น่าอ่าน enjoyable-to-read
Group Blog
 
All blogs
 

อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ SMEs ต้องรู้อะไรบ้าง

หลาย ๆ ครั้งที่ความฝันเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกทางด้านจิตใจให้แก่ผู้ที่ฝัน คนเรามักจะฝันถึงสิ่งที่ต้องการแต่ไม่อาจครอบครองได้ หรือสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจ แต่ในบรรดาความฝันของคนจำนวนมากที่สุดอย่างหนึ่ง ก็คือ “การได้เป็นเจ้าของธุรกิจ”  เพราะนั่นคือหนทางที่สำคัญ และอาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะบันดาลให้มีทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ปรารถนาไว้ ไม่ว่าจะเป็น ความร่ำรวย มีชื่อเสียง และได้รับการนับหน้าถือตา ในมุมมองของคนธรรมดา หรือมนุษย์เงินเดือนที่ไม่ใช่ระดับผู้บริหารระดับสูง หรือไม่ใช่คนที่รวยมาแต่กำเนิด หรือจากทรัพย์มรดกมหาศาลนั้น ต่างก็ไม่ค่อยกล้าฝันที่จะเป็นนักธุรกิจ “ร้อยล้านบาท” หรือแม้แต่เพียง “สิบล้านบาท”  เพราะคิดว่า ไกลเกินเอื้อม แต่ในความเป็นจริงแล้ว  ตัวเลขสิบล้าน หรือร้อยล้าน  ต่างก็ต้องเริ่มต้นที่เลข 1 ก่อน แล้วค่อย ๆ ไล่เรียงไปเรื่อย ๆ จนถึงหลักล้าน สิบล้าน หรือร้อยล้าน  

ดังนั้นถ้าเราไม่นับหนึ่งก่อน ก็หมายถึงเรายังไม่เริ่มต้น สำหรับคนที่มีความฝันเป็นเจ้าของธุรกิจ และพร้อมที่จะเริ่มนับกันแล้ว เรามาช่วยกันสร้างฝันให้เป็นความจริงกัน ด้วยการตื่นจากฝันและกลับมาในโลกแห่งความเป็นจริงว่า ขณะนี้ เราอยู่ ณ จุดใดของความฝัน และในความฝันของเรานั้น เราอยากจะไปถึงที่จุดใด แล้วเราจะไปด้วยวิธีใดได้บ้าง ในเมื่อจุดเริ่มต้นของแต่ละคนต่างก็ไม่เหมือนกัน บางคนไม่มีทั้งเงินทุนและประสบการณ์ที่จะสามารถก่อตั้งธุรกิจได้  บางคนมีเงินทุนแต่ไม่มีประสบการณ์ และบางคนมีทั้งเงินทุนและประสบการณ์ ทำให้วิถีทางการเดินทางสู่ความฝัน และสิ่งที่ต้องรู้แตกต่างกันทั้งกลยุทธ์และวิธีการ แต่หากทุกคนรู้วิธีการที่เหมาะสมกับตนเอง โอกาสแห่งความสำเร็จก็มีเท่า ๆ กัน แล้วอะไรคือสิ่งที่จะเป็นบันไดสู่ความฝัน การเป็นเจ้าของธุรกิจ SMEs อะไรเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด 
ที่มา www.k-weplan.com




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2555    
Last Update : 11 มิถุนายน 2555 18:30:47 น.
Counter : 514 Pageviews.  

แหล่งการลงทุนที่น่าสนใจ

สำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุนในครั้งแรก อาจไม่ทราบว่าควรเริ่มศึกษาข้อมูลการลงทุนจากที่ใดเนื่องจากมีข้อมูลให้ศึกษาค้นคว้าอยู่มากมาย ทั้งในแง่ของข้อมูลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน รวมถึงขั้นตอนต่างๆสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุน สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหัดลงทุนแล้ว การมีจุดเริ่มต้นดีๆ ในการศึกษาหาข้อมูลจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการเริ่มต้นลงทุนได้ โดยศึกษาได้จากข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น 

TSI (Thailand Securities Institute) สถาบันพัฒนาความรู้ตลาดเงิน และตลาดทุน ที่ได้รวมรวมความรู้เพื่อการลงทุนไว้ที่ //www.tsi-thailand.org โดยมีหัวข้อน่าสนใจได้แก่ เส้นทางลงทุน เส้นทางวิชาชีพ หลักสูตร บทความน่าสนใจ รวมถึงการจัดอบรม และสัมมนาทางการเงินที่สถาบันจัดทำขึ้น 

Settrade นักลงทุนสามารถติดตามราคาหลักทรัพย์ได้ที่ //www.settrade.com ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมราคาสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่หุ้น ทองคำ น้ำมัน หน่วยลงทุน อัตราแลกเปลี่ยน สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ฯลฯ 

SET (Stock Exchange of Thailand) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หากคุณต้องการทราบข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดัชนีตลาด สถิติ ราคาหลักทรัพย์ วิธีการ และระบบที่ใช้ในการซื้อขายหลักทรัพย์ สามารถดูได้จากเวปไซด์ //www.set.or.th ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูล 

SEC (Securities Exchange Commission) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีเวปไซด์ //www.sec.or.th ที่ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ หลักการ ข้อปฏิบัติ รวมถึงรายชื่อบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจตามพรบ.หลักทรัพย์ฯ รายชื่อผู้ติดต่อผู้ลงทุน 

AIMC (Assosiation of Investment Management Company) สมาคมบริษัทจัดการลงทุน รวบรวมข้อมูลรายอุตสาหกรรมของกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล ไว้ที่เวปไซด์ //www.aimc.or.th 

Thaimutualfund.com กองทุนรวมซึ่งได้รวบรวมเรื่องน่ารู้ และเกร็ดทั่วไป ข้อมูลโดยสังเขปของกองทุนรวมประเภทต่าง ๆ ไว้ที่ //www.thaimutualfund.com 




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2555    
Last Update : 12 มิถุนายน 2555 13:21:29 น.
Counter : 1260 Pageviews.  

มือใหม่เริ่มต้นลงทุนอย่างไรดี

ภาวะปัจจุบันที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเก็บออมกับธนาคารเพียงอย่างเดียวอาจได้รับผลตอบแทนไม่เพียงพอที่จะชดเชยค่าครองชีพที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น สาเหตุเกิดจากอัตราเงินเฟ้อทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นเราควรเริ่มมองหาวิธีที่จะช่วยให้เงินออมที่เก็บไว้งอกเงยขึ้นผ่านการลงทุน เพื่อชดเชยอำนาจซื้อที่อาจสูญหายในอนาคต กรณีที่สินค้าและราคาข้าวของแพงขึ้นกว่าเดิม

การลงทุนทำได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะลงทุนทางตรง เช่น เปิดร้านอาหาร ซื้อที่ดิน ซื้อทองคำ หรือลงทุนทางอ้อม เช่น ลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สถาบันการเงินเสนอขาย การลงทุนทางตรงจะต้องอาศัยเงินทุนสูง รวมถึงประสบการณ์ทางธุรกิจ เช่น อำนาจการต่อรองทางการค้า และเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจกรณีเป็นเจ้าของกิจการ  ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ยากสำหรับผู้ที่ไม่รู้ลึกในธุรกิจนั้นอย่างแท้จริง แต่สำหรับการลงทุนทางอ้อมในผลิตภัณฑ์ทางการเงินนั้น สามารถเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนที่ต่ำกว่า มีสภาพคล่องสูงเนื่องจากมีตลาดรองรับสามารถขายคืนได้ทันที และไม่ต้องอาศัยประสบการณ์ทางธุรกิจ เพียงแต่เข้าใจถึงนโยบายการลงทุนของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่า เรากำลังลงทุนในอะไร มีความเสี่ยงต่ำหรือสูง และมีเงื่อนไขหรือปัจจัยสำคัญอะไรที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุน

ขั้นแรก ของการเช็คความพร้อมก่อนเริ่มลงทุน เราควรมีเงินเก็บสำรองอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เพื่อสำรองไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินในอนาคต สำหรับผู้ที่มีภาระผ่อนหนี้สิน หรือภาระดูแลบุตร บิดามารดา แนะนำให้สำรองเงินดังกล่าวมากกว่าผู้ที่ไม่มีภาระใดๆ เงินสำรองฉุกเฉินก้อนนี้ควรเก็บไว้ในบัญชีที่มีความเสี่ยงต่ำ พร้อมสำหรับการใช้จ่ายได้ทันที เช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือบัญชีกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น 

ขั้นที่สอง ตรวจเช็คภาระหนี้สินที่มีอยู่ของตัวคุณ ว่ามีต้นทุนทางการเงินหรือดอกเบี้ยที่สูงหรือต่ำกว่าการลงทุนที่คุณกำลังเลือก เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนอาจไม่คุ้มค่ากับดอกเบี้ยที่จ่ายไป กล่าวคือการนำเงินไปชำระหนี้อาจสร้างประโยชน์มากกว่าการนำเงินไปซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น การนำเงินโบนัสจำนวน 100,000 บาท มาชำระหนี้จำนองบ้านกับธนาคารพาณิชย์ซึ่งเสียดอกเบี้ยในอัตรา 7% ต่อปี ย่อมคุ้มค่ากว่าการนำเงินจำนวนเดียวกันมาลงทุนในหุ้นกู้ที่ให้ดอกเบี้ย 3.60%ต่อปี เป็นต้น

ขั้นสุดท้าย ตรวจเช็คระดับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตัวเราเองว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยเลือกนำเงินไปลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง ซึ่งระดับความเสี่ยงของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้านได้แก่ อายุ สุขภาพ ความรู้และประสบการณ์ สถานะ ภาระหนี้ และความมั่งคั่งที่มี

การตรวจเช็คความพร้อมทางการเงิน ก่อนเริ่มต้นลงทุน มีส่วนช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายการลงทุนได้ชัดเจนขึ้น และช่วยให้การจัดสรรเงินลงทุนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจ

ที่มา www.k-weplan.com




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2555    
Last Update : 8 มิถุนายน 2555 11:55:27 น.
Counter : 1416 Pageviews.  

แนวทางปลดหนี้

แนวทางปลดหนี้เมื่อ “หนี้สินท่วมตัว”      

การทำผิดพลาดในชีวิตครั้งใหญ่ด้วยการเป็นหนี้บัตรเครดิต อาจเป็นสาเหตุในการเป็นหนี้ระยะยาวเรื้อรังได้  สาเหตุหลักของ “หนี้สินท่วมตัว” คือ ซื้อของที่อยากได้เพื่อตอบสนองความอยาก อยากได้อะไรก็ซื้อ โดยคิดว่าจะจ่ายไหว ท้ายที่สุดก็มีหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อเงินสดจำนวนมากมาย หลายคนเมื่อมีปัญหาก็คิดถึงการกู้หนี้เพิ่มโดยการใช้สินเชื่อเงินสด ที่คิดว่าเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่จริงๆ แล้วนั่นคือการเริ่มต้นของการเป็นหนี้ระยะยาวเรื้อรังเป็นหนี้พอกหางหมู กู้หนี้ใหม่โปะหนี้เก่า จากหนี้ที่มีหลักหมื่นกลายเป็นหนี้หลักแสน แล้วจะทำอย่างไร เพื่อให้สามารถปลดหนี้ทั้งหลายทั้งปวงได้ 

แนวทางในการปลดหนี้ มีดังนี้
  1. รวบรวมหนี้ที่มีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิตที่มีทุกใบ หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หนี้บัตรกดเงินสด หนี้บ้าน หนี้รถ รวมถึงหนี้ที่กู้ยืมจากคนรอบข้าง หรือคนใกล้ตัว ว่ามียอดเท่าไหร่ และดูระยะเวลาในการชำระหนี้ว่าเป็นหนี้สินระยะสั้น หรือหนี้สินระยะยาว 
  2. รวบรวมทรัพย์สินที่มีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เงินสด เงินฝาก เงินลงทุนในกองทุน สิ่งของเครื่องใช้ในบ้านที่สามารถแปรสภาพเป็นเงินสดเพื่อชำระหนี้ได้ รวมถึงบ้านและรถยนต์ที่ปลอดภาระหนี้ 
  3. แยกหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง ผ่อนระยะสั้น และหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนระยะยาว โดยชำระหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าก่อนแล้วค่อยเรียงลำดับไล่ลงมายังหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เช่น จ่ายหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีดอกเบี้ยสูงกว่าก่อนหนี้บัตรเครดิต 
  4. เจรจาประนอมหนี้ คุยกับเจ้าหนี้แต่ละราย เพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยจ่าย ขอขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้ รวมถึงขอปรับลดเงินผ่อนชำระต่องวด 
  5. รวมหนี้ หาเจ้าหนี้ที่รับโอนหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำที่สุด และควรเป็นเจ้าหนี้ในระบบ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระบบโดยทั่วไปจะต่ำกว่าหนี้นอกระบบ รวมถึงวิธีการทวงถามหนี้จะเป็นไปตามระเบียบของสถาบันการเงินนั้นๆ 
  6. หยุดการก่อหนี้เพิ่มไม่ว่าจะเป็นหนี้ใดๆ และตั้งใจชำระหนี้อย่างมีวินัย หาหนทางเพิ่มรายได้จากงานประจำเพื่อให้มีรายได้ชำระหนี้ได้มากขึ้น
หลังจากปลดภาระหนี้แล้ว ควรวางแผนการเงินแบบง่ายๆ ด้วยตัวเอง เพื่อไม่ต้องกลับไปเป็นหนี้แบบในอดีต โดย
  1. เริ่มทำบัญชีบันทึก “รายรับ รายจ่าย” ในแต่ละเดือนเพื่อดูว่าเงินหายไปไหน 
  2. ประหยัด และ เปลี่ยนนิสัยการใช้จ่ายเป็น “มีเงินสดแล้วค่อยซื้อ” 
  3. จ่ายในสิ่งที่ “จำเป็น” และ ลดในสิ่งที่เรียกว่า “อยากได้” 
  4. ใช้ชีวิตอยู่อย่างคนจน จะไม่จน 




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2555    
Last Update : 8 มิถุนายน 2555 11:55:45 น.
Counter : 2575 Pageviews.  

ติดหนี้อยู่ จะออมเงินได้หรือไม่

หลายคนคงเคยมีความคิดว่า หากต้องการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตในอนาคต ก็ควรต้องมีเงินเก็บให้ได้สัก 10 ล้าน แล้วนำไปลงทุนเพื่อสร้างให้เงินงอกเงย ขณะที่คนที่มีหนี้ก็คงต้องชำระหนี้สินต่อไป ซึ่งเป็นอุปสรรคในการออมเงินอย่างมาก การออมเงินสำหรับคนเป็นหนี้จึงไม่สามารถทำได้ ความคิดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะโดยทั่วไปแล้ว คนเราจะมีภาระผ่อนชำระหนี้สินที่ค่อนข้างคงที่ ซึ่งคิดเป็นเพียงสัดส่วน ๆ หนึ่งของรายได้ต่อเดือน เนื่องจากสถาบันการเงินจะยอมให้ผู้กู้ กู้เงินได้โดยจะต้องมีภาระผ่อนชำระต่อเดือนที่ไม่เกิน 40% ของรายได้ นั่นหมายความว่าผู้กู้จะมีเงินบางส่วนเหลือไว้สำหรับใช้จ่ายส่วนตัว รวมถึงการออม

หากพิจารณาในด้านหนี้สินนั้น จะมีทั้งหนี้ที่ดี และหนี้ที่ไม่ดี หนี้ที่ดีนั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับเรา รวมถึงมูลค่าของสินทรัพย์ที่เกิดจาการกู้หนี้ดังกล่าวจะไม่ลดลงไปตามกาลเวลา ยกตัวอย่างเช่น ภาระหนี้จากการซื้ออสังหาริมทรัพย์สำหรับปล่อยเช่า ถ้าค่าเช่าที่สูงกว่าภาระผ่อนเงินกู้ต่อเดือนก็จะสร้างรายได้ให้เรา และหากในอนาคตราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น เราก็สามารถขายทำกำไรได้ ขณะที่หนี้ที่ไม่ดีนั้น ได้แก่ หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากมีภาระดอกเบี้ยสูง และเป็นหนี้ที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค จึงไม่ก่อให้เกิดรายได้ตามมา 

การมีหนี้ผ่อนอสังหาริมทรัพย์ข้างต้น อาจเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ที่ไม่เคยมีเงินออม ตั้งใจเก็บเงินอย่างจริงจังก็ได้ เพราะเมื่อได้ทำสัญญาเงินกู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้ว จะเป็นการบังคับให้ผู้ทำสัญญาต้องส่งเงินทุกเดือนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาเงินกู้ ดังนั้นการผ่อนชำระหนี้สินดังกล่าวในแต่ละเดือน จึงเหมือนเป็นการออมในอีกรูปแบบหนึ่ง อย่างไรก็ตามคุณไม่ควรมีหนี้สินดังกล่าวมากนัก เพราะอาจส่งผลต่อสถานะการใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่กระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิตของคุณ

สำหรับผู้ที่มีภาระหนี้ระยะสั้นจำนวนมาก เช่น ภาระหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น คุณควรชำระหนี้ระยะสั้นให้หมดโดยเร็ว เนื่องจากหนี้ประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยที่สูง และจะเริ่มนับคำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่คุณได้ใช้เงิน  ถ้ามีหนี้หลายประเภท แนะนำให้รีบชำระหนี้ระยะสั้นก่อน เพราะดอกเบี้ยจะแพงกว่าหนี้ประเภทอื่น

ที่มา www.k-weplan.com




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2555    
Last Update : 8 มิถุนายน 2555 11:56:06 น.
Counter : 1563 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

น่าอ่าน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เนรมิตความงามของคุณสำหรับทุกฤดูกาล
>
Friends' blogs
[Add น่าอ่าน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.