ชิ้นส่วนแห่งความทรงจำ
Group Blog
 
All Blogs
 


หลังจากที่ฉันเลิกเล่นมวยปล้ำแล้ว
ฉันเริ่มรู้สึกสบสน
ฉันไม่รู้ว่าฉันอย่างได้อะไร
แล้วถ้าฉันไม่อยากได้อะไรแล้วฉันอยากจะได้อะไรไหม
ถ้าฉันอยากออกไปข้างนอกแล้วฉันจะไม่อยากอยู่ข้างในรึเปล่า
ฉันจึงเริ่มง่วงแล้วก็หลับไป
..........................................................
และแล้วก็ถึงเวลาฉันเพล
อาตมาอาศัยอยู่ในวัดแห่งนี้เป็นเวลานานแสนนาน
ซึ่งนานพอที่จะลืมว่าตอนวัยรุ่นได้ทำอะไรมาบ้าง
หากแต่ไฟที่เผาผลาญตัวของอาตมาไม่ได้มอดดับลงเช่นเดียวกับความทรงจำ
แม้ว่าทุกวันนี้ อาตมาจะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแล้วก็ตาม

ในวัยหนุ่ม อาตมาได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง
ได้ทำความเดือดร้อนมานานัปการ
เพียงเพื่อระบายความต้องการส่วนตัว
มูลเหตุทุกอย่างมันมาจากครั้งแรก
หากในวัยรุ่นอาตมาไม่หมกมุ่นเรื่องเทือกนี้
อาตมาคงไม่จับกลุ่มกับเพื่อนทำลายความเป็นคนของผู้หญิงคนหนึ่ง
มันเป็นการกระทำที่เดียรฉานยังไม่พึงกระทำ
พอครั้งแรกผ่านไป ครั้งต่อไปก็เริ่มขึ้น
นั้นอาจจะเป็นเพราะความย่ามใจ
ที่พอทำไปก็ไม่มีใครจับได้
เพราะต่างคนก็กลัวที่ความลับของตนจะถูกเปิดเผยขึ้น
วันเวลาผ่านไป ความหยาบโลนในจิตใจของอาตมาก็มากขึ้นอย่างหน้ากลัว
สารเสพติดหลากชนิดเคยผ่านเข้าร่างกายของอาตมามาแล้ว
วันนั้นเหมือนจะมีความสุข แต่หาได้เป็นความสุขที่แท้จริงไม่
มันเป็นเพียงความกระสันหาโดยไม่รู้จักหยุดหย่อน
เมื่อใดขาดมันไป จิตใจก็เริ่มว้าวุ่น ต้องการการเติมเต็มอยู่ตลอดเวลา
แต่แล้ววันหนึ่ง เพื่อนๆของอาตมาก็เริ่มจากไป
บ้างก็ตายด้วยสารเสพติด บ้างก็ถูกจับด้วยข้อหาต่างๆ
กลุ่มเดนมนุษย์ก็เริ่มลดหายลง ด้วยเวรกรรมที่เคยก่อไว้
อาตมาก็แย่เช่นกัน ครั้นนั้นไปขโมยเงินร้านค้าอาหาร
หวังว่าจะนำเงินเหล่านี้ไปซื้อสิ่งที่พึ่งปรารถนาไว้
ก็โดนตำรวจไล่กวดอย่างบ้าคลั่ง โดนทุบตีสารพัด
หลังจากนั้นก็ถูกจองจำอยู่เป็นเวลานานนับหลายปี
ช่วงเวลาที่ถูกจองจำ ชั่งเป็นเวลาที่แสนรันทดใจ
ความอยากได้กลับมาทำลายล้าง อาตมากลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ซึ่งสติ
คลั่งด้วยพิษยา จนต้องถูกนำตัวไปบำบัด ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ถึงครั้นฤทธิ์ยาสร่าง สติกลับเข้ามาสู่ตัวตน
เมื่อเห็นอิสตรีเสื้อสีขาว ก็อดใจไม่ไหว อาการเก่าก็กำเริบ
เข้าไปแทะโลมด้วยสายตาและวาจา จนต้องถูกส่งกลับสถานกักกัน
เมื่ออาตมากลับมา ณ ที่แห่งนี้ สถานที่แห่งนี้ชั่งหยาบช้านัก
กักขังอาตมาอย่างไร้ซึ่งอิสรภาพ เห็นเดือนเห็นตะวันเพียงผ่านหน้าต่างที่ใส่ลูกกรง
มันไม่ต่างจากตายจากโลกนี้ เพียงแต่เป็นการตายอย่างมีลมหายใจ
แต่แล้วเวลาแห่งอิสรภาพก็เริ่มมีขึ้น
เมื่อใกล้ถึงเวลาปล่อยตัว ทางสถานกักกันก็เริ่มนำอาชีพมาให้จับต้อง
หากแต่ตัวอาตมาเป็นคนขี้เกียจ อู้งาน การเรียนรู้จึงไม่เกิดขึ้น
เมื่อถูกปล่อยตัวออกมา ก็ยังเกียจคร้าน ซ้ำยังกลับไปทำตัวเป็นเสือผู้หญิง
ครั้นเมื่อก่อเรื่องอีกรอบ โดยไปลวนลามหญิงผู้หนึ่ง แล้วก็ถูกสามีเธอเห็นเสีย
สามีของเธอไม่พอใจอย่างยิ่ง จึงคว้าปืนมาไล่ยิงอาตมา
อาตมาจึงหนีลืมตาย มาถึงวัดแห่งหนึ่ง
ฝ่ายคู่กรณีก็ไม่ลดละ ยังขับรถไล่ตามมา และยิงมาอีกครั้ง
อาตมาเลยรีบวิ่งเข้าวัดแห่งนั้นไป โดยได้แผลที่หัวไหล่มาหนึ่งแผล
เมื่อเข้าวัดแล้ว คู่กรณีก็ยังไล่ตาม หวังจะยิงซ้ำให้ตาย
แต่แล้วหลวงพ่อแห่งวัดนี้จึงเข้ามาห้ามปรามไว้
ท่านช่วยเจรจาเกลี่ยกลอมจนฝ่ายอริยอมเลิกราไป
แล้วท่านก็พินิจพิจารณาที่ตัวอาตมา
สั่งเรียกชายฉกรรจ์แถวๆนั้นหามตัวอาตมาเข้าไปในกุฏิ
ท่านรักษาแผลที่ไหล่ให้อาตมา แล้วไตร่ถามว่าด้วยเหตุใดเรื่องจึงเกิด
แต่แล้วอาตมาก็นิ่งเฉย ด้วยความชิงชังพระอยู่เป็นทุนเดิม
ท่านเห็นเช่นนี้แล้ว จึงได้ปล่อยให้อาตมาพักเสียในคืนนั้น
เมื่ออาตมาอยู่ที่นี้มาได้ซักพักใหญ่ ด้วยความว่าไร้ที่ไป
ก็เห็นการกระทำต่างๆของพระ ณ ที่แห่งนี้ ความชิงชังก็ลดลง
แล้วก็เกิดความฉงนด้วยว่า เหตุใดพวกเขาเหล่านี้จึงไม่ปรารถนาสตรีเพศ
หรือด้วยเหตุว่าพวกเขาเหล่านี้ ไม่คิดจะหาเรื่องสนุกทำกันบ้าง
แล้วอาตมาก็มองไปที่สตรีเพศที่มาทำบุญด้วยความกำหนัด
คิดจะฉุดคร่าหญิงสาวคนนั้นมาครอบครอง
หากแต่แปลกประหลาดที่หลวงพ่อท่านกล่าวขึ้นมาตรงหน้าอาตมา
ด้วยคำกล่าวที่ว่า “บุรุษเพศที่นำอัณฑะมาเป็นสรณะ หาได้เข้าใจความงดงามของชีวิตไม่”
อาตมาตกใจแล้วหลวงพ่อท่านจึงถามต่อไปว่า
“เจ้าเข้าใจความงดงามรึไม่ เรือนร่างสตรีหาได้งดงามไม่ เมื่อมันเกิดจากกิเลสตันหา”
เมื่ออาตมาเริ่มหายตกใจ แต่ก็ยังไร้ปัญญา ไม่เข้าใจความหมายจึงได้ถามท่าน แกมเหยียดหยามความเป็นบุรุษไปว่า
“หลวงพ่อ ทำไมท่านจึงดูว่าผู้หญิงไม่สวยงาม ท่านไม่ได้เป็นผู้ชายรึไง”
ท่านจึงตอบกลับมาว่า “ด้วยคำถามของเจ้า เรือนร่างเหล่านี้ได้ก่อเกิดความทุกข์ในภายภาคหน้า อีกประการข้าเป็นบุรุษเพียงกายา หากแต่เพศเป็นสมณะ”
แล้วท่านก็ต่อว่า “เจ้ารู้รึไม่ว่าการเกิด กับการตาย สิ่งใดน่ากลัวกว่ากัน”
อาตมาได้ยินเช่นนั้นจึงตอบไปว่า “การตายซิ ถ้าตายไปข้าก็คงอดเล่นหญิง”
ท่านพินิจพิจารณาอยู่พักหนึ่งแล้วตอบกลับมาว่า
“เจ้าคิดว่า ที่เจ้าเกิดมาลำบากหรือไม่”
“ลำบากซิ ข้าไม่รวย แถมยังเป็นนักเลงหัวไม้” อาตมาตอบโดยเร็ว พลางน้อยเนื้อต่ำใจ
“แล้วอะไรก่อให้เกิดการเกิดเล่า โยมผู้อยู่แดนแห่งโลกีย์” ท่านถามอาตมาอีกครั้ง
“การที่ผู้ชายไปสีหญิงซิหลวงพ่อ” อาตมาตอบ
“แล้วเช่นนั้นเมื่อเจ้าคิดว่าการเกิดนั้นลำบากเจ้าจะก่อให้มีการเกิดขึ้นอีกเช่นนั้นหรือ”
คราวนี้อาตมาคิดอยู่นาน และตอบไปอย่างลังเล
“ก็ข้าอยาก และอยากมันเรื่อยๆ”
แล้วท่านจึงถามว่า “แล้วถ้ามีคนคิดเช่นเจ้าทำเช่นเจ้า คนที่ต้องลำบากเพราะการเกิดเช่นเจ้าคงต้องล้นโลกในไม่ช้า”
“..............................”อาตมาผู้ไม่ออก
“เจ้าอยากจะหยุดวังวนแห่งทุกข์ของเจ้ารึไม่”
“ข้ามันโง่ เกิดมาซวย ไม่ได้เรียนหนังสือ ความทุกข์กายทุกข์ใจมันก็เข้าตลอด แล้วคนโง่อย่างข้าจะหมุดมันยังไง”
“ถ้าเจ้าพูดเช่นนี้แล้ว เจ้าก็มาบวชเถอะ เพราะนั้นถือว่าเจ้าละโมหะ และอยากได้ปัญญาแล้ว”
หลังจากการคุยกันในวันนั้น วันต่อมาอาตมาก็เริ่มต้นห่มผ้าเหลือง
ระยะเวลาแรกๆ อาตมาต้องทนกำหนัดกับสตรีเพศที่เวียนว่ายผ่านมา
หลวงพ่อท่านเห็นท่าไม่ดีจึงให้อาตมาอยู่ในกุฏิและศึกษาพระธรรมคำสอนต่างๆ
ด้วยความไร้ความสามารถ อาตมาไม่สามารถอ่านเขียนได้อย่างถูกต้อง
การศึกษาพระไตรปิฎกจึงเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับอาตมา
หลวงพ่อท่านจึงได้สั่งให้พระรุ่นราวคราวเดียวกันเข้ามาสอนอาตมา
เมื่อเวลาผ่านไป อาตมาเริ่มเข้าใจเรื่องพระธรรมคำสอน
อาตมาปรารถนาจะหนีออกจากทุกข์ ออกจากความใฝ่กามคุณ
หากแต่เห็นอิสตรีก็ยังคงกำหนัดอยู่ จึงหาโอกาสเข้าไปศึกษาพระธรรมในป่าเขา

ถึงแม้ปัจจุบันอาตมาจะลดความกำหนัดจากอิสตรีได้แล้ว
แต่นั้นก็เพราะวัยที่มากขึ้น หาได้มาจากสติปัญญาไม่
มันเหมือนว่ายิ่งอาตมาหนีความทุกข์เท่าไหร่
ความทุกข์มันก็ยิ่งวิ่งเข้ามาหา
หากแต่ปล่อยมันผ่านไป มันก็กลับมาทำร้ายอย่างแสนสาหัส
ดั่งคำหลวงพ่อท่านว่า “เจ้าหาได้เจอคำว่าปล่อยวางไม่ในชีวิต”
จนถึงวันนี้อาตมาก็ยังไม่เข้าใจความหมายของคำๆนี้เช่นกัน
..........................................................
ฉันตื่นมาด้วยความงัวเงีย
ด้วยความไม่สร่างนอน จึงยากที่จะแยกแยะว่า
เรื่องใดเป็นความฝันเรื่องใดเป็นความจริง


Create Date : 18 กันยายน 2550
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2551 17:52:37 น. 3 comments
Counter : 283 Pageviews.

 


โดย: อวดดี (auwddee ) วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:19:44:35 น.  

 
ดูดีขึ้นเยอะ
แต่ยังเขียนผิดหลายที่อยู่นะ
เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ

ชอบย่อหน้าก่อนสุดท้ายมาก
irony ดี


โดย: nanoguy วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:22:02:13 น.  

 
หุหุ ผมไม่ค่อยเข้าใจ


โดย: ปฤษณะ IP: 202.28.62.245 วันที่: 19 กันยายน 2550 เวลา:7:23:39 น.  

blueocynia
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กาลเวลาร่องลอยคอยร่วงโรย
น้ำค้างโปรยปรอยทั่วทุกหัวระแหง
ดังความสุขทุกข์มิหลงจงสำแดง
จำต้องแปลงเปลี่ยนเรื่องเพราะเตือนความ

วันเวลาอยู่คู่ความทรงจำ ไม่ว่าทุกข์หรือสุขเพียงใด
วันเวลาเหล่านั้นจะค่อยเข้ามาสู่ความทรงจำของเราเอง
Friends' blogs
[Add blueocynia's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.