Group Blog
 
All blogs
 

360 องศาที่จุดชมวิว Mountain Resort เกาะหลีเป๊ะ[VDO]


ถ่ายเวลาประมาณ 7.30 น. ที่ระเบียงร้านอาหารของ Mountain Resort
ที่เรียกว่าจุดชมวิวของ Mountain Resort(เรียกเอง) ก็เพราะ
ใครๆ มาก็ถ่ายรูปจากบนนั้น และวิวที่ร้านอาหารก็มองได้เป็นมุมกว้าง
ตอนที่ถ่ายอาจจะเช้าเกินไปเลยไม่ค่อยสวย ถ้าแดดดีคงจะสวยกว่านี้



ปล ถ่ายด้วย Compact Camera ธรรมดาเลยไม่ค่อยคมชัดเท่าไหร่


ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2551    
Last Update : 12 มิถุนายน 2551 17:26:23 น.
Counter : 1636 Pageviews.  

ร่มรื่นสบายๆ ในอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม บางแพ ราชบุรี

หลังจากไหว้หลวงปู่ทวดที่วัดห้วยมงคลเสร็จ ก็มุ่งหน้าไปราชบุรี จุดหมายคือ
ทานข้าวกลางวันและเยี่ยมชม Siam Cultural Park หรืออุทยานหุ่นขี้ผึ้งไทย
ออกจากวัดห้วยมงคลมุ่งหน้าไปราชบุรี ผ่านเพชรบุรี




ถึงทางแยกที่จะกลับกรุงเทพฯ ก็ตรงไปราชบุรี ผ่านปากท่อ ผ่านแยกที่จะไปอ.สวนผึ้ง
เมืองราชบุรี โพธาราม จากนั้นจะเห็นป้ายไปดำเนินสะดวก(เลี้ยวขวา)
จะเลี้ยวขวาใต้สะพานข้ามทางแยกที่จะมุ่งหน้าไปบ้านโป่ง และนครปฐม
จากแยกมา(คาดว่า)ไม่ถึงกิโลเมตร อุทยานหุ่นขี้ผึ้งจะอยู่ขวามือ ชิดขวากลับรถ
เข้าไปด้านในมีที่จอดรถมากมาย

มีที่เก็บค่าเข้าชมอยู่บริเวณด้านหน้า และติดสติกเกอร์ทุกคน
ราคาเข้าชมจะแยกเป็นคนไทย และต่างชาติ ไม่แน่ใจว่าค่าเข้าชมเท่าไร
เพราะวันนั้นไม่ได้จ่ายค่าเข้าชม :)

เห็นป้ายนี้นึกถึงคำขวัญวันเด็ก



พอถึงก็รีบเดินจ้ำอ้าว ไปที่เรือนรับรองเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน
ที่เรือนรับรองด้านหลัง ที่ทางพิพิธภัณฑ์จัดไว้ให้ (ไปกันเป็นหมู่คณะ)
บริเวณภายในกว้างมากมีพื้นที่ ถึง 45 ไร่ และก็ร่มรื่นมากๆ ด้วย



ต้นไม้ร่มรื่น มีธารน้ำ



จัดไว้อย่างสวยงาม



จำชื่อไม่ได้ -_-" ใครรู้ช่วยบอกด้วย



ร่มรื่นมากๆ เหมาะกับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ



น้ำตกเย็นๆ รู้สึกถึงธรรมชาติ แม้จะเป็นน้ำตกที่สร้างขึ้นก็ตาม



ตอนนี้หิวมาก เลยรีบๆ เดิน ถ่ายไม่ค่อยเยอะเท่าไร



ภายในบริเวณก็จะมีเรือนไทยเป็นหลังๆ ให้เห็นอยู่ตามจุดต่างๆ



ในที่สุดก็เดินมาถึงเรือนรับรองจนได้ เราจะรับประทานอาหารกลางวันที่นี่



มุมที่มองออกมาทางหน้าต่าง



โคมไฟในนั้น



เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เนื่องจากแถวบุฟเฟ่ยาวมาก ขี้เกียจยืนรอ
ก่อนทานข้าวไปเข้าห้องน้ำล้างมือก่อน ทางเดินเก๋ไก๋ดี



อ่างล้างมือ ชอบจริงๆ ขอแอบเปิดน้ำและถ่ายรูปหน่อยนะ ห้าวิ



ในห้องน้ำสวยดี ชอบ



ด้านข้างของเรือนรับรอง(จริงๆ แล้วเขาเรียกแบบนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้)



ในที่สุดเราก็ได้ทานอาหารกลางวัน ตักมาเยอะเพราะหิวมาก(แถมมีเติมรอบสอง)
อร่อยทุกอย่างโดยเฉพาะขาหมู มีขนมต้มอร่อยด้วยแต่ไม่ได้ทานเลย
เห็นบอกว่ามาจากเจ้าที่อร่อยที่สุดในราชบุรี



หลังจากอิ่มแล้วก็เดินชมอุทยานกันดีกว่า มีเวลาไม่มาก



เริ่มจากบ้านไทยสีภาค ที่ปลูกอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน
สามารถขึ้นไปเยี่ยมชมได้ข้างบน จะมีหุ่นขี้ผึ้งแสดงไว้



บ้านจะปลูกตามสไตล์ของในแต่ละภาค หุ่นขี้ผึ้งบนบ้าน
ก็จะสะท้อน ลักษณะความเป็นอยู่และการดำเนินชีวิตของคนภาคนั้น



บ้านหลังใหญ่ ที่สามารถอยู่อาศัยได้จริงๆ



ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ขึ้นมาบนบ้านภาคอะไร



หุ่นขี้ผึ้งคนปั้น ปั้นได้เก่งมากๆ พอขึ้นไปบนบ้านแต่ละครั้ง
รู้สึกตกใจทุกครั้งที่เข้าไปด้านใน เพราะมันเหมือนซะจน เหมือนมีคนอยู่ด้วยจริงๆ



เหมือนจริงๆ ถ้ามาเดินกลางคืนก็คงตกใจกว่านี้



ภายในบริเวณก็ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้



มาถึงบ้านท่านเจ้าคุณของอีเย็นกันบ้าง คงคุ้นๆ กันดีในละครย้อนยุค



บ้านภาคใต้ ไม่ได้ขึ้นไปเพราะฝนเริ่มตก ไม่อยากถอดรองเท้า



ป้ายบอกทาง



จากนั้นก็ไปดูกุฏิพระภาคต่างๆ
ก็จะเป็นการปลูกกุฏิ แบบสถาปัตยกรรมของภาคต่างๆ
เราสามารถขึ้นไปนมัสการพระที่มีชื่อเสียง ของภาคนั้นๆ ได้



ภายในกุฏิจะค่อนข้างมืด ไม่เหมือนที่บ้านไทย เลยดูขลัง
และไม่เปิดโล่ง ภายในมีแอร์เย็นๆ คาดว่าน่าจะเป็นการรักษาหุ่นขี้ผึ้ง



ประตูที่เปิดเข้าไปด้านในจะเป็นลูกปัดร้อยเพื่อกันความเย็นออก



ปั้นได้เหมือนมากจริงๆ เหมือนได้พบกับท่านจริงๆ



ไหว้ขอพร แล้วก็ลงมาเดินต่อ ไม่ได้ขึ้นทุกหลังเพราะเวลามีไม่มาก



กุฏิพระภาคกลาง ใหญ่มาก



ภายในบริเวณก็จะมีร้านขายน้ำ ขายกาแฟสดอยู่
สร้างได้ลงตัวและกลมกลืนมาก ที่เห็นนี่คือบ้านน้ำสมุนไพร



มีที่นั่งพักผ่อนอยู่ข้างๆ เย็นสบายดีจริๆ



จากนั้นก็จะผ่านถ้ำ เดินเข้ามาอีกด้าน
ภายในถ้ำจะแสดงหุ่นขี้ผึ้ง เล่าเรื่องราวพระเวชสันดรชาดก



ภายในจะมืดๆ มีแสงเฉพาะที่หุ่นขี้ผึ้ง ถ่ายไม่ถูกเลย



บางภาพก็เผลอเปิดเฟลช แสงเลยไม่เป็นธรรมชาติ



ส่วนใหญ่จะมีแต่ชูชก



ไม่แน่ใจว่าเป็นกัณฑ์อะไร
ภาพต่อไปจะสยองมาก ไม่กล้าดูก็ข้ามไปนะ



เผลอเปิดเฟลชอีกแล้ว เลยเห็นเลือดสาด
ของจริงๆ ไม่สยองเท่านี้เพราะว่ามันจะมืดๆ กว่านี้



ออกมาจากถ้ำก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ



จนถึงลานพระสามสมัย



จำไม่ได้ว่าสมัยไหนบ้าง ไม่ได้อ่านอะไรเลย ตอนนั้นรีบมาก



มีเวลาเดินน้อยไปนิด แถมมีประกาศเรียกทางเสียงตามสายด้วย



บริเวณก่อนจะถึงทางออก แวะเข้าห้องน้ำก่อนกลับ



จริงๆ ถ้าเดินเข้าทางนี้ก็น่าจะได้



ก่อนออก เขาก็จะให้คืนสติ๊กเกอร์ด้วย



เสียดายที่มีเวลาเดินชมน้อยไปนิด บางส่วนก็ยังไม่ได้ดู
แถมส่วนที่ไม่ได้ดูมีคนบอกว่าเป็นไฮไลท์เลยคือ อาคารเชิดชูเกียรติ
ที่มีการปั้นหุ่นขี้ผึ้งของบุคคลสำคัญต่างๆ ที่ผ่านมา T_T น่าเสียดาย
ก็ถือว่าเป็นที่ที่น่าแวะเข้าไปชม และพักผ่อนหย่อนใจอีกที่นึงทีเดียว
ได้พักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ ธรรมชาติสวยๆ และได้ความรู้ไปในตัว
ถ้าไปแถวๆ นั้นก็น่าแวะเข้าไปชม

ปล วันนั้นขากลับกลับทางดำเนินสะดวก ผ่านสมุทรสงคราม
แป๊บเดียวก็ทะลุเส้นทางที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ถ้าไปจริงๆ ไปสายนี้น่าจะใกล้กว่า


ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2551    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 21:42:41 น.
Counter : 2828 Pageviews.  

พาไหว้หลวงปู่ทวดที่ใหญ่สุดในโลก ณ วัดห้วยมงคล

วันเดินทางกลับ แวะนมัสการรูปเหมือนหลวงพ่อทวดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ที่วัดห้วยมงคล ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์


จากทับสะแก ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงวัดห้วยมงคล



รูปปั้นเหมือนหลวงปู่ทวดที่ใหญ่ที่สุดในโลก



เมื่อหลายปีก่อนมีโอกาสเดินทางไปปัตตานีและแวะที่วัดช้างไห้
ซึ่งเรียกกันติดปากว่าวัดหลวงพ่อทวด ซึ่งตอนนั้นเคยได้ยินว่า
"หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" สงสัยเหมือนกันว่าองค์เดียวกันหรือเปล่า



ซึ่งเรื่องย่อๆ ที่ได้ยินมาคือ หลวงพ่อทวดเป็นพระในสมัยกรุงศรีอยุธยา
เมื่อตอนเด็กแม่ท่านพาไปนาด้วย แล้วผูกแปลไว้ใต้ต้นไม้
พอแม่กลับมาก็เห็นงูขดอยู่บนตัวลูกก็ตกใจ นึกว่าเสียชีวิตแล้ว
จึงไปตามสามีมาให้ไล่งูไป งูนั้นก็เลื้อยหายไป และได้คายแก้ววิเศษไว้ให้
พ่อแม่ได้มอบให้ท่านเป็นของติดตัว มาตั้งแต่บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ 10 ปี

ต่อมาท่านก็บวชเรียน จนศึกษาที่นครศรีธรรมราชจนเพียงพอแล้ว
จึงขอติดเรือสำเภาเข้ามาที่กรุงศรีอยุธยา ระหว่างทางเกิดพายุรุนแรง เรือไม่สามารถแล่นต่อได้
จึงทอดสมออยู่นานถึง 7 วัน อาหารและน้ำที่เตรียมมาจึงหมด
ลูกเรือพากันโทษว่าท่านเป็นเหตุเกิดเหตุอาเพศ จึงจะนำท่านขึ้นไปส่งไว้บนเกาะ
ระหว่างทางที่อยูบนเรือเล็ก ท่านได้ห้อยเท้าลงไปในทะเล ทำให้เกิดแสงประกายในน้ำ
น้ำทะเลบริเวณนั้นกลายเป็นน้ำจืด
นายสำเภาจึงให้ตักน้ำไว้ให้เพียงพอ แล้วเดินทางต่อ
และมีการขอขมาท่านในภายหลัง



เข้ามาที่วัด ด้านซ้ายมือจะเป็นที่ที่ให้เช่าวัตถุมงคล
ส่วนใหญ่ก็จะมุ่งหน้าไปไหว้หลวงพ่อทวดก่อน วันที่ไปคนค่อนข้างมาก
จะรอจุดธูปจุดเทียนนาน เนื่องจากมีที่ให้จุดแค่สองข้าง

วัดนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ พอขึ้นไปบนฐานลมจะเย็นมาก บรรยากาศดี
ถึงแม้ว่าช่วงกลางวันแดดจะร้อนมาก



ด้านซ้ายขององค์พระ



รอบๆ ฐานพระจะมีสิ่งปลูกสร้างแบบนี้ ไว้รอบๆ (หลบร้อน)



ศาลานั่งพัก บริเวณทางเดินไปห้องน้ำ
ห้องน้ำที่นี่มี 2 จุดคือเดินเข้ามาแล้วอยู่ซ้ายมือก่อนถึงองค์พระ(คนเยอะมาก)
อีกที่นึงคือ ด้านซ้ายมือขององค์พระ เดินต่อจากฐานพระมานึดนึง



ด้านล่างของฐานองค์พระอีกสักรูป



ทั้งสองข้างที่ฐานองค์พระจะมีช้างไม้แกะสลักอยู่สองเชือก



แผนที่วัดห้วยมงคล


ภาพแผนที่วัดห้วยมงคลจาก //www.panyathai.or.th

ประวัติหลวงปู่ทวดคลิกที่นี่

ตอนต่อไปจะพาไปชมอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ที่บางแพ ราชบุรีค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ




 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 21:41:05 น.
Counter : 7882 Pageviews.  

เดินเที่ยวหาดวนกร จ.ประจวบคีรีขันธ์

หลังจากออกจากอุทยานวิทยาศาสตร์ ก็มุ่งหน้าไปที่หาดวนกร
ตั้งอยู่ที่อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดวนกร


ก่อนอื่นก็ต้องเติมพลังกันก่อน



เติมพลังเสร็จ ไปเดินเที่ยวที่ชายหาดกันดีกว่า
จะมีแนวทิวสนประดิพัทธ์ทอดตัวยาว ขนานไปกับทะเล
ซึ่งวันที่ไป มีฝนตกตลอดทั้งสองวัน ไม่ค่อยมีแดดให้เห็น



วันแรกถ่ายทะเลยามเย็นได้มาแค่รูปเดียวฝนก็ตกตลอด



ภายในบริเวณสถานีฝึกนิสิตวนศาสตร์ห้วยยาง เป็นธรรมชาติมาก



พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไป



มีเมฆฝนเล็กน้อย ตอนนั้นภาวนาให้วันพรุ่งนี้ฝนไม่ตก



และเช้าของอีกวัน ก็ไม่มีทีท่าว่าแดดจะออก



หาดวนกรเป็นหาดที่ทอดตัวยาวตั้งแต่ อ.เมืองถึง อ.ทับสะแก
มีความยาวของหาดประมาณ 7 กิโลเมตร



ชาวบ้านแถวนั้นจะมาช้อนเคย(ที่เอาไปทำกะปิ) ในบริเวณนี้
ชาวบ้านบอกว่า ช่วงนี้เคยจะขึ้นมากกว่าปกติ



ชายหาดที่ทอดตัวเป็นแนวยาวสุดตา



ที่นี่เงียบสงบมากๆ ไม่มีคนพลุกพล่าน
เพราะที่นี่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์



มีแต่ชาวบ้านในละแวกนี้ ที่อาศัยทะเลในการทำมาหาเลี้ยงชีพ
ซึ่งชาวบ้านแถวนี้ใจดีมากๆ



ฟ้าฝนไม่ค่อยจะเป็นใจเท่าไหร่



ถ้าเดินเล่นชายหาด ก็เดินกันจนเมื่อย เพราะหาดยาวมากๆ



มีซุ้มเล็กๆ ไว้นั่งได้บรรยากาศทะเล ถ้ามากันเป็นหมู่คณะ คงจะสนุก
เพราะเหมาะกับการทำกิจกรรม เป็นหมู่คณะแบบลุยๆ อย่างเช่น การรับน้อง



ถ้าใครจำภาพยนตร์เรื่องแฟนฉันได้ ฉากที่เด็กๆ เล่นหนังจีนกัน
ว่ากันว่า มาถ่ายทำที่นี่แหละ



มีบ่อน้ำจืด หรืออ่างเก็บน้ำไว้ใช้ น้ำที่นี่จะเป็นน้ำกร่อย
น้ำมีรสเค็มเล็กน้อย เวลาอาบน้ำจะนานกว่าปกติเพราะต้องล้างแล้วล้างอีก
มันจะลื่นๆ เหมือนกับว่าล้างสบู่ออกไม่หมด



โชคไม่ดีที่ไปในช่วงที่ฝนตกตลอด ถ้าฝนไม่ตกคงจะสวยกว่านี้
ที่ที่เราไปพักคือ สถานีฝึกนิสิตวนศาสตร์ ห้วยยาง คณะวนศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ข้อมูลที่พัก คลิกที่นี่

ตอนต่อไปจะพาไปไหว้หลวงปู่ทวด ที่วัดห้วยมงคลค่ะ


ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 21:40:16 น.
Counter : 2639 Pageviews.  

ดูดาว ดูปลา ที่อุทยานวิทยาศาสตร์หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์

หลังจากกลับจากหลีเป๊ะครั้งโน้นน..ยังไม่ทันหายตัวดำ
ก็ต้องลงใต้ต่อด้วยหน้าที่ ไม่คิดเลยว่า จะได้ไปทะเลติดๆ กันแบบนี้
ครั้งนี้ไปแค่ประจวบคีรีขันธ์ จุดหมายปลายทางคืออุทยานแห่งชาติหาดวนกร
ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ต่อจาก อ.เมืองไม่ไกล




ก่อนถึงมีสถานที่ที่น่าสนใจคือ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ
ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย คือ รัชกาลที่ 4
และเป็นสถานศึกษาสังกัดสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
สิ่งที่น่าสนใจคือ ดาราศาสตร์และอวกาศ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สวนผีเสื้อ

ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง


เริ่มจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ หว้ากอ จะเห็นสัญลักษณ์แบบนี้อยู่ด้านหน้า



ขึ้นมาที่ชั้น 1 ก็จะมีเค้าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์
และบริเวณลานก็จะจัดแสดงความรู้ต่างๆ และมีเกมให้เล่น



ปลาตัวใหญ่ที่แขวนอยู่บนเพดาน ไม่ใช่ปลาตะเพียน อิอิ
แต่..เป็นปลาฉลามตัวเบ้อเริ่ม...



หลังจากจ่ายค่าเข้าชมแล้ว จะขึ้นไป เข้าสู่ห้องจัดแสดงสัตว์น้ำ สองฝั่งเป็นตู้ปลา
ดูปลากันไปเรื่อยๆ ละกันนะคะ ไม่รู้จะบรรยายอะไร



มีการจัดตกแต่งตู้ปลาตามสภาพแวดล้อมที่ปลาชนิดนั้นๆ อยู่



ปลาว่ายอวดโฉม กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย



บ้างก็แอบมาดูดตู้ โพสท่าให้ผู้มาเที่ยวถ่ายภาพ
เจ้าหน้าที่แจ้งว่าสามารถถ่ายภาพสัตว์น้ำในตู้ได้ แต่ห้าม!เปิดเฟลช



อันนี้น่าจะจำลองป่าโกงกางมา



นีโมตัวน้อย ไม่รู้ว่าตอนนี้มันเลือกเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย
เพราะเคยรู้มาว่า ปลานีโม สามารถเปลี่ยนเพศกลับไปกลับมาได้
ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมตอนนั้น คาดว่าบางคนคงจะนึกอิจฉาปลานีโมกันบ้างละ



สังเกตว่า ปะการังที่อยู่ในตู้ บางอันก็เป็นของจริง บางอันก็ทำเทียม
ให้ดูคล้ายของจริง สงสัยเหมือนกันว่าปลามันจะรู้ไหมนะ ว่าเป็นของปลอม



มีหลายแบบ ที่ทำเลียนธรรมชาติ บางอันก็ดูไม่ออก



เดินวนดูปลาไปเรื่อยๆ มีปลาหลากหลายสายพันธุ์ทีเดียว
แต่ถ่ายภาพค่อนข้างยาก เนื่องจากในนั้นแสงน้อย ห้ามเปิดแฟลช
และที่สำคัญ ปลาเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้ถ่ายยาก



กว่าจะถ่ายออกมาแบบไม่สั่นได้ ต้องรอจังหวะปลาหยุดว่าย



เย้ย..เห็นตัวนี้แล้วตกใจ หน้าตาคล้ายปลิงทะเล
ปลาอะไรไม่รู้ แต่ตัวยาวๆ คล้ายๆ ปลาไหล



นี่ก็เพื่อนต่างวัยของเจ้านีโม(ถ้าเคยดูการ์ตูน Nemo)



นี่ก็เหมือนปลาไหลอีกแล้ว ตัวมันยาว ที่เห็นคือหางกับหัว
รู้สึกว่าตัวนี้จะขี้อาย และตื่นคนสักหน่อย



ตัวนี้ว่ายแบบเซ็งๆ



ตัวนี้สู้กล้อง ดูตามองประมาณว่า ถ่ายอีกแล้วหรอ



ตู้นี้สวยดี เหมือนมีแสงส่องมาจากด้านบน



ดอกไม้ทะเล



อันนี้ดอกไม้ทะเลของจริง



ส่วนใหญ่ในตู้ จะไม่ได้มีปลาแค่ชนิดเดียว



เมื่อหมดส่วนของตู้ปลาแล้ว จะเป็นทางวนลงมาสู่ด้านล่าง ขวามือเป็นตู้ปลาใหญ่
มีปลาหมอทะเล (ชื่อนี้หรือ?) และมีรอบการจัดแสดงการให้อาหารปลา

เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเข้าสู่อุโมงค์ใต้น้ำ(ไม่ยาวมาก) ว้าวว แค่นี้ก็คุ้มแล้ว



ปลาว่ายไปมาอยู่เหนือศรีษะ



จากนั้นก็จะออกสู่ลานด้านนอก มีการแสดงสัตว์น้ำต่างๆ



ดาวทะเล(ตัวจริง) สีสวยดี ที่เห็นในรูปคือมันยังเป็นๆ อยู่ในน้ำ



แล้วก็ถึงทางออก จะมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ซ้ายมือ
ออกมาจะเจอทางเดินสีส้มสดใส เดินมาตามทางด้านหน้าของเราคือทะเลตลอดแนว



ดูภาพมุมกว้าง อาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ



จากอาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ หากหันหน้าออกไปทะเล
แล้วเลี้ยวมาทางด้านขวาไม่ไกลมาก ก็จะเป็นอาคารดาราศาสตร์และอวกาศ
หากนำรถไป ก็ขับรถไปจอดที่บริเวณนั้นจะสะดวกกว่า

ด้านซ้ายมือจะเป็นทิวสนเลียบทะเล บรรยากาศดีจริงๆ



จะเจอสัญลักษณ์แบบนี้อยู่ที่หน้าอาคาร



ตัวอาคารดาราศาสตร์และอวกาศ เหมือนหอดูดาว



ด้านข้าง



ถ่ายย้อนแสงสักรูป



แล้วก็เข้าไปภายในตัวอาคาร จะเป็นลักษณะบันไดวนขึ้นไปด้านบน
ที่ฝาผนังก็จะมีความรู้เกี่ยวกับดวงดาวต่างๆ ถ้าขยันอ่านก็เดินอ่านขึ้นไปเรื่อยๆ



หรือจะขึ้นไปถ่ายรูปลงมา เพื่อให้ได้รูปแบบนี้อย่างเดียว ก็ไม่มีใครว่า
ตรงนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากอ่านความรู้ไปเรื่อยๆ บริเวณนี้ค่อนข้างร้อน



หากเดินเสร็จ ก็จะมีทางเชื่อมที่ชั้น 2 เพื่อต่อไปยังอีกอาคารหนึ่ง



พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว



จากนั้นก็จะเป็นห้องที่ให้ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับดวงดาว
และเป็นห้องที่แสดงระบบสุริยะจักรวาล ห้องนี้ด้านหน้าจะเป็นกระจกเงา
และไม่ค่อยมีแสงสว่าง เดินไปจะงงๆ เกือบชนตัวเองในกระจกซะงั้น
เล่นอยู่กับกระจก ถ่ายรูปสนุก เหมือนมีฝาแฝด หุหุ



จากนั้นจะเป็นในส่วนของมนุษย์กับดวงดาว



ราศีต่างๆ



รูหนอนกาลเวลา
เข้าไปสนุกๆ จะมีเซ็นเซอร์พอผ่านไป ไฟด้านในก็จะติด



จากนั้นก็จะลงมาที่ชั้น 1 ซึ่งเป็นทางออก เดินออกไปด้านหน้า

จุดเทิดพระเกียรติพระบิดาแห่งเทคโนโลยีไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



ส่วนของเมืองเด็ก ไม่ทราบว่ามีอะไรบ้างไม่ได้เข้าไปดู



ท้องฟ้าเหนือหว้ากอ



เป็นอุทยานวิทยาศาสตร์ที่บรรยากาศดีจริงๆ ไม่เหมือนใครเพราะติดทะเล



จริงๆ แล้วมีในส่วนของสวนผีเสื้อ แต่ไม่ได้เข้าไปดูเนื่องจาก
ช่วงเช้าฝนเพิ่งตก คาดว่าจะไม่ค่อยสวยงาม เลยไม่ได้เข้าชม

ถือว่าเป็นอีกที่ที่น่าแวะเข้าไปชม ซึ่งได้ความรู้ต่างๆ มากมาย
เหมาะที่จะพาครอบครัว โดยเฉพาะเด็กๆ ไปดู ถือว่าคุ้มกับค่าเข้าชมมากๆ
การเรียนรู้ที่ดี ไม่ใช่เรียนรู้แต่เพียงตำรา การได้เห็นของจริงถือว่า
เป็นประสบการณ์และส่วนที่จะสามารถจดจำได้นานกว่าการท่องจำจากตำรา

ถ้าไปเที่ยวใต้แล้วผ่านประจวบฯ ก็แวะเข้าไปชมกันได้
เดินทางตามถนนเพชรเกษมมาเรื่อยๆ ถึงหลักกิโลเมตรที่ 335
จะมีป้ายบอกทาง เลี้ยวซ้ายเข้ามาประมาณ 3.5 กิโลเมตร ข้ามทางรถไฟ
ก็จะเข้าสู่ตัวอุทยานวิทยาศาสตร์ เสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
(สูงไม่เกิน 120 ไม่เสียเงิน) ช่วงก่อนหน้านี้ไม่เก็บค่าเข้าชม แต่เพิ่งมาเก็บเมื่อ
11 เมษายน 2551 นี้เอง เปิดทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่ 9.00-16.00 น
.

เข้าสู่เว็บไซต์ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ คลิกที่นี่

ตอนต่อไปจะพาไปเดินเที่ยวหาดวนกรและไหว้พระที่วัดห้วยมงคลค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม อย่าลืมแวะมาอีกนะคะ




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 21:39:18 น.
Counter : 7827 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

bombik
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add bombik's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.