Lost in Shangrila | แชงกรีล่า สุดขอบฟ้า #Deqin
02 . 06 . 15 แชงกรีล่า-เต๋อชิง
ตื่นเช้ามาอากาศแจ่มใสนัดพี่คนขับคนเดิมไว้ตอน 9 โมงเช้า ระหว่างรอก็ออกไปหาอาหารเช้ารองท้องก่อนเดินทางไกล
เราทำความเข้าใจกับคนขับว่าจะเดินทางไป เต๋อชิง และแวะเที่ยวระหว่างทาง ที่แรกที่เราได้จอดแวะคือ ทุ่งนาปาไห่ ซึ่งอยู่ทางเหนือขึ้นไปราว 8 กม.
Na Pa Hai Lake (纳帕海) เป็นพื้นที่ใช้เลี้ยงสัตว์ที่มีเนื้อที่กว่า 3,125,000 ตร.ม. อยู่สูง 3,266 ม.เหนือระดับน้ำทะเล มีทะเลสาบกว้างใหญ่ 660,000 ตร.ม. รายล้อมไปด้วยภูเขา ทุ่งนี้ในหน้าหนาวจะแห้งแล้งและชุ่มชื้นในหน้าร้อน เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้างขวาง เราสามารถเดินเล่นด้วยสองเท้า หรือเช่าม้าขี่ข้ามทุ่งก็ได้
แต่ถ้าคิดจะขี่จามรีนี่ก็ต้องคุยกับเค้าก่อนนะ ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง และจามรีก็ไม่ได้เป็นมิตรไปซะทุกตัว อยากเดินไปทางไหนก็ได้ควรมองทางดีๆ เพราะมีกับดักอยู่ตลอดทาง แอบเห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนแต่งตัวเต็ม หอบหิ้วอุปกรณ์มาถ่ายรูปกัน นอนเอกเขนกไม่เกรงใจพื้นแฉะกับกองระเบิดรอบๆ เลย ส่วนพวกเราเดินเท้า วิ่งเล่นออกกำลังยามเช้าสัก 1 หอบก็เดินกลับออกมาแล้วเดินทางต่อ
เดินทางขึ้นไปทางเหนือของแชงกรีล่า ค่อยไต่ระดับขึ้นไป ข้ามเขา รอดอุโมงค์กันเป็นลูกๆ
รถ Pajero ขับเคลือนสี่ล้อพาเราไป มีเสียงแตรรถ และเสียงเพลงลูกทุ่งยันเพลงแดนซ์ ทั้งจีน ทั้งทิเบต เปิดแก้ง่วงไปตลอดเส้นทาง
คนขับพาเราเดินทางเข้าไปในเขตอุทยาน บาลาเกซง Balagezong Scenic Spot เป็นจุดชมวิวทางธรรมชาติที่หลากหลาย แต่เนื่องจากที่นี่ไม่ใช่เป้าหมายของเรา จึงไม่ขอเสียเวลาเสียเงินเข้าไป
ตอนแรกเราเข้าใจผิดว่าคนขับจะพาเราไปกินข้าวเที่ยงที่บาลาเกซง แต่เมื่อสื่อสารกันแล้วคนขับก็พาเราไปที่เมืองเปิ่นจื้อหลาน Benzilan (奔子栏) เมืองที่เป็นจุดพักรถและกินข้าวกลางวัน
เราฝากชีวิตไว้กับคนขับรถให้เค้าพาเราไป ได้อาหารชุดใหญ่มา รถชาติไม่ถูกปากทำให้กินไม่หมด พอคิดเงินก็แทบเงิบ เกือบสามร้อยหยวน ถือว่าเป็นมื้อที่แพงที่สุดในทริปที่ไม่คาดคิด เสียดายทั้งอาหาร และเงิน
ออกเดินทางกันต่อไปอีกไม่นานก็มาถึงจุดชมวิว โค้งโอเมกา หรือโค้งหัวเต่า (金沙江大拐弯) ถ้าใครจะไปเต๋อชิงก็ต้องเสียค่าผ่านทางนี้แบบเหมา 4 จุด 1. โค้งโอเมกา 2. จุดชมวิวเจดีย์ 13 องค์ 3. วัดเฟยไหล 4. ธารน้ำแข็งหมิงหยง ในราคา 228 หยวน แต่พวกเราซื้อตั๋วเหมา 3 จุด ตัดธารน้ำแข็ง มาในราคา 150 หยวน
จุดชมวิวที่เพิ่งทำใหม่ๆ ดูสวยงามดี แม้ลมจะเย็น แต่แดดในเวลาบ่ายนั้นแรงกว่า ทำให้เราอยู่ชื่นชมได้ไม่นานนัก
จากโค้งโอเมก้า ไม่เกิน 15 นาที เราก็ไปถึงวัดตงจู่หลิน Dongzhulin Monastery (噶丹东竹林寺)
วัดตงจู่หลินเป็นวัดลามะนิกายหมวกเหลือง เพียงวัดเดียวในจีน ปัจจุบันมีลามะจำวัดอยู่ ประมาณ 300 รูป
ในอารามมี 4 ชั้น ชั้นแรก เป็นพื้นที่สวดมนต์และศึกษาพระธรรมของพระลามะ มีพระพุทธรูปและเทพ 3 องค์ สูง 8 ม. เราใช้ตะเกียงถ้วยในการบูชา ชั้นที่ 2 มีห้องพระ คาดว่าคงเป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่าง ชั้นที่ 3 และชั้น 4 มีตู้โชว์โมเดลจำลองสวรรค์ 7 ชั้น
พี่คนขับอุตส่าพาเข้าไปและพยายามอธิบายเรื่องราวของวัด น่าเสียดายที่ไม่รู้ภาษาจีน ไม่งั้นคงเข้าใจได้มากกว่านี้ แต่อย่างน้อยก็ได้คำทักทายภาษาทิเบตมา "ทะชีดาเล" คุณป้า คุณยาย แถวนั้น พอได้ยินก็ยิ้มหวานและส่งเสียง ทะชีดาเล ตอบ
สักการะพระพุทธรูปจาลาซา สมัยราชวงศ์ถัง ด้วยท่ากราบแบบชาวทิเบต "อัษฎางคประดิษฐ์" เป็นท่ากราบแบบนอนราบไปทั้งตัวตามแบบฉบับของชาวทิเบต โดยให้ส่วนสำคัญของร่างกาย 8 จุดแตะพื้น ได้แก่ มือทั้งสอง เข่าทั้งสอง เท้าทั้งสอง ลำตัว และหน้าผาก หมายถึง ยินดี อุทิศตน สู่วัฏสงสาร ทั้งกาย วาจา ใจ
เห็นอ่างน้ำด้านหน้า มีทั้งแบงค์และเหรียญ คงเป็นการทำบุญและขอพรเหมือนวัดบ้านเรา
แวะถ่ายรูปและยืดเส้นยืดสายบริเวณเทือกเขาหยุนหลิง (云岭山脉)
อุณหภูมิต่ำลงเรื่อยๆ เมื่อเราเดินทางเข้าใกล้ภูเขาหิมะไป๋หม่า
ที่ระดับความสูง 4,292 ม.เหนือระดับน้ำทะเล จุดชมวิวภูเขาหิมะไป๋หม่า (白马雪山垭口) เป็นทั้งจุดชมวิว และพักทั้งรถทั้งคนไปพร้อมกัน
เรามักจะเห็นธงพุทธทิเบตแทบทุกพื้นที่ในแชงกรีล่า ธง 5 สี เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา หมายถึงธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย สีเหลือง ธาตุดิน คือ ร่างกาย / สีฟ้า ธาตุน้ำ คือ จิตวิญญาน / สีขาว ธาตุลม คือ ลมหายใจ / สีแดง ธาตุไฟ คือ ความอบอุ่น / สีเขียว ธาตุไม้ คือ เลือดในกาย
สายลมแรงบนเทือกเขา มีธงธิเบตถูกผูกโยงไว้โบกสบัดทำหน้าที่ส่งต่อคำสอน และบทสวด ล่องลอยไปในอากาศให้ทุกพื้นที่ที่พัดผ่านได้รับพลังแห่งศัรทธา
เราจะเห็นนักเดินทางแบบ Backpacker ทั้งเดินเท้าโบกรถ ปั่นจักรยาน และแก๊งซ์มอเตอร์ไซด์ ตลอดเส้นทาง
ก็เส้นทางมันช่างน่าเพลิดเพลินขนาดนี้ค่อยเป็นค่อยไปไม่ต้องรีบก็ได้นะ
Wunongding คือจุดชมวิวที่ 2 ในตั๋วชุด พอเราเข้าเขตเจดีย์ 13 องค์ ที่เป็นตัวแทน 13 ยอดเขา ก็ทำให้เราเริ่มรู้สึกว่าเราได้เข้าใกล้ภูเขาหิมะเหมยลี่เข้าไปทุกที
Meili Snow Mountain (梅里雪山) ภูเขาหิมะเหมยลี่มีความสูง 6,740 ม.เหนือน้ำทะเล มี 13 ยอดเขา คาวาเกโป เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ที่ยังไม่มีใครพิชิตได้สำเร็จ คนที่นี่มีความเชื่อว่าเป็นเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์ ในชีวิตหนึ่งต้องมาเพื่อเคารพต่อ จิตวิญญาณของพระเจ้าอันบริสุทธิ์ และสถูปด้านข้าง ได้ถูกสร้างเพื่อรำลึกถึงนักปีนเขา ชาวจีน 5 คน และชาวญี่ปุ่น 12 คน ที่เสียชีวิตระหว่างพยายามพิชิตยอดเขาแห่งนี้
อีกไม่ไกลเราจะถึงเขตวัดเฟยไหล แต่ระหว่างทางเหมือนจะมีดินสไลด์ลงมาปิดถนน ทำให้ติดอยู่นานเกือบชม.
กว่าจะถึงจุดชมวิววัดเฟยไหล ใช้เวลากว่า 10 ชม. หาที่พักเลือกที่สามารถชมวิวเหมยลี่ มองดูภาพตรงหน้าจากระเบียงห้อง เพียงแค่นี้ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เย็นนี้เลยจัดมาม่ามานั่งกินชมวิวที่ห้องสบายใจ ก่อนเข้านอนไปรอชมแสงทอง บนภูเขาหิมะเหมยลี่ในตอนเช้า
ค่าใช้จ่าย - รถเช่าพร้อมคนขับ 2 วัน 1,000 หยวน
- นาปาไห่ 60 หยวน
- บัตรชุดเที่ยว 3 จุด 150 หยวน
- วัดตงจู่หลิน 15 หยวน
- ที่พักห้อง family 300 หยวน
- อาหารและอื่นๆ 300 หยวน
รวม 1,825 หยวน
Tip : การเช่ารถ แนะนำให้ตกลงราคาและค่าใช้จ่ายของเราแยกกับของคนขับทั้งเรื่องอาหารกับที่พัก รวมถึงเส้นทางการเที่ยวให้ดีไม่งั้นอาจเจอกับปัญหาและเรื่องวุ่นวายใจตามมาได้ ที่พัก ในจีนสามารถต่อรองได้ คนจีนแม้จะดูดุแต่ก็ยังเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว
Create Date : 13 กันยายน 2558 |
Last Update : 22 กันยายน 2558 13:02:52 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1922 Pageviews. |
|
|