Group Blog |
ปีใหม่ไปเที่ยวกาญฯ ตอน 3 แฮปปี้เอนดิ้ง
วันนี้เป็นวันสุดท้าย เราต้องกลับบ้านแล้ว แพลนวันนี้คือ พอออกจากรีสอร์ทก็จะแวะเที่ยวตามทางที่กลับบ้าน
แต่ไปไปมามาเที่ยวได้สองที่เอง คือที่ถ้ำกระแซ (ทางรถไพสายมรณะ) และที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว  อาหารเช้ามื้อสุดท้าย จานนี้ของเรา  ของแฟนเรา  น้ำชาร้อนๆ เราเอามะนาวที่อยู่ในถาดผลไม้ กับน้ำตาลที่อยู่ในโต๊ะกาแฟ มาทำชามะนาวอุ่นๆ สบายท้องดี      กินเสร็จแล้วก็เตรียมตัวกลับ ก่อนกลับก็ถ่ายรูปส่งท้ายซะหน่อย   ถึงทางรถไฟสายมรณะแล้ว  ที่นี่มีบริการรถรางที่วิ่งไปตามรางรถไฟด้วย เราเลยซื้อตั๋วรถราง แต่ขอบอก แพงมั่กมั่ก คนละ 50 บาทแน่ะ นั่งรถไฟไปถึงอีกฝั่งแล้วกลับ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีเอง เสียดายตัง  รถรางแล่นไปได้หน่อยนึง ก็เจอถ้ำกระแซ อยู่ข้างๆ ทางรถไฟเลย  มองไปด้านล่าง สูงมาก  วิวสวย  พอลงรถราง ขากลับแวะซื้อสร้อยข้อมือ ซึ่งทางเข้ามีร้านค้าขายของที่ระลึกมากมาย  มาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว   ที่นี่คนเยอะมาก แต่ก็ไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไหร่ คนต่างชาติก็เยอะ  ขึ้นรถ เตรียมกลับบ้าน  เริ่มมืดแล้ว ขับรถไป แวะปั๊มไป เดี๋ยวก็ถึงกรุงเทพฯ เองแหละ แหะแหะ แล้วก็จบทริปจนได้ ไปเที่ยวครั้งนี้สนุกมากเลย และไม่ค่อยเหนื่อยด้วย ชิวชิว สวัสดีค่ะ  ปีใหม่ไปเที่ยวกาญฯ ตอน 2
วันนี้วันที่สองแล้ว เมื่อคืนนอนหลับสนิทเลย ปกติเราเป็นคนหลับง่าย นอนที่ไหนก็ได้
ยิ่งเหนื่อยๆ ด้วยแล้ว พอตื่นเช้าเข้าห้องน้ำ ตอนนี้แหละที่เราเล่าไว้เมื่อตอนที่หนึ่งว่า ส้วมเต็ม เราเข้าไปทำธุระส่วนตัว พอกดชักโครก มันไม่ลงค่ะ มันเอ่อขึ้นมา ก็เลยช่างมัน เดี๋ยวกินข้าวแล้วค่อยไปแจ้งที่รีเซฟชั่น แล้วเราก็ไปที่ห้องอาหาร ไปกินอาหารเช้า เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ห้องอาหารที่นี่อยู่ชั้นสอง ที่เดียวกับรีเซฟชั่นเลย เคาน์เตอร์เดียวกันด้วย แต่เรากินข้าวก่อน เรื่องส้วมไว้ทีหลัง เดี๋ยวกินข้าวไม่ลง  เราเดินผ่านรถลากคันนี้ มันดูคลาสสิคดี อยู่ชั้นล่างของห้องอาหาร  ห้องอาหาร มองจากด้านล่าง มุมนี้เป็นมุมที่เราชอบนั่ง เพราะวิวดี  ตอนขึ้นบันไดจะไปกินข้าว เราเห็นเค้าจัดต้นไม้เหมือนสวนเล็กๆ ตรงหน้าบันได สวยดี เลยถ่ายรูปมาให้ดู  จานนี้ของเรา ในจานมีไข่เจียวสอง สองอะไรดีนะ สองชิ้นละกัน เพราะมันไม่ได้เป็นฟอง เราเอามาเผื่อแฟนเราชิ้นนึง คนรอแถวยาว ต่อไปแฮมสี่ชิ้น ขนมปังชุบไข่ทอดและ เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว เราชอบผัดซีอิ๊ว อร่อยดี  นี่ของแฟนเรา  หลังจากหายหน้ามืดเพราะหิวแล้ว เราก็เหลือบมาเห็นที่ใส่กระดาษทิชชู่บนโต๊ะที่เรานั่ง มันเป็นไม้ล่ะ ที่นี่ทุกอย่างทำจากไม้หมดเลย พอกินข้าวเสร็จเราแวะไปที่ห้อง (พอดีลืมไปว่าส้วมเต็ม เลยไม่ได้แจ้ง)กะมาเข้าห้องน้ำนั่นแหละ ปรากฏว่าแม่บ้านกำลังทำความสะอาดห้องอยู่ เรานึกได้เลยบอกเค้าไป แล้วเราก็ไปเข้าที่คลับเฮ้าส์แทน แล้วก็เลยไปเที่ยวถ้ำเลย ถ้ำที่นี่คือถ้ำละว้า อยู่ด้านหลังของรีสอร์ท เดินไปนิดเดียวเอง  นี่เป็นตั๋วที่ต้องซื้อตอนก่อนเข้าถ้ำละว้า ถ้ำนี้ขึ้นกับอุทยานแห่งชาติอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้ ต้องซื้อบัตรเข้า ราคาบัตรคนละ 40 บาท เรากับแฟนสองคนก็ 80 บาท รู้สึกว่าแพงไปหน่อยนะ เราไม่รู้ว่าเค้าคิดราคาบัตรของสถานที่ เหล่านี้ยังไง ทำไมถึงไม่เท่ากันเลย แต่ที่นี่ถือว่าแพงนะ บางที่ก็แค่สิบหรือยี่สิบเอง แต่ไม่เป็นไร เรารับได้ ไม่อยากคิดมาก   ภายในถ้ำแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ ห้าห้อง สวยงามต่างกันไป  พอออกจากถ้ำ ก็มานั่งพักหน้าถ้ำ โอ๊ย! ทั้งเมื่อยทั้งร้อนเลยค่ะ จากนั้นเราก็ลงเรือที่หน้ารีสอร์ทเพื่อจะไปหมู่บ้านมอญพอถึงเราก็เริ่มเดินกันอีก หมู่บ้านมอญจะอยู่บนเขา เดินขึ้นไปซักพักก็ถึง  ระหว่างทางเจอขี้ช้าง ก้อนใหญ่มาก แต่ละก้อนใหญ่เท่าหน้าคนเลย แต่เราชอบขี้ช้างนะ มันมีแต่หญ้าทั้งนั้นเลย ไม่เหมือนขี้ เหมือนก้อนดินมากกว่า ไม่น่ารังเกียจ แต่แฟนเรารังเกียจ  เดินๆ ไปเจอเถาวัลย์ เราว่าน่าจะนั่งเล่นได้ ลองนั่งดู เออ! นั่งได้จริงๆ ด้วย ไม่เคยนั่งชิงช้าเถาวัลย์ธรรมชาติแบบนี้เลย ก็เลยนั่งเล่นแป๊บนึง  เดินต่อไปก็เจอร้านขายของของชาวมอญ เค้าจะเอามาตั้งอยู่หน้าบ้านของตัวเอง ซึ่งมันก็จะอยู่ตรงทางเดินนั่นแหละ และแต่ละร้าน ของขายกับการจัดร้านแบบเดียวกันเลย เราเดินเล่นกันพักใหญ่ๆ มันเป็นป่าก็เดินไปเรื่อยๆ สงบดี เจออะไรก็แวะดูไปเรื่อย พอเดินเมื่อยมากแล้วก็ถึงเวลากลับซักที  เราเดินลงเขามาที่ท่าเรือ เจอช้างตัวนี้กำลังเล่นทักทายกับคนอยู่ มันน่ารักดี พอกลับมาถึงรีสอร์ท ระหว่างทางเดินมีต้นไม้ดอกไม้แปลกๆ เยอะ เราไม่เคยเห็น เราก็ถ่ายรูปมาเรื่อยๆ ขอบอกว่า การเดินไปเรื่อยๆ ในที่ที่สงบๆ และแวะดูอะไรต่อมิอะไรที่ไม่เคยเห็นมันเพลินมากเลย พอเมื่อยก็พัก หายเมื่อยก็เดินต่อ ถือว่าเป็นทริปที่ชอบมากๆ  นี่ต้นอะไรไม่รู้ ที่เห็นในรูปเป็นใบไม้นะ มันม้วนซะจนเป็นแบบนี้เลย  ผลอะไรไม่รู้ มีขนๆ ด้วย ตอนแรกคิดว่าเงาะ แต่มันไม่ใช่ เพราะผลมันออกแหลมๆ  ต้นนี้ไม่รู้จะแปลกหรือเปล่า แต่เราเห็นมันธรรมดามาก ที่แปลกก็คือมันเป็นโรคอะไรไม่รู้ เป็นตุ่มกลมๆ เต็มต้นเลย มันเลยดูแปลก  เดินมาเรื่อยๆ ผ่านล๊อบบี้ ก็ถ่ายรูปอีก รูปนี้ดูเก่าๆ ดี เหมือนรูปสมัยก่อน  ผ่านโคมไฟริมทาง น่ารักมาก ทำจากไม้อีกแล้ว มีตามทางเดินเป็นระยะ กลางคืนเปิดไฟ ดูสวยดี  เดินมาพอถึงบ้านพักก็เย็นพอดี แฟนเราเข้าห้องดูทีวี ส่วนเรานั่งเล่นอยู่หน้าห้องนานมาก ฟังเพลงไป ถ่ายรูปไป ถ้าไม่สวยเราก็ลบทิ้ง บรรยากาศดีมาก เบื่อแล้วก็เข้าห้องแล้วก็นอน เพราะง่วงมาก เมื่อยด้วย แต่เชื่อมั๊ย พอเรามาถึงห้องนะ ส้วมของเราก็เรียบร้อย ไร้ร่องรอยของการซ่อมแซม ที่สำคัญกดลงแล้วค่ะ นอนไปประมาณสองชั่วโมงก็ตื่น ตอนนี้สองทุ่มกว่าๆ ไปหาข้าวกินดีกว่า  ปลาแรดทอดกระเทียม รสชาติธรรมดา แต่ตัวใหญ่มาก  ซ้ายมือ ลาบไก่ เราชอบมาก ขวามือ กะเพราหมูสับ แฟนเราชอบ  แกงเขียวหวานไก่ แฟนเราสั่งกินทุกมื้อเลย เฮ้อ! แต่เราว่าก็อร่อยดีนะ ลืมบอกไปว่า คืนนี้เป็นคืนวันที่ 31 ธ.ค. ทางรีสอร์ทจัดเคาน์ดาวน์ให้กับคนที่มาพัก จัดตรงลานหน้ารีสอร์ท แต่ต้องเสียบุฟเฟ่ต์ เราไม่ได้เสียบุฟเฟ่ต์ ก็เลยนั่งกินข้าวอยู่ที่ห้องอาหาร แต่ก็เห็นว่าเค้าจุดโคมลอยกันด้วย พอจุดโคมลอย เราคว้ากล้องไม่ทัน พอเตรียมกล้องเสร็จ ก็ลอยไปไกลแล้ว   เลยได้ภาพนี้มา  แต่รูปนี้ เราว่ามันก็พอใช้ได้นะ ที่เห็นดวงใหญ่คือดวงจันทร์ ที่จริงมันไม่เต็มดวงหรอก พอถ่ายรูปออกมา ไหงเหมือนเต็มดวงเลย ส่วนสามดวงเล็ก ไม่ใช่ดาวนะคะ มันเป็นโคมลอยสามโคม เกือบถ่ายไม่ทัน ถ้าเพื่อนๆ เห็นตอนที่มันยังลอยไปไม่ไกลนะ สวยทีเดียวเลยล่ะ  พอกินข้าวเสร็จ เราก็จะกลับที่พักแล้ว พอดีเห็นที่เสาเสานึงของห้องอาหารนี่แหละ มีป้ายนี้ติดเอาไว้ เราอ่านนานมาก เพราะอ่านแล้วก็คิดตาม อืม! จริงของเค้านะ เลยถ่ายรูปมาแบ่งให้เพื่อนๆ อ่านและคิดด้วย ใครนะ ช่างคิดคำคมนี้ มันลึกซึ้งมากเลย  แล้วเราก็เข้าห้องนอนหลับอย่างมีความสุข วันนี้เรามีความสุขมาก เราได้เจออะไรที่ไม่เคยเจอ เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น และก็เจอแต่สิ่งดีๆ (ไม่นับส้วมนะ) รู้สึกคุ้มค่ากับการมาเที่ยวครั้งนี้มาก คืนนี้เราต้องนอนหลับฝันดีแน่ๆ  ปีใหม่ไปเที่ยวกาญฯ ตอน 1
สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน ปีใหม่นี้ขอให้เพื่อนๆ มีความสุขมากๆ นะคะ
เราไปเที่ยวกาญจนบุรีมา พักที่รีโซเทล แก่งละว้า ที่นี่สงบมาก แม้คนพักจะเต็มทุกห้องก็ตาม บรรยากาศแบบป่าๆ สะใจมาก รีสอร์ทนี้เค้าบริการดีมากนะ ขนาดที่ว่าบ้านหลังที่เราพัก ส้วมเต็ม (มันเต็มอยู่แล้วนะ เราปล่าวทำ) เราเซ็งมาก คิดว่าส้วมเต็มแล้วถ้าซ่อมมันคงนานมาก เราต้องการมาอยู่แบบสงบแท้ๆ กลับต้องมาวุ่นวาย เรานึกตำหนิในใจ ว่าแล้วเราก็บอกกับแม่บ้านที่เค้ามาทำความสะอาด เราไม่คิดว่าเค้าจะมาทำให้หรอก เพราะไม่ได้ แจ้งทางรีสอร์ทตามระเบียบ แต่เราก็แปลกใจมาก ที่พอเราไปเที่ยวข้างนอกรีสอร์ทกลับมา เค้าทำให้เสร็จเรียบร้อยเลย ไร้ร่องรอยของส้วมที่เต็ม และห้องก็เรียบร้อยสะอาดเหมือนเดิม เราประทับใจมาก รวมทั้งบริการอย่างอื่นก็จัดว่าดีเลยค่ะ เป็นกันเองด้วย มีรูปมาอวดด้วยค่ะ คือเราไปสามวัน สองคืน เราจะแบ่งเป็นสามตอน สามวันนะคะ มาดูวันแรกกันเลยค่ะ  เริ่มออกเดินทางค่ะ  แวะกินข้าวกลางวันระหว่างทางค่ะ มีปูม้าหลน จานนี้อร่อยมาก ให้เนื้อปูเยอะ และเนื้อปูล้วนเลยค่ะ ไม่ได้มาเป็นตัวให้แกะเลยนะคะ  จานนี้กุ้งผัดสะตอ รสชาติและหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกุ้งผัดสะตอทางภาคใต้เท่าไหร่ แต่ถือว่าใช้ได้  ปลาเค้าทอดกระเทียม ไม่ค่อยอร่อย กระเทียมที่ทอดมีก้านด้วย กินไปแล้วเจอก้านแข็งๆ ไม่นุ่มปาก  กินเสร็จก็เดินทางต่อจนมาถึงรีสอร์ท คือรีสอร์ทนี้จะอยู่ริมแม่น้ำแควน้อย อยู่คนละฝั่งของถนน ฉะนั้นต้องนั่งเรือข้ามฝั่งระหว่างนั่งเรือประมาณสิบห้านาที ก็ถ่ายรูปข้างทางไปเรื่อยๆ สวยมั๊ยคะ  ถึงรีสอร์ทแล้ว เราเดินไปที่รีเซฟชั่น อาคารรีเซฟชั่นเป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างเป็นที่นั่งเหมือนล็อบบี้ ส่วนรีเซฟชั่นจริงๆ ต้องขึ้นบันไดไปชั้นสอง  พอเช็คอินเสร็จ จะเดินไปที่ห้องพัก เจอห้องน้ำ ก็เข้าซะเลย       ระหว่างทางเดินเราก็ถ่ายรูปภายในรีสอร์ทไปเรื่อยๆ บ้านแต่ละหลังเหมือนซุกอยู่ในป่างั้นแหละค่ะ พอถึงบ้านพัก ก็เหนื่อย รีบวางกระเป๋า อาบน้ำเสร็จ นอน แล้วก็ตื่นตอนประมาณสองทุ่ม หิว ออกมาหาอะไรกินที่ห้องอาหาร มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง  มี แกงเขียวหวานไก่  ทางขวาเป็นลาบไก่ ส่วนทางซ้ายมือเราเห็นในเมนูว่าชื่อแปลกดีก็เลยลองสั่งดู มันชื่อว่า หมูคำหวาน ไม่เคยได้ยินชื่อเลยจริงๆ เป็นหมูลวกสุก ราดด้วยน้ำราด รสชาติคล้ายน้ำจิ้มสุกี้เลย แต่หวานสมชื่อเลย หลังจากอิ่มแล้ว ก็เข้าบ้านพัก นอนดูทีวีจนหลับไปแบบไม่รู้ตัว วันแรกไม่ค่อยมีอะไร มีแต่เดินทาง ไว้จะพาไปเที่ยวในตอนที่สองนะคะ ไปชมนกนางนวลที่บางปูกันเถอะ สวยนะ
วันนี้วันอาทิตย์หลังจากทำธุระนอกบ้านเรียบร้อย ก็ประมาณบ่ายสามโมงแล้ว เรายังไม่อยากกลับบ้าน
ก็นึกได้ว่าเคยอยากไปเที่ยวบางปู เพราะเห็นในทีวี มีรายการทีวีตั้งหลายรายการชอบไปถ่ายที่นี่ เราว่าสถานที่สวยดี ทำให้เราอยากไป แต่ไม่มีโอกาสไปเลย จนกระทั่งวันนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จะได้ไปแล้ว และมันก็ยังไม่เย็นเกินไป ยังพอมีเวลา คิดดังนั้น เรากะแฟนก็ขับรถไปกันเลย ฝ่าฟันรถติดที่สุขุมวิทไปจนได้  ผ่านหน้าพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ มีรูปช้างเอราวัณสามเศียร รูปใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ใหญ่มาก เราอยู่บนรถ พยายามถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆดู ก็ได้แค่นี้ ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่  พอไปถึงบางปูเห็นนกเยอะแยะมากมาย น่ารักมาก  หลายตัวลอยอยู่บนน้ำ  บางตัวก็ลอยอยู่ตัวเดียว  บ้างก็แย่งอาหารที่คนโยนลงมาให้กิน (ที่นั่นมีคนขายไก่ทอดเป็นชิ้นเล็กๆไว้โยนให้นกกินด้วย)  แต่นกตัวนี้แย่งไม่ได้ ดังนั้นมันกำลังทยานขึ้นสู่ท้องฟ้า  มองหาแหล่งอาหาร เอ๊ะ! เจอแล้ว ต้องรีบร่อนลงไปโฉบอาหารอย่างรวดเร็ว  ฝ่าฟันฝูงนกตัวอื่น จนได้อาหารชิ้นนึงมาเป็นของตัวเอง เฮ้อ! จนได้  ถ่ายรูปนกซักพัก ก็มาถ่ายรูปตัวเองมั่ง แต่ก็ยังต้องมีนกติดมาด้วย  ไปกันสองคน ก็ถ่ายรูปกันสองคน มีกล้องวิดีโอที่เราใช้ถ่ายภาพนิ่งด้วย และกล้องมือถือ  รูปนี้แฟนเราใช้กล้องวิดีโอถ่าย  รูปนี้เราใช้มือถือถ่าย ก็ผลัดกันถ่ายอยู่เงี้ยะ ไม่รู้จะถ่ายใครนี่ สนุกกันอยู่สองคน  ดันมาถ่ายตอนเราเผลอซะนี่ แต่ เออ! เราว่ามันก็สวยดีนะ วิวน่ะ งั้น โอเค ให้อภัย...   ตอนนี้เกือบหกโมงเย็นแล้ว ดูสิ คนยังเยอะอยู่เลย ทำไมเค้ายังไม่กลับกันรู้มั้ย เค้ารอดูพระอาทิตย์ตก สวยมาก  ผู้คนพากล้องถ่ายรูปนานาชนิดมาถ่ายรูปนกและพระอาทิตย์กันมากมาย  เราเห็นดังนั้นก็ลองหันหลังไปดูพระอาทิตย์บ้าง แหม! สวยเชียว แล้วไม่บอกกันบ้างเลยว่าพระอาทิตย์จะตกแล้วสวยอย่างนี้  เห็นเรือมั๊ย ไม่รู้เรืออะไรแล่นมาผ่านหน้ากล้องเฉยเลย ช่างไม่รู้เลยว่าเค้าถ่ายรูปพระอาทิตย์กัน  พอเรือแล่นผ่านไป เหลือแต่พระอาทิตย์ถึงรู้ว่าที่จริงเรือก็เป็นส่วนประกอบที่งดงามเหมือนกัน แต่พระอาทิตย์ก็อย่าเพิ่งน้อยใจ ถึงยังไงพระอาทิตย์ก็เป็นพระเอกของเรื่องอยู่ดี  ผู้คนก็ยังคงรอถ่ายรูปกันอยู่  นกก็ยังวนเวียน คงจะรอดูพระอาทิตย์ด้วยล่ะมั๊ง แต่เราไม่รอ เพราะเดี๋ยวมืดซะก่อน เราต้องลาบรรดานกนางนวลและคุณพระอาทิตย์ซะแล้ว ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้านะจ๊ะ หลังจากร่ำลาบรรดานกและพระอาทิตย์แล้ว เราก็เดินข้ามสะพานกลับมา  ระหว่างทางเจอหมาตัวนี้กำลังแทะโครงไก่ทอดอย่างเอร็ดอร่อย  พอเรากดชัตเตอร์กล้องเท่านั้น มันได้ยินเสียงก็หันมามอง เราก็ได้อีกแชะนึง ดังรูป และแล้วเราก็กลับบ้านอย่างมีความสุข นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ธรรมชาติสามารถบำบัดความเครียดได้ดีทีเดียวเชียวล่ะ ไปเที่ยวสุพรรณกันเถอะ
เราไปเที่ยวสุพรรณีบุรีมา ไปแบบเช้าไปเย็นกลับนะ เพราะงั้นก็เลยมีรูปมาให้ดูน้อยนิด ดูเลยนะ
 ไปกันสองคนกะแฟน เรา  และแฟน  ถนนที่ผ่าน มีต้นไม้เต็มสองข้างทาง แต่ไม่รู้ว่าทำไมเค้าต้องเอาสีขาวไปทางไว้ที่โคนต้นด้วย ทาไว้ทุกต้นเลยนะ เป็นระยะทางยาวมากเลย อยากรู้ว่าเค้าใช้เวลาทานานมั๊ยเนี่ย  แวะกินข้าวระหว่างทางไปบึงฉวาก ร้านนี้จำชื่อไม่ได้ แต่อร่อยมาก  ถึงบึงฉวากแล้ว   อีกบรรยากาศนึง ตรงทางเข้าอุโมงปลา  เข้าไปในอาคารดูปลา มีปลาแปลกๆ เยอะแยะมากมาย  มากมาย  นี่เป็นปลากลับหัว มันจะว่ายนำ้แบบกลับหัวคือ เอาท้องหงายขึ้น แล้วว่ายน้ำ ไม่รู้ทำไม   สองรูปนี่เราตั้งชื่อมันว่า ปลายิ้ม (แต่ชื่อจริงจำไม่ได้แหล่ว) เพราะว่ามันชอบมามองคนที่มาดูมัน และมองทุกตัวเลยนะ และปากมันก็เผยอๆ ดูแล้วเหมือนมันมายิ้มให้เรา น่ารักปนตลก  นักประดาน้ำให้อาหารปลา  มีฟาร์มจรเข้ด้วย เราสามารถเอาหัวเข้าไปในปากจรเข้ได้  และจรเข้ที่นี่อ่านหนังสือออกด้วย แต่ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยเท่าไหร่  แม้แต่เสือก็ชอบนอนในเวลาทำงาน เป็นไงคะ สนุกมั๊ย แต่เราชอบอาคารดูปลามากเลย มีปลาเยอะมากมาก ตอนขากลับจะผ่านตลาดร้อยปี เราเลยแวะเข้าไป ของกินเพียบเลย เป็นตลาดเก่า ของกินอร่อยเยอะมาก และเป็นแนวแบบโบราณทั้งนั้น มีร้านกาแฟโบราณ เราสั่งน้ำมะนาวดอง แฟนเราสั่งชาดำเย็น โอ้โหอร่อยทั้งสองอย่างเลย ก็เลยสั่งโอเลี้ยงมากินอีกแก้วซะเลย และก็ไม่ผิดหวัง ไปแล้วอยากไปอีกจัง ไปกินอย่างเดียวเลย เราไปสองที่ก็หมดวันแล้ว แต่แค่นี้ก็สนุกมากเลยนะ คุ้มมาก ไว้จะเอารูปสวยๆมาให้ดูอีกนะคะ Bye  |
หมูน้อยตัวโต
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |
