เรื่องราวประทับใจ
ตั้งแต่คบกันเป็นแฟน ก็มีเรื่องราวประทับใจหลายอย่าง จริงๆเรื่องไม่ดีก็มี แต่ขอลืมๆมันไปดีกว่า ไม่รู้จะเก็บไว้ให้หนักหัวทำไม จดจำแต่เรื่องดีๆ ดีกว่าว่ามะ

คาร์ลอสชอบทำเซอร์ไพรส์ และนี่แหละที่เป็นสิ่งที่เราประทับใจและชอบมากที่สุด เพราะตั้งแต่เกิดมา ยอมรับเลยว่าไม่เคยมีใครทำอะไรแบบนี้ให้ ขอเล่าที่ซึ้งๆ และเน้นๆละกัน หุหุ

เรื่องแรก
หลังจากเลิกงาน ซึ่งส่วนมากเราจะกลับถึงบ้านประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ และคาร์ลอสจะมาหาเราที่บ้านประมาณห้าทุ่ม พอเรากลับถึงบ้าน เปิดประตูเข้าห้องมามีดอกกุหลาบช่อใหญ่, เครื่องเล่น MP3 พร้อมหูฟัง ,ตุ๊กตาคิตตี้ Sario ของจริงและการ์ดบอกความในใจจากคาร์ลอส วางอยู่บนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่กลางห้อง เราก็งงๆ แต่ก็ดีใจ รีบโทรไปหาและขอบคุณที่รักของเรา อ้อ ลืมบอกไปว่าที่คาร์ลอสเค้าห้องเราได้เพราะห้องเราล็อคไม่ได้ บ้านที่เราอยู่เป็นแบบแบ่งให้เช่า มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ คุณลุงเจ้าของบ้านเค้าอยู่ห้องนึง และอีกห้องก็เป็นห้องเราเอง คุณลุงเจ้าของบ้านเค้าก็อยู่บ้านซะส่วนใหญ่ คุณลุงแกก็รู้จักคาร์ลอสจากเรา

เรื่องทีสอง
อย่างที่บอกว่าคาร์ลอสจะมาหาทุกคืนหลังจากเราเลิกงาน แต่คืนนี้คาร์ลอสบอกติดธุระสำคัญบางอย่าง มาหาไม่ได้ เราก็งอนนิดๆนะ เพราะถามว่าธุระอะไรเค้าก็บอกว่าบอกไม่ได้ แต่เป็นธุระสำคัญ พอเรากลับถึงบ้าน เข้าไปในห้องก็งงๆว่าเก้าอี้ที่โต๊ะเขียนหนังสือเราหายไปไหน จะออกไปถามคุณลุงเจ้าของบ้านเค้าก็ไม่อยู่ อืม...ช่างเหอะๆ พรุ่งนี้ค่อยถามก็ละกัน ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนดีกว่า วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน แต่พอเราเปิดตู้เสื้อผ้าแค่นั้นแหละ ตุ๊กตาคิตตี้ตัวที่ 2, ของกระจุกกระจิกอีกหลายอย่างที่เป็นคิตตี้ และดอกไม้ช่อใหญ่ วางอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า เราก็ยิ้มไม่หุบอีกเช่นเคย

เรื่องที่สาม
ครั้งนี้อาจจะเป็นเซอร์ไพรส์ที่ใหญ่นิดนึง หลังจากคบกับคาร์ลอสได้ประมาณสองเดือนกว่าๆ ประจำเดือนเราไม่มา เราก็เป็นกังวลมาก ถ้าเราท้องจะทำไง แย่แล้ว......มีเรื่องให้คิดเยอะแยะเลย ถึงจะเรียนจบแล้วก็เหอะ แต่เราเพิ่งคบกับคาร์ลอสได้ไม่นาน ไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดี ยังไม่ได้แต่งงานกันและที่สำคัญกลัวแม่ด่า พอเราซื้อที่ตรวจฉี่มาตรวจ ผลออกมาก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย เราท้อง ตอนนั้นคาร์ลอสก็อยู่กับเรา เราคิดอะไรไม่ออก ได้แต่เป็นกังวล แต่คาร์ลอสบอกให้เก็บเด็กไว้ ห้ามเอาออกเด็ดขาด เค้าจะดูเรากับลูกเอง และจะแต่งงานกับเรา

เรื่องที่สี่
วันนี้เราเข้างานกะกลางวัน เลิกงานสี่โมงเย็น หลังจากเลิกงานคาร์ลอสก็โทรมาหาขณะนั่งรถเมล์กลับบ้าน บอกมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ให้ไปหาที่บ้านหน่อย รถเมล์สายที่เรานั่งกลับบ้านก็ผ่านบ้านคาร์ลอสก่อนถึงบ้านเรา เราก็เลยแวะหา จริงๆก็อยากเจอด้วยแหละ อิอิ ข้าวใหม่ปลามันก็อย่างงี้แหละนะ ห่างกันแป๊บเดียวก็คิดถึงอยากเจอกันแทบใจจะขาด หุุหุ พอมาถึงที่ห้อง คาร์ลอสก็จัดแจงหาน้ำหาขนมให้เรากิน แล้วบอกให้เรานั่งลง หลับตา แล้วเค้าก็มาจับมือเราและเอาแหวนมาใส่ที่นิ้วพร้อมกับพูดว่า แต่งงานกันนะ วินาทีนั้นเราอึ้งและดีใจในขณะเดียวกัน แหวนที่คาร์ลอสสวมให้เป็นแหวนเพชร และสวยมากๆ แต่น่าเสียดายที่มันใหญ่กว่านิ้วเราไปซะมากเลย ไม่ว่าจะเอาไปใส่นิ้วไหนก็ไม่พอดี แป่ววววววว คาร์ลอสเลยต้องเอาไปเปลี่ยน และก็ได้แหวนวงใหม่ แต่ก็พอดีกับนิ้วกลางไม่ใช่นิ้วนางอยู่ดี แต่ก็เอาเหอะไม่เป็นไร อุตส่าห์ตั้งใจให้ แต่แหวนวงใหม่นี่เพชรเยอะเกินไป ใส่แล้วยเหมือนนางเอกลิเกเลย อิอิ มันก็สวยไปอีกแบบนะ แต่เราชอบแบบวงแรกมากกว่า

เรื่องที่ห้า
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ รถเมลที่นี่เค้าจะหยุดให้บริการเร็วกว่าวันธรรมดา ปกติเราจะกลับบ้านกับพีเจหรือคุณลุงเจ้าของบ้านก็จะมารับ แต่วันนี้โชคร้าย พีเจเข้าคนละกะและกลับบ้านไปซะก่อน รถคุณลุงก็เสียมารับไม่ได้ และเราก็ไม่กล้าขอติดรถคนอื่นกลับเพราะเกรงใจ ไม่สนิทกับเค้า โชคดีที่คาร์ลอสเข้ากะเดียวกับเราวันนี้ แต่คาร์ลอสก็ไม่มีรถ เรากับคาร์ลอสเลยตัดสินใจเดินกลับบ้าน ระยะทางจากสนามบินไปถึงบ้านเรา ถ้าขับรถก็ประมาณ 10 นาที ถ้านั่งรถเมล์ก็ครึ่งชั่วโมง แต่เดินนี่เราไม่รู้ เพราะไม่เคยเดิน เรากับคาร์ลอสเริ่มออกจากสนามบินประมาณสี่ทุ่ม เดือนไปเรื่อยๆ แต่เดินได้ไม่นานแค่ 15 นาทีเราก็รู้สึกเหนื่อยมากๆ เพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย นี่ก็ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย อยากจะร้องไห้ คาร์ลอสเลยให้เราขี่หลัง มันก็สบายดีหรอกนะ แต่ก็รู้สึกสงสารอ่ะ แค่เราเดินตัวเปล่าก็เหนื่อยจะแย่ แต่คาร์ลอสบอกไม่เป็นไร แค่นี้สบายมาก เพราะค้าออกกำลังกายประจำ วิ่งแต่ละทีก็เป็นสิบๆกิโล แต่มันก็ไม่ใช่ใกล้ๆนะ เดินไปด้วยแบกเราไปด้วยมันก็ทำให้เหนื่อยได้เหมือนกัน เราสองคนก็เลยเดินไปพักไป เราทั้งเหนื่อยทั้งหิวน้ำและหิวข้าว กว่าจะได้ครึ่งทางก็ผ่านไปชั่วโมงกว่าแน่ะ ดีนะที่เดินๆไปก็เจอรถเข็น ฮ่าๆ รถเข็นแบบที่เราไปซื้อของในห้างอ่ะ เราสองคนเลยปิ๊งไอเดีย เรานั่งในรถแล้วคาร์ลอสก็เข็นไป วิ่งๆๆๆ สลับกับเดิน ในที่สุดก็ถึงบ้านเราซะที เชื่อมั๊ยว่าตีหนึ่งแล้ว โอ้วววว มาย ก็อด....เดินจากสนามบินมาถึงบ้านเราใช้เวลาทั้งหมดสามชั่วโมง แต่ไม่ได้เดินต่อเนื่องนะ ที่ช้านี่อาจจะเพราะพักบ่อย ถ้าไม่พักก็คงจะแค่ชั่วโมงกว่าๆมั๊ง แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เราได้รู้นะว่าถึงจะลำบากแค่ไหน คาร์ลอสก็ดูแลเราและทำทุกอย่างเพื่อให้เราไม่เหนื่อยถึงแม้เค้าจะเหนื่อยกว่าเรามากก็ตาม



Create Date : 23 ธันวาคม 2554
Last Update : 23 ธันวาคม 2554 8:25:40 น.
Counter : 437 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

apichypom
Location :
Santa Ana  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]