images by free.in.th
"
Group Blog
 
All blogs
 

รอให้ถึงเกษียณ ก็สายเสียแล้ว

เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาได้เกือบ 10 ปีแล้ว และอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ก็กำลังจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์  นั่นหมายถึง ในทุก ๆ ประชากร 10 คนจะมีคนที่อายุเกินกว่า 60 ปีอยู่ถึง 2 คน ความจริงตัวเลขอย่างนี้สำหรับเรา ๆ ก็ดูไม่น่าตกใจอะไร แต่ในเชิงของโครงสร้างประชากรที่คำนึงถึงการเจริญเติบโตและสภาพเศรษฐกิจสังคมแล้ว นับว่าเป็นแนวโน้มที่ไม่น่าพิสมัยสักเท่าไร  Smiley

 

และนับวันแนวโน้มนี้ก็ยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยก็ยิ่งสูงขึ้น ปัจจุบันอยู่ที่ 73 ปี ซึ่งอาจจะน้อยกว่าคนญี่ปุ่นที่มีอายุเฉลี่ยถึง 83 ปีก็ตาม แต่นี่ก็นับว่ามากแล้วหากเทียบกับสมัยก่อน และลองคิดดูว่า ปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่จะเกษียณออกจากงานเมื่ออายุ 60 ปี ที่บอกว่า “ปัจจุบัน” เพราะมีแนวโน้มว่าในอนาคตอาจจะปรับเป็น 65 ปี เหมือนในบางประเทศก็ได้ (จะดีใจหรือเสียใจดีล่ะเนี่ย ?!Smiley )

แต่ไม่ว่าจะเกษียณที่ 60 ปี หรือ 65 ปี คำถามคือ แล้วเราจะใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปอีก 10 ถึง 20 ปีนี้อย่างไรดี ?   Smiley

 

บางคนอาจจะดีใจและรอคอยให้ถึงเวลาที่เกษียณออกจากงานเพื่อจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เสียที Smiley ...แต่พอถึงเวลานั้นเข้าจริง ๆ อาจไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ยิ่งหากไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจรับการเปลี่ยนแปลงไว้บ้างเลยจะยิ่งมีปัญหา หลายคนอยู่ในสภาพหดหู่ เคว้งคว้าง หากปล่อยไว้นานวันเข้าก็กลายเป็นความเครียดสะสมและเป็นโรคซึมเศร้าเอาง่าย ๆ เพราะการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมอย่างกะทันหัน จากที่เคยใช้ชีวิตรีบเร่งออกไปทำงานแต่เช้าทุกวัน มาเป็นชีวิตที่อิสระ เอาแต่พักผ่อนนอนเล่นไปวัน ๆ ...อย่าว่าแต่วัยชราเลย ไม่ว่าวัยไหนก็ไม่มีความสุขอย่างที่หวัง เพราะชีวิตขาดความสมดุล การพักอย่างนี้เป็นการพักผ่อนทางกายก็จริง แต่สำหรับทางใจแล้วกลับทำให้ชีวิตไม่มีคุณค่า เกิดความรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ Smiley 

 

การพักผ่อนที่ดีและได้สมดุลในช่วงหลังเกษียณ ควรเป็นการพักผ่อนที่มีกิจกรรมอะไรสักอย่างทำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวเอง หากยังแข็งแรงและมีไฟอยู่ก็ควรหางานทำเป็นเรื่องเป็นราว แต่ควรเป็นงานที่ทำประโยชน์เพื่อชุมชนหรือสังคมจะเหมาะกว่า  ถ้าได้เงินด้วยก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ทำนั้นเป็นการเติมเต็มคุณค่าและความอิ่มใจ ถือว่าเป็น "กำไร" ชีวิตอยู่แล้ว Smiley 

หลายคนอาจจะคิดว่า อายุก็ปูนนี้ แค่ไม่ทำตัวให้เป็นภาระก็น่าจะดีนักหนาแล้ว แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่า บ่อยครั้งที่ช่วงวัยนี้เป็นวัยที่สุกงอม พร้อมทำประโยชน์และคุณค่าให้สังคมได้มากมาย เพราะในวัย 60-70 ปี สำหรับใครหลายคนแล้วเรียกว่าทั้งกำลังกายกำลังใจแทบไม่ได้ถดถอยลงไปเลย หนำซ้ำยังมีไฟคุกรุ่นและอยู่ในสภาพ "ขิงแก่" ที่สั่งสมประสบการณ์ไว้อย่างเต็มเปี่ยม เพื่อให้บรรดารุ่นลูกรุ่นหลานได้เรียนรู้และขอแบ่งปันคุณค่าที่มาพร้อมกับวันวัยของพวกท่านได้อย่างไม่รู้จบ Smiley 

หรือบางคนอาจจะอยากพักผ่อนโดยหางานอดิเรกที่ชอบทำ หรือจะช่วยเลี้ยงหลานบ้างก็ได้ แต่ที่สำคัญต้องไม่ทำอะไรที่เป็นการฝืนกำลังจนเกินไป เพราะการใช้ร่างกายอย่างหักโหมในวัยสูงอายุเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์

บางคนหลังเกษียณแล้วก็กลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย จู้จี้ ขี้บ่น เพราะคนวัยเกษียณมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องกังวล ไหนจะเรื่องเงินที่ไม่รู้ว่าจะมีพอใช้ไปได้ถึงเมื่อไร เรื่องสุขภาพของตัวเองที่ไม่เหมือนเดิม เจ็บตรงนั้นบ้าง ปวดตรงนี้บ้าง ทั้งหาหมอก็แล้ว กินยาก็แล้ว แต่บางครั้งก็เป็นความเจ็บป่วยที่ไม่ทราบสาเหตุ กลายเป็นเหตุก่อความทุกข์ใจให้ผู้สูงอายุก็ไม่น้อย หนำซ้ำพอปริปากบ่นไปก็ไม่มีใครเข้าใจ หาว่าเป็นคนแก่ขี้อ้อนเสียอีก Smiley 

แล้วยังมีเรื่องหลักประกันในอนาคต เจ็บไข้ขึ้นมาใครจะดูแล ?  หากไม่มีลูกหลานจะทำอย่างไร ?  หรือถึงมีลูกมีหลาน แต่การมาอาศัยอยู่ร่วมบ้านกันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงภายนอกจะดูอบอุ่นและรักกันดี แต่รายละเอียดในการใช้ชีวิตที่ต่างกันก็อาจสร้างความอึดอัดใจได้โดยไม่รู้ตัว ...ปัญหาของผู้สูงอายุนั้นมีจิปาถะและก็เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจริง ๆ

ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ เพียงแต่ต้องอาศัยการเตรียมการและรับมืออย่างเหมาะสม

แต่ถ้าใครยังมองไม่เห็นทางออก หรือไม่รู้เลยว่าจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจอย่างไร ในฐานะที่ตัวเองต้องเข้าสู่วัยชราเข้าสักวัน และในฐานะที่เราเองก็มีผู้สูงอายุที่ต้องดูแล เราก็คงอยากทำให้พวกท่านสุขกายสบายใจ และมีชีวิตที่สดใสไปอีกนาน ๆ  ก็ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้เลย...  

รอให้ถึงเกษียณ ก็สายเสียแล้ว

  

หนังสือที่เขียนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น ที่นำประสบการณ์ตรงทั้งจากการเป็นแพทย์และเป็นผู้สูงอายุ มาบอกเล่าให้เห็นภาพอย่างชัดเจนและครอบคลุมทุกเรื่องเกี่ยวกับคนวัยเกษียณ ทั้งเรื่องวิธีใช้ชีวิตเพื่อเติมความสดชื่นมีชีวิตชีวา เรื่องอาหารและการออกกำลังกาย ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว วิธีจัดการกับความหงุดหงิด ความรู้สึกไม่มั่นคงในอนาคต การเตรียมพร้อมเรื่องค่าใช้จ่าย การประกันสุขภาพ การป้องกันการถูกหลอกลวง การจัดการทรัพย์สิน ฯลฯ (ลองชมสารบัญได้ ที่นี่ หรือชมตัวอย่างเนื้อหาได้ ที่นี่ 

เรียกว่าอ่านตอนนี้ ก็นำไปใช้ได้ตอนนี้เลย ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน... เพราะคนที่จะเตรียมพร้อมในเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เฉพาะตัวผู้สูงอายุเองเท่านั้น แต่ต้องเป็นทุกคนในครอบครัวที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราเองในฐานะที่เป็นลูกเป็นหลานก็ควรเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของพวกท่านไว้ จะได้ปรับตัวเข้าหากัน ไม่มีเรื่องให้กระทบกระทั่งหมางใจกัน ถ้าเข้าอกเข้าใจกันได้ บ้านของเรา ครอบครัวของเราก็จะมีความสุข เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น

...ยังไงก็ขอให้ก้าวข้ามกำแพงแห่งวัยนี้ไปได้พร้อม ๆ กันนะคะ Smiley 

 

 

 

 

 

 

 

 




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2556    
Last Update : 3 มิถุนายน 2556 13:07:49 น.
Counter : 5734 Pageviews.  

“กลยุทธ์ Lanchester ยุทธการล้มเบอร์หนึ่งของมือรอง”


ผ่านไปแล้วกับ "งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 41"

วันที่ 29 มีนาคม - 8 เมษายน 2556 กับสโลแกนที่ว่า

“Open a Book Open the World”

มีใครได้ไปเดินเล่นหลบร้อนกันในงานบ้างไหมคะ SmileySmiley


สำหรับคนที่พลาด ไม่ได้ไปงานในครั้งนี้ ไม่ต้องเสียใจไปค่ะ

เรามีภาพบรรยากาศในงานหนังสือมาอัพเดทให้ได้ดูกัน Smiley

เผื่อจะเป็นแรงกระตุ้นให้ครั้งหน้าไม่พลาดกันอีก ตามลิงก์นี้เลยค่ะ

https://www.facebook.com/tpabook/photos_stream


แล้ววันนี้เรายังมีหนังสือดี ที่เป็นหนึ่งเล่มในเซ็ตโปรโมชั่นในงานมาแนะนำกันด้วยค่ะ

คือ “กลยุทธ์ Lanchester ยุทธการล้มเบอร์หนึ่งของมือรอง”

ขนาดรูปเล่ม  pocket book หนา  280 หน้า ราคา 229 บาท


ชื่อหนังสืออาจจะดูย๊าวยาว และไม่คุ้นหูไปสักหน่อย... 

แต่บอกเลยว่า เนื้อหาอ่านเข้าใจง่ายมาก ๆ Smiley

เพราะมีรูปประกอบควบคู่ไปด้วย แบบนี้

หรือจะคลิกเข้าไปดูสารบัญ และลองอ่านเนื้อหาบางส่วนกันก่อนที่ 

//www.tpa.or.th/publisher/page_detail.php?bno=128


มาเรียนรู้กันเบา ๆ ว่า เทคนิค-ชั้นเชิงทางการตลาดแบบไหน 

ที่บริษัทที่เรียกว่า เป็นแค่ “มือรอง” เคยใช้ “ล้ม” ยักษ์ใหญ่ในวงการได้สำเร็จมาแล้ว Smiley

หรือ “เบอร์หนึ่ง” ยักษ์ใหญ่ที่ว่านั้น “พลาด และ ร่วง” ตกลงมาจากบัลลังก์ได้อย่างไร Smiley

ไม่ว่าจะเป็น FANCL, Asahi Drink,H.I.S, Nissan, Citizen Electronics ฯลฯ


“เบอร์หนึ่ง” อาจจะมีได้แค่หนึ่งเดียว...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะ “เปลี่ยนมือ” ไม่ได้ จริงไหมคะ ??




 

Create Date : 22 เมษายน 2556    
Last Update : 22 เมษายน 2556 16:54:32 น.
Counter : 4469 Pageviews.  

สินค้ายอดนิยม จากเริ่มต้นสู่แบรนด์อมตะ : ปั้นด้วยใจและไอเดีย จนเติบใหญ่สู่แบรนด์

ผลิตภัณฑ์ที่ฮิตติดตลาดนั้นเป็นเหมือนยาวิเศษสำหรับบริษัทผู้ผลิตที่ทั้งเพิ่มยอดขายเพิ่มผลกำไร เพิ่มมูลค่าหุ้น ส่งเสริมแบรนด์ และกระตุ้นขวัญกำลังใจของพนักงานในบริษัท

 

แต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ยอดนิยมก็อาจจะไม่ง่ายอย่างใจคิด  จึงจำเป็นต้องมีขั้นตอนพื้นฐานที่เป็นเหมือน “ขั้นบันได” สู่ความสำเร็จสำหรับผู้รับผิดชอบงานนี้ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เอาชนะได้ในตลาดที่แข่งขันรุนแรงเช่นในปัจจุบัน

 


สินค้ายอดนิยม จากเริ่มต้นสู่แบรนด์อมตะ

 

โดย MasahiroOhta

 

แปลโดย ผศ.ประยูร เชี่ยววัฒนา

 

หนา 216 หน้า ขนาด Pocketbook (พิมพ์ 2 สี)

 

หมวดการบริหาร-จัดการธุรกิจ

 

 

เดินหน้าผ่าทางตัน รุกตลาดอย่างจริงจังด้วยคู่มือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ฮิตติดตลาดภาคปฏิบัติที่อธิบายอย่างเป็นขั้นตอน เหมาะสำหรับทุกฝ่ายงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งในธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็ก

 

“สินค้ายอดนิยม จากเริ่มต้นสู่แบรนด์อมตะ” เล่มนี้ กลั่นจากประสบการณ์การทำงานด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ของผู้เขียนไ ม่ว่าจะเป็นความยากลำบากต่าง ๆ ขณะทำงาน ประเด็นสะดุดใจขณะแนะนำลูกน้องหรือขณะให้คำแนะนำแก่ธุรกิจซึ่งเป็นลูกค้า

 

นอกจากนี้ ผู้เขียนยังนำเสนอกรณีตัวอย่างจริงจากผลิตภัณฑ์ที่เคยรับผิดชอบและผลิตภัณฑ์ยอดนิยมหลากหลายชนิดในตลาดญี่ปุ่น ที่ซึ่งหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกเชื่อว่า หากผลิตภัณฑ์ใดได้รับความนิยมในญี่ปุ่นก็จะประสบความสำเร็จในประเทศอื่น ๆ เช่นเดียวกัน

 

เนื้อหาเริ่มที่การนำเสนอภาพรวมแนวคิดพื้นฐานของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และขั้นตอน  จากนั้นอธิบายรายละเอียดประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญของแต่ละขั้นตอน โดยเน้นวิธีปฏิบัติ ประเด็นสำคัญ ข้อควรระวัง และแนวทางแก้ปัญหาในแต่ละขั้นตอนอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งยังสรุปเคล็ดลับสำคัญให้เข้มข้นอ่านง่าย ไม่เยิ่นเย้อ ด้วยแผนภาพและตารางต่าง ๆ อีกด้วย

 

6 ขั้นตอนปลุกปั้นและบ่มเพาะผลิตภัณฑ์ให้ติดตลาด จนเติบใหญ่เป็นแบรนด์ที่ให้ดอกผลอย่างงดงาม ได้แก่ (1) เริ่มวางแผนงานไม่ให้พลาดจังหวะวางจำหน่าย

(2) สำรวจตลาด มองหาสัญญาณของกระแสความนิยม

 

(3) เฟ้นหาไอเดียพัฒนาคอนเซปต์ ให้ได้ผลิตภัณฑ์ต้นแบบ

 

(4) กำหนดราคา ตั้งชื่อ และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้โดนใจลูกค้า

 

(5) โฆษณา ส่งเสริมการขาย และวางจำหน่ายให้ตรงใจลูกค้าเป้าหมาย

 

(6) กระตุ้นและผลักดันผลิตภัณฑ์จนเติบโตเป็นแบรนด์อมตะ

 

        ลองมาดูตัวอย่างหนึ่งจากเนื้อหากันสักนิดค่ะ

 

        ขั้นตอนหนึ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สำคัญมากก็คือ การสำรวจตลาด สิ่งที่ต้องทำในการสำรวจก็คือ การมองหาสัญญาณของความนิยมใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความนิยมในตลาดนั่นเอง  แต่การมองหากระแสความนิยมก็มีประเด็นสำคัญที่ต้องระวังคือ กระแสความนิยมที่เกิดขึ้นแล้วถือว่า “สายเกินไป” ที่จะนำมาใช้เป็นไอเดียพัฒนาผลิตภัณฑ์

 

         หลายคนอาจสงสัยว่า“ทำไม”เหตุผลก็คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้นใช้เวลานานหลายเดือน กว่าบริษัทของเราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เสร็จแล้วออกวางจำหน่าย ก็มีความเสี่ยงสูงที่กระแสความนิยมนั้นในตลาดจะซาลงแล้วนั่นเอง ดังนั้น นักพัฒนาผลิตภัณฑ์จึงต้องสังเกตแนวโน้มล่วงหน้าประมาณครึ่งก้าวก่อนจะกลายเป็นกระแสขึ้นมา

 

   วิธีหนึ่งในการสังเกตแนวโน้มความนิยมล่วงหน้าก็คือ ให้ประยุกต์ใช้แนวคิดจากวงการธุรกิจอื่น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเรา “ล้ำ” กว่าคู่แข่งในวงการเดียวกัน  ตัวอย่างหนึ่งในตลาดญี่ปุ่นคือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับแนวคิดจากอาหารเสริม มีการพัฒนาตู้เย็นซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ช่องเก็บผักได้รับการพัฒนาให้ช่วยเพิ่มวิตามินซีในผักได้  หรือแม้แต่มีแสงไฟที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดวิตามิน เป็นต้น

 

นอกจากนี้ ที่รวมตัวของลูกค้าเป้าหมาย ภาพยนตร์ แฟชั่น ดนตรี ร้านอาหาร ฯลฯ เรียกว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนรอบตัวล้วนเป็นแหล่งหาไอเดียใหม่ ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ทั้งสิ้น แต่แน่นอนว่าการค้นหาโดยไร้เป้าหมายก็ไม่เกิดประโยชน์ค่ะ  ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องมีเครื่องมือที่ช่วยให้ค้นพบกุญแจสำคัญสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งในเล่มก็มีหลายเครื่องมือด้วยกัน

 

ตัวอย่างหนึ่ง เช่น “แผ่นบันทึกประเด็นสะกิดใจ” วิธีใช้คือมองหาสิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมของคนในสังคม  กระแสความนิยมนั้นมาจากคนกลุ่มใด  คิดหาเหตุผลและภูมิหลังที่ทำให้สิ่งนั้นได้รับความนิยมให้ได้มากที่สุด  จากนั้นให้นึกถึงคำสำคัญที่เกี่ยวข้องให้มากเท่าที่นึกได้  คำสำคัญเหล่านี้จะเป็นกุญแจสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้

ตัวอย่างส่วนหนึ่งของวิธีปฏิบัติและเครื่องมืออื่น ๆ ในเล่ม

 

- ข้อแตกต่างระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจขนาดใหญ่กับขนาดกลางและเล็ก

 

- วิธีมองหาแนวโน้มกระแสความนิยมและกระบวนการเชื่อมโยงสู่แผนพัฒนา

 

- กิจกรรมที่ช่วยสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ

 

- แนวทางการสร้างสรรค์ตำนานของผลิตภัณฑ์

 

- ประเด็นควรระวังในการกำหนดราคาและการตั้งชื่อ

 

- ขั้นตอนการออกแบบและวิธีการประเมิน

 

- การดำเนินการโฆษณาและมาตรการส่งเสริมการขาย

 

- วิธีตรวจสอบหลังการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์

 

- มาตรการรูปธรรมในการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ขายได้นานไปสู่แบรนด์

 

       นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกมากมายในเล่มค่ะ

       ดูรายละเอียด สารบัญและตัวอย่างเนื้อหาหนังสือเพิ่มเติมได้ที่นี่



----------------------------------------------------------------------------------------------





 

Create Date : 15 มีนาคม 2556    
Last Update : 27 มีนาคม 2557 21:56:30 น.
Counter : 3698 Pageviews.  

จิตวิทยาเพื่อชีวิตที่กลมกล่อม

เป็นยังไงกันบ้างคะ เพิ่งผ่านพ้นเทศกาลแห่งความสุขมาหมาด ๆ  Smiley Smiley

ไม่รู้ว่าวาเลนไทน์ที่ผ่านมาไปฉลองที่ไหนมาบ้าง หรือใครมีเซอร์ไพรส์ประทับใจสุด ๆ จากแฟนหรือเพื่อนแล้วอยากแชร์ก็ได้เลยนะ ทางนี้จะเตรียม Cool Pack ประคบตารอไว้เลยค่า...


สำหรับใครที่ช่วงนี้หัวใจกำลังฟูSmileySmiley ความรักกำลังไปได้สวย หรือรู้สึกว่าไม่มีอุปสรรคใด ๆ มาขวางกั้นระหว่างเราสอง ก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วยจริง ๆ ค่ะ แต่ก็อย่านิ่งนอนใจว่าจะอยู่ในโหมดหวานชื่น Smiley อย่างนี้ไปตลอดนะคะ

เพราะอะไร ๆ ย่อมมีสองด้านเสมอ ก็ไม่ได้อยากจะดับฝันในช่วงกำลังอินเลิฟอย่างนี้หรอก...แต่โลกแห่งความจริงที่คนเราต้องพบเจอมันเต็มไปด้วยปัญหามากมาย ใช่จะโรยด้วยกลีบกุหลาบไปตลอดทางซะเมื่อไร Smiley

ดังนั้นทางที่ดีก็ควรเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจทำให้เราตกสวรรค์ได้ทุกเมื่อดีกว่า


เพราะความสัมพันธ์ของคนเรานั้นช่างซับซ้อนเหลือเกิน ซึ่งความซับซ้อนนี้ก็เกิดจาก “จิตใจ” คนเรานั่นแหละ คงไม่มีใครแย้งนะคะว่าจิตใจที่มองไม่เห็น เข้าใจก็ยากนี้ ส่งอิทธิพลต่อชีวิตคนเราได้มากมายขนาดไหน 

จะว่าไปแล้วมันคือศูนย์บัญชาการของคนทุกคน และขับเคลื่อนให้ทุกสิ่งเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ก็ว่าได้


อย่างปัญหาคลาสสิกในเรื่องความรักก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการนอกใจ ความหึงหวง และความขัดแย้งระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ ซึ่งเรื่องพวกนี้ ลึก ๆ แล้วมีเบื้องหลังของจิตวิทยาซ่อนอยู่ทั้งนั้น เช่น เรื่องของการนอกใจ ดูเผิน ๆ แล้วอาจสรุปว่าเป็นเพราะนิสัยหรือเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ชอบมีกิ๊ก ชอบมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลาย ๆ คน

แต่ความจริงแล้วในเชิงจิตวิเคราะห์ยังอธิบายได้ลึกไปกว่านั้น ว่าเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของผู้ชายตราบใดที่ไม่อาจแน่ใจได้ตลอดเวลาว่าตัวเองสามารถมีเซ็กซ์ได้ หรือถ้าพูดให้ชัด ๆ ก็คือ ถ้าผู้ชายไม่มั่นใจว่าอวัยวะเพศของตัวเองยังแข็งแรงและใช้การได้ดีก็จะเป็นกังวลอยู่ตลอด  Smiley


แล้วจิตใต้สำนึกนี้ก็ผลักดันให้ผู้ชายแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ออกมาอย่างที่เราทราบกันดี ทั้งที่บางครั้งเจ้าตัวก็ยังรักแฟนดีอยู่ และไม่คิดอยากให้คนรักต้องมาเสียใจ นอกจากนี้ยังมีกลไกเรื่อง “ความอยากรู้อยากเห็น” ซ่อนอยู่ Smiley เหมือนที่ความอยากรู้อยากเห็นของผู้หญิงถูกระบายออกมาเป็นความเมามันกับการ ซุบซิบนินทาเรื่องชาวบ้านนั่นแหละค่ะ  Smiley


ส่วนปัญหาไม้เบื่อไม้เมาระดับตำนานอย่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ ที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ ทั้งที่ลูกสะใภ้ก็ออกจะเจียมเนื้อเจียมตัว พยายามเอาอกเอาใจแม่สามีสารพัด แต่ก็แทบไม่เป็นผล Smiley

อย่างที่หลายคนเรียกว่า “เคมีไม่ตรงกัน” แล้วเคยสงสัยไหมคะว่าจริง ๆ เป็นเพราะอะไร ในทางจิตวิเคราะห์เค้าก็อธิบายไว้ว่า 

ตัวการเบื้องหลังความบาดหมาง Smiley ระหว่างคู่นี้อยู่ที่ “ความอิจฉา”

...ก็แหม ลึก ๆ ในจิตใจของพวกผู้หญิงน่ะ แค่เห็นใครสวยกว่า สาวกว่า Smiley

ความอิจฉาก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวแล้ว (แต่ตอนนี้คงรู้แล้วใช่มั้ยล่ะ...)


สำหรับดีกรีความอิจฉาก็จะมากน้อยต่างกัน เพราะยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องคือเรื่องของ “ความรักตัวเอง” ถ้าเป็นแม่สามีที่ตั้งแต่เล็กจนโตกระทั่งถึงปัจจุบัน ความรักตัวเองได้รับการเติมเต็ม Smiley เช่น สามีและลูกชายเห็นความสำคัญของตัวเองมาตลอด หรือไม่มีปมในใจใด ๆ ความอิจฉาของแม่สามีก็จะไม่ลุกขึ้นมาอาละวาด ออกฤทธิ์ออกเดช Smiley เอากับลูกสะใภ้หรือบรรดาว่าที่ลูกสะใภ้ทั้งหลาย

...ปัญหามันก็อยู่ตรงนี้เอง  ซึ่งมีวิธีแก้ไขอยู่นะคะ แต่จะให้เล่าตรงนี้ก็อาจจะยาวไปนิด ถ้ามีเวลาลองไปเปิดหาคำตอบในหนังสือเล่มนี้ดูเองดีกว่า Smiley


จิตวิทยาเพื่อชีวิตที่กลมกล่อม

by Hideki WADA  /  แปลโดย ดร.สุลภัส เครือกาญจนา  /  หนา 160 หน้า 


นอกจากจะได้ไขปัญหาคาใจเรื่องการสงบศึกกับแม่แฟน (สามี) แล้ว ยังจะได้ทราบอีกหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ เพราะผู้เขียนซึ่งเป็นจิตแพทย์ ได้รวบรวมประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของจิตใจที่พบเห็นได้ทั่วไปในการดำเนินชีวิตในสังคม มาเล่าให้เข้าใจง่าย ๆ


อ่านแล้วจะได้เข้าใจ “จิตใจ” ตนเองและคนรอบข้าง รู้วิธีรักษาความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบตัว ทั้งพี่น้อง เพื่อนฝูง และรู้จักโรคทางใจ 

เช่น การเสพติดความผอมหรือการชอปปิ้ง อาการเฉื่อยชา หดหู่ ซึมเศร้า แพนิค ฯลฯ จะได้หาวิธีหลีกเลี่ยง หรือปรับตัวปรับพฤติกรรมเสียแต่เนิ่น ๆ


...ยังไงก็อย่าลืมดูแลจิตใจตัวเองและคนรอบข้างกันหน่อยนะคะ Smiley เพราะปัญหาต่าง ๆ ที่รุนแรงอย่างทุกวันนี้ ก็เกิดจากการสะสมปัญหาทางใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามักมองข้าม...มาช่วยกันสร้างครอบครัวที่เป็นสุขและสังคมที่น่าอยู่ โดยเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ในหัวใจของเรากันดีกว่าค่ะ Smiley





 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2556 11:46:06 น.
Counter : 4015 Pageviews.  

ทำตามใจห่างไกลโรค : เตรียมตัว..วอร์มหัวใจให้อบอุ่น ต้อนรับวันวาเลนไทน์


H A P P Y - N E W - Y E A R - 2 0 1 3 Smiley

แม้จะเพิ่งผ่านการเฉลิมฉลองปีใหม่กันไปแบบกรุ่น ๆ
แต่ชาวเราก็อย่าปล่อยให้อารมณ์เฟสติวัล SmileySmiley
และกลิ่นไอของความสนุกหมดไปง่าย ๆ นะคะ

เรามาเตรียมตัว และวอร์มหัวใจให้อบอุ่น เป็นสีชมพู๊..ชมพู Smiley
ต้อนรับเทศกาลวันแห่งความรัก (Valentine’s Day) ที่กำลังจะมาถึงกันต่อดีกว่า !!!

พอพูดถึงวันวาเลนไทน์ ก็ทำให้นึกย้อนไปถึงสมัยวัยโอลด์สคูล Smiley
นึกถึงอารมณ์แบ๊ว คำพูดหวานแหวว ความรักสีชมพู สติ๊กเกอร์รูปหัวใจ
ดอกกุลาบสารพัดสี แล้วก็ช็อกโกแลตของโปรดขึ้นมาทันใด!!! Smiley Smiley

เรียกว่าช่วงวาเลนไทน์ทีไร เราจะได้ปลื้มกันทั้งใจ และอิ่มกันทั้งกายเลยล่ะค่ะ
แล้วอย่าคิดว่าเจ้าช็อกโกแลตเนี่ย จะกินกันแค่เพลิน ๆ หวาน ๆ ไปวัน ๆ นะคะ 
เพราะที่จริงแล้วช็อกโกแลตมีประโยชน์มากนะคะ ขอบอก....

“ช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มีคุณค่าสูง และบำรุงพลังทางเพศได้รวดเร็ว 
นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์กระตุ้นความต้องการทางเพศ 
ทำให้เกิดความหลงใหลทางใจและรูปกาย” 
ปริมาณที่เหมาะสมในการบริโภคช็อกโกแลตต่อวัน 
คือ วันละประมาณ 50 กรัม หรือประมาณครึ่งชิ้น ถึง 1 ชิ้น 
ถ้าเป็นโกโก้ก็ประมาณวันละ 1-2 ถ้วย
ชาวมายาในอดีตจึงนิยมและชื่นชอบโกโก้เป็นพิเศษ 
ก็เพราะสรรพคุณที่เป็นยาบำรุงและเพิ่มพลังทางเพศนั่นเอง...




*** ส่วนหนึ่งจากหนังสือ “ทำตามใจ ห่างไกลโรค”  ***

แต่อย่าลืมนะคะว่า..ยังไงก็ต้องยึดทางสายกลาง 
อะไรที่มากไปหรือน้อยไปก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะค่ะ 
เดี๋ยวอ้วนขึ้นมา แล้วจะมาโทษกันทีหลังไม่ได้นะคะ Smiley

รู้กันไหมคะว่านอกจากช็อกโกแลตแล้ว 
ยังมีอาหารชนิดอื่นอีกที่ดูเหมือนไม่น่าจะมีประโยชน์ หรือดูจะเป็นโทษต่อร่างกายด้วยซ้ำ
แต่สำหรับบางคนแล้ว อาหารพวกนี้มันอร่อยมาก ชอบมาก 
เห็นทีไรก็อดใจไม่ไหว ต้องพุ่งเข้าไปหา Smiley Smiley Smiley
ก็พวกชีส เนย นม ที่เป็นส่วนประกอบในขนมเค้กหน้าตาน่ารัก ๆ ที่สาว ๆ ส่วนใหญ่ชื่นชอบไงคะ  
รวมถึงพวกแอลกอฮอล์ ประเภทเหล้า เบียร์ ที่พวกหนุ่ม ๆ ชอบดริ้งก์ก็เช่นกัน

เคยสังเกตกันไหมคะว่า...
ทำไมบางคนทานอาหารพวกนี้แล้ว ไม่เห็นเคยมีปัญหาเรื่องสุขภาพเลย Smiley
แต่กับบางคน ทานแค่นิ๊ดเดียว หรือไม่ได้ทานบ่อย ๆ กลับสะสม หรือทำให้เป็นโรคอื่น ๆ ตามมา  

ถ้าแปลกใจ และอยากจะรู้คำตอบ ก็ตามมาอ่านกันได้ในเล่มนะคะ 



เมื่อเตรียมตัวเรื่องสุขภาพกันแล้ว ก็วนเข้ามาที่เรื่องหัวใจกันต่อ Smiley
คิดกันไว้หรือยังคะ ว่าวันวาเลนไทน์ปีนี้ จะเลือกอะไรเป็นของขวัญสำหรับคนที่คุณรัก Smiley
นอกจากสิ่งเบ ๆ (Basic) ที่เป็นซิกเนเจอร์ข้างบนแล้ว 
ลองมองหาหนังสือดี ๆ สักเล่มไว้เป็นของขวัญให้กับคนที่คุณรัก 
ก็น่าจะสื่อถึงความรักของคุณได้เป็นอย่างดี ว่าไหมคะ Smiley

และถ้าอยากได้หนังสือที่ทั้งดีและฟรีเพื่อมอบให้กับคนที่คุณรัก 
เราก็ได้จัดกิจกรรมมาให้เล่นสนุก ๆ รับของรางวัลกัน
กติกาก็ตามหน้าเพจนี้เลยนะคะ



H a p p y V a l e n t i n e ’ s D a y Smiley
- ขอให้ได้(แฟน) และขอให้โดน(ใจ)กันถ้วนหน้านะคะ - 








 

Create Date : 18 มกราคม 2556    
Last Update : 2 กรกฎาคม 2557 15:18:36 น.
Counter : 3564 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

textbook
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




สำนักพิมพ์ ส.ส.ท. สรรค์สร้างสาระสู่สังคม
มุ่งมั่นผลิตตำราวิชาการและหนังสือเทคโนโลยีสาขาต่าง ๆ การบริหารจัดการ ด้านส่งเสริมการศึกษา เพื่อการพัฒนาตนเองและองค์กร สำหรับภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม
Friends' blogs
[Add textbook's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.