Simply , Easy , Me...
Group Blog
 
All Blogs
 

วันนี้... วันดี... ผมจะขอแนะนำให้รู้จักกับ เห็ดบัวหิมะครับ ( kefir )

เห็ดบัวหิมะ


เห็ดบัวหิมะ หรือ คีเฟอร์ ( kefir ) เป็นยีสท์ชนิดหนึ่ง ( yeasts )

ดูด้วยตาเปล่า จะเห็นเป็นเม็ดเล็กๆ กลมๆ
( ขนาดต่อเม็ด... ราวๆ 0.8 มม. ได้มั้ง )



ประกอบด้วยจุลินทรีย์หลายชนิด ที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย

(เชื่อกันว่า)...การบริโภค ( ดื่ม ) มีสรรพคุณมากมาย หลายอย่างต่อร่างกาย เช่นต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง ช่วยให้ร่างกายเรามีระบบการทำงานที่แข็งแรง
( ผมยังไม่ได้ค้นหาว่า มีผลการทดลองอย่างเป็นทางการหรือยัง คิดว่า ... ถ้าหาดีๆ คงจะมีแหละ )

( และ...ในนานาอารยะประเทศ ก็นิยมเลี้ยง และดื่มกันโดยทั่วไปครับ )

และ ถ้าเอามาทาหน้า ก็จะสามารถลดสิว และ เป็น whitening
( ช่วยให้ขาวขึ้น ช่วยให้ผิวหน้าเนียนขึ้น )


ทีนี้... เราเข้าไปดูต่อ ในส่วนของการเลี้ยง และรายละเอียดอื่นๆกัน เกี่ยวกับการเลี้ยง และข้อมูลความรู้ต่างๆเกี่ยวกับ เห็ดบัวหิมะ หรือ คีเฟอร์ ( kefir )

ในความเห็นต่อไปนะครับ...




 

Create Date : 06 สิงหาคม 2549    
Last Update : 6 สิงหาคม 2549 23:59:55 น.
Counter : 3290 Pageviews.  

ข้อควรรู้...กับ...การบันทึกเสียงอ่านหนังสือ เพื่อคนตาบอด

อันนี้ เป็น จากกระทู้เดิม
( //www.pantip.com/cafe/siam/topic/F4449803/F4449803.html )




...

จากกระทู้ //www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4392672/Y4392672.html

ที่ผมไปทำบุญ ทำกุศลกับเพื่อนมา...

วันนี้... ผมจะ มาขยายผล เรื่องการบันทึกเสียงการอ่านหนังสือ เพื่อไว้ให้คนตาบอดฟังนะครับ

สำหรับ มูลนิธิ เพื่อคนตาบอด ที่ผมไปติดต่อ และจะอธิบายให้เพื่อนๆได้อ่าน ไว้เป็นแนวทางนั้น คือที่

" ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอดของมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมป์ "

( เดิมชื่อ " ห้องสมุดคอลฟิลด์เพื่อคนตาบอด " )

อยู่ในซอย เยื้องๆ กับวัดชลประทานรังสฤษดิ์ แถวๆ ปากเกร็ด ซึ่งผมไปกับเพื่อนมาเมื่อ 22 พค. 49 ที่ผ่านมานี้ครับ


...

ใคร สนใจจะอ่านเรื่องอะไร ก็ลองตรวจสอบ กับทางห้องสมุดครับ โดยส่งอีเมล์ไปสอบถาม
ว่า...

1. ชื่อหนังสือ หรือ ตอนอะไร....
2. ผู้แต่ง
3. จำนวนหน้าของหนังสือ


3 ข้อข้างต้นนั้น ซ้ำกับใครหรือเปล่า มีใครอ่าน บันทึกไว้แล้วหรือเปล่า... โดยส่ง อีเมล์ไปสอบถามที่
vijit@blind.or.th ( อีเมล์อันนี้ Confirm แล้วครับ ชัวร์ )
และ
ek@9000000d.com



เพื่อให้ทางศูนย์ ตรวจสอบว่า มีผู้อ่าน มีผู้บันทึกไว้แล้วหรือยัง ซึ่งเทป หรือ CD เหล่านี้ ก็จะถูกส่งไปให้คนตาบอดทั่วประเทศได้ฟัง เท่าที่รู้ เทปหรือซีดีที่ได้รับความนิยม ก็คือพวกหนังสือบันเทิง หรือนิยาย

เมื่อวันที่ผมไปกับเพื่อน (22 พค. 49) มีคุณป้าท่านหนึ่งอ่านเรื่อง "ดนตรีบันลือโลก" ( หวังว่าผมจำไม่ผิด ) เกี่ยวกับคีตกวีเอกของโลก เช่น โซแปง , โมสาร์ท , บีโธเฟน ฯลฯ และ ที่วางอยู่บนโต๊ะ รอการตรวจสอบ ก็คือ นิยาย "คินดะอิจิ" นิยายสืบสวนสอบสวน หรือ ในตู้ ก็มี ๓๘ มงคลชีวิต , นาเนียร์ , แฮรี่พ็อตเตอร์ ตอนอะไรเลือดผสมนี่แหละ

และ... มี ... "วิชาตัวเบา" ด้วยแฮะ... ^_^ ( สาวๆ คงอยากได้ละเซ๊ )

สำหรับ การอ่านเพื่อบันทึกลงเทป หรือ ซีดี... ไว้ให้คนตาบอดฟังนั้น

ทาง ...
" ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอดของมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมป์ "


( เดิมชื่อ " ห้องสมุดคอลฟิลด์เพื่อคนตาบอด " )

มีหลักเกณฑ์การอ่าน...
เพื่อความสะดวกแก่ผู้ฟัง ให้มีมาตรฐาน ที่ง่ายแก่การเข้าใจ การตรวจสอบ ค้นหา และจัดเก็บ...

ซึ่งคิดว่า... น่าจะสามารถใช้หลักเกณฑ์เดียวกันนี้ กับ ห้องสมุดเสียงแห่งอื่นๆได้เช่นกัน...


สำหรับข้อกำหนด หรือ เกณฑ์ต่างๆ นั้นก็มีดังต่อไปนี้
( ตอนแรก ผมว่าจะ scan แล้วเอาไป up ลงบล๊อก... แต่ถ้ามาพิมพ์ที่นี่... ก็คงไม่ต้องไป scan แล้วมั้ง... ฮ่า ๆ ๆ )


0. เว้น 10 วินาที ก่อนบันทึก
ให้ปล่อยว่างที่ช่วงหัวของการบันทึก หรือ ตอนต้นของแต่ละแทร็ค ประมาณ 10 วินาที ทุกหน้า ทุกแทร็ค
เผื่อเนื้อเทปยังมาไม่ถึง และเป็นการลดโอกาสที่เทปจะเสีย เสียงจะไม่มีจากการที่ถูกอากาศอีกทางหนึ่ง
ก่อนจะเริ่มอ่าน ก่อนจะเริ่มบันทึก ก็เตรียมนาฬิกา Digital ไว้ซักเรือนก็ได้ครับ จะได้รู้เวลาที่แน่นอน
ไม่งั้นอ่านเพลิน เทปหยุดไปตั้งนานแล้ว...

1. บอกชื่อ
"ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอดของมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมป์"

78/2 ถนนติวานนท์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เฉพาะม้วนแรก (หรือ เฉพาะแทร็คแรก ถ้าบันทึกเป็น mp3 )
[สำหรับการบันทึกลงเทปคาสเส็ท... ให้ใช้ เทปขนาดความยาว 60 นาทีเท่านั้น]
หรือเป็น mp3 ก็ให้แต่ละแทร็ค ยาว 30 นาที

2. บอกเลขม้วนที่ 1,2,3 ( หรือแทร็คที่ 1,2,3 )
บอก ม้วน 1 หน้า 1 ของเทปทุกม้วน หรือ ทุกแทร็ค
เช่น อยู่กับก๋ง ม้วนที่ 1 หน้าที่ 1 หรือ คำสอนในพุทธศาสนา แทร็คที่ 1

3. บอกชื่อเรื่อง
ผู้แต่ง สำนักพิมพ์ พ.ศ. ที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ และชื่อผู้อ่านเพื่อเป็นเกียรติด้วย
( เฉพาะม้วนแรก หรือแทร็คแรก )

4. อ่านข้อความย่อๆ ก่อนเริ่มเรื่อง
เช่นคำอุทิศ เรื่องย่อ คำนำ คำปรารภทั้งหลายบรรดามีในใบแรกๆด้วย

5. เริ่มต้นอ่าน...
โปรดระวัง รอให้เครื่องหมุนสัก 10 วินาที หรือนับ 1 ถึง 10 ( อย่านับเร็วนักนะครับ )
เพื่อให้พ้นช่วงเทปใส ซึ่งอัดไม่ติด ไปเสียก่อน เมื่อขึ้นหน้าเทปใหม่ ขอให้อ่านซ้ำ หรือย้อนไปสัก 2-3 ประโยค
เพื่อกันข้อความขาดหาย

6. เมื่อจบเรื่อง...
ม้วนสุดท้าย หรือ แทร็คสุดท้าย ขอให้บอกด้วยว่า จบบริบูรณ์


7. ของแถมปลายม้วน หรือ ปลายแทร็ค.
ถ้าเห็นว่า ม้วนสุดท้าย ... แทร็คสุดท้าย เหลือเทปอยู่มาก เหลือเวลาอีกมาก ก็ขอให้ช่วยหา " ของแถม "
อัดใส่ให้ด้วย เพื่อไม่ให้เสียเทปโดยเปล่าประโยชน์ เช่น เรื่องขำขันสั้นๆ คำขวัญ ข้อคิดดีๆ สุภาษิต ฯ เป็นต้น

เดี๋ยวอ่านต่อ ใน คห. ถัดไปนะครับ


สังคมดี... ไม่มีขาย
อยากได้... ต้องช่วยกันสร้าง
โดยเริ่มจาก... ตัวเราเอง... เดี๋ยวนี้...




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 19 กรกฎาคม 2549 22:24:45 น.
Counter : 3516 Pageviews.  

Meeting เฉพาะกิจ เพื่อการบันทึกเสียงการอ่านหนังสือให้คนตาบอด

16 กรกฎาคม 2549 23:33:03 น.
วันนี้ ผมขอแค่... มาตั้ง Blog ไว้เป็นจุดศูนย์กลาง
ในการสื่อสาร ของเพื่อนๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน

ในกิจกรรมเพื่อสังคม การบันทึกเสียงหนังสือเพื่อคนตาบอด

แล้วเดี๋ยวผมจะมาอัพเดท อีกทีนะครับ ( แต่... อาจจะไม่เร็วนะครับ )

ก็...
ขอเชิญ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เข้ามา แสดงความคิดเห็น หรือ ถ่ายทอด แลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ไว้ได้เลยครับ แม้ผมจะ update เนื้อหาบล๊อก แต่ ความเห็น ที่เพื่อนๆ post ไว้ ก็จะยังคงอยู่เช่นเดิมครับ





วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 เวลาประมาณ 17:48น. ( วันอาสาฬหบูชา )
วันนี้... ขอมา Update หน่อยนะครับ

ผ่านไป 1 ปี... เราก็มีผลงาน ที่สำเร็จ เสร็จสมบูรณ์แล้ว 2 เรื่อง

คือเรื่อง

1. ไอ้ป๊อด ( เรื่องนี้ จะเป็นแนว Romantic Comedy )

2. ซอด้วงมุกไฟ ( เรื่องนี้เป็นแนว Period ย้อนยุคหน่อยๆ เศร้านิดๆ )



* เข้ามาแก้ไขครับ... link เดิมที่ใส่ไว้ มันใช้ไม่ได้...

ก็... หากท่านใด สนใจจะฟัง ก็เข้าไปที่นี่นะครับ

> > >Voice_For_Blinds_1_and_2 < < <


ท่านใด... สนใจ จะดาวน์โหลดไปฟัง ก็ขอเชิญนะครับ



แล้วหากท่านใด... สนใจ จะมาเล่น มาแสดง มาเขียนบท แต่งเรื่องสำหรับการทำละครนี้...

พวกเราก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง... ที่จะต้อนรับทุกๆคน




สุดท้ายนี้... ผม... ก็ขอ อาราธนา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ในสากลภพนี้ ปกปัก คุ้มครอง เราทั้งผอง ให้มีสติ สมาธิ ปัญญา ความดี ความกล้าหาญ ความอ่อนโยน และความเข้มแข็ง ให้อยู่กับเราทุกผู้ ตราบกาล และ นาน เทอญ...




 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2549    
Last Update : 31 สิงหาคม 2550 10:40:44 น.
Counter : 819 Pageviews.  

ข้อควรรู้ และ กฎ กติกา ในการบริจาคโลหิต


ข้อ ควรรู้ ก่อนจะบริจาคโลหิต ( และต้องรู้ )

1. อายุ ระหว่าง 17-60 ปี และสุขภาพสมบูรณ์ ( ไม่ใช่ แค่ปกติหรือแข็งแรง )
ถ้าอายุน้อยเกินไป จะมีภาวะทางความคิดและร่างกายไม่เหมาะสม กฎหมายไม่อนุญาต ต้องมีผู้ปกครองรับทราบ และยินยอม
ถ้าอายุมากเกินไป ก็จะมีปัจจัยสุขภาพเสี่ยงเกินไป เป็นอันตรายต่อผู้บริจาคเอง

2. นอนหลับไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง
การนอนหลับ ไม่ควรนอนผิดเวลาจากปกติ ผู้ที่ทำงานเป็นกะ ไม่ควรบริจาค ถ้านอนไม่พอ ถึงบริจาคไปแล้ว ก็เอาไปใช้ไม่ได้ เพราะเลือดจะลอย

3. กินอาหารประจำมื้อเรียบร้อยแล้ว ( ก่อนบริจาค 4 ชม. )
ก่อนบริจาค ควรกินอาหารมาให้เรียบร้อย แต่ไม่ควรเน้นอาหารที่มีไขมันมาก หรือ งดอาหารมันๆ ก่อนบริจาค 1 วันก็จะดี

4. ท้องเสีย ท้องร่วง ภายใน 7 วัน
เป็นผลเสียทั้งต่อผู้บริจาค และ ผู้รับบริจาคอาจติดเชื้อ ( ถ้ามี ) ได้

5. น้ำหนักลด ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่ทราบสาเหตุ
หากเกิดขึ้น มักมีสาเหตุจากโรคภายใน เช่น เบาหวาน ไทรอยด์เป็นพิษ หรือแม้แต่... AIDS หรือ HIV ถ้ากินยาลดน้ำหนัก ก็ไม่ควรบริจาคเช่นกัน
แต่ถ้าน้ำหนักลดอย่างสมเหตุสมผล จากการออกกำลังกาย หรือ ควบคุมอาหาร ( โดยไม่ใช้ยา ) สามารถบริจาคได้

6. กินยาแอสไพริน ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาแก้ปวดข้อ
อาจมีผลทำให้ยาไปยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดโลหิต ทำให้โลหิตแข็งตัวช้าลง ไหลแล้วหยุดยาก

7. กินยาแก้อักเสบใน 7 วัน หรือยาอื่นๆ โปรดปรึกษาเจ้าหน้าที่
หากกินแก้อักเสบอยู่อาจหมายถึง ผู้บริจาคได้รับการติดเชื้อ ซึ่งอาจแพร่เชื้อเข้ากระแสโลหิตของผู้รับบริจาคได้
นอกจากนี้ ผู้รับบริจาค อาจแพ้ยา ที่ผู้บริจาคกินก่อนมาบริจาคได้

8. เป็นโรคหอบหืด ลมชัก โรคผิวหนังเรื้อรัง ไอเรื้อรัง วัณโรค หรือโรคภูมิแพ้อื่นๆ
การเป็นโรคดังกล่าว แล้วมาบริจาค อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้อาการดังกล่าวกำเริบได้

9. เคยเป็น หรือมีคนในครอบครัวเป็นโรคตับอักเสบ
ผู้ที่เคยเป็น แล้วไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นชนิดใด หรือ ไม่สามารถบอกได้ว่า หายขาด หรือไม่มีเชื้อแล้ว ไม่ควรบริจาคจนกว่าจะได้รับการยืนยันจากแพทย์ ว่าปลอดภัยจากเชื้อตับอักเสบ ผู้ที่สัมผัส ใกล้ชิดผู้ป่วย ก็อาจได้รับเชื้อแล้วเช่นกัน

10. เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ ไต ไทรอยด์ มะเร็ง โลหิตออกง่ายหยุดยาก หรืออื่นๆ
เพื่อความปลอดภัย หากมีความจำเป็นต้องบริจาค ให้อยู่ในความดูแล และวินิจฉัยจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

11. ทำฟัน ภายใน 3 วันก่อนจะบริจาค
เหงือกอาจจะอักเสบ และ หากมีแผลในช่องปาก อาจเป็นทางนำเชื้อโรคสู่กระแสโลหิตได้

12. ท่าน หรือ คู่ของท่าน มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศกับผู้อื่น
โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง แสดงอาการให้เห็น แต่บางอย่าง แม้ติดเชื้อแล้ว ก็ตรวจไม่พบในระยะฟักตัว ทั้งๆที่ผู้บริจาคอาจมีเชื้ออยู่แล้ว ดังนั้น...หากไม่แน่ใจใน 6 เดือน ควรไปตรวจที่คลีนิกนิรนามหรือที่โรงพยาบาลก่อนบริจาค

13. ได้รับการผ่าตัดใหญ่ ในระยะ 6 เดือน หรือผ่าตัดเล็ก ใน 1 เดือน
การผ่าตัดอาจเสียโลหิตไปส่วนหนึ่ง แผลผ่าตัด ต้องใช้เวลาและสารอาหารในการซ่อมแซม จึงควรงดเว้นในการบริจาคไปก่อน

14. เจาะหู สัก ลบรอยสัก ฝังเข็ม ในระยะ 6 เดือน
เข็มเจาะ และรูแผลที่ผิวหนัง มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อโรคติดเชื้อที่มีการส่งต่อทางกระแสโลหิตและน้ำเหลือง และสามารถส่งต่อไปยังผู้รับบริจาคได้อีกด้วย เช่นไวรัส ตับอักเสบ บี , ซี และ AIDS หรือ HIV

15. เคยมีประวัติติดยาเสพติด หรือพ้นโทษในระยะ 3 ปี
ผู้ที่เคยมีประวัติติดยาเสพติด หรือเพิ่งพ้นโทษ จะมีโอกาสเสี่ยงสูงต่อโรคที่มีการส่งต่อทางโลหิตและน้ำเหลือง แม้จะไม่มีการใช้เข็มร่วมกัน หรือแม้เสพย์ทางการกิน หรือสูดดม อาจทำให้มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศภายหลังใช้ยาได้

16. เคยเจ็บป่วยต้องรับโลหิตผู้อื่นในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา
เมื่อเคยป่วยและได้รับโลหิตจากผู้อื่น จะมีการสร้างภูมิต้านทานต่อระบบหมู่โลหิตได้ ถึงแม้จะมีการตรวจเพื่อหาหมู่โลหิตหลักที่เข้ากันได้ แต่หมู่ย่อยไม่สามารถหาได้ตรงกันทั้งหมด และยังคงเป็นปัญหากับผู้ป่วยอีกด้วย

17. ฉีดวัคซีนในระยะ 14 วัน หรือ ฉีดเซรุ่มในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา
เช่นวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ และ เซรุ่มป้องกันพิษสุนัขบ้า เป็นต้น

18. เข้าไปในพื้นที่ ที่มีเชื้อมาเลเรียชุกชม ในระยะ 1 ปี หรือเคยป่วยเป็นมาเลเรีย
ถ้าเคยป่วยแล้วไม่ได้รับการรักษาให้หายขาด เชื้อสามารถแอบแฝงอยู่ในร่างกายได้โดยไม่แสดงอาการ ดังนั้น ผู้ที่จะบริจาคได้ต้องไม่มีอาการซ้ำ เป็นเวลา 3 ปี

19. อยู่ในระหว่างมีรอบเดือน
ไม่ควรให้ร่างกายมีการเสียโลหิตซ้ำซ้อนในคราวเดียวกันโดยไม่จำเป็น ควรรอให้หมดรอบเดือนเสียก่อน

20. คลอดบุตร หรือ แท้งบุตร ภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา
การคลอด หรือ การแท้งบุตร จะมีการเสียโลหิตเป็นจำนวนมาก ร่างกายของผู้บริจาค ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อให้มีการสร้างโลหิตที่มีคุณภาพขึ้นมาใหม่

21. งดบุหรี่ หรือสิ่งมึนเมาใดๆ ก่อนบริจาคโลหิต
ถ้าเป็นบุหรี่ ก็ 1 วัน หรืออย่างน้อย 3-4 ชม. เพื่อให้ปอดได้ฟอกเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพหน่อย

ข้อมูลเหล่านี้... อาจจะไม่ละเอียดนัก หากใครต้องการรายละเอียด หรือข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ 02-251-3111 , 02-252-4106 ถึง 9 และที่ 02-256-4300
หรือ ที่ //www.redcross.or.th และ อีเมล์ blood@redcross.or.th

//www.nbc.in.th --- ศูนย์บริการโลหิดแห่งชาติ (National Blood Centre)

หากบริจาคโลหิตมาแล้ว ไม่มั่นใจ ติดต่อแจ้งทันที 02-252-4106 ถึง 9 ต่อ 151 และ 158




 

Create Date : 14 มีนาคม 2549    
Last Update : 21 กรกฎาคม 2549 12:12:27 น.
Counter : 7471 Pageviews.  

ความรู้เรื่อง โลหิต และการบริจาค

การบริจาคโลหิต <br>เนื่องจากโลหิตเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยเหลือชีวิตมนุษย์ให้อยู่รอด <br>นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามค้นคว้ามาเป็นเวลานาน

บริจาคโลหิต
เนื่องจากโลหิตเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยเหลือชีวิตมนุษย์ให้อยู่รอด
นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามค้นคว้ามาเป็นเวลานาน

แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จในการหาสารประกอบอื่น ๆ ที่มาทดแทนโลหิตได้
ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้โลหิตจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งด้วยการบริจาคนั่นเอง

การบริจาคโลหิต คือการสละโลหิตส่วนเกินที่ร่างกายไม่จำเป็นต้องใช้
เพื่อให้กับผู้ป่วย เป็นสิ่งที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเลย
เพราะร่างกายแต่ละคนจะมีปริมาณโลหิตประมาณ 17-18 แก้วน้ำ ซึ่งร่างกายใช้เพียง 15-16 แก้วเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นสามารถบริจาคให้ผู้อื่นได้

ผู้บริจาคโลหิตสามารถบริจาคโลหิตได้ทุก 3 เดือน
เพราะเมื่อบริจาคโลหิตออกไป ไขกระดูกจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดโลหิตขึ้นมาทดแทนให้มีปริมาณโลหิตในร่างกายเท่าเดิม

ถ้าไม่ได้บริจาค ร่างกายจะขับเม็ดโลหิตที่สลายตัว เพราะหมดอายุออกมาในรูปของปัสสาวะ อุจจาระ หรือเหงื่ออยู่แล้ว การบริจาคโลหิตใช้เวลาประมาณ 15 นาที ท่านจะได้รับการเจาะเก็บโลหิตและบรรจุในถุงพลาสติก (BLOOD BAG) ตั้งแต่ 350-450 มิลลิลิตร (ซี.ซี.) ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของผู้บริจาค


โลหิตคืออะไร
โลหิตมีส่วนที่เป็นน้ำ เรียกว่า น้ำเหลือง
มีสีเหลืองอ่อนใสมีโปรตีนและปัจจัยการแข็งตัวของเลือดและส่วนที่เป็นเม็ดโลหิตซึ่งมีเม็ดโลหิตแดง เม็ดโลหิตขาว และเกล็ดโลหิต

เป็นของเหลวสีแดงที่ไหลเวียนอยู่ภายในหลอดโลหิตในร่างกาย โดยกำลังสูบฉีดของหัวใจ

อวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดโลหิต คือ ไขกระดูก ซึ่งได้แก่ กระดูกแขน กระดูกหน้าอก กระดูกซี่โครง กระโหลกศีรษะ กระดูกเชิงกราน กระดูกไขสันหลัง เป็นต้น

ในร่างกายของมนุษย์ (ผู้ใหญ่)
จะมีโลหิตประมาณ 4,000-5,000 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
หรือสามารถคำนวณง่ายๆ คือ น้ำหนักตัวสุทธิ x 80 =
ปริมาณโลหิตที่มีในร่างกายโดยประมาณ ( หน่วยเป็นซี.ซี.)

โลหิตแบ่งได้
2 ส่วน คือ


1. เม็ดโลหิต จะมีอยู่ประมาณ 45 % ของโลหิตทั้งหมด ซึ่งมี 3 ชนิด คือ


-
เม็ดโลหิตแดง มีหน้าที่ในการลำเลียงออกซิเจนเพื่อให้เซลล์ต่างๆ ใช้สันดาปอาหารเป็นพลังงาน อายุการทำงานในกระแสโลหิต ประมาณ 120 วัน

-
เม็ดโลหิตขาว ทำหน้าที่ปกป้องและทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และสารที่เป็นอันตรายอื่นๆ ซึ่งเปรียบเหมือนทหารป้องกันประเทศ เม็ดโลหิตขาวมีอายุการทำงานในกระแสโลหิต ประมาณ 10
ชั่วโมง

-
เกล็ดโลหิต ทำหน้าที่ช่วยให้โลหิตแข็งตัวตรงจุดที่มีการฉีกขาดของเส้นโลหิต
มีอายุการทำงานในกระแสโลหิต ประมาณ 5-10 วัน


2. พลาสมา (Plasma )
คือส่วนที่เป็นของเหลวของโลหิตที่ทำให้เม็ดโลหิตทั้งหลายลอยตัว
มีลักษณะเป็นน้ำสีเหลือง จะมีอยู่ประมาณ ร้อยละ 55 ของโลหิตทั้งหมด มีหน้าที่ควบคุมระดับความดันและปริมาตรของโลหิตป้องกันเลือดออก และเป็นภูมิคุ้มกันโรคติดต่อที่จะเข้าสู่ร่างกาย

พลาสมานี้ประกอบด้วยส่วนที่เป็นน้ำประมาณ 92 % และส่วนที่เป็นโปรตีนประมาณ 8 % ซึ่งโปรตีนที่สำคัญ ได้แก่

-
แอลบูมิน
มีหน้าที่รักษาความสมดุลของน้ำในหลอดเลือดและเนื้อเยื่อ

-
อิมมูโนโกลบูลิน
มีหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันโรคติดต่อต่างๆ ที่จะเข้าสูร่างกาย เกร็ดความรู้


ถ้านำเส้นโลหิตทั่วร่างกายมาต่อกัน จะมีความยาวถึง
96,000 กิโลเมตร หรือความยาวเท่ากับ2 เท่าครึ่งของระยะทางรอบโลก

โดยเฉลี่ยแล้วปริมาณโลหิตในร่างกายจะมี 5-6 ลิตรในผู้ชาย และ 4-5 ลิตรในผู้หญิง และโลหิตจะมีการไหลเวียน โดยผ่านมาที่หัวใจถึง 1,000
เที่ยวต่อวัน คนหนุ่มสาวจะมีเซลล์เม็ดโลหิตแดงเท่ากับ 35,000,000,000,000 เซลล์ (สามสิบห้าล้านล้านเซลล์ ) อยู่ภายในร่างกายในเวลา 120 วัน เซลล์เม็ดโลหิตแดง จำนวน 1.2 ล้านเซลล์ จะถึงกำหนดหมดอายุขัย ถูกขับถ่ายออกมาขณะเดียวกันไขกระดูกซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกระดูกซี่โครง กะโหลกศรีษะและกระดูกสันหลัง จะช่วยกันผลิตเซลล์ใหม่เท่ากับจำนวนที่ตายไปขึ้นมาแทนที่



จากชีวิตสู่ชีวิต
มอบ
โลหิตช่วยผู้ป่วย




ภาพนี้...เป็น คอนเสิร์ท เพื่อผู้ประสพภัยซึนามิครับ
แสดงไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ปี พ.ศ. 2548




ก็...เอามาจาก Blog เก่านั่นแหละครับ แก้ไขคำผิดนิดหน่อย
เพราะรู้สึกว่า ในเว๊บไซท์ ของทางกาชาด...
จะไม่มีข้อมูลเหล่านี้แล้ว...
ก็หวังว่า หากใคร serch จาก Google หรือ Yahoo
หรือที่ไหนแล้วมาเจอ จะได้เกิดประโยชน์บ้าง
ไม่มากก็น้อย


สังคมดี ... ไม่มีขาย...
อยากได้ ... ต้องช่วยกันสร้าง
โดยที่เริ่มจากตัวเราเอง ... เดี๋ยวนี้...




 

Create Date : 14 มีนาคม 2549    
Last Update : 21 กรกฎาคม 2549 12:12:17 น.
Counter : 778 Pageviews.  


Phoenixนิลมังกร
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย แต่ไม่ใช่ Joker
จริงจัง จริงใจ แต่ไม่เอาเป็นเอาตาย
ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ไม่ทำร้ายใครก่อน...



- It is only with the heart
that one can see rightly
what is essential is
invisible to the eye.


- ด้วยหัวใจเท่านั้น
ที่เราจะมองเห็นอย่างถ่องแท้ว่า
สิ่งสำคัญ ที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา
คืออะไร.


//- Antoine de Saint-Exupery

Friends' blogs
[Add Phoenixนิลมังกร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.