Lost in Shangrila | แชงกรีล่า สุดขอบฟ้า #Shangri-La
01 . 06 . 15 คุนหมิง-แชงกรีล่า
ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว เช้านี้พระอาทิตย์ขึ้นที่สนามบินคุนหมิง กระเป๋าพาสปอร์ตที่ตามหาด้วยความยากลำบากอยู่ติดตัวตลอดเวลา และเป็นสิ่งแรกที่คิดถึง
แน่นอนว่ามันเป็นไฟล์ทเช้าสุดของสายการบินในประเทศ Lucky Air บินเพียง 1 ชม. ก็ถึงแชงกรีล่า
สนามบินเล็กๆ ท่ามกลางภูเขา เมฆลอยต่ำ อากาศในหน้าร้อนยังคงเย็นสบาย
แชงกรีล่าคือเมือง จงเตี้ยน ที่เปลี่ยนตามชื่อแดนสมมุติในหนังสือนิยาย Lost Horizon อันโด่งดังของ เจมส์ ฮิลตัน เมืองสวรรค์บนดินอันสงบสุขที่อยู่ในเทือกเขาสูง มีคนแนะนำว่าให้เตรียมตัวก่อนมาให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ฉันเลยจัดยาความดันไป 1 เม็ดเบาๆ กันไว้ดีกว่าแก้
ให้แท็กซี่พาไปส่งในเมืองโบราณ ตอนแรกพี่แท็กซี่แนะนำที่พักให้ด้วยแต่ไม่มีห้องว่าง เลยพาเราไปส่งกลางเมืองโบราณ เพื่อให้เราเดินหาที่พักกันเอง
ที่พักของเราอยู่ห่างจากวัดต้าฝอไม่เกิน 500 ม. เก็บกระเป๋าพักผ่อน และเตรียมแผนที่จะออกไปเที่ยวที่วัดซงจ้านหลิน
มี 2 วิธีที่จะไปคือ รถประจำทางและรถรับจ้าง เราเลือกติดต่อรถเหมาที่ทางโรงแรมแนะนำให้ เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา และเยี่ยมชมวัดได้เต็มที่
รถพาเรามาจอดหน้าทางเข้าเพื่อซื้อบัตรเข้าชม และต้องนั่งรถ shuttle bus พาไปส่งด้านในอีกที ชาวบ้านบริเวณวัดส่วนใหญ่ยังคงแต่งตัวด้วยชุดพื้นเมือง มือหนึ่งถือสร้อยประคำดูขลังดี
ของกินง่ายๆ ข้างทางยังเป็นตัวเลือกฉุกเฉินได้เสมอ สังเกตุว่าอาหารทุกอย่างจะมีพริกเป็นเครื่องปรุงหลัก
วัดซงจ้านหลินหรือวัดโปตาลาน้อย เป็นวัดนิกายลามะที่สำคัญ และใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนาน สร้างจำลองพระราชวังโปตาลา ในกรุงลาซา ทิเบต อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี
มีนักท่องเที่ยวสาวๆ มาเที่ยวและถ่ายรูปในชุดท้องถิ่นดูน่ารักได้บรรยากาศดี
มุ่งหน้าเดินขึ้นขึ้นบันไดสวรรค์ไต่ระดับความสูงขึ้นไป เดินนับไปเรื่อยๆ แต่เอ๊ะ! มันกี่ขั้นแล้วเนี่ย
สภาพอาคารเป็นศิลปะแบบทิเบตดูมีเสน่ห์ สีสันสดใสสไตล์เอเชีย
ยิ่งเห็นพระลามะตัวเป็นๆ ยิ่งได้มนต์ขลัง
เราขึ้นไปทำความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านในซึ่งไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป ได้ยินมาว่าเค้ามีความเชื่อว่า เราจะนำพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นกลับออกไปด้วย จริงเท็จยังไงก็ไม่รู้สินะ ภายในอารามมีเครื่องสัการะไว้จำหน่าย มีองค์พระพุทธรูปและเทพเรียงรายรอบอาราม บริเวณตรงกลางเป็นโต๊ะและอาสนะสำหรับลามะ ดูคล้ายห้องเรียนพระพุทธศาสนา
มองจากด้านบนเห็นชื่อวัดเป็นภาษาทิเบตและจีนบนเนินเขาในระยะไกล
หลังจากเสร็จภาระกิจด้านใน เห็นลามะกำลังเตรียมพิธีอะไรสักอย่างที่ลานด้านนอก อยากอยู่รอดูแต่เกรงว่าจะนานไป
เวลาที่ได้แหงนหน้ามองจุดหมายในตอนขึ้นมันอาจดูเหน็ดเหนื่อยและอยากถอยหลังในบางขั้น แม้ว่าเราจะจำไม่ได้ว่าเราผ่านมันมากี่ก้าวก็ตาม แต่ในตอนที่ก้าวไปถึงจุดหมายมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ลงมานั่งชิวรับลมแรง ดูฝูงเป็ด ห่าน หงส์ ว่ายน้ำเล่น บริเวณทะเลสาบ เมฆฝนตั้งเค้ามา ท้องก็เริ่มหิว ใกล้เวลานัดกับคนรถพอดี เราจึงกลับไปหาอาหารกินในเมือง
คนขับรถพาเราไปกินกลางวันที่คาเฟ่ในเมืองใหม่ที่มีเมนูภาษาอังกฤษและมีให้เลือกทั้งอาหารจีน และอาหารฝรั่ง มื้อนี้ค่อนข้างถูกปาก ยกความดีความชอบให้พี่คนขับไปเต็มๆ
หลังอาหารกลางวัน เดินเล่นในเมืองเก่าที่แสนเงียบสงบ แวะคาเฟ่เล็กๆ แถวที่พัก หาเครื่องดื่มอุ่นๆ คลายหนาว
ได้เค้กสักชิ้นสองชิ้นมาเป็นของหวานด้วยยิ่งฟิน เห็นหน้าตาธรรมดาแต่อร่อยเหมือนกันแฮะ
นม...เนย...ชา Yak Butter Tea ขอลองเครื่องดื่มพื้นเมืองของชาวทิเบตสักหน่อย
วอร์มร่างกายพร้อมก็ไปต่อกันที่วัดต้าฝอ ไปสามัคคีหมุนกงล้อมนต์ยักษ์กัน ยิ่งหลายรอบยิ่งดี ที่นี่เป็นที่เดียวในทริปที่ไม่เสียค่าเข้า แอบแปลกใจเล็กๆ แต่ยินดีมาก
ด้านบนวัดต้าฝอสามารถมองวิวเมืองโบราณได้ทั่ว ส่องไกลเลยไปถึงเมืองใหม่ด้วย
ลมแรงพัดสบัดมนตราแห่งศรัทธาจากธงพุทธธิเบต
อากาศตอนหัวค่ำเย็นลงเรื่อยๆ แต่ท้องฟ้าในเวลา 1 ทุ่มไม่เห็นมืดลงตามเวลา
อย่าลืมไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมพันมือที่อารามด้านข้างด้วย
คนในเมืองออกมาชุมนุมกันที่ลานกลางเมืองหน้าวัดต้าฝอ ไม่แน่ใจว่ากิจกรรมล้อมวงเต้นเป็นวัฒนธรรมชุมชนหรือเป็นการแสดงโชว์ของชาวเมือง รู้แต่ว่าใครสนใจก็สามารถเข้าไปร่วมออกสเต็ปแจมได้ เหมือนแอโรบิกที่ลานชุมชนบ้านเรานั่นแหละ
ไม่ถนัดเต้นก็ออกเดินเล่นชมเมืองดีกว่า
มีร้านขายสินค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อเป็นของฝาก ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นจะเป็นพวกผ้าทอ อุปกรณ์กันหนาว และขนสัตว์ แน่นอนว่าต้องมีขนจามรีด้วยชัวส์ ดูได้จากกะโหลกที่แขวนหน้าร้าน
ออกจากวัดต้าฝอเดินมาทางขวามือ เข้าซอยเดินตรงไปทางที่พักเจอร้านอาหารเล็กๆ น่าสนใจ
เลือกเข้าไปเพราะป้ายภาษาอังกฤษด้านหน้า อย่างน้อยคงพอสื่อสารกันได้บ้างล่ะ
แล้วเราก็ได้เมนูภาษาอังกฤษมา มองดูโต๊ะรอบข้างเห็นเป็นหม้อร้อน พวกเราสั่งอาหารด้วยวิธีอ่านเมนูและจิ้ม คนรับออเดอร์ไม่พูดอะไรนอกจากดูตามนิ้วที่เราชี้แล้วพยักหน้า
ลุ้นอยู่สักพักเราก็ได้อาหารหน้าตาเหมือนเค้ก รสชาติคล้ายหมั่นโถวมากินเป็นออเดิร์ฟคู่กับชาร้อน
อีกพักใหญ่ก็ได้ขาหมูตุ๋นหม้อร้อน หนักเครื่อง น้ำจิ้มรสเด็ดมากินจนอิ่ม บอกตรงๆว่า ตอนแรกแอบกลัวว่าจะกินไม่ได้ แต่พอได้ลองก็กินซะเรียบเลย
ก่อนกลับไปซุกตัวใต้ผ้าห่มไฟฟ้า แวะส่งโปสการ์ด หวังให้สัมผัสจากแดนสวรรค์ส่งกลับไปที่พื้นดิน ขอให้คืนนี้หลับสนิทเพื่อเตรียมตัวไปเต๋อชิงในตอนเช้า
ค่าใช้จ่าย - แท็กซี่สนามบินเข้าเมืองเก่าประมาณ 40 หยวน
- ห้อง Triple 200 หยวน
- รถเหมาไปวัดซงจ้านหลินประมาณ 20 หยวน
- เข้าวัดซงจ้านหลิน 115 หยวน
- อาหารและอื่นๆประมาณ 200 หยวน
รวม 575 หยวน
Create Date : 11 กันยายน 2558 |
Last Update : 16 กันยายน 2558 13:03:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1165 Pageviews. |
|
|