มันคือปลานะ ไม่ใช่หมู
ขอย้ำนะว่า มันคือ ปลา ไม่ใช่หมูแน่นอน แม้รูปร่างมันจะให้ก็ตามทีเถอะ ชื่อของมันคือ ปลากดหมู ฮะ มาทำความรู้จักกับมันเลยดีกว่า ชื่อวิทยาศาสตร์ Rita sacerdotumจัดเป็นปลาในตระกูลปลากด (Bagaridae) อันเป็นวงศ์ปลาหนังที่มีมากที่สุดในโลกวงศ์หนึ่ง พบปลาในวงศ์นี้กว่า 210 ชนิดทั่วโลก และในเมืองไทยเราพบอย่างน้อย 6 สกุล 30 ชนิด ส่วนใหญ่เป็นปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ถูกใช้เป็นอาหารของคนตามแถบลุ่มน้ำต่าง ๆ ปลากดมีลักษณะเด่นคือ มีหัวค่อนข้างโต มีหนวด 4 คู่ มีครีบไขมันค่อนข้างใหญ่และมีครีบก้นสั้น ปลาจำพวกนี้พบในแหล่งน้ำตั้งแต่อัฟริกา เอเชีย ตลอดจนแม่น้ำแยงซีเกียงในประเทจีน โดยส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นอาหารปลากดหมู อยู่ในวงศ์ Rita ซึ่งเป็นภาษาพื้นเมืองของอินเดีย ปลาในวงศ์นี้พบตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำสินธุในปากีสถาน จนถึงคงคา อิระวดี และสาละวิน พบรวมทั้งหมด 5 ชนิด โดยปลากดหมูนี้มีลักษณะแปลก คือ หัวโตมาก ปากกว้าง แต่ตาเล็ก หนวดสั้น ส่วนหัวด้านบนและลำตัวส่วนหน้าเป็นกระดูกแข็ง มีผิวสากเป็นตุ่มหยาบ กระดูกเหนือฝาปิดเหงือก มีขนาดใหญ่มาก และมีผิวเป็นตุ่มเรียงคล้ายลายนิ้วมือ ปลากดหมูเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในวงศ์ปลาชนิดนี้ ตัวโตสุดยาวถึง 1.5 เมตร น้ำหนัก 15 กิโล ซึ่งจะว่าไปแล้ว มีขนาดจะเป็นรองก็เพียงปลาบึกแห่งแม่น้ำโขงเท่านั้น (Pangasianodon gigas) ปลากดหมูอาศัยอยู่ในแม่น้ำส่วนที่เป็นวังลึก มีการย้ายถิ่นขึ้นสู่ส่วนบนของแม่น้ำในฤดูน้ำหลากเป็นระยะทางค่อนข้างไกล ปลาวัยอ่อนเลี้ยงตัวในปากแม่น้ำและชายฝั่ง กินกุ้งและปลาเป็นอาหาร ชีววิทยาของปลาชนิดนี้ยังไม่มีการศึกษาหรือบันทึกอย่างเป็นทางการ เป็นปลาเศรษฐกิจของลุ่มแม่น้ำสาละวินตอนล่าง มักถูกจับได้โดยข่ายลอยหรือเบ็ดราว ชาวบ้านในอำเภอแม่สอดและสบเมย จะเรียกปลาชนิดนี้ว่า ปลาหมู หรือปลาบึกสาละวิน ในลุ่มน้ำอิระวดีของพม่าก็นิยมบริโภคเช่นเดียวกัน สถานภาพอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์ เห็นชั่งกิโลแบบนี้ ย้ำแล้วย้ำอีกนะ ว่ามันคือปลา...ไม่ใช่หมู !
" ไปไม่รอดแล้วน้องเด้ ถูกเหน่น้ำตาปลาดูหยง "
ตูหนา - เจ้าปลาไหลหูดำ
หากเอ่ยถึงของดีที่เป็นของกินประจำจังหวัดตรัง หลายคนอาจนึกถึง หมูย่าง ขนมเค้กลำภูรา กาแฟเขาช่อง แต่จังหวัดตรังยังมีของดีอีกอย่างที่อยากเอ่ยถึงเป็นกรณีพิเศษ นั่นคือปลาตูหนา (คนละตัวกับปลาทูน่า) ปลาตูหนามีชื่อเรียกที่เป็นไทยกลาง ๆ ว่า ปลาไหลหูดำ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Anguilla bicolor อันเป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ Anguillidae ซึ่งอาจพบได้ในทวีปต่าง ๆ ทั่วโลก แต่เมืองไทยกลับหายาก และพบมากที่จังหวัดตรัง (รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง)เจ้าปลาไหลหูดำจัดว่าเป็นอาหารโอชะซึ่งอาจมาสั่งบริโภคได้จากร้านอาหาร ภัตตาคารดัง ๆ ในตลาดเมืองตรัง นักท่องเที่ยวผู้นิยมการชิมอาหารจะไม่ยอมพลาดเมนูพิเศษจานนี้เด็ดขาด แค่ตูหนาผัดเผ็ด ต้มยำ หรือน้ำแดง ก็อร่อยไม่รู้จบแล้ว แต่บางคนอาจชอบย่างซีอิ๊วญี่ปุ่นแบบปลาซาบะ หรือห่อกระดาษฟอยด์ทำเป็นปลาเผาก็อร่อยเหนือปลาอื่น ๆ เพราะเนื้อเหลืองชวนกิน แถมยังเหนียวแน่น มีรสหวานในตัว ชนิดที่ไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มก็ยังอร่อยเด็ด ไม่แพ้ปลาอุนาหงิของญี่ปุ่นแน่ เจ้าปลาเนื้ออร่อยตัวนี้มีลำตัวด้านบนสีน้ำตาลอมแดงหรือสีน้ำตาลเทา สีเข้มด้านบนแล้วค่อยจางลงมา ท้องสีขาวปนเหลืองอ่อน รูจมูกมีท่อเล็ก ๆ ยื่นออกมาทั้งสองข้าง ลำตัวมีเกล็ดละเอียด รูปร่างยาวคล้ายงู ต่างจากปลาไหลนาก็ตรงที่มีครีบอกสองข้างซึ่งบางคนเรียกว่าหู อันเป็นที่มาของคำว่าปลาไหลหูดำ เพราะครีบที่มีสีจางออกดำนี่เอง ตูหนาขนาดใหญ่อาจมีลำตัวขนาดแขนอ้วน ๆ ของผู้ใหญ่บางคน และอาจยาวได้ถึง 100 เซนติเมตรหรือกว่านั้น แต่ก็ไม่น่ากลัวเพราะหน้าตาที่ดูเป็นมิตรของมัน วงจรชีวิตของปลาตูหนาออกจะน่าทึ่ง เพราะเจริญเติบโตในน้ำจืด แต่เมื่อถึงคราวจะสืบพันธุ์ออกลูกหลานกลับต้องดั้นด้นไปแต่งงาน ฮันนีมูน และวางไข่กลางทะเลอันดามัน ครั้นพบไข่ฟักเป็นตัวอ่อน แล้วก็ถึงคราวจะเดินทางกลับมาอยู่น้ำจืดอีกครั้ง ทำมาหากินและเจริญเติบโตในน้ำจืด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือแม่น้ำตรังและแม่น้ำปะเหลียน ลูกปลาที่เหลือกลับมาเป็นอาหารของมนุษย์จึงมีไม่สู้มากนัก ตูหนาจึงกลายเป็นของหายากและมีราคา โดยเฉพาะในยุโรปและญี่ปุ่นปลาชนิดนี้มีราคาแพงมาก คนรวยเท่านั้นจึงจะเสาะแสวงหามาบริโภคได้ แต่ในจังหวัดตรังคงไม่ต้องเป็นเศรษฐีก็สามารถสั่งปลาตูหนามาลิ้มรสได้โดยง่าย แต่ถ้าเป็นมุสลิมก็ควรสั่งปลาตูหนาย่างหรือเผามารับประทานจะดีกว่าปรุงด้วยวิธีอื่น เพราะถึงอย่างไรก็คงอร่อยกว่าหมูย่างแกล้มกาแฟเป็นไหน ๆ หน้าตาของปลาตูหนา เป็นไง บ๊องแบ๊วพอไหม ลิ๊งค์ที่เกี่ยวข้อง//www.trangzone.com//www.chiangmaizoo.com/animal/pg-an165.asp
ปุจฉา วิสัชณา ป.ปลา
ปุจฉา : ปลาอะไรเอ่ย ที่เป็นตัวจุดประการให้เกิดกรมประมงขึ้นในเมืองไทยวิสัชณา : ปลาเสือพ่นน้ำไง Toxetes jaculatrix เป็นปลาที่ทำให้ ดร.ฮิว แมคคอมิค สมิธ อธิบดีกรมประมงคนแรก เดินทางมาเมืองไทย และก่อตั้งหน่วยงานเกี่ยวกับสัตว์น้ำขึ้นมา ซึ่งก็คือ กรมประมงนั่นเองในปัจจุบัน *** ดร. สมิธ เป็นนักชีววิทยาชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงมากเมื่อ 60-70 ปีที่แล้ว เขาถือตัวว่าตนนั้นรู้จักปลาและสัตว์ต่างๆมากมาย แต่มีปลาอยู่ชนิดหนึ่งที่เขาเคยได้ยินแต่คำร่ำลือ และเขาไม่เคยเห็นหรือพบตัว นั่นก็คือ ปลาเสือพ่นน้ำ ของไทยนั่นเอง จึงได้เดินทางมาเมืองไทย เพื่อหวังจะศึกษาปลาชนิดนี้ โดยเดินทางผ่านมาทางพม่า และในที่สุดก็ได้ก่อตั้งหน่วยงานราชการเกี่ยวกับสัตว์น้ำขึ้นเป็นครั้งในเมืองไทยเมื่อปี พ.ศ. 2475 ซึ่งต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็น กรมประมง นั่นเอง ปุจฉา : ปิรันย่า Serrasalmus nattereri เป็นปลาที่ใครๆก็รู้ดีกว่า เป็นปลาโหด ตะกละตะกลามกินแหลกไม่มีเหลือ ชอบอยู่รวมเป็นฝูง แต่มีปลาอยู่ชนิดนึง ที่กินปิรันย่าเป็นอาหาร ขอถามว่า ปลาตัวนั้นคือปลาอะไร วิสัชณา : ปลาอะราไพม่า Arapaima gigas หรือไอ้ช่อนอเมซอนของพี่ๆนั่นเอง ในธรรมชาติกินปิรันย่าเป็นอาหารจ๊ะ เรียกว่า ถ้าปลาสองชนิดนี้มาจ๊ะเอ๋กัน ปิรันย่านั่นแหล่ะจะเสร็จอะราไพม่า เห่อๆ ปุจฉา : ปลาเป็นสัตว์ที่คนเรานำมาทำเป็นอาหารมาเป็นระยะเวลายาวนานนับแต่สมัยโบราณแล้ว แต่ มีปลาอยู่ชนิดหนึ่งในสมัยอยุธยา มีข้อห้ามคนทั่วไปตกและกินปลาชนิดนี้ ถามว่า ปลาชนิดนั้นคือปลาอะไรวิสัชณา : ปลาตะเพียน Barbonymus gonionotus ธรรมด๊า ธรรมดา นี่แหล่ะ ผู้ที่ออกกฏนี้ก็คือ พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ (สมเด็จพระสรรเพชญที่ ๙ ๒๒๕๑-๒๒๗๒) กษัตริย์ไทยในราชวงศ์บ้านพลูหลวง โอรสของพระเจ้าเสือ เป็นผู้ที่นิยมการตกและทานปลาชนิดนี้มาก ถึงขนาดออกกฏหมายนี้ออกมา ใครที่ฝ่าฝืน โดนตัดหัว ! เอ๊ยยย ไม่ช่ายยยย ถูกปรับ 10 ตำลึงจ้า...เทียบกับสมัยนี้ก็คงเป็นหมื่น บรรยายกาศภายในวัดมเหยงค์ วัดที่พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระโปรดให้สร้างปุจฉา : ปลาน้ำจืดอะไรเอ่ย ที่เป็นปลามีเกล็ดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกวิสัชณา : ปลากะโห้ Catlocarpio siamensis เลยพี่ กะโห้นะพี่นะ ไม่ใช่ปลาคาร์ฟฟฟฟฟ หรือปลาคร๊าบบบบบบบ กะโห้เป็นปลาในตระกูลปลาตะเพียน Cyprinidae ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ไม่เท่านั้นมันยังมีขนาด ' เกล็ด ' ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกตะหาก สมัยก่อนเกล็ดกะโห้ทอดกรอบนับเป็นเมดูเด็ดสุดยอดเลย ปุจฉา : รู้จักปลาตะพัด หรืออะโรวาน่า Scleropages formosus กันแล้วใช่ไหม แล้วรู้ไหม ตะพัดเป็นปลาที่มีวิธีการป้องกันตัวที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน รู้ไหม ในธรรมชาติ มันมีวิธีการป้องกันตัวอย่างไรวิสัชณา : รู้สิฮะ อันว่า อะโรวาน่าหรือตะพัดนี้ นับเป็นปลาโบร๊าณณณ โบราณที่มีโครงสร้างของกะลา เอ๊ย กะโหลกที่แข็งปึ๊ก ไม่เหมือนผู้ใด ไม่รู้ว่ามันจะหัวแข็งดื้อรั้นด้วยป่าวนะ เฮ้ยยย อย่านอกเรื่องๆ โครงสร้างของกะโหลกของมันเป็นแผ่นกระดูกหลายชิ้นต่อกันและห่อหุ้มอยู่ภายนอกด้วยผิวหนังบาง ๆ เท่านั้น (With heads proteced by headbone) นับได้ว่าเป็นโครงสร้างของกระดูกปลาที่แข็งแกร่งที่สุดในกระบวนการวิวัฒนาการของสัตว์ประเภทปลาทีเดียวด้วยเหตุฉะนั้น เพลามันต๊กกะใจ มันจึงพุ่งๆๆๆๆๆๆ พุ่งยังกะนักบอลเอาจุดโทษ พุ่งโลดเป็นตอร์ปิโดเลยจ้า เป็นเหตุให้นักเลี้ยงปลาเก็กซิมทุ๊กที เฮ้ออออ ปุจฉา : วันประมงแห่งชาติตรงกับวันที่เท่าไหร่ของทุกปีวิสัชณา : 13 เมษายน ตรงกับวันสงกรานต์ด้วยเนอะ แปลกดีเนอะ ฮ่าฮ่าฮ่า ปุจฉา : ไม่น่าเชื่อ มีปลาอยู่ชนิดนึงที่ทำรังคล้ายรังนก ปลาชนิดนั้นคือปลาอะไรวิสัชณา : ปลาแรด Osphronemus goramy สิพี่ ปลานะพี่ ไม่ใช่คน ก๊ากกก อันว่าปลาแรดเป็นปลาชนิดเดียวในโลกที่ทำรังแลดูคล้ายรังนกโดยใช้กิ่งไม้ใบไม้มาสักสานต่อเป็นรวงรัง จากนั้นตัวผู้จะเก็บไข่ไปพ่นไว้ในนั้นและดูแลจนกว่าลูกปลาจะดูแลตัวเองได้ จากนั้น ป๋าป๊า ก็บ๊าย...บายแล้วหนูเอ๊ย ปุจฉา : ปลาที่ยาวที่สุดในโลกคือปลาอะไรอ่ะพี่วิสัชณา : ได้เลยไอ้น้อง อยากรู้เหรอะ พี่จะตอบให้ อะแฮ่มๆ เขาเรียกว่า ปลาออร์ฟิช น่ะไอ้น้อง ไอ้ตัวที่เขาเชื่อว่าเป็นพญานาคไง รู้จักแม่ะ ปลาออร์ฟิช Regalecus glesnc ยาวถึง 8 เมตร สถิติสูงสุดก็แค่เบาะๆ 17 เมตรเองงงง เล็กกว่าส้วมที่บ้านเราอีกเนอะ ปุจฉา : แล้วในความเห็นพี่ ปลาอะไรที่หน้าตาแปลกที่สุดในโลกวิสัชณา : คำว่าแปลก ในนิยามแต่ละคนไม่เหมือนกันนะน้อง แต่ในทัศนะของพี่ พี่เห็นว่า ปลาแสงอาทิตย์ หรือโอเชี่ยน ซันฟิช Mola mola นี่แหล่ะว่ะไอ้น้องที่พิลึกที่สุดในโลก พี่ว่าหน้าตามันน่ารักดีว่ะ ก๊ากกกกกกก เท่านั้นไม่พอมันเป็นปลาว่ายน้ำช้าที่สุดในโลกอีกด้วยนะเว๊ย ปุจฉา : แล้วปลาอะไรอร่อยที่สุดในโลกอ่ะพี่ วิสัชณา : ปาท่องโก๋ ว่ะ ก๊ากกกกกก ลิ๊งค์ที่เกี่ยวข้อง//www.manager.co.th/china/ViewNews.aspx?newsID=4644073769449//www.mola.org//www.fisheries.go.th /shalawan.www2.50megs.com/our-ayuttaya-2.htm //www.mahaeyong.org/history/History2.htm
" ป.ปลานั้นหายาก... (2)
หนวดพราหมณ์หนวด 14 เส้นชื่อวิทยาศาสตร์ : Polynemus multifillisวงศ์ : Polynemidae ขนาด : 10-15 ซ.ม.ลักษณะ : คล้ายปลาหนวดพรหมณ์ แต่หัวสั้นกว่า ปากเล็กและตาโตกว่า ครีบอกมีก้านครีบเป็นเส้นข้างละ 14 เส้น ลำตัวสีเทานวล ท้องสีจาง โคนครีบอกมีแต้มสีคล้ำอาหาร : ลูกกุ้ง ลูกปลา และแพลงก์ตอนสัตว์พฤติกรรม : คล้ายปลาหนวดพรหมณ์ มักพบหากินบริเวณน้ำไหลถิ่นอาศัย : แม่น้ำสายหลักที่มีพื้นเป็นทรายปนโคลนและค่อนข้างขุ่นสถานภาพ : พบไม่บ่อยนักแรดเขี้ยว แรดแม่น้ำโขง เม่นชื่อวิทยาศาสตร์ : Osphronemus exdonวงศ์ : Osphronemidae ขนาด : 40-50 ซ.ม.ลักษณะ : คล้ายปลาแรด แต่ครีบก้นแคบกว่า ตัวผู้ที่โตเต็มวัยมีเขี้ยวโค้งแหลมที่ริมฝีปาก ลำตัวสีน้ำตาลแดงคล้ำอาหาร : ปลา กุ้ง และพืชน้ำพฤติกรรม : ทำรังเพื่อวางไข่ โดยสานใบไม้กับกิ่งไม้ใต้น้ำ ตัวผู้คอยดูแลไข่และลูกถิ่นอาศัย : แม่น้ำและแหล่งน้ำหลากที่มีพืชน้ำและตอไม้ของลุ่มน้ำโขงสถานภาพ : พบน้อยจีด เมงชื่อวิทยาศาสตร์ : Heteropneustes kemarattensisวงศ์ : Heteropneustidaeขนาด : 15-30 ซ.ม.ลักษณะ : คล้ายปลาดุก แต่หัวแบนราบมากกว่า ตาและปากเล็ก มีหนวดยาว 4 คู่ ด้านหลังมีครีบหลังอันเล็ก ไม่มีครีบไขมัน ครีบก้นยาว ครีบหางเล็กและปลายมน ครีบอกมีก้านแข็งแหลมคม ลำตัวสีคล้ำหรือน้ำตาลอมแดง ท้องสีจางอาหาร : ปลา กุ้งขนาดเล็ก และแมลงต่าง ๆพฤติกรรม : อยู่เป็นฝูงใหญ่ เงี่ยงที่ครีบอกมีพิษแรงมากถิ่นอาศัย : หนอง บึง และแม่น้ำสถานภาพ : ใกล้สูญพันธุ์ในแถบภาคกลางแค้ติดหิน ก๊องแก๊งชื่อวิทยาศาสตร์ : Glyptothorax dorasalisวงศ์ : Sissoridaeขนาด : 5-8 ซ.ม.ลักษณะ : ลำตัวป้อมสั้นกว่าปลาแค้ติดหินชนิดอื่น มีสีคล้ำหรือดำอมเหลือง ท้องสีจาง ด้านหน้าโคนครีบหลังมีแต้มสีเหลืองสด และมีลายแถบสีเหลืองพาดลำตัวตามแนวยาวตรงกลางหลังและด้านข้าง ครีบสีดำและขอบสีเหลือง ปลายครีบหางมีขอบสีเหลืองอาหาร : ตัวอ่อนแมลงน้ำและลูกปลาพฤติกรรม : คล้ายปลาแค้ติดหินทั่วไปถิ่นอาศัย : ลำธารและน้ำตกของลุ่มน้ำสาละวินสถานภาพ : พบไม่บ่อยนักยะคุยชื่อวิทยาศาสตร์ : Gagata gashawyuวงศ์ : Sissoridaeขนาด : 10 ซ.ม.ลักษณะ : ลำตัวทรงกระบอก แบนข้างเล็กน้อย หัวทู่ ตาใหญ่ แต่ม่านตาเล็กคล้ายตางู ปากเล็ก มีหนวด 4 คู่ ครีบหลังยกสูง ครีบไขมันเล็ก ครีบหางเว้าลึก ลำตัวสีเขียวอมทองมีแต้มสีคล้ำ ท้องสีจาง ครีบใส ครีบไขมันมีขอบสีคล้ำ ครีบหางมีแถบสีคล้ำอาหาร : ไส้เดือนน้ำและตัวอ่อนแมลงพฤติกรรม : อยู่ในบริเวณใกล้พื้นท้องน้ำถิ่นอาศัย : อาศัยอยู่ในน้ำไหลที่มีพื้นเป็นทรายหรือโคลนของลุ่มน้ำสาละวินสถานภาพ : พบน้อยเสือตอลายเล็กชื่อวิทยาศาสตร์ : Datnioides undecimradiatusวงศ์ : Coiidaeขนาด : 15-25 ซ.ม.ลักษณะ : คล้ายปลาเสือตอลายใหญ่ แต่มีส่วนลาดของหน้าน้อยกว่า เกล็ดใหญ่กว่า และก้นมีก้านครีบอ่อน 11 อัน ลำตัวสีน้ำตาลอ่อนหรือเขียวขี้ม้า และมีลายบั้งสีคล้ำพาด 5 แถบ แต่ลายแคบกว่าปลาเสือตอลายใหญ่มากอาหาร : ปลาเล็กและกุ้งพฤติกรรม : อยู่นิ่งตามตอไม้หรือกองหินใต้น้ำเพื่อรอเหยื่อสถานภาพ : ใกล้สูญพันธุ์บู่แคระชื่อวิทยาศาสตร์ : Brachygobius mekongensisวงศ์ : Gobiidaeขนาด : 1-2 ซ.ม.ลักษณะ : ลำตัวสั้น หัวกลมมน ปากเล็ก ตาโต เกล็ดเล็ก ลำตัวสีน้ำตาลอ่อนใส มีลายประสีคล้ำและดำ และมีลายพาดยาวถึงโคนหางประมาณ 4-5 แถบ ครีบใส ครีบหลังอันแรกมีสีคล้ำที่ขอบหน้า โคนครีบหลังและครีบหางมีสีแดงเรื่อ ๆอาหาร : แพลงก์ตอนสัตว์ขนาดเล็กพฤติกรรม : วางไข่โดยตัวผู้เป็นผู้ดูแลถิ่นอาศัย : หนองบึงและแหล่งน้ำนิ่งสภาพดี มีพืชน้ำหนาแน่นสถานภาพ : พบน้อยในบางแหล่งน้ำกระสูบสาละวิน กระสูบพม่า มุมหมายชื่อวิทยาศาสตร์ : Hampala salweenensisวงศ์ : Cyprinidaeวงศ์ย่อย : Cyprininae Systomi ขนาด : 20-35 ซ.ม.ลักษณะ : คล้ายปลากระสูบขีด แต่ลำตัวด้านบนมีสีคล้ำ ข้างแก้มมีแต้มสีเหลืองหรือชมพู ข้างลำตัวมีแต้มสีคล้ำที่ใต้ครีบหลังและโคนคอดหาง ครีบสีแดงเรื่อหรือคล้ำ ครีบหางมีแถบสีคล้ำที่ขอบทั้ง 2 แฉกอาหาร : ปลาเล็ก ๆ และแมลงน้ำพฤติกรรม : ว่ายน้ำจับเหยื่อได้รวดเร็วบริเวณผิวน้ำจนเกิดเสียงดังเสมอ ชอบอาศัยอยู่เป็นฝูงเล็ก ๆถิ่นอาศัย : ลำธารและแม่น้ำสายหลักของลุ่มน้ำสาละวินสถานภาพ : พบน้อยบัว หว้าซวงชื่อวิทยาศาสตร์ : Labeo dyocheilusวงศ์ : Cyprinidaeวงศ์ย่อย : Cyprininae Labeonini ขนาด : 30-50 ซ.ม.ลักษณะ : คล้ายปลากาดำ แต่หัวโตกว่า ลำตัวแบนข้างเล็กน้อย ปากหนาและจะงอยปากมีตุ่มเล็ก ๆ มีหนวดสั้น 2 คู่ ลำตัวสีเทาอมเขียวไพล เกล็ดสีเหลือบเงินวาว ท้องสีจาง ครีบสีจางและแดงเรื่อ ๆ ครีบอก ครีบท้อง และครีบก้นยาว ครีบหางเว้าลึกอาหาร : ตะไคร่น้ำที่เกาะตามหินและอินทรียสารพฤติกรรม : อาศัยในระดับพื้นท้องน้ำและตามแก่งหินถิ่นอาศัย : แม่น้ำสายหลักที่เป็นแก่งไหลแรงสถานภาพ : พบไม่บ่อยนักสร้อยนกเขาหน้าหมองชื่อวิทยาศาสตร์ : Osteochilus enneaporusวงศ์ : Cyprinidaeวงศ์ย่อย : Cryrininae Labeonini ขนาด : 15-20 ซ.ม.ลักษณะ : คล้ายปลาสร้อยนกเขา แต่จะงอยปากยื่นกว่า ปากงุ้มอยู่ด้านล่าง ครีบหลังสั้นกว่า ลำตัวมีสีน้ำตาลแดงหรือม่วงคล้ำ หัวมักมีสีคล้ำหรือม่วงคล้ำ ข้างช่องเหงือกมีแต้มสีดำ ครีบสีคล้ำอาหาร : ตะไคร่น้ำและอินทรียสารตามหินหรือไม้ใต้น้ำพฤติกรรม : เที่ยวว่ายเวียนตามกองหินเป็นฝูงเล็ก ๆ 5-10 ตัวถิ่นอาศัย : ต้นน้ำลำธารในป่าสถานภาพ : หายากหมอแคระ หมอขี้เซาชื่อวิทยาศาสตร์ : Badis siamensisวงศ์ : Nandidae ขนาด : 3-5 ซ.ม.ลักษณะ : คล้ายปลาหมอ แต่ตัวเล็กกว่ามาก ครีบก้นสั้นกว่า ปากเล็ก ตาโต ลำตัวสีน้ำตาลแดง มีจุดประสีดำเหลือบและแดงสด ครีบหลังมีดวงสีคล้ำอยู่ระหว่างก้านครีบเกือบทุกอัน ขอบครีบสีแดงเรื่อ ๆ ครีบหางสีเหลืองอ่อนอาหาร : แพลงก์ตอนสัตว์และตัวอ่อนแมลงน้ำพฤติกรรม : อยู่ตามใบไม้ร่วงและซอกหิน วางไข่ในโพรงไม้ถิ่นอาศัย : ลำธารตื้นที่มีพืชน้ำในป่าสถานภาพ : พบน้อยหมอดำทับทิมชื่อวิทยาศาสตร์ : Badis ruberวงศ์ : Nandidae ขนาด : 3-5 ซ.ม.ลักษณะ : คล้ายหมอแคระ แต่หัวสั้นกว่าเล็กน้อย ดวงดำบนครีบหลังเป็นดวงใหญ่กว่า ลำตัวสีน้ำตาลแดง และมีจุดสีแดงคล้ำหรือแดงสดใสในทุกเกล็ดสลับกับสีฟ้าเหลือบ โคนครีบหางด้านบนมีดวงสีคล้ำดวงใหญ่ ครีบหลังมีแถบสีคล้ำอมม่วงและแดง และมีขลิบสีจางอาหาร : แพลงก์ตอนสัตว์และตัวอ่อนแมลงน้ำพฤติกรรม : คล้ายปลาหมอแคระถิ่นอาศัย : ลำธารและริมฝั่งแม่น้ำที่ตื้นของลุ่มน้ำโขงตอนบนสถานภาพ : พบน้อยจิ้มฟันจระเข้แคระชื่อวิทยาศาสตร์ : Indostomus paradoxusวงศ์ : Indostommidae ขนาด : 2-3 ซ.ม.ลักษณะ : คล้ายปลาจิ้มฟันจระเข้ แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก หัวและปากสั้นกว่า ตาโต หางเรียวเล็ก ครีบหลังเป็นก้านครีบแข็งสั้น ๆ ที่ตอนหน้าลำตัว และเป็นครีบอ่อนที่ตอนกลาง ครีบอก ครีบท้อง และครีบก้นเล็ก ครีบหางเป็นรูปพัด ลำตัวสีน้ำตาลอ่อนถึงคล้ำ มีลายสีคล้ำประอาหาร : แพลงก์ตอนสัตว์ขนาดเล็กพฤติกรรม : วางไข่ติดกับพืชน้ำ โดยตัวผู้คอยดูแลไข่ถิ่นอาศัย : ค้นพบครั้งแรกที่ทะเลสาบอินเล ในรัฐฉาน ประเทศพม่าสถานภาพ : พบน้อยปักเป้าแคระ ปักเป้าหางวงเดือนชื่อวิทยาศาสตร์ : Monotrete cutcutiaวงศ์ : Tetraodontidae ขนาด : 4-6 ซ.ม.ลักษณะ : เป็นปลาปักเป้าขนาดเล็ก ลำตัวแบนข้างเล็กน้อย ครีบเล็ก ลำตัวสีคล้ำหรือเขียวขี้ม้า มีจุดประสีเหลืองหรือสีจางทั่วตัว หลังมีลายพาดสีคล้ำ ข้างลำตัวมีดวงสีดำใหญ่ ตาสีแดง ครีบหางมีขอบสีแดงหรือชมพูอาหาร : หอย กุ้งขนาดเล็ก และลูกอ๊อดพฤติกรรม : อยู่ตามซอกหินและใบไม้ร่วงถิ่นอาศัย : ลำธารและแม่น้ำในภาคใต้สถานภาพ : พบไม่บ่อยนักลิ๊งค์ที่เกี่ยวข้อง//www.siamensis.org//www.pufferlist.com