมข้าอยากเห็นฟาโรห์องค์ใหม่..."

เธออยากจะรู้นักคู่ปรับคนใหม่...ของเธอจะเป็นใคร

ตามคำทำนาย...พ่อของเธอบอกเธอว่าศัตรูคู่อาฆาตของพวกเราชาวฮิคโซสคือฟาโรห์แห่งอียิปต์ตอนบน แต่ข่าวที่เธอรับรู้ล่าสุด...ฟาโรห์อามันโฮเทปสิ้นพระชนม์ลงจากอาการพระประชวรเรื้อรังเมื่อเดือนก่อน

งั้น...ฟาโรห์องค์ใหม่ที่กำลังจะขึ้นครองราชย์แทนก็เหมือนเป็นศัตรูคนใหม่ที่เธอต้องแวะไปดูหน้าตาเสียหน่อย

"จะดีหรือ ??" เมฟูลังเล...เขาบอกกับแม่ว่าจะพาน้องมาสำรวจทางและจะกลับก่อนพระอาทิตย์ตรงหัวแต่ตอนนี้พระอาทิตย์ตรงหัวแล้วเขาและน้องก็ยังไม่ได้ไปถึงที่พักเลยมีหวังกลับไปโดนแม่เอ็ดอีกตามเคย

“ข้าไม่ได้บอกว่าจะไปตอนนี้สักหน่อย... อย่างน้อยเราต้องกลับไปเตรียมสัมภาระก่อน”

“แต่ว่า...”เขาไม่อยากให้น้องสาวไปยุ่งเกี่ยวกับฟาโรห์แห่งอียิปต์ตอนบนเลย ลางสังหรณ์แปลกๆบอกเขาว่ากำลังจะมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ๆ ถ้าเขาให้น้องไปแต่ก็รู้ดีว่าถ้าเมดูอาตัดสินใจแล้วย่อมเปลี่ยนความคิดได้ยาก...

“ถ้าพี่ข้าไม่ไป... ข้าไปคนเดียวก็ได้”

น้ำเสียงแง่งอนของอีกฝ่ายทำให้เมฟูรีบรับปากอีกฝ่ายโดยไว...อย่างน้อยไปสองคนก็ยังดีกว่าไปคนเดียวหากเกิดอะไรขึ้นมาเขาคงพอจะหาทางช่วยเหลือเมดูอาได้บ้าง

“ไปสิ...ไปแน่นอน พี่จะปล่อยให้เจ้าไปคนเดียวได้ยังไง”

เมื่อตกปากรับคำไปแล้วแวบหนึ่งเขาเห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่บนใบหน้าของน้องสาว...นี่เขาเสียรู้เมดูอาอีกแล้วหรือนี่

เมฟูถอนหายใจ...เมื่อคิดว่ากลับไปนี่อย่างน้อยเขาก็คงโดนแม่บ่นจนหูชาแน่ๆที่กลับเข้ากองคาราวานผิดเวลา และอาจจะต้องโดนดุจนหูชารอบสองหากแม่รู้ว่าเขาคิดจะพาเมดูอาเข้าไปในอียิปต์ตอนบนในเวลาเช่นนี้

“งั้นรีบกลับกันเถอะ... จะได้ไปเตรียมตัวกัน”

เมื่อขัดน้องไม่ได้...ต่อให้โดนมารดาต่อว่าเขาก็คงต้องก้มหน้ายอมรับแต่โดยดีในขณะที่เมดูอาหันกลับไปมองยังทิศตะวันออกเฉียงใต้อันเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งอียิปต์ตอนบนด้วยใจระทึก

"รอก่อนนะศัตรูของข้า แล้วเราจะได้เจอกัน..."


(โปรดติดตามตอนต่อไป)




Create Date : 19 เมษายน 2556
Last Update : 19 เมษายน 2556 14:01:33 น.
Counter : 738 Pageviews.

0 comment
สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 05

สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 05



ภายในกระโจมของหัวหน้าเผ่าเบดูอินพวกทหารที่ลอบเข้าไปกวาดสายตามองไปรอบกระโจมท่ามกลางความมืดพวกเขาพอเห็นตัวคนลางๆ ซ้ายมือสุดมีร่างคล้ายบุรุษนอนกอดคู่ชีวิตของตนไว้ข้างหญิงสาวนั้นมีทารกนอนหลับสนิทอยู่ตรงกลางคนทั้งหมด ถัดจาดทารกก็เป็นเด็กชายตัวน้อยที่กำลังนอนหลับถัดจากเด็กชายก็เป็นร่างของคนที่มีรูปร่างอ้วนนอนหันหลังให้

แม่ทัพเนคนุมเห็นทุกคนตกอยู่ในห้วงนิทรา ไม่สงสัยเลยว่าภัยอันตรายกำลังคืยคลานเข้ามา...พลางเอ่ยขอโทษ ที่จำใจต้องฆ่าลูกของคนที่ให้เขาได้พักอาศัยในค่ำคืนนนี้

"ข้าขอโทษด้วยนะท่านหัวหน้าเผ่า... แต่มันเป็นคำสั่งของฟาโรห์ ข้าไม่อาจบิดพลิ้วได้เลย"

แม่ทัพหนุ่มชักดาบเสี้ยววงพระจันทร์ออกมาจากฝักอย่างช้าๆก่อนที่จะเงื้อดาบสุดแขนเล็งตรงไปยังเป้าหมาย

เด็กน้อยที่อยู่ตรงกลางนอนนิ่งไม่มีเสียงร้องที่เจ็บปวด...ไม่มีแม้แต่ลมหายใจอีกต่อไป

เลือดที่ไหลย้อยติดดาบของแม่ทัพหนุ่มทำให้เขารู้ดีว่าภารกิจคืนนี้สำเร็จลงแล้วและเขาต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่ทุกคนจะตื่นขึ้นมา

ถ้าแม่ทัพเนคนุมมองเห็นในที่มืดดีกว่านี้สักนิดเขาก็จะเห็นร่างเล็กๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นสามีกำลังพยายามระงับอาการสั่นและเสียงร้องอย่างเต็มที่มือของนางจิกลงบนเสื้อของสามีหลับตาไม่อยากมองเห็นอะไรทั้งนั้นเมื่อรู้ว่ามรณะเทพได้มายืนอยู่ตรงหน้า

ในขณะที่อีกฝ่ายมีอาการเกร็งไม่แพ้กัน แต่เขาจำเป็นต้องนิ่งและต้องทำให้อีกฝ่ายนิ่งด้วยมือของเมเทเทปออกแรงกอดรัดสตรีอันเป็นที่รัก แต่อีกข้างหนึ่งก็กำดาบที่ซ่อนอยู่ตรงกลางระหว่างตัวเขากับไนล่า

คนที่แม่ทัพเนคนุมคิดว่าคงจะหลับไปด้วยฤทธิ์หญ้าแห้งไม่ได้หลับอย่างที่อีกฝ่ายคิดถ้ามีแสงสว่างชัดกว่านี้เขาก็จะเห็นร่างของบุรุษและสตรีที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นผูกผ้าปิดจมูกไว้และภายใต้ผ้านั้นก็มีใบไม้ที่ขยี้จนมีกลิ่นฉุนกันไว้อีกชั้น

เมเทเทปรู้ว่าอีกฝ่ายใส่หญ้าแห้งลงในกองไฟเขาและลูกน้องในเผ่าจึงหาทางแก้ได้ทันก่อนที่ควันจะมาถึงตัว ในขณะที่คนอื่นๆเขาปล่อยให้หลับจากฤทธิ์หญ้าแห้ง เพื่อให้สมบทบาทยิ่งขึ้นเขาเลยต้องให้ลูกน้องดับไฟในกระโจมและซุ่มดูเงียบๆในเงามืด รอให้พวกมันลงมือได้อย่างย่ามใจ

แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาด...หรือพวกทหารคิดจะฆ่าใครมากกว่าเด็กทารกเขาและคนในเผ่ายินดีที่จะสู้ตายเพื่อปกป้องหญิงอันเป็นที่รัก และชาวเผ่าฮิคโซส

"พวกมันไปกันหมดแล้วท่านราชิด"

ลูกน้องที่จับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกทหารอียิปต์วิ่งเข้ามารายงานทันทีที่ทหารคนสุดท้ายถอนกำลังออกไป

"นายท่านกับนายหญิงเป็นไงบ้าง" ราชิดรีบถามความคืบหน้าทันทีตั้งแต่เข้ามาอยู่ในกระโจมของตนราชิดก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย

"นายท่านและนายหญิง ปลอดภัยดีขอรับ"

ลูกน้องหนึ่งในสิบสามนักรบประจำเผ่ารายงาน

ราชิดที่กำลังนั่งคุมตัวนุตฟาถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกคืนนี้เขานึกว่าต้องมีการนองเลือดมากกว่าหนึ่งศพเสียแล้วดีที่พวกมันหวังฆ่าเพียงทารกจริงดั่งที่นายท่านกล่าว

"ซาไนเด ลูกแม่..." นุตฟาที่นั่งอยู่ข้างราชิดร้องไห้ออกมานางยังทำใจไม่ได้ที่ต้องมารับรู้ว่าบุตรสาวของตนได้เสียชีวิตลงไปแล้ว แม้ว่าราชิดจะกอดปลอบอีกฝ่ายเท่าไรแต่ก็ไม่ทำให้อาการของนางดีขึ้น

นุตฟายังคงพร่ำเพ้อถึงบุตรี จนเขาคิดว่าป่วยการที่จะปลอบ...

ราชิดอุ้มอีกฝ่ายไว้แนบอกก่อนนำนุตฟาไปวางไว้บนพรมขนสัตว์อย่างดีหญิงสาวหันหลังให้ผู้เป็นสามีซบหน้าสะอื้นกับหมอน

"เจ้ารอพี่ที่นี่นะ พี่จะไปเอาลูกของเรากลับมา" น้ำเสียงของเขาสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัดลูกน้องที่เข้ามารายงานถึงกับบ่อน้ำตาซึมรับรู้ถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของครอบครัวราชิด

นุตฟาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ นางยังคงก้มหน้าร้องไห้กับหมอนสีเทาน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วไหลปริ่มลงมาอย่างไม่ขาดสาย

ไม่ว่าใครจะพูดอะไรหรือทำอะไรนางก็ไม่รับรู้แล้วทั้งสิ้น

"นายท่าน... นายหญิง... ปลอยภัยทั้งคู่นะขอรับ"

ราชิดก้มหน้าถวายความเคารพอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าตระกูลของเมเทเทปบัดนี้ไม่ได้ดำรงอยู่ในตำแหน่งของกษัตริย์แล้วแต่ครั้งหนึ่ง...ตระกูลของเมเทเทปก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ครองอียิปต์ตอนกลางมาก่อนที่จะถูกแย่งชิงไปโดยฝีมือของฟาโรห์อาโมสจากอียิปต์ตอนบน

มือทั้งคู่ของเมเทเทปกอดประครองร่างบางของผู้เป็นภรรยา

ไนล่ามีอาการหน้าซีดตัวสั่นอันเนื่องมาจากความกลัวที่ยังไม่หมดออกไปจากใจ

ในอ้อมกอดของหญิงสาวอุ้มทารกคนหนึ่งไว้และผ้าที่ห่อตัวทารกนั้นเริ่มขยายจุดสีแดงของเลือดชัดขึ้นทุกที จนมือของนางเต็มไปด้วยเลือด แต่ไนล่าก็ไม่ได้รังเกียจเลยแม้แต่น้อย...นางกลับสำนึกบุญคุณซาไนเดบุตรสาวของราชิดที่แลกชีวิตกับลูกของตน

ถ้าหาก...ร่างที่ไร้ลมหายใจนี้เป็นเมดูอาลูกของตนไนล่าเองก็ไม่รู้ว่าตนจะสามารถครองสติได้ถึงขนาดนี้หรือเปล่า ไนล่าคิดถึงอีกคน...ผู้ที่เป็นมารดาของเด็กน้อยในอ้อมกอด

"นุตฟาเป็นไงบ้างราชิด" น้ำเสียงไนล่ามีร่องรอยความเป็นห่วงและความเข้าใจของหัวอกคนเป็นแม่

ราชิดถึงถึงภาพของนุตฟาที่ร่ำไห้ราวกับจะขาดใจ... เขาส่ายหน้าแทนคำพูด

ร่างของลูกสาวเขาอยู่ในอ้อมกอดของนายหญิง ชายอกสามศอกที่ว่าแน่เช่นเขายังขาแข้งอ่อนแรงมือไม้สั่น...หากแต่ต้องระงับอารมณ์ไว้ไม่ให้ใครเห็นด้วยความที่ตนเกิดมาเป็นชายชาตินักรบ

เจ็บไม่ได้...ร้องไม่เป็น

"ขอโทษนะราชิด และก็ขอขอบคุณเจ้าด้วยกับการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้" เมเทเทปพูดได้เพียงแค่นั้นจริงๆ เขารู้...ยามนี้ไม่ว่าคำปลอบใจหรือคำสรรเสริญเยินยอใดๆราชิดก็ไม่ต้องการทั้งสิ้น

สิ่งที่ราชิดต้องการมีเพียงสิ่งเดียว คือ..หวังให้บุตรสาวฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

"การเสียสละของเจ้าครั้งนี้จะไม่เสียเปล่าแน่ๆ ..." เมเทเทปคงจะพูดมากกว่านี้ถ้าสายตาไม่เหลือบไปเห็นเงาของใครบางคนที่โผล่เข้ามาอย่างรวดเร็วในอ้อมกอดของคนที่มาใหม่นั้นมีเด็กทารกน้อยอยู่

"นุตฟา !!"

เสียงร้องของไนล่าทำให้ราชิดหันกลับไปมองข้างหลังด้วยความตกใจลางสังหรณ์บอกเขาว่านุตฟาไม่ได้มาดีแน่ๆ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ในมือของนางข้างหนึ่งอุ้มบุตรีของไนล่าไว้ ส่วนอีกข้างก็กำมีดทำครัวไว้แน่น

ปลายมีดอันแหลมคมหันใส่หนูน้อยที่กำลังหลับอย่างไม่รู้เดียงสา...เมดูอา

ราชิดไม่รู้ว่านุตฟาไปเอาเด็กมาจากทาเนราได้ยังไง...

แต่สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือ...ขอให้นายน้อยปลอดภัย ถึงแม้จะต้องเสียนุตฟาไปก็ยอมแต่เขาไม่อยากเสียใครในครอบครัวไปอีกแล้ว...แค่นี้เขาก็เจ็บปวดจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว

"เจ้าเสียสติไปแล้วรึนุตฟา !!"

ราชิดมองหน้าภรรยาของตนที่ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่านางกำลังหัวเราะหรือร้องไห้แต่มีดที่จ่อคอทารกน้อยนั้นมันช่างน่าเสียวไส้และหวาดเสียวต่อผู้พบเห็น... ทุกคนต่างกลัวเกรงว่ามันอาจจะทะลุเขาไปเสียบในคอหอยน้อยๆ นั้น หากเจ้าของมีดออกแรงกดเพียงนิด

"เสียสติรึ ข้าหรือใครกันแน่ที่เสียสติ เจ้าเอาลูกของข้าไปให้คนอื่นฆ่า…เจ้าทำอย่างนั้นได้ยังไง" นุตฟาเอ่ยตัดพ้ออีกฝ่ายดวงตาของนางเหลือบไปเห็นเด็กน้อยในอ้อมกอดของไนล่า

ร่างของบุตรีที่มีเลือดซึมออกมาเต็มผ้าทำให้นุตฟายิ่งคลุ้มคลั่ง... มีดนั้นขยับเข้าไปใกล้คอของเด็กน้อยจนเห็นรอยเลือดซึมออกมาจากคอ

ทารกน้อยส่งเสียงร้องจ้าด้วยความเจ็บปวด

"นุตฟาอย่าทำลูกข้า เด็กไม่มีความผิด" ไนล่าอ้อนวอนอีกฝ่ายแต่เหมือนเติมเชื้อไฟเข้าไปในกองฟืน

"เห็นใจเรอะ แล้วมีใครเล่าเห็นใจหัวอกคนเป็นแม่เช่นข้าบ้างเด็กไม่มีความผิด...แล้วซาไนเดลูกข้ามีความผิดอะไรยังไงก็ตามเด็กนี้...ต้องชดใช้ด้วยชีวิต...หนึ่งชีวิตต่อหนึ่งชีวิตตามกฏของเผ่าเรายังไงล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า..."

นุตฟาส่งเสียงหัวเราะเหมือนคนเสียติเข้าไปทุกที นางพร่ำพูดอะไรตัวคนเดียวในขณะที่มีดนั้นไม่ได้ขยับเข้าไปลึกกว่านั้น

เสียงร้องของบุตรสาวทำให้ไนล่าเป็นห่วง...ดวงใจของนางแทบจะทนไม่ไหวไนล่าร่ำไห้ให้อีกฝ่ายปล่อยบุตรีของตนมา แต่นุตฟาไม่ยอม...

เหล่านักรบประจำเผ่าค่อยๆ ขยับเท้าเข้ามาใกล้ๆ นุตฟา โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวแต่ดูเหมือนว่านางจะตาดีกว่า พอเห็นพวกนักรบขยับเข้ามาใกล้นางก็แกว่งมีดทำครัวไปทั่ว... พลางร้องห้ามไม่ให้ใครเข้ามาใกล้ไม่เช่นนั้นนางจะฆ่าเด็กน้อยเสียเดี๋ยวนี้

"พวกท่านไม่อยากดูของดีเรอะ ถึงได้รีบเข้ามาช่วยเด็กคนนี้น่ะ เอาสิ...เอาเลย"

จู่ๆ นุตฟาก็ชูเด็กน้อยขึ้นเหนือหัว พลางร้องท้าผู้คนที่รายรอบ...แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะกลัวนุตฟาจะทุ่มทารกน้อยลงพื้น

"ข้าจะบอกอะไรให้นะ...ก่อนที่ข้าจะพาตัวเด็กนั่นมาที่นี่ ข้าได้ให้เด็ก...ดื่มของบางอย่างจากอกของข้า ...ราชิดเจ้าอยากรู้ไหมว่ามันเป็นอะไร"นุตฟาหันมาถามอีกฝ่ายพลางเดินเข้ามาใกล้ผู้เป็นสามี

ราชิดถึงกับผงะเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจนปากของไนล่าเป็นสีม่วงคล้ำราวกับโดนพิษบางอย่าง

"นุตฟา... เจ้าทำอะไรนายน้อย" ราชิดมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้วางใจคอยหาโอกาสที่นุตฟาเผลอเพื่อจะได้เข้าไปชิงตัวนายน้อย...แต่เหมือนเธอจะรู้ทัน

หญิงสาวที่เป็นมารดาของซาไนเดอุ้มนายน้อยไว้แนบอกเอามีดจ่อคอเด็กอีกครั้ง

"ทำอะไรน่ะรึ...ข้าก็ทำในสิ่งที่ลูกของนายท่านต้องชดใช้...ตายตามลูกสาวข้าไป ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า.. ช่างเป็นการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อยิ่งนัก"

นุตฟาจ้องหน้าไนล่า ดวงตาฉายแววแห่งความสะใจ

เด็กน้อยที่กำลังร้องไห้จ้าและดิ้นด้วยความทุรนทุรายเพราะยาพิษกำลังออกฤทธิ์ไม่ได้ทำให้นางเกิดความสงสารหรือความเห็นใจแม้แต่น้อย

"ได้โปรดนุตฟา คืนลูกให้ข้าเถอะ" ไนล่าอ้อนวอนอีกฝ่าย"อย่างน้อยให้เห็นแก่หัวอกแม่เช่นเราอย่างน้อยขอให้ลูกเราได้ตายในอ้อมอกเราก็ยังดี"

"ตายในอ้อมอกท่านเรอะแล้วทีข้าเล่ามีใครเห็นใจบ้าง...ลมหายใจสุดท้ายของลูกข้าก็ไม่ได้อยู่เคียงข้าง ฮื่อๆ ลูกรักของแม่..."

นุตฟาคร่ำครวญถึงบุตรสาวที่จากไปมือของนางที่ถือมีดค่อยๆ ห่างออกจากเมดูอาทีละนิดโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันรู้ตัว

เพียงเสี้ยวพริบตา...เมเทเทปก็พุ่งกระโจนเข้าหาอีกฝ่าย

มือหนาคว้าข้อมือของนุตฟาที่ถือมีด ในขณะที่อีกมือก็พยายามแย่งเมดูอากลับคืนมา

เหล่านักรบเห็นเมเทเทปกระโจนเข้าหานุตฟาอย่างไม่กลัวตายก็บุกฮือเข้าไปช่วยกันจับตัวอีกฝ่ายไว้บ้างก็ยื้อแขน... ข้อมือบางถูกบิดเพื่อให้คลายมีด...

นุตฟาทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงต้องปล่อยด้ามมีดลงพื้นทันทีที่มีดหลุดออกจากมือนุตฟาก็ถูกจ่อด้วยคมดาบเสี้ยวพระจันทร์ของผู้เป็นหัวหน้าเผ่า

ในขณะที่ราชิดทำอะไรไม่ถนัดนักเพราะตัวเขากำลังประคองร่างของไนล่าที่เหมือนจะเป็นลมได้ทุกขณะ...แทนเมเทเทป

เมดูอาถูกช่วยมาได้อย่างหวุดหวิด ถึงแม้เด็กน้อยจะไม่ได้ตายเพราะคมมีด...หากแต่ยาพิษที่เริ่มออกฤทธิ์กระจายไปทั่วก็ทำให้ใบหน้านั้นเปลี่ยนเป็นสีม่วงและคล้ำขึ้นทุกที

"บอกมานะนุตฟา เจ้าเอาอะไรให้ลูกข้ากิน"

เมเทเทปเอาดาบจ่อคออีกฝ่ายในขณะที่มืออีกข้างก็อุ้มประคองบุตรีไว้ในอ้อมกอดอย่างทะลักทุเล เพราะเมดูอากำลังดิ้นด้วยความเจ็บปวดแต่มันทำให้หญิงสาวที่ใกล้จะตายรู้สึกเป็นสุขยิ่งนักที่ได้เห็นสีหน้าร้อนรนของผู้เป็นนาย

"นุตฟาได้โปรดบอกข้าเถอะ เอาชีวิตข้าไปแทนก็ได้ แต่ได้โปรด…ช่วยลูกข้าด้วย"

ไนล่าเดินเข้าไปใกล้ก่อนที่จะคุกเข่าขอร้อง...ตอนนี้จะให้เธอทำอะไรก็ยอม ขอเพียงให้ลูกปลอดภัย

นุตฟาเห็นไนล่าคุกเข่าอ้อนวอน... ในอ้อมแขนของไนล่ามีร่างของซาไนเดบุตรสาวของตนอยู่

นางลืมกลัวถลาเข้าไปเอาร่างของบุตรีของตนขึ้นมากอดเลือดยังคงซึมออกมาจากร่างกายของซาไนเด แต่เนื้อตัวของทารกเย็นเฉียบ...

ผู้เป็นแม่นึกว่าลูกหนาวจึงกอดลูกแน่น

"ไม่ต้องห่วงนะลูก... แม่อยู่นี่แล้ว เดี๋ยวเจ้าก็จะอุ่นแล้วนะลูกแม่"กิริยาเหมือนเสียสติของนุตฟาทำให้ราชิดก้มตัวนั่งลงข้างๆ อีกฝ่าย

เขากอดหญิงสาวเบาๆ ในขณะที่นุตฟาร้องเพลงเห่กล่อมประจำเผ่าเสียงไพเราะแต่เศร้าของนางบาดลึกลงไปในใจของคนหลายคนที่ยืนอยู่ที่นั่น

"นุตฟาได้โปรด... บอกข้าทีว่าเจ้าใช้พิษอะไรกับลูกของข้าได้โปรดช่วยเหลือลูกข้าด้วย"

นุตฟาจ้องมองไนล่าเหมือนกับได้สติขึ้นมาชั่วครู่ เสื้อผ้าของไนล่ามีเลือดเต็มอยู่ไปหมด

เธอจ้องมองลงไปที่ร่างบุตรีของตน เด็กน้อยก็มีเลือดเต็มเหมือนกัน...ผ้าอ้อมสีขาวถูกยอมให้เป็นสีแดงข้น หญิงสาวกำลังจะเปิดปากพูด... เพื่อจะได้เห็นสีหน้าที่สิ้นความหวังจากพวกผู้คนที่พรากลูกไปจากเธอ

หากแต่ว่า...ความเจ็บแปลบที่เล่นไปทั่วร่างกายทำให้นุตฟาชักกระตุกก่อนจะกระอักเลือดออกมาเลือดสีดำข้นปนม่วงทำให้ราชิดรู้ทันทีว่าพิษชนิดนั้นเป็นพิษอะไร

"นายท่านพิษที่นายน้อยได้รับเป็นพิษจากยางม่วงขอรับ"

ยางม่วงเป็นพิษที่สกัดมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง ไม่มีสี...ไม่มีกลิ่น เมื่อกินเข้าไปแล้วจะไม่ออกฤทธิ์ทันทีแต่มันจะไปกัดกระเพาะจนเป็นแผลก่อนที่พิษจะเข้าสู่กระแสเลือดเมื่อพิษกระจายไปทั่วตัวไม่มียาใดที่จะยื้อชีวิตของผู้ที่ดื่มนั้นได้

เสียงร้องของเมดูอาเงียบลงจนทุกคนใจหายนึกว่านายน้อยของตนคงจะไม่รอดแล้วเมื่อเมเทเทปรู้ว่าเป็นพิษชนิดใดจึงรีบพาเมดูอาไปหาหมอประจำเผ่า...คนที่รู้ยาแก้พิษมีเพียงคนเดียวคือผู้สืบทอดการทำพิษชนิดนี้...แต่ต้องแก้ให้ทันก่อนที่พิษจะกระจายเข้าสู่กระแสเลือด

ไนล่าเห็นดังนั้นจึงวิ่งตามไปด้วย ทิ้งราชิดไว้กับนุตฟาและนักรบประจำเผ่า

ราชิดถลาเข้าไปหาร่างที่เริ่มหมดแรงแม้จะทรงตัวนั่งเขาเอนศรีษะของนุตฟามาพิงบนอกของตน

ใบหน้าของนางซีดจนแทบจะไม่มีสีเลือด แต่กระนั้นอ้อมกอดของผู้เคยเป็นแม่ก็ยังไม่คลายนางยังคงกอดร่างของซาไนเดไว้แน่น... ราวกับกลัวใครมาพรากลูกรักออกไปจากกอกอีก

ดวงตาของนุตฟามีร่องรอยโกรธแค้นให้กับทุกคนและให้กับโชคชะตาของตัวเองเธอพยายามขยับตัวเข้าไปใกล้หูอีกฝ่ายเหมือนจะบอกอะไร ราชิดเห็นดังนั้นจึงเอียงหูมาฟัง... เสียงของเธอเบามากจนเขาแทบจะไม่ได้ยิน

"ทุกคน...ต้องชดใช้ความผิดที่ทำกับลูกข้า"นุตฟากระซิบข้างหูราชิด ยาพิษกำลังออกฤทธิ์เต็มที่

"พอได้แล้วนุตฟา ไม่มีใครอยากให้ลูกของเราต้องเป็นแบบนี้... แต่ทั้งหมดเป็นเพราะบัญชาของเทพเจ้า" ราชิดพยายามพร่ำบอกหากแต่ว่านางไม่สนใจเสียแล้ว ในใจมีแต่ความแค้นเคืองจนไม่สามารถจะดับได้

"ข้าขอสาปแช่ง...บุตรของนายท่าน นายน้อย...ต้องตายด้วยคมหอกคมดาบเฉกเช่นเดียวกับลูกของข้า...ข้าขอ...สาปแช่ง ข้าขอสาปแช่...."

ร่างบางกระตุกสองสามครั้งก่อนที่ชีวิตของนางจะสิ้นลงเหมือนแสงเทียนที่ถูกพัดดับด้วยลมทะเลทรายยามค่ำคืน

"ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย !!"

ราชิดตะโกนให้กับการสูญเสียในค่ำคืนนี้ ...ที่พรากลูกและเมียไปจากชีวิตเขา เสียงร้องอันโหยหวนของราชิดยังคงบาดลึกลงไปข้างในใจของเมเทเทปและไนล่าจนทุกวันนี้


(โปรดติดตามตอนต่อไป)



Create Date : 18 เมษายน 2556
Last Update : 18 เมษายน 2556 17:10:15 น.
Counter : 682 Pageviews.

1 comment
สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 04

สุดฟ้าสิ้นรอยทราย . . . ตอนที่ 04



คำสารภาพของบุตรชายวัยหกขวบทำให้ฟาจาอยากจะตีเจ้าตัวดีให้เลือดอาบหากแต่ว่าเมเทเทปบังร่างน้อยนั้นไว้ทำให้หญิงสาวได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ  

นางตบอกเหมือนคนกำลังหายใจไม่ออก…ยามนี้นางอยากไม่หายใจได้เลยยิ่งดีจะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไร โดยเฉพาะวีรกรรมของลูกชายตัวแสบ ฟาจานั่งลงข้างๆไนล่าที่บัดนี้ตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว...นางกอดบุตรีแน่นจนทารกน้อยรู้สึกอึดอัดส่งเสียงอ้อแอ้ออกมา

“ถ้าเจ้าไม่ใช่ลูกข้า ข้าจะเฆี่ยนเจ้าให้ตายตรงนี้เลย”

ฟาจาหันไปมองหน้าน้องสะใภ้แล้วสงสารอีกฝ่ายเหลือเกินเพราะนิสัยปากสว่างของบุตรชายของตนแท้ๆจึงทำให้เหตุการณ์ที่เหมือนจะดีกลับเลวร้ายลงไปอีก

“ใจเย็นนะไนล่า ข้าว่าพวกเราต้องมีทางออก” ฟาจาพยายามปลอบใจอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่รับรู้อะไรแล้ว

ฟาจาที่นั่งอยู่พยายามผุดลุกขึ้นยืนยังไงนางก็ต้องจัดการอะไรบางอย่างให้ลูกชายได้สำนึกถึงความผิดของตนบ้าง

“ดูซะ…เมฟู เพราะเจ้า…เจ้าคนเดียวทำให้ไนล่ากับน้องต้องเป็นแบบนี้”

“ใจเย็นน่าพี่ฟาจา... ดุหลานไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกเรามาช่วยกันคิดหาวิธีแก้กันดีกว่า” เขาพยามเตือนสติทุกคนที่อยู่ในกระโจม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ขวัญเสียไม่แพ้กัน…

เมดูอาลูกพ่อ…พ่อจะช่วยเจ้าได้อย่างไร ???

เมฟูตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวแม่ของเขาไม่เคยโกรธจัดขนาดนี้มาก่อน… แต่ที่กลัวมากกว่าเขากลัวว่าทหารพวกนั้นจะฆ่าน้อง...เขายอมไม่ได้เป็นอันขาด

“เราจะทำยังไงดี ข้าจะทำยังไงดี โถ่…เมดูอาลูกแม่ ฮื่อๆๆ” คนเป็นแม่ขาดสติเสียแล้วนางเอาแต่ร่ำไห้กอดลูกเหมือนจงอางหวงไข่ ใครเข้าใกล้ก็ไม่ได้แม้กระทั่งสามีของนางเอง

“ไนล่า…พี่จะต้องช่วยลูกให้ได้ ไม่ต้องห่วงนะ”เขาปลอบหญิงสาวไปอย่างนั้นเอง ทั้งๆ ที่ตอนนี้เขาเองก็หาทางออกสำหรับปัญหานี้ไม่เจอ

“เอาน้องหลบไปทางด้านหลังดีไหมฮะ”เมฟูคิดง่ายๆว่าถ้าพวกทหารไม่เจอน้องก็คงจะล่าถอยไปเอง

เมเทเทปจึงบอกอีกฝ่ายว่าเป็นไปไม่ได้หรอกถึงจะพาเมดูอาหลบไปแต่พวกมันก็คงตามหาจนได้อยู่ดี...และบางทีอาจจะทำให้คนในเผ่าล้มตายด้วยฝีมือของทหารอียิปต์เขาไม่อยากให้คนอื่นต้องมารับเคราะห์

“ข้านึกวิธีช่วยนายน้อยได้แล้วนายท่าน” ทาเนราที่ถูกลืมไปชั่วขณะเอ่ยขึ้นมาสายตาทุกคนหันไปจับจ้องหญิงสาวคนหนึ่งในเผ่า…

คำพูดของนางเหมือนขอนไม้ที่ลอยมาในกระแสน้ำเชี่ยว…ทุกคนหวังจะพึ่งพาเกาะขอนไม้นั้นลอยคอเพื่อต่อชีวิตรอด

“วิธีใด รีบพูดมา…” ฟาจานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าอีกฝ่ายพลางเขย่าไหล่ของทาเนราเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบเฉย

“วีธีนี้มีทางเดียวที่จะช่วยนายน้อยได้ก็คือ…นำบุตรของราชิดกับนุตฟาที่พึ่งเกิดได้ไม่ถึงเดือนมาสับเปลี่ยนกับบุตรของนายท่าน”

ทาเรนาอธิบายหลังจากคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยชีวิตนายน้อยได้…ที่ต้องเลือกบุตรีของราชิดและนุตฟาเพราะว่าเด็กทารกเพศชายอีกอีกคนนั้นโตเกินกว่าจะเป็นเด็กแรกเกิด

“ไม่…เราไม่ยอมเด็ดขาดเราไม่ยอมให้ใครต้องมาตายแทนลูกเรา” เมเทเทปโพล่งออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิดและทำให้คนที่ยืนแอบฟังอยู่นอกกระโจมตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

“แต่ข้ายอม…”

ผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่จากทางด้านหลังกระโจมของเมเทเทปคือผู้ที่กำลังถูกเอ่ยถึง

“ราชิด…”

บุรุษหนุ่มผู้มีรูปร่างกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามอันทรงพลังและเป็นหนึ่งในสิบสามนักรบประจำเผ่าเดินมาอยู่ตรงหน้าของผู้ที่ตนเคารพเหนือชีวิต

“นายน้อยไม่ได้เป็นเพียงลูกของนายท่าน แต่ชะตาของนายน้อยได้ถูกลิขิตมาแล้วว่าเป็นผู้นำชาวฮิคโซสได้กลับคืนถิ่นมาตภูมิเพราะฉะนั้นแล้วตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือเราต้องเปลี่ยนตัวนายน้อย…”

เสียงนั้นกลืนหายไปในลำคอ คนเป็นพ่อทำใจได้ยากยิ่งที่รู้ว่าลูกของตนจะพลีชีพเพื่อนายน้อย

“…กับลูกของข้า” เขาฝืนพูดให้จบประโยค ราชิดก้มหน้าเพื่อซ่อนแววตาเศร้า…

“ไม่… มันต้องมีทางอื่นที่ดีกว่านี้”เมเทเทปยังคงยืนกรานปฏิเสธ

“หรือนายท่านคิดจะพานายน้อยหนีแต่คงไม่ทันกาลแล้วล่ะ เมื่อกี้ข้าแอบไปสอดส่องแถวกระโจมของทหารอียิปต์...พวกมันกำลังเฝ้ามองดูรอโอกาสและจังหวะที่จะบุกเข้ามาในกระโจมของนายท่านอยู่”

“เจ้ารู้…” ไนล่ามองอีกฝ่ายอย่างฉงน

“ขออภัยนายหญิงที่ข้าต้องแอบฟังพวกท่านคุยกัน แต่เพราะข้าอยากรู้ว่าพวกทหารนั้นจ้องมองมาที่กระโจมของพวกท่านทำไมลางสังหรณ์ข้าบอกว่า…พวกมันคงจะลงมือทำอะไรสักอย่างแล้วก็จริง…”

“แต่นั่นมันลูกเจ้านะ…” เมเทเทปพยายามเตือนสติอีกฝ่าย

“ถึงเป็นลูกข้า...แต่เพื่อชาวฮิคโซสแล้ว ต่อให้เป็นสิบลูกของข้า...ข้าก็พร้อมที่จะยอมสละได้”

ตระกูลของราชิดถูกฝึกให้อยู่เพื่อรับใช้ราชวงค์ของเมเทเทปที่ล่มสลาย…ต่อให้กลายเป็นผีก็ไม่อาจผิดคำสัตย์ที่ให้ไว้ต่อวงศ์ตระกูลได้

“โถ่…ไม่น่าเลย ทำไมพวกเราถึงต้องมาเจอโชคชะตาที่โหดร้ายแบบนี้ด้วย”

ไนล่าคร่ำครวญพลางกอดบุตรสาวที่ยังไม่รู้ชะตาชีวิตของตนไม่ว่าเธอหรือนุตฟาคงเสียใจไม่แพ้กันหากใครต้องสูญเสียบุตรีไป

เสียงร่ำไห้ดังมาจากกระโจมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันนัก หญิงสาวที่อยู่ในกระโจมกอดบุตรของตนไว้แน่นแนบอกพลางตัดพ้อผู้เป็นสามีหลังจากทราบเรื่อง...ต้องเสียสละชีวิตบุตรีของตนใครเล่าจักทนได้

”เจ้า…เจ้าทำร้ายลูกตัวเองได้อย่างไรกันราชิดเจ้ายังมีความเป็นพ่อคนบ้างหรือเปล่า”

“เจ้าคิดว่าข้าไม่เสียใจรึไงที่ต้องทำแบบนี้ แต่เพื่อรักษาชีวิตของนายน้อยไว้…ได้โปรดเห็นใจข้าเถอะนะนุตฟา”

“เห็นใจเจ้างั้นเรอะ !! แล้วเจ้าล่ะ…เคยเห็นใจข้าบ้างไหม...หัวอกของคนเป็นแม่จะต้องทุกข์ทรมานขนาดไหนที่ต้องสูญเสียบุตรสาวของเราไปต่อหน้าต่อตาแต่เจ้า…เจ้ากลับยื่นลูกของเราไปให้เขาฆ่า” นางยังคงร่ำไห้เหมือนคนเสียสติ

“นุตฟา...ส่งลูกมาได้แล้ว เวลามีไม่มากนัก” ราชิดตัดบทอย่างรวดเร็ว

เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเขาจึงแกะมือที่เหนียวยิ่งกว่ากาวออกจากตัวบุตรี...พรากร่างน้อยๆออกจากอ้อมอกที่แสนอบอุ่น เด็กน้อยยังนอนนิ่งราวกับไม่รับรู้ในชะตาชีวิตของตน

แรงหญิงพ่ายแพ้แก่แรงชายเมื่อไม่สามารถปกป้องลูกได้นุตฟาจึงได้แต่พร่ำพรรณา

“ข้าไม่น่ามาแต่งงานกับเจ้า ไม่น่าเลย…ฮื่อๆซาไนเดลูกแม่ เจ้ายังไม่ทันได้เรียกแม่เลยสักคำ…ฮื่อ…ฮื่อ…ฮื่อ...คอยดูนะ!! ข้าจะไปบอกพวกทหารอียิปต์ข้าจะบอกพวกมันว่าบุตรสาวของนายท่านถูกเปลี่ยนตัวกับลูกข้า”

“หยุดนะนุตฟา อย่าให้ข้าต้องลงมือกับเจ้าเลย” คำสั่งกึ่งอ้อนวอนของราชิดไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสงบลงจิตใจของนางยามนี้ถูกแผดเผาไปด้วยไฟแห่งความเคียดแค้น…

แค้นพวกทหารแค้นนายท่านและนายหญิง แค้นราชิดสามีของนางที่เห็นเผ่าสำคัญกว่าลูกตัวเอง และที่แค้นที่สุด…เมดูอา

ถ้าเด็กนั่นไม่เกิดมาลูกของนางก็คงไม่ต้องมารับชะตากรรมเช่นนี้

เด็กน้อยที่กำลังนอนหลับสนิทถูกวางไว้ในกระด้งก่อนที่ราชิดจะใช้ผ้าคลุมปิดบังร่างของทารกน้อยเอาไว้ เขาเรียกทาเนราที่คอยอยู่นอกกระโจมให้มารับบุตรสาวเพื่อนำไปส่งให้กับนายท่านที่กำลังรออยู่

"ข้าจะเคียดแค้นชิงชังท่านตลอดไป ท่านฆ่าลูกข้า นายท่านกับนายหญิงก็เช่นกัน..."

"หุบปากเดี๋ยวนี้นุตฟา..."

ราชิดย่างสุมเข้าหาอีกฝ่ายเขาไม่ชอบให้ใครกล่าวร้ายนายท่านและนายหญิง

"ไม่ ข้าไม่หยุด... ข้าจะขอสาปแช่งให้ลูกหลานของนายท่านต้องมีอันเป็นไปตายตามลูกของข้าไป..."

เพี๊ยะ !!

เสียงผ่ามือกระทบแก้มอีกฝ่าย...นุตฟาจับแก้มด้วยความเจ็บปวด ลิ้นสัมผัสได้ถึงรสฝาดของเลือด

หญิงสาวถึงกับตัวชาด้วยความตกใจไม่คิดว่าสามีของตนจะถึงกับลงไม้ลงมือ...นางตัวสั่นด้วยความเจ็บแต่เป็นเจ็บใจ ที่ชาตินี้ไม่สามารถต่อสู้เพื่อปกป้องตนเองและลูกได้

"ข้า... ข้าขอโทษ เจ้าไม่น่าทำให้ข้าโกรธเลยนุตฟา"

ราชิดมองมือของตนเองสลับกับแก้มของอีกฝ่ายอย่างสำนึกผิดเขาไม่เคยลงมือกับคู่ชีวิตมาก่อน จนกระทั่งวันนี้...แต่เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

ใครจะรู้ถึงหัวอกเขาบ้าง... ยามนี้เขาเหมือนกับตายไปแล้วครึ่งตัวคราใดที่เห็นลูกสาวถูกฆ่าเขาคงตายไปแล้ว...แต่เป็นจิตใจที่ตายไปพร้อมกับบุตรีเหลือเพียงร่างคอยรับใช้และภักดีนายจนลมหายใจหมดลง

ทาเนราทูลกระด้งทรงสูงอยู่หนือศรีษะเพื่อตบตาพวกทหารอียิปต์ที่แอบเฝ้าสังเกตุการณ์อยู่ในกระโจมข้างๆ ในนั้นมีร่างของเด็กน้อยนอนหลับสนิท...เมื่อเปิดกระโจมก็พบกับหัวหน้าเผ่าและคนอื่นนั่งหน้าเครียดมีแต่ความเงียบและเสียงลมทะเลทรายพัดผ่านเท่านั้น

“นายท่านข้าได้นำบุตรีของราชิดมาแล้ว”

“จำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆ ฤๅ”

เมื่อเปิดผ้าคลุมเด็กน้อยผิวสีน้ำผึ้งใบหน้าจิ้มลิ้มเค้าโครงหน้านั้นพอดูออกได้ว่าหากเด็กน้อยคนนี้โตขึ้นต้องงามเป็นหนึ่งไม่มีสองเมเทเทปไม่อยากใช้เด็กคนนี้เป็นตัวตายตัวแทนกับลูกสาวของตนเลย

แต่เพื่อรักษาชีวิตผู้ที่กำเนิดมาพร้อมคำทำนายนั้นไว้…เขาไม่มีทางเลือกอื่นจำต้องทำ…ถ้าลูกเขาไม่ได้เป็นผู้ที่คำทำนายได้ลิขิตไว้เขาคงจะไม่ยอมแลก

“เร็วเข้าเถอะ…นายท่าน เวลาไม่มีแล้ว ข้าคิดว่าพวกมันคงชิงลงมือก่อนฟ้าสาง” ทาเนราบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบคล้ายกำลังตัดสินใจอยู่

“ข้าขอโทษนะราชิด…ข้ากับไนล่าและทุกคนในเผ่าเป็นหนี้ชีวิตเจ้ากับนุตฟาและซาไนเด”เขาเอ่ยปากขอโทษบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในกระโจม

ราชิดนั่งเฝ้านุตฟาไว้เพราะคำกล่าวอาฆาตของอีกฝ่ายจะทำให้เสียแผนเสือแม่ลูกอ่อนที่กำลังบาดเจ็บเช่นนางหากเผลอคงจะทำให้แผนการในคืนนี้ล่ม...เขาจึงต้องเฝ้าเอง

อีกอย่างที่เขายังคงอยู่ในกระโจม...เขาคงทนไม่ได้หากเห็นคนที่ฆ่าลูกตนเองเขาคงต้องลงมือสังหารมันแน่นอนและอาจจะกลายเป็นศึกที่อียิปต์ตอนบนออกโรงรบด้วยตนเองหากเขาวู่วาม

ทารกในกระด้งถูกฟาจาอุ้มออกมาอย่างระวังวางไว้บนที่นอนของเมดูอาเด็กน้อยขยับตัวไปมาเหมือนรับรู้ได้ถึงกลิ่นที่ผิดไปจากอกมารดาตน

ในขณะเดียวกัน...เมดูอาถูกจับไปใส่ในกระด้งเดียวกับที่ซาไนเดเคยนอนอยู่เมื่อครู่ ผ้าผืนเดิมปิดคลุมร่างของเมดูอาจนมิดก่อนที่ทาเนราจะทูลกระด้งไว้บนหัวเดินออกจากกระโจมของหัวหน้าเผ่าเบดูอินเหมือนเมื่อตอนขามา...ในใจหวังภาวนาว่าอย่าให้นายน้อยพึ่งตื่นลืมตาตอนนี้เลย

ความเคลื่อนไหวของกระโจมเมเทเทปถูกอีกฝ่ายจับตามองตลอดเวลา

“ท่านแม่ทัพ มีคนออกมาจากกระโจมนั่นอีกแล้ว" ทหารคนหนึ่งหันกลับมารายงานแม่ทัพ

"มีอะไรผิดปกติหรอเปล่า" คนที่กำลังนั่งหาวิธีการลอบเข้าไปข้างในเอ่ยปากถามลูกน้อง

"ไม่มีขอรับ นางออกมาพร้อมกระด้งอันเดิมที่ทูลเข้าไปสงสัยคงนำอาหารไปให้คนในนั้นทาน..."

"อืม...จับตาดูให้ดี โดยเฉพาะถ้ามีใครอุ้มทารกออกมา...ให้เจ้ารีบมารายงานข้าทันที"

"ขอรับท่านแม่ทัพ"

ทหารที่รับคำสั่งหันกลับไปมองกระโจมของหัวเผ่า สายตาจับจ้องแม้กระทั้งมดทุกตัวที่เข้าออกในกระโจมหลังนั้น

ยิ่งดึกสงัดความมืดเริ่มทะยอยคลืบคลานเข้ามาอากาศก็ยิ่งหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ แสงไฟในกระโจมหลายหลังดับลงทีละกระโจม จนในที่สุดกระโจมที่พวกเขาหมายตาก็ดับไฟลงเช่นกันเหมือนกับกระโจมอื่นๆ

นายทหารคนเดิมที่สังเกตุการณ์อยู่รีบหันกลับมารายงานแม่ทัพทันที

"กระโจมหัวหน้าเผ่าดับไฟแล้วขอรับ"

เนคนุมสั่งให้ลูกน้องคนนึ่งนำใช้หญ้าแห้งไปโยนตามกองไฟ...หญ้าชนิดนี้เมื่อโดนไฟจะกลายเป็นยากล่อมประสาทที่ทำให้คนที่สูดดมควันเข้าไปมีอาการง่วงซึม...และหลับไปในที่สุด

ตอนนี้มันก็เริ่มออกฤทธิ์ตามที่เขาคาดการ

การรอคอยที่เหมือนจะเนิ่นนานก็ได้สุดสุดลง เมื่อแม่ทัพเนคนุมชักดาบที่อยู่ในฝักออกมาก่อนกระซิบสังการลูกน้องให้ทำไปตามแผน

"เจ้าสี่คนไปเอาม้ารอพวกข้าทางทิศเหนือเจ้าอีกสามคนไปขโมยเสื้อผ้าของพวกเบดูอินมาให้ครบจำนวนคน พวกเจ้าอีกสามคนเฝ้าหน้ากระโจมไว้หากมีอะไรผิดสังเกตให้รีบมารายงานข้าส่วนอีกห้าคนที่เหลือตามข้ามา... เราจะเริ่มลงมือเดี๋ยวนี้"

แผนการของพวกพวกทหารอียิปต์ตอนบนดูเหมือนจะผ่านไปโดยง่ายไร้อุปสรรค ทั้งๆที่ตลอดการกระทำของพวกเขาเหล่านั้นมีสายตานับสิบคู่จ้องมองการกระทำนั้นอยู่ แต่ไม่สามารถลงมือหรือเข้าไปขัดขวาง คงได้แต่ปล่อยพวกมันทำตามอำเภอใจ


(โปรดติดตามตอนต่อไป)




Create Date : 17 เมษายน 2556
Last Update : 17 เมษายน 2556 14:20:10 น.
Counter : 615 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  

อมฤดา & ธัญณัฐฐ์
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



ผลงานและบทความทุกชิ้นที่ปรากฏใน Bloggang ของ boonchompu-tunnut ได้รับการคุ้มครองและสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15 และ 27) ไม่อนุญาตให้นำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด...ไปเผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดัดแปลง จำหน่าย ให้เช่า คัดลอก เลียนแบบ ทำสำเนา การทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน ไม่ว่าในรูปลักษณะอย่างใดหรือวิธีใด...โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเด็ดขาด หากพบเห็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ผิดกฏหมายของข้าพเจ้า...จะขอดำเนินการทางกฏหมายทั้งทางแพ่งและอาญาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
New Comments
All Blog