Group Blog
 
All blogs
 

ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode: ระหว่างปิดเทอม

แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ


++------++


ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode : ระหว่างปิดเทอม

*อธิบาย* ความจริงจะว่าเป็นตอนพิเศษก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะหลังจากฟีดแบ็คตอนที่แล้ว (หนึ่งเดือน) เห็นมีคนอยากรู้ว่าช่วงที่น้องหว้ามาอยู่ที่หอกับวิวเป็นยังไง ก็เลยเขียนเป็นตอนสั้นๆ โพสต์ใน Facebook ไว้ แต่ประเดี๋ยวคนที่ไม่ได้ Add กันไว้อาจไม่มีโอกาสอ่าน เลยรวบรวมเอามาใส่บล็อกด้วย ถ้านึกคึกเขียนตอนสั้นๆ อีกก็จะมาลงให้อีกค่ะ แต่คงอยู่ในกระทู้นี้แล้ว edit ใส่เพิ่มต่อท้ายเอา


ระหว่างปิดเทอม 1

หว้า: พี่วิว ขอยืมเสื้อใส่นอนหน่อยดิ ของหว้าซักแล้วยังไม่แห้งเลย

วิว: หยิบเอาในตู้เลย ตัวไหนก็ได้

หว้า: (หยิบมาแล้ว) พี่วิว ใส่เสื้อยี่ห้อนี้ด้วยเหรอ (แพงมาก) ทำไมไซส์ใหญ่จัง?

วิว: (หันขวับ) เฮ้ย! ตัวนั้นไม่ได้นะ ของเพื่อนพี่คงลืมไว้ เอาไปเก็บที่เดิมก่อนแล้วเอาตัวอื่น

หว้า: (ยิ้มเจ้าเล่ห์) อ๋อ...ของเพื่อนเหรอออ มาค้างบ่อยล่ะสิเพื่อนคนนี้

วิว: (หรี่ตา) มีปัญหาตรงไหนเหรอหว้า

หว้า: (เหงื่อตก) เปล่าคร้าบ ไม่มี้ เอาไปเก็บก็ได้จ้า


----------


ระหว่างปิดเทอม 2

วิว: หว้า รดน้ำต้นไม้ตรงระเบียงให้หน่อย เดี๋ยวพี่จะลงไปรองน้ำแป๊บนึง (หมายถึงเครื่องกดน้ำดื่มหยอดเหรียญใต้หอ)

หว้า: คร้าบๆ (เดินออกไปตรงระเบียง แป๊บเดียวก็ยื่นหน้ากลับเข้ามาในห้อง) พี่วิวๆ ถามอะไรหน่อยสิ

วิว: หือ? (กำลังถือขวดน้ำเตรียมจะออกจากห้อง)

หว้า: เอ่อ...พี่วิวสูบบุหรี่ด้วยเหรอ? (ชูก้นกรองบุหรี่ที่ปักอยู่ในกระถางต้นไม้ให้ดู)

วิว: (ทำตาโตมองซากก้นกรอง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วทำเสียงงึมงำในคอแบบโกรธๆ แต่หว้าได้ยินชื่อเป้หลุดมาด้วย) สงสัยจะของเพื่อนพี่น่ะแหละ ถ้าคราวหน้ามาอีกจะห้ามสูบบนห้องเด็ดขาดแล้ว เราเป็นเด็กเป็นเล็กก็ไม่ต้องไปเลียนแบบรู้ไหม มันไม่ดีกับสุขภาพ แล้วก็เก็บทิ้งซะให้หมดด้วยล่ะ (เหวี่ยงประตูปิดแรงกว่าปกติ)

หว้า: เอ่อ...หว้าแค่ถามเฉยๆ นะ ทำไมต้องโดนเหวี่ยงใส่ด้วยอะเนี่ย??


----------


ระหว่างปิดเทอม 3

เสียงโทรศัพท์ดังระหว่างช่วงพักกลางวันที่โรงเรียนสอนพิเศษ หว้าเห็นว่าเป็นชื่อเป้เลยกดรับ

หว้า: ฮัลโหล?

เป้: หว้าเหรอ เย็นนี้พี่จะไปรับพี่วิวที่ออฟฟิศแล้วพาไปกินข้าวเย็น เราไม่ต้องตามมานะ

หว้า: (อึ้งไปนิดนึง อะไรฟะ เล่นห้ามกันงี้เลยเรอะ?) อ้าว ไหงงั้นอะพี่เป้? หว้าก็น้องพี่วิวนะ พาไปเลี้ยงข้าวอีกคนไม่ได้เหรอ?

เป้: ไอ้เด็กนี่ เราน่ะทำให้พี่ไม่ได้อยู่กับพี่วิวสองคนมาอาทิตย์กว่าแล้วนะ ทุกทีพี่ชายเราเขาก็กระเตงเรามาด้วยตลอดไม่ใช่รึไง แค่คืนนี้คืนเดียว ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ แทนก็แล้วกัน แล้วก็ถ้าคืนนี้พี่วิวกลับดึกก็ไม่ต้องโทรตามด้วยล่ะ ถึงยังไงเราก็มีกุญแจห้องอยู่แล้วนี่

หว้า: (....เงียบ......)

เป้: ...เออๆ รู้แล้ว เย็นนี้อยากกินอะไรก็พาเพื่อนไปแล้วค่อยเอาบิลมาเบิก แล้วก็ห้ามลืมนะ ถ้าพี่วิวโทรมาชวนก็ต้องบอกไปว่าเราไม่ว่าง แล้วก็อย่าให้รู้เด็ดขาดด้วยว่าเพราะพี่สั่งเราไว้ เข้าใจมั้ย?

หว้า: (ทำท่าชูกำปั้น Yesss!!!) ไว้ใจได้เลยคร้าบ พี่เป้ก็อย่าลืมซื้อขนมแล้วฝากพี่วิวมาให้ผมด้วยละกัน คืนนี้ก็โชคดีนะพี่~ (กดวางสายแล้วยิ้มแต้ เย็นนี้ได้กินข้าวกับดูหนังฟรีละเฟ้ย)


----------


ระหว่างปิดเทอม 4

(ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ตอน 3 เมื่อวาน)

เวลาก่อนแปดโมงเช้าเล็กน้อย น้องหว้ากำลังเตรียมตัวจะออกไปเรียนกวดวิชาเพราะมีเรียนตอนเก้าโมง ยังไม่ทันจะใช้เจลเซ็ทผมเสร็จก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเลยรีบป้ายเจลที่ เหลือบนหัวแบบลวกๆ พอเดินไปเปิดประตูก็เห็นพี่ชายยืนอยู่ด้วยสีหน้าเหมือนคนนอนไม่พอ

หว้า: พี่วิว? กลับมาหอทำไมเนี่ย?

วิว: (ขมวดคิ้ว) กลับมาอาบน้ำแต่งตัวจะได้ไปทำงานน่ะสิ เมื่อคืนพี่ไม่ได้ตั้งใจจะไปค้างที่อื่นนี่ เสื้อผ้าก็ไม่ได้ติดไปเปลี่ยน เดี๋ยวต้องรีบหน่อยเพราะเพื่อนรอจะไปส่งอยู่ข้างล่าง (เดินเบียดน้องชายที่ตัวเตี้ยกว่าเข้าไปในห้องแล้วตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า)

หว้า: หือ? เพื่อนมารอไปส่ง? พี่เป้อะเหรอ?

วิว: (เอี้ยวคอมองคนถามพลางถอดเสื้อตัวที่ใส่ตั้งแต่เมื่อวานออกโยนลงตะกร้า) ...ทำไมถึงคิดว่าเป็นหมอนั่นล่ะ?

หว้า: (คิดในใจว่านอกจากขานั้นแล้วจะมีคนอื่นเรอะ? แต่ก็ปั้นยิ้มไร้เดียงสาตอบ) ก็ไม่มีอะไร...แค่เห็นว่าพี่วิวสนิทกับพี่เป้ที่สุดเท่านั้นแหละ งั้นเดี๋ยวหว้าออกไปเลยก็แล้วกันนะ

วิว: อ้าว เดี๋ยวสิ รอพี่อาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วค่อยไปด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวให้หมอนั่นแวะไปส่งน่าจะเร็วกว่า (เอาผ้าขนหนูมาพันรอบเอวก่อนจะก้มลงถอดกางเกง)

หว้า: (รีบหันหลัง ตั้งแต่รู้ว่าพี่ชายมีแฟนเป็นผู้ชายแล้วไม่ค่อยกล้ามองตอนพี่โป๊ กลัวแฟนพี่รู้แล้วจะมาดุเอา) ไม่รอดีกว่าเดี๋ยวไปสาย พี่วิวจะได้ไม่ต้องรีบอาบน้ำด้วย หว้าไปก่อนละ

หลังจากลงลิฟต์มาถึง ข้างล่าง เด็กชายหว้าก็เดินสะพายกระเป๋าและยิ้มยิงฟันไปหาคนที่ยืนสูบบุหรี่พิงรถอยู่ ที่ลานจอดหน้าหอ คนที่ยืนอยู่เหลือบมาเห็นเลยส่ายหน้ายิ้มๆ

เป้: จะเอาอะไร ไอ้ตัวแสบ?

หว้า: (ห่อปากพ่นลม) โห่พี่เป้ เรียกซะเสียเลย เมื่อวานผมอุตส่าห์ยอมร่วมมือไม่ไปเป็น กขค. ให้แล้วนา แถมแทนที่จะมาส่งพี่ชายผมตั้งแต่เมื่อคืนก็กลายเป็นมาส่งเช้าซะอีก รักพี่ผมจริงก็ถนอมกันหน่อยสิ

เป้: (พ่นควันบุหรี่พลางเหลือบตามองขึ้นไปทางระเบียงห้องของวิว จากนั้นก็ยิ้มมุมปาก) เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ไม่มีใครรักแล้วก็ถนอมพี่ชายหว้าได้เท่าพี่แล้วล่ะ

หว้า: (ฮึ่ม หมั่นไส้พี่เขยผิดไหมวะเนี่ย? เฮ่ย ไม่ได้ๆ ยังต้องอาศัยเป็นอู่เงินอู่ทองอยู่) ว่าแต่พี่เป้ เมื่อกี้ผมรีบไปหน่อยเลยลืมขอค่าขนมจากพี่วิวอะ จะให้กลับขึ้นไปขอตอนนี้ก็เดี๋ยวจะไปเรียนสาย...พี่เป้ช่วยสงเคราะห์น้องชาย ของแฟนสุดที่รักหน่อยสิครับ (ขอไปก็พนมมือไหว้ด้วยท่าทางที่คิดว่าน่าเอ็นดูที่สุด เพราะปกติหว้าได้ค่าขนมเป็นรายวัน เนื่องจากพ่อกับแม่ไม่ไว้ใจเลยโอนเงินมาให้วิวเก็บไว้ให้แทน)

เป้: (หันกลับมาเหล่มองคนขอ ก่อนจะคาบบุหรี่ไว้มุมปากแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาส่งแบ๊งค์สีแดงให้หนึ่งใบแบบตัดรำคาญ)

หว้า: (ตอนแรกยิ้มแต้ แต่พอเห็นว่าได้ร้อยเดียวก็ทำหน้ามุ่ย) เฮ่ย! ร้อยเดียวเองเหรอพี่เป้? น้อยไปป่าว?

เป้: แล้วปกติพี่เราเขาให้เยอะกว่านี้รึไง เอ้านี่ ให้ค่ารถเพิ่มอีกห้าสิบบาท เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องใช้เยอะนักหรอก เดี๋ยวเย็นนี้ก็ต้องมากินข้าวกับพวกพี่อยู่ดี อายุแค่นี้ได้เท่านี้ก็ดีถมไปแล้ว

หว้า: (หรี่ตา ทำปากยื่น ไม่ยอมจำนนต่อเหตุผล) งก! เห็นแก่พี่วิวหรอกนะ วันนี้ยอมให้เท่านี้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวเย็นนี้จะสั่งข้าวกับของหวานกินให้หนำเลยคอยดู๊ (รีบเผ่นหนีหลังเห็นสายตาคนให้เงิน)


----------


ระหว่างปิดเทอม 5

หลังเลิกเรียน วิวนัดหว้าให้นั่งรถไฟฟ้าไปหาที่บริษัทตอนเย็น พอเป้ขับรถมารับก็ไปหามื้อเย็นกินที่ศูนย์อาหารในห้างด้วยกัน ระหว่างนั้นหว้าเห็นพรีวิวของหนังแอคชั่นเรื่องหนึ่งในโทรทัศน์เลยหันไปหาพี่ชาย

หว้า: พี่วิว หว้าอยากดูหนังเรื่องนี้อ้ะ

วิว: หือ? (เงยหน้าขึ้นมองโทรทัศน์แป๊บนึง จากนั้นก็คว้าข้อมือเป้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามไปดูนาฬิกาข้อมือ ดูเหมือนจะทำไปด้วยความเคยชินโดยไม่รู้ตัว) ก็ถ้ารอบไม่ดึกก็พอได้ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จค่อยไปเช็คก็แล้วกัน (ปล่อยมือเป้แล้วกินข้าวต่อ เลยไม่ทันเห็นว่าเป้ยิ้ม ส่วนน้องชายกำลังทำสายตาแบบว่าหมั่นไส้พี่เขยสุดๆ)

หลังกินข้าวเสร็จทั้งสามคนก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นโรงหนังเพื่อเช็ครอบ พอดีรอบที่เร็วที่สุดเหลือแต่ที่นั่งแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (ถ้าจะนั่งด้วยกันสามคนก็ต้องยอมนั่งริมทางเดิน) แต่วิวไม่อยากกลับดึกเลยตกลงตีตั๋วดูรอบนั้นกัน แต่หลังจากหนังเริ่มต้นไปได้แค่ไม่กี่นาที หว้าก็รู้สึกหนักๆ ที่ไหล่ซ้ายเลยหันไปมอง (หว้านั่งด้านในสุด แล้ววิวนั่งถัดมาทางซ้ายของหว้า ส่วนเป้นั่งเก้าอี้ทางซ้ายของวิวอีกทีและติดทางเดิน)

หว้า: อ้าว? พี่วิวหลับเหรอ?

วิว: อื๋อ? ขอโทษที (ปรือตาขึ้นมาแล้วพยายามนั่งตรง แต่แป๊บเดียวก็หลับจนคอพับอีก คราวนี้เป้เลยยกมือขวาอ้อมไปใต้คางวิวแล้วดันหัวให้ลงมาพิงไหล่ตัวเอง จากนั้นก็เอามือข้างนั้นไปจับมือซ้ายวิวให้มาวางตักตัวเอง)

หว้า: (ลืมสนใจหนังชั่วขณะ เลิกคิ้วข้างหนึ่งมองพี่ทั้งสองคนแล้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง เป้เลยยกนิ้วชี้ของมือข้างที่ไม่ได้จับมือวิวขึ้นแตะปากตัวเองเหมือนเป็นสัญญาณให้เงียบ จากนั้นก็หันไปดูหนังต่อ)

หว้า: (คันปาก แต่ก็ไม่พูดอะไรแล้วหันกลับไปดูหนังต่อพร้อมกับหยิบป๊อปคอร์นที่อ้อนให้พี่ชายซื้อให้ก่อนเข้าโรงหนังขึ้นมากิน ได้แต่คิดในใจว่า เอาวะ แกล้งเอาหูไปนาเอาตาไปไร่มั่งก็ได้ แต่เดี๋ยวต้องหาโอกาสไถพี่เป้คราวหน้า 5555)


----------


ระหว่างปิดเทอม 6 (Up บ่ายๆ วันที่ 1.6.11)

หลังจบหนังรอบดึก เป้ขับรถพาวิวกับหว้ามาส่งที่หอ หว้านั่งด้านหลัง พอมาถึงหอและจอดรถแล้ว เป้หันไปเอามือแตะคอวิวแล้วทัก

เป้: รู้สึกว่าวิวตัวอุ่นๆ มาตั้งแต่ในโรงหนังแล้วนะ ไม่สบายหรือเปล่า?

วิว: (รีบเอามือเป้ลง กลัวน้องเห็น) เปล่านี่ คงแค่เพราะเหนื่อยแหละมั้ง (เหลือบไปมองเบาะหลัง เจ้าหนูแสนรู้ เอ๊ย น้องหว้าเลยแกล้งหลับอย่างรู้หน้าที่ ต้องเอาใจพี่เขยไว้ก่อน)

เป้: (อยากขึ้นไปนอนเฝ้า เพราะรู้ว่าเวลาวิวป่วยแล้วไม่ค่อยชอบบอก แต่ไม่ต้องขอก็รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้) ถ้างั้นคืนนี้รีบนอนก็แล้วกันนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หลังเลิกงานเป้จะไปรับ (ยืดตัวไปขโมยหอมแก้มก่อนจะถอยกลับที่แล้วยิ้มแบบไม่รู้สำนึก)

วิว: (หรี่ตามองคนขับรถ ก่อนจะหันไปเขย่าขาปลุกน้องชายที่แกล้งหลับ) ถึงหอแล้วหว้า เดี๋ยวค่อยขึ้นไปนอนต่อบนห้อง

หว้า: อือออ....คร้าบบบ ขอบคุณที่มาส่งครับพี่เป้... (ยกมือไหว้เป้และแกล้งทำเสียงเหมือนคนเพิ่งตื่นอย่างแนบเนียน ในใจคิดว่าพี่เป้ติดหนี้ตูอีกดอกละเฟ้ย เหอๆ)

ถึงตอนเช้าของอีกวัน หว้าลุกมาอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จแล้วก็แปลกใจที่พี่ชายยังนอนอยู่ เพราะปกติวิวจะตื่นก่อนแล้วเป็นคนปลุก ด้วยความเป็นห่วงเลยเข้าไปถาม

หว้า: พี่วิว วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?

วิว: (ปรือตาขึ้นมา) อืม...สงสัยจะมีไข้ มันเมื่อยๆ ตัวยังไงไม่รู้

หว้า: (เอามือแตะหน้าผากพี่ชายแล้วก็เลิกคิ้ว ชักสงสัยว่าวันก่อนพี่เป้พาพี่วิวไปทำอะไรถึงได้ไม่สบายยังงี้) ไข้ขึ้นจริงๆ ด้วยแหละพี่วิว วันนี้ลาหยุดเหอะ แค่นักศึกษาฝึกงานเขาคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง เดี๋ยวหว้าจะโดดเรียนอยู่เฝ้าไข้เป็นเพื่อน

วิว: (ได้ยินคีย์เวิร์ดว่าโดดเรียน หัวคิ้วเลยขมวดเข้าหากันทันที) ไม่ต้องโดดเรียนเลย พี่ไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาขนาดนั้น ถ้าแต่งตัวเสร็จก็รีบไปได้แล้วเดี๋ยวเข้าเรียนสาย ไข้ขึ้นแค่นี้พี่ดูแลตัวเองได้น่ะ

หว้า: (เวรกรรม ใช้คำผิดไปหน่อย นึกว่าจะได้หยุดเรียนแล้วเชียวเพราะเมื่อคืนไม่ได้ทำการบ้าน แต่แล้วก็ปิ๊งไอเดียบางอย่าง เลยรีบดีดตัวขึ้นจากเตียง) ถ้างั้นพี่วิวก็อย่าไปทำงานก็แล้วกัน เดี๋ยวจะยิ่งไม่สบายหนักกว่าเดิม ถ้าหากมีอะไรก็โทรมาหาหว้านะ

วิว: (พยักหน้าแล้วหลับต่อ)

หลังล็อคประตูห้องและลงมาชั้นล่างเรียบร้อย น้องชายผู้แสนดีก็รีบต่อสายหาพี่เขยอย่างว่อง

เป้: ว่าไงไอ้ตัวยุ่ง

หว้า: (ตกลงจะไม่เรียกตูด้วยชื่อแล้วใช่มั้ย?) พี่เป้ พี่วิวไม่สบายไข้ขึ้นอะ ตอนแรกงอแงบอกว่ายังไงก็จะไปทำงานให้ได้ ทั้งหน้าแดง ตาโรยไปหมดเลย ผมงี้ต้องหลอกล่อตั้งนานกว่าจะยอมนอนเฉยๆ แต่ไม่รู้ว่าพอผมไปเรียนแล้วจะดื้อลุกขึ้นมาแต่งตัวไปทำงานหรือเปล่า พี่เป้ช่วยมาดูแลหน่อยสิ (มุสาด้วยการต่อยไข่ใส่สีเล็กน้อย แต่ก็ทำเพื่อพี่ชายสุดที่รักหรอกนะ)

เป้: หือ!? เข้าใจแล้ว เมื่อคืนก็นึกอยู่แล้วว่าต้องไข้ขึ้นแน่ๆ งั้นเดี๋ยวพี่ไปเดี๋ยวนี้เลย ขอบใจที่โทรมาบอก

หว้า: พี่เป้ก็อย่าให้พี่วิวรู้ละกันว่าผมโทรมาบอกอะ ผมยังไม่อยากโดนดุ

เป้: รู้แล้วน่า ว่าแต่เราออกมาจากห้องหรือยัง

หว้า: ออกมาแล้ว กำลังรอรถเมล์อยู่เนี่ย...จะว่าไปก็...ผมลืมขอค่าขนมจากพี่วิวอีกแล้วง่ะ นี่ผมมีติดกระเป๋าแค่พอค่ารถไปเรียนเอง

เป้: โอเค เดี๋ยวพี่โอนเข้าทางเอทีเอ็มให้ก็แล้วกัน ตอนเย็นวันนี้ก็ไม่ต้องรีบกลับมาล่ะ

หว้า: (ยิ้มกริ่ม) รับทราบ ขอบคุณคร้าบพี่เป้~ (ได้เกิดเป็นน้องชายพี่วิวนี่เป็นบุญของหว้าจริงๆ หึหึหึ)

เด็กเอ๋ยเด็กน้อย....อายุแค่นี้ (14) ยังงกขนาดนี้ โตไปมันจะเป็นยังไงเนี่ย XD


----------


ระหว่างปิดเทอม 7 (Up ตอนสายๆ วันที่ 2.6.11)

หลังเลิกเรียนหว้าไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วก็ไปเล่นเกมที่บ้านเพื่อนต่อ แต่ฝนดันตกหนักซะก่อนเลยเมสเสจบอกพี่ชายว่าคงกลับดึก กว่าจะได้กลับถึงหอก็เกือบห้าทุ่มเพราะรถติดบรรลัย แถมมาเจอฝนตกแถวหอต่ออีก เด็กชายหว้าจึงเปียกมะลอกมะแลกตั้งแต่หัวจรดเท้า (บังเอิญเป็นเด็กไม่ชอบพกร่ม)

พอเปิดประตูห้อง เด็กชายหว้าก็ให้นึกฉงนใจที่ในห้องมืดสนิท เว้นแต่แสงไฟตรงระเบียงที่สาดเข้ามาเฉียงๆ เมื่อเหลือบมองไปทางเตียงก็เกือบร้องจ๊ากพร้อมกับรีบยกมือขึ้นปิดตา เพราะว่าเห็นเงาร่างของคนสองคนนอนกอดกันอยู่บนเตียง สมองน้อยๆ รีบคิดเร็วจี๋ว่านี่เราเข้าห้องผิดหรือเปล่าฟะ แต่ถ้าอย่างนั้นจะไขกุญแจเข้ามาได้ยังไง จึงค่อยๆ ถ่างนิ้วที่ปิดตาออกแล้วมองอย่างระมัดระวังอีกครั้งด้วยใจระทึก พอสายตาเริ่มชินกับความมืดถึงค่อยเห็นว่าพี่เขยนอนซ้อนหลังพี่ชายอยู่และพาดแขนไว้บนเอวหลวมๆ และทั้งสองคนใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยดี หนุ่มน้อยเลยผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะพลันนึกขึ้นได้ว่า อ้าว พี่เป้มาแย่งที่นอนแบบนี้แล้วตูจะไปนอนไหนล่ะ แต่เพราะเห็นว่าพี่ทั้งสองต่างหลับสนิท ตัวเองจะไปปลุกแล้วงอแงเป็นเด็กๆ ก็ใช่ที่ (ชอบคิดว่าตัวเองโตแล้ว) เลยพยายามเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าและเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอย่างเงียบเชียบที่สุด

หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยและออกจากห้องน้ำ เด็กชายหว้าก็เกือบร้องจ๊ากอีกครั้งเพราะเห็นเงาคนตัวใหญ่นั่งอยู่บนเตียงและยันแขนคร่อมพี่ชาย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด เป้เลยหันมายกนิ้วชี้จ่อปากทำนองว่าให้เงียบ จากนั้นก็หันไปก้มลงจูบหน้าผากวิวก่อนจะค่อยลุกขึ้นจากเตียง และทำสัญญาณบอกหว้าให้ตามออกไปคุยกันนอกห้อง

เป้: วันนี้พี่พาพี่วิวไปหาหมอมา เมื่อช่วงเย็นๆ ไข้เริ่มลดแล้ว แต่ตอนนี้คงหลับเพราะกินยาเข้าไป เราก็ช่วยดูแล้วคอยบอกพี่แล้วกันถ้าหากมีอะไรน่าเป็นห่วงอีก

หว้า: เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ว่าแต่ทำไมพี่วิวถึงไข้ขึ้นได้ล่ะพี่เป้? (สงสัยมาตั้งแต่เมื่อเช้า)

เป้: หมอบอกว่าอาจจะเครียดหรือพักผ่อนไม่พอ แต่ถ้าจะเอาเหตุผลจริงๆ ก็คงเพราะตากน้ำค้างนานไปหน่อยล่ะมั้ง

หว้า: (เลิกคิ้ว ทำตาโต) ตากน้ำค้าง? แล้วทำไมพี่วิวถึงไปตากน้ำค้างได้อะ? (ถามแบบไม่ได้คิดอะไรลึกเลยจริงๆ ก็น้องยังเด็กอยู่)

เป้: (เหล่มองคนถาม) เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวคืนนี้พี่จะกลับก่อนก็แล้วกัน ขืนปล่อยให้เรานอนพื้นเดี๋ยวพี่เราเขาจะโกรธเอา แล้วก็นี่ค่าขนมสำหรับพรุ่งนี้ ถ้าพรุ่งนี้เช้าพี่วิวยังไม่ตื่นจะได้ไม่ต้องไปรบกวน

หว้า: (โอ้ว ครั้งแรกที่ไม่ต้องเกริ่นเองก็มีลาภลอยมาถึงที่ แถมเป็นแบ๊งค์สีเทาด้วย!!) ขอบคุณครับพี่เป้ ส่วนพี่วิวเดี๋ยวผมช่วยดูให้เองไม่ต้องห่วง

เป้: ดีแล้ว เพราะพี่เราเขาไม่ค่อยชอบโดนโอ๋เท่าไหร่ ฝากดูแลแฟนพี่ดีๆ ก็แล้วกัน ส่วนเราก็ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องตื่นไปเรียนอีก (เอามือขยี้ผมน้องเขยเบาๆ ก่อนจะเดินไปลงลิฟต์)

หว้ามองตามจนเป้เข้าลิฟต์ไปแล้ว ก่อนจะเหลือบลงมองแบ๊งค์สีเทาในมือด้วยความรู้สึกอธิบายยาก จากนั้นก็เปิดประตูเข้าห้องแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียง ดูพี่ชายที่กำลังหลับสนิทแล้วก็เอามือลูบผมพี่เบาๆ

หว้า: จริงๆ หว้าก็ยังหมั่นไส้พี่เป้อยู่อะนะถึงได้ชอบแกล้งไถเงินบ่อยๆ แต่ดูเขาก็รักพี่วิวจริงๆ พี่วิวก็รีบหายไข้แล้วกันพี่เป้จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงนานๆ เฮ้อ...ทำไมหว้าถึงได้เป็นคนดีอย่างนี้เนี่ย (พูดจบก็ลุกไปปิดไฟตรงระเบียงก่อนจะกลับมานอนต่อ แต่ก่อนจะหลับก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าตอนที่เห็นเป้จูบวิวนี่ยังกับแอบดูพ่อกับแม่จู๋จี๋กันเลยวุ้ย)

ความในใจน้องหว้าเปิดเผยจนได้


----------


ระหว่างปิดเทอม 8 (Up ตอนสายๆ วันที่ 3.6.11)

ถึงตอนเช้า หว้าส่งเสียงในคออย่างงัวเงียเมื่อถูกเขย่าไหล่ พอปรือตาขึ้นก็เห็นว่าพี่ชายอาบน้ำแต่งตัวพร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้ว (ทุกทีวิวจะปลุกน้องชายหลังตัวเองอาบน้ำเสร็จอยู่แล้ว จะได้ให้หว้านอนนานขึ้นอีกนิด)

หว้า: (ทำตาโต ลุกขึ้นนั่งทันที) เฮ้ย พี่วิวลุกมาทำไม? หายไข้แล้วเหรอ? (รีบเอามือแตะหน้าผากพี่ชายด้วยความเป็นห่วง)

วิว: (ยิ้มอ่อนๆ) หายแล้วสิ ไม่เมื่อยตัวแล้วด้วย คงเพราะเมื่อวานได้กินยากับนอนพักทั้งวันน่ะแหละ วันนี้จะได้ไปช่วยงานพี่ที่ออฟฟิศได้สักที

หว้า: แต่ที่จริงก็ยังตัวอุ่นหน่อยๆ อยู่เลยนะพี่วิว หยุดอีกวันไม่เป็นไรหรอกมั้ง ออฟฟิศเขาน่าจะเข้าใจนะว่าคนมันไม่สบาย

วิว: อย่าดีกว่า ถ้าวันนี้ต้องอยู่แต่ในห้องทั้งวันคงเบื่อแย่ อีกอย่างขอลาติดต่อกันวันพฤหัสกับศุกร์มันดูไม่ดี

หว้า: (เฮ่อ ทำไมพี่ตูถึงความรับผิดชอบสูงยังงี้ นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นพนักงานประจำเขาสักหน่อย) เออใช่ ว่าแต่พี่วิวไข้ขึ้นได้ยังไงตั้งแต่แรกอ้ะ? (จนบัดนี้ก็ยังไม่เลิกสงสัย ยิ่งเมื่อคืนเป้บอกว่าเป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องรู้เลยทำให้ยิ่งอยากรู้หนักเข้าไปอีก)

วิว: (หน้าแดงขึ้นนิดนึง) เอ่อ...ก็น่าจะพักผ่อนไม่พอนั่นล่ะมั้ง หว้าก็เห็นนี่ว่าพี่นอนดึกทุกคืน

หว้า: (มองพี่ชายที่เดินหนีไปยืนหวีผมอยู่หน้ากระจก แล้วก็นั่งขัดสมาธิเอียงคออย่างใช้ความคิด สรุปนี่ไอ้หว้าต้องแบกความสงสัยไปจนกลับบ้านก่อนเปิดเทอมเลยใช่มั้ย?)

หลังจากหว้าอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย พี่ชายกับน้องชายก็ออกจากห้องพร้อมกัน ระหว่างที่ลงลิฟต์วิวก็หันไปหาหว้า

วิว: เออ...หว้า เสาร์อาทิตย์นี้อยู่หอคนเดียวได้หรือเปล่า?

หว้า: เหอ??? (หันไปมองคนถามพร้อมกับทำหน้างงสุดขีด เพราะที่จริงน่ะชอบอยู่แล้วได้อยู่คนเดียวเนี่ย แต่ปกติพี่ชายจะไม่ค่อยปล่อยแล้วก็ชอบกระเตงไปไหนมาไหนด้วยอยู่เรื่อย)

วิว: คือพอดีพี่สัญญากับเพื่อนไว้ว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะไปเที่ยวด้วยน่ะ แล้วเขาก็บอกว่าจองที่พักไว้แล้วด้วย แต่ถ้าหากหว้าไม่อยากอยู่หอคนเดียว พี่จะลองถามดูว่าขอให้หว้าไปด้วยได้หรือเปล่า

หว้า: (สมองน้อยๆ รีบประมวลข้อมูลอย่างรวดเร็วในเวลา 0.2 วินาที แล้วก็เดาได้ว่าเมื่อวานตอนเป้มาเฝ้าไข้คงฉวยโอกาสอ้อนแกมมัดมือชกพี่วิวไว้แหงๆ แผนสูงจริงเว้ยพี่เขยตู) โอ๊ย! ทำไมจะไม่ได้ล่ะพี่วิว หว้าโตจนตัวจะเท่าพี่วิวแล้วนะ (ช่างกล้าพูด ความจริงแค่สูงเฉียดๆ ติ่งหูพี่ชายเอง) แค่อยู่คนเดียวสองวันนี่จิ๊บๆ ถ้าพี่วิวจะไปเที่ยวก็ไปเหอะ แค่ไม่ลืมซื้อของฝากกลับมาให้หว้าก็พอ

วิว: (ยิ้มอย่างระอาแล้วก็ยกมือขยี้ผมน้องชาย ยังดีว่าวันนี้หว้าไม่ใส่เจลไม่งั้นผมเสียทรงชัวร์) ได้สิ พี่คงออกช่วงสายๆ พรุ่งนี้แหละ แล้วเดี๋ยวพี่จะให้ค่าขนมที่ติดเราไว้สองวันบวกกับสำหรับเสาร์อาทิตย์ด้วยก็แล้วกัน ส่วนเย็นนี้ก็คิดไว้ว่าอยากกินอะไร หลังเลิกงานพี่จะได้พาไปกินร้านนั้น

หว้า: (ตาลุกวาว ถ้าได้ค่าขนมที่พี่วิวติดไว้บวกกับแบ๊งค์สีเทาจากเป้เมื่อคืน สุดสัปดาห์นี้เด็กชายหว้าก็เป็นเศรษฐีน้อยๆ นี่เอง) โอเคคร้าบ~ (รักพี่วิวที่สุดเล้ย)


----------


TBC...เอ๊ะ หรือเปล่าหว่า?




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 3 มิถุนายน 2554 11:23:01 น.
Counter : 1793 Pageviews.  

ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode: หนึ่งเดือน

แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ


++------++


ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode : หนึ่งเดือน


(วิว)

อากาศภายในห้องนอนซึ่งอยู่บนชั้นหกของหอกำลังสบาย อุณหภูมิไม่ร้อนไม่หนาวถึงแม้จะเปิดเพียงแค่พัดลมตั้งพื้น แสงอาทิตย์โพล้เพล้ภายนอกหน้าต่างระบายริ้วสีแดงและม่วงให้แทรกแซมไปบนผืนฟ้าอมเทา หลังจากมองไปข้างนอกสักครู่ผมก็ดึงสายตากลับมายังหนังสือเล่มที่อ่านมาตั้งแต่นั่งเอนหลังบนเตียงเมื่อตอนบ่าย ขณะเดียวกันช่วงขาที่เริ่มเป็นเหน็บจากการถูกใครบางคนเอาหมอนมาวางแล้วหนุนทับก็เริ่มออกอาการประท้วงให้ผมขยับเปลี่ยนท่า แต่เพราะเห็นว่าคนที่หนุนตักกำลังหลับสนิทก็เลยยังไม่อยากรบกวน แต่ถ้าผมเมื่อยขามากๆ จนทนไม่ไหวก็คงไม่ทนแล้วเหมือนกัน...

RRRrrrrr….

เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงทำให้ผมรีบหันไปหยิบขึ้นกดรับ เพราะถึงแม้ว่าจะปรับระดับเสียงให้ต่ำเอาไว้ แต่ในห้องที่ไม่มีเสียงอื่นนอกจากเสียงพัดลมแบบนี้ แค่เสียงเรียกเข้าเบาๆ ก็ดังพอที่จะทำให้คนที่กำลังหลับขมวดคิ้วทั้งที่ยังไม่ลืมตาได้แล้ว

“ฮัลโหล หว้าเหรอ? ถึงขนส่งหรือยัง?”

พอเห็นว่าคนที่โทรมาคือน้องชายที่เรียนอยู่ ม. 2 ผมก็ถามทันทีโดยไม่ต้องทักทาย เพราะเย็นนี้หว้าต้องขึ้นรถทัวร์จากท่ารถขนส่งที่สกลนครเพื่อเดินทางมากรุงเทพฯ เนื่องจากช่วงนี้เพิ่งจะปิดเทอมภาคแรกได้ไม่นาน และน้องชายผมก็สมัครเรียนกวดวิชาที่นี่เอาไว้ ดังนั้นตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจึงจะมาพักอยู่กับผมจนกว่าจะเรียนกวดวิชาจบคอร์ส ส่วนผมเองก็ไม่ได้กลับบ้านเพราะตั้งใจจะไปฝึกงานที่บริษัทของรุ่นพี่ซึ่งผมไปช่วยเป็นประจำ ดังนั้นแผนการนี้จึงลงตัวดีไม่มีปัญหา

“เพิ่งจะมาถึงแล้วก็ได้ขึ้นรถเนี่ย เพราะแม่กลัวหว้าจะลืมนั่นลืมนี่เลยมารื้อกระเป๋าแล้วช่วยจัดให้ใหม่ก่อนออกจากบ้าน พ่อเลยพามาส่งช้าเลย นี่พ่อเพิ่งจะกลับบ้านไปเอง”

ผมอดยิ้มแล้วท้วงไม่ได้ “โตจนจะเป็นหนุ่มแล้วยังปล่อยให้แม่ช่วยจัดกระเป๋าอีกนะเรา แต่มาอยู่หอแล้วพี่ไม่คอยโอ๋เหมือนแม่นะบอกไว้ก่อน”

“โถ่พี่วิว หว้าก็ไม่ได้ขอให้แม่ช่วยซะหน่อย แต่แม่บอกว่าหว้าขี้ลืมเลยไม่ไว้ใจนี่นา”

น้องชายผมโอดมาตามสาย ผมเลยสั่งสอนซ้ำให้เสียเลย “คราวหลังหว้าก็หัดจดไว้สิว่าต้องทำอะไรบ้างจะได้ไม่ลืม ยังไงพรุ่งนี้พอใกล้ๆ จะถึงหมอชิตก็โทรมาอีกทีด้วยล่ะ พี่จะได้ออกไปรับ”

“อืม...แล้วพี่วิวจะมารับหว้ายังไงอะ? นั่งแท็กซี่มาเหรอ? หรือใครขับรถมาส่ง?”

เสียงน้องชายผมช่วงท้ายประโยคฟังดูเจ้าเล่ห์ชอบกล แต่บางทีผมอาจจะหูเฝื่อนเองก็เลยไม่ได้ติดใจ คำถามนั้นทำให้ผมเหลือบตาลงมองคนที่พรุ่งนี้เช้าจะขับรถไปส่งที่หมอชิต แล้วก็เลยสางนิ้วเข้าไปในเรือนผมสีดำสนิทเบาๆ อาจเพราะเป้ไม่ได้ไปตัดผมมาหลายเดือน ช่วงนี้เลยผมยาวจนจะพันรอบนิ้วชี้ผมได้สองรอบอยู่แล้ว

“เดี๋ยวคงให้เพื่อนขับรถไปมั้ง คืนนี้เขามาค้างที่หออยู่แล้วด้วย ยังจำพี่เป้ที่เคยไปเที่ยวบ้านเมื่อปิดเทอมปีก่อนได้รึเปล่า?”

คำตอบของผมเรียกเสียงหัวเราะจากปลายสาย แต่ไม่รู้ทำไมฟังแล้วให้นึกอยากเขกหัวเจ้าของเสียงซะอย่างนั้น “อ๋ออออ....จำได้สิจำได้ ก็เพื่อนมหา’ลัยที่พี่วิวพามาบ้านก็มีแต่คนนั้นนี่ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าใกล้ๆ ถึงกรุงเทพฯ แล้วหว้าจะโทรหาอีกทีแล้วกัน ฝากสวัสดีแฟ...เอ๊ย! พี่เป้ด้วย หว้าจะกินข้าวกล่องที่เขาแจกละ บายยยย”

ผมกดตัดสายด้วยความรู้สึกตะหงิดๆ อย่างบอกไม่ถูกก่อนจะวางมือถือไว้ที่เดิม จากนั้นก็ก้มลงมองพ่อคุณชายที่นอนหนุนตักมาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นที่ใส่ทำให้เห็นกล้ามเนื้อเวลาร่างสูงใหญ่ขยับตัวได้อย่างชัดเจน ผมเลยรู้ว่าเป้คงรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ และตัดสินใจได้ว่าควรแก่เวลาที่จะปลุกหมอนี่อย่างจริงจังเสียที

“เป้...ตื่นได้แล้ว จะหกโมงเย็นแล้วนะ ขืนไม่ลุกเดี๋ยวคืนนี้ก็นอนไม่หลับหรอก”

ผมเรียกพลางพยายามจะเขย่าขาข้างที่โดนหนุนทับไปด้วย แต่พอเห็นอีกฝ่ายไม่หือไม่อือและเอาแต่นอนนิ่ง คราวนี้ผมเลยใช้สองมือผลักไหล่เจ้าคนที่นอนคว่ำและโอบเอวผมเอาไว้ ตั้งแต่ตอนที่บ่นว่าง่วงแล้วมาเบียดเบียนตักผมเมื่อชั่วโมงกว่าที่ผ่านมา พ่อคุณชายก็นอนหลับท่านี้มาตลอดโดยไม่เปลี่ยนท่าเลย ไม่เมื่อยบ้างหรือไงก็ไม่รู้

“อืม...”

คนถูกปลุกหดไหล่แล้วรัดแขนรอบเอวผมแน่นขึ้น แต่เรียวคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นก่อนเจ้าตัวจะฝังหน้าคว่ำลงก็บอกให้รู้ว่าคงไม่ค่อยชอบใจที่ถูกรบกวนการนอน ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเวลาหมอนี่อยู่บ้านแล้วจะโดนพ่อกับแม่ตามใจยังไงบ้าง แต่เวลามาอยู่ห้องผมน่ะจะทำตัวงอแงเป็นเด็กๆ ไม่ได้หรอกนะ

“บอกว่าให้ตื่นไงเป้ ไม่งั้นก็นอนบนเตียงให้มันดีๆ วิวขาชาไปหมดแล้วนะ”

“อื้อออ...”

พอถูกบ่นใส่ ในที่สุดเจ้าเด็กโข่งตัวโตก็ยอมยันตัวขึ้นจากตักผมแม้จะดูออกว่าไม่ค่อยเต็มใจ มือใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นเสยผมที่โดนทับซะจนไม่เป็นทรงออกจากหน้าผาก หน้าตายับยู่ยี่เนื่องจากถูกบังคับให้ตื่น แถมแก้มข้างที่นอนทับหมอนมาตลอดยังเป็นรอยกดทับจนแดงเป็นปื้นด้วย ผมเองถึงจะเจ็บขาจี๊ดหลังจากเป้ลุกไปเพราะเลือดลมเริ่มเดินสะดวกขึ้น แต่พอเห็นสภาพของคนตรงหน้าก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะพ่อคนหล่อของพวกสาวๆ เวลาเพิ่งตื่นก็ดูไร้สภาพพอๆ กับคนหน้าตาจืดๆ อย่างผมนี่แหละ

“เมื่อกี้หว้าโทรมาบอกว่าจะขึ้นรถคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าน่าจะถึงหมอชิต เดี๋ยวเป้พาไปรับด้วยนะ”

ผมบอกพลางเอามือนวดขาข้างที่เป็นเหน็บไปด้วย แต่ครั้นจะขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถก็ทำเร็วๆ ไม่ได้เพราะมันทั้งชาทั้งจี๊ดไปหมด ความแปลกใจที่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากคนตรงหน้าทำให้ผมเหลือบตาขึ้น และเห็นว่าเป้กำลังนั่งขัดสมาธิกอดหมอนที่ใช้หนุนเมื่อครู่โดยเอาคางเกยไว้แล้วทำหน้าไม่สบอารมณ์

“จริงๆ ไม่เห็นต้องห้ามเป้มาค้างช่วงที่หว้ามาอยู่ด้วยก็ได้นี่ น้องก็เคยเจอเป้มาก่อนแล้ว ถึงจะนอนรวมกันก็คงไม่มีปัญหาหรอกน่ะ”

ผมฟังแล้วก็ได้แต่เอนหลังพิงเตียงอย่างเดิมแล้วมองคนพูดอย่างระอา ก็จริงอยู่ว่าเป้กับหว้าเคยเจอกันแล้วตอนที่เป้ตามไปเยี่ยมบ้านผมหลังจากเราเพิ่งตกลงคบกันก่อนขึ้นปีสาม และเท่าที่จำได้ ถึงสองคนนี้จะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ แต่ก็นับได้ว่าคุ้นเคยกันดีพอประมาณ แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียหน่อย

“ถ้าอย่างนั้นจะนอนกันยังไง? ก็เห็นอยู่ว่าห้องเล็กแค่ไหน ถ้าขืนมาอัดกันอยู่สามคนจริงๆ ก็ต้องมีคนนึงนอนบนพื้นน่ะสิ เป้จะยอมเป็นคนที่ต้องนอนพื้นไหมล่ะ?”

ผมถามพลางบุ้ยคางไปทางพื้นบริเวณหน้าห้องน้ำไปด้วย เพราะว่าห้องผมก็ไม่ได้ใหญ่โตกว้างขวาง แค่เป้ชอบมาค้างด้วยบ่อยๆ ก็ทำเอาห้องเล็กลงตั้งเยอะแล้ว ถ้าขืนหมอนี่ยังยืนกรานจะมานอนกับผมอีกทั้งที่มีหว้าอยู่ด้วยคงได้อึดอัดกันเข้าไปใหญ่ แถมถ้าอย่างนั้นเจ้าน้องชายผมคงได้สงสัยแน่ว่าทำไมเป้ก็มีบ้านแต่ยังต้องมาค้างที่หอผมอีก ผมไม่อยากให้น้องชายที่ยังเด็กตกใจที่พี่ชายดันมีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกันนี่นา

เป้ทำปากยื่นแล้วกอดหมอนแน่นขึ้น แล้วจู่ๆ ก็โยนหมอนที่กอดไว้ลงข้างเตียงแล้วฉุดขาผมข้างที่ยังไม่หายเป็นเหน็บเข้าหาตัวเองจนผมหงายหลัง อาการเสียวๆ ชาๆ จากการขยับตัวเร็วเกินไปบวกกับความตกใจทำเอาผมร้องเสียงดัง

“เฮ้ย! ทำบ้าอะไรเนี่ยเป้! มันเจ็บนะ!!”

ผมชันศอกขึ้นแล้วดิ้นขลุกขลักขณะที่เป้ดึงขาข้างนั้นของผมขึ้นไปพาดไหล่ขวาของตัวเอง ส่วนขาอีกข้างก็โดนช้อนขึ้นให้พาดบนแขนซ้าย ตอนนี้ร่างกายท่อนล่างของผมเลยทับอยู่บนหน้าขาเจ้าคนตัวใหญ่เต็มๆ ดูจากรูปการณ์แล้วยังไงก็ไม่ดีต่อสวัสดิภาพตัวเองแน่ๆ เป้ใช้มือข้างหนึ่งสอดนิ้วเข้าในมือผมแล้วกดไว้กับเตียง จากนั้นก็ยิ้มมุมปากแบบที่ดูแล้วน่าโดนเตะเป็นที่สุด

“เรื่องอะไรเป้จะนอนพื้น ที่ประจำเป้อยู่บนเตียงนี่นา หว้านั่นแหละต้องไปนอนพื้นเพราะมาทีหลัง”

พ่อตัวดีพูดไปก็ก้มลงพ่นลมหายใจอุ่นร้อนสลับกับไล้ริมฝีปากบนซอกคอผมไปด้วย ว่าแต่นี่มันตรรกะบ้าบออะไรของเขาเนี่ย!!??

“เรื่องนี้มันเกี่ยวกับมาทีหลังที่ไหนเล่า!! น้องมาอยู่ด้วยก็ต้องให้นอนเตียงสิ แค่เดือนเดียวนี่ทนหน่อยไม่ได้รึไง!!??”

ผมยังไม่เลิกดิ้นและใช้วิธีเตะไหล่หนาให้ออกห่างเพื่อให้ตัวเองพ้นจากสถานการณ์ที่กำลังเสียเปรียบ แต่พอพลิกตัวนอนคว่ำเพื่อจะคลานหนีลงจากเตียง ไอ้คุณชายที่พอตื่นจากนอนกลางวันปุ๊บก็ทำตัวเหมือนคนร้ายหื่นกามปั๊บก็ฉุดขาผมกลับไปแล้วคร่อมทับลงมาจากด้านหลังอีก แถมคราวนี้ยังเล่นโกงด้วยการดึงกางเกงผมทั้งตัวนอกตัวในลงพร้อมกันด้วย มือผมที่เมื่อครู่ตะกายยึดผ้าปูเตียงไว้เลยรีบเปลี่ยนเป็นลดลงไปรั้งกางเกงขึ้นสุดชีวิต

“เฮ้ย! เป้!! ไม่เล่นนะ!!”

“ทำขนาดนี้ใครเขาจะเล่น ถ้าวิวไม่ยอมให้เป้มาค้างด้วยตลอดทั้งเดือน เป้ก็ต้องขอมัดจำไว้ให้คุ้มก่อนสิ ไม่ต้องห่วงหรอก นี่เพิ่งหัวค่ำเอง ยังไงพรุ่งนี้ก็ตื่นทันไปรับหว้าแน่ๆ”

เป้พูดจบก็บิดคางผมให้หันไปรับจูบโดยที่กดร่างกายท่อนล่างลงเบียดกับสะโพกผมมากขึ้น และผมก็ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ขณะที่โดนจับถอดเสื้อผ้าโดยที่เป้ไม่ยอมปล่อยมือหรือริมฝีปากผมให้เป็นอิสระอีกเลย กลับกลายเป็นว่ายิ่งผมดิ้นเท่าไหร่หมอนี่ยิ่งชอบใจ อุณหภูมิห้องที่น่าจะต่ำลงเพราะพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วเลยกลับร้อนขึ้นเพราะความอุ่นจากผิวกายเปลือยเปล่าที่แนบสัมผัส กว่าจะรู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปเป็นชั่วโมง และผมก็เหนื่อยหอบจนไม่เหลือเรี่ยวแรงจะดิ้นหนีอีกแล้วไม่ว่าเป้จะทำอะไร นี่มันไม่มีวิธีไหนจะใช้ดัดนิสัยเจ้าคนที่ชอบแถแล้วฉวยโอกาสกับผมแบบข้างๆ คูๆ มั่งเลยหรือไงนะ!?


++------++


(เป้)

ผมเหลือบตาดูนาฬิกาที่บอกว่าเป็นเวลาเกือบสามทุ่มก่อนจะหันกลับมามองคนที่นอนหลับตาอยู่บนเตียง หลังจากที่เพิ่งจบยกสุดท้ายไปและวิวขู่ผมเสียงเหนื่อยๆ ว่าถ้ายังไม่หยุดจะไม่คุยด้วยทั้งเดือนแล้ว พวกเราสองคนก็ยังไม่ได้สวมเสื้อผ้ากันเลย ผมเพียงแต่เข้าห้องน้ำไปเอาผ้าชุบน้ำมาช่วยเช็ดตัวทำความสะอาดให้คนที่นอนหมดแรง ผิวหน้ากับผิวกายของวิวยังเรื่อสีเลือดฝาดจากกิจกรรมที่พวกเราเพิ่งทำจบกันไป นัยน์ตาดำขลับทั้งสองข้างปิดสนิทก็จริง แต่ลมหายใจที่ยังติดหอบอยู่นิดๆ ก็ทำให้ผมรู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้หลับ แต่คงจะเพลียจนคร้านจะลืมตามาทำตาดุใส่ผมเสียมากกว่า ริมฝีปากที่บวมแดงเล็กน้อยเพราะถูกจูบปิดเสียงไปเสียหลายทีดึงดูดให้ผมก้มลงไปจูบอีกทีเร็วๆ และคราวนี้วิวยอมหรี่ตาขึ้นมองผมช้าๆ แบบไม่ค่อยเต็มใจ พอเห็นผมยิ้มตอบให้ก็สะบัดหน้าหนีซะอย่างนั้น

“ขอโทษ ก็เดี๋ยวจะไม่ได้นอนเตียงเดียวกันตั้งเป็นเดือน เป้ก็ขอตักตวงเก็บไว้หน่อยสิ”

ผมยกมือของวิวขึ้นมาแนบบนริมฝีปากแล้วทำเสียงอ้อน คราวนี้คนที่เมื่อกี้หันหน้าหนีเลยหันกลับมามองผมตาดุ แต่แก้มสองข้างซับสีเลือดจนแดงก่ำ

“เงียบไปเลย เอะอะๆ ก็ตักตวงตลอด ทีหลังลองเป็นคนโดนทำดูบ้างสิจะได้รู้ว่ามันเหนื่อย!”

ผมแกล้งเลิกคิ้ว ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงโดยไม่ปล่อยมือแล้วก้มลงมองวิวยิ้มๆ “ความจริงถ้าวิวอยากเป็นคนทำบ้างเป้ก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่คิดอีกที...เป้ทำแหละดีแล้ว เพราะเป้ชอบเวลาได้อยู่ในตัววิวมากกว่านี่นา”

คราวนี้คนที่เมื่อกี้ก็หน้าแดงอยู่แล้วดูเหมือนจะยิ่งแดงกว่าเดิมเข้าไปอีก “อะ...ไอ้หน้าด้าน! คืนนี้ไม่ต้องมานอนใกล้ๆ เลยนะ!! ไปนอนบนพื้นโน่นเลยไป!!!”

พอพูดจบปุ๊บวิวก็พลิกตัวหนีผมแล้วคว้าผ้าห่มไปคลุมโปงซะมิด ผมมองท่าทางแบบนั้นแล้วก็ได้แต่หัวเราะ นี่ขนาดคบกันมาปีกว่าแล้วนะ ไอ้เรื่องที่ผมชอบพูดอะไรตรงๆ นี่ดูเหมือนยังไงก็ยังทำให้วิวเขินอยู่ดีสิน่า

“อย่าโหดนักสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเป้ก็ไม่ได้มานอนด้วยทั้งเดือนเลยนะ วิวจะใจร้ายให้เป้นอนบนพื้นจริงๆ เหรอ?”

ผมยังอดก้มลงไปกระซิบแหย่ไม่ได้ และได้คำตอบเป็นเสียงฮึ่มฮ่ำในคอจากคนที่ยังไม่ยอมหันมาหา ผมเลยยิ้มแล้วขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ จากนั้นก็ลุกเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้าบ้าง ไอ้การอาบลมห่มฟ้าต่อหน้าวิวทั้งคืนน่ะผมไม่อายหรอก แต่ผมกลัวว่าขืนนอนด้วยกันทั้งที่ตัวเองไม่ใส่อะไร เดี๋ยวจะพาลอดใจไม่อยู่ เผลอปล้ำวิวระหว่างที่หลับเข้า คราวนี้ไอ้ที่จะไม่ได้มานอนด้วยทั้งเดือนมันจะกลายเป็นนานกว่านั้นเอาน่ะสิ แค่เมื่อกี้ต้องกำราบคนที่ทั้งทุบทั้งเตะผมในยกแรกนั่นก็กินพลังงานไปไม่ใช่น้อยแล้ว

หลังจากอาบน้ำเสร็จและใส่เสื้อกล้ามตัวใหม่กับกางเกงขาสั้น ผมก็ชะโงกดูวิวที่ยังนอนคลุมโปงหันหลังให้อีกที แต่ดูเหมือนเจ้าตัวคงลุกไปใส่เสื้อผ้าระหว่างที่ผมอาบน้ำก่อนจะกลับมานอนใหม่ เสียงหายใจสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวหลับไปแล้ว ซึ่งก็คงจะเพราะความเหนื่อยมากกว่าอย่างอื่นเพราะปกติวิวไม่ใช่คนนอนเร็ว แต่ผมก็รู้กาลเทศะดีเกินกว่าจะปลุกอีกฝ่ายขึ้นมาแกล้ง เลยแค่หันไปเปิดแอร์ให้ก่อนจะหยิบบุหรี่กับไฟแช็คแล้วออกไปสูบที่ระเบียงหน้าห้อง

ท้องฟ้าในคืนเดือนแรมมีลมโชยแผ่วๆ และกลุ่มเมฆหนาครึ้มจนแทบไม่เห็นดาว แต่ตรงระเบียงก็ไม่ได้มืดมากเพราะได้แสงจากโคมไฟในห้องที่ส่องทะลุกระจกออกมาลางๆ ผมยืนเท้าศอกบนขอบระเบียงพลางสูบบุหรี่ไปสักพักก็รู้สึกว่ามือถือในกระเป๋ากางเกงสั่น พอหยิบขึ้นดูว่าใครโทรมาก็ได้แต่แยกเขี้ยวแล้วกดรับ

“ฮัลโหล?”

“พี่เป้เหรอ? นี่หว้าเองนะ พรุ่งนี้ต้องมารับผมที่หมอชิตกับพี่วิวใช่ม้า ฮ่าๆๆ”

ผมนึกหน้าคนพูดแล้วก็ได้แต่ยิ้มอย่างหน่ายๆ ถึงเราจะเคยเจอกันตอนผมไปบ้านวิวที่สกลนครแค่ครั้งเดียวก็จริง แต่ผมกับหว้าก็สนิทกันกว่าที่วิวคิด เพราะว่าไอ้เจ้าหนูนี่ดันรู้เรื่องที่ผมกับวิวเป็นแฟนกันไปแล้วทั้งที่พี่ชายพยายามปิดแทบตาย จะว่าไปก็ความผิดผมเองที่ดันแอบไปหอมแก้มวิวตอนกำลังหลับให้หว้าเห็นพอดี

“เออสิ เราน่ะทำพี่เกือบทะเลาะกับพี่วิวเลยนะ แล้วนึกยังไงถึงโทรมาตอนนี้? ขืนพี่เขารู้ว่าหว้ามีเบอร์พี่ คราวนี้ได้งานเข้ากันทั้งคู่แน่”

ปลายสายทำเสียงเหมือนกำลังห่อปากพ่นลม “ก็ผมนอนบนรถไม่หลับนี่นา จริงๆ เมื่อกี้ก็โทรเข้ามือถือพี่วิวแล้วแต่เขาไม่รับ ผมเลยลองโทรมาหาพี่เป้ดู กะว่าถ้าไม่รับเหมือนกันจะได้รู้ว่ากำลังอิ๊อ๊ะกันอยู่ แต่นี่แป๊บเดียวพี่เป้ก็รับแล้ว แสดงว่าไม่ได้อยู่กับพี่วิวอะดิ?”

ผมยิ้มมุมปากขณะใช้มือหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหู ส่วนอีกมือคีบบุหรี่ลงจากปากแล้วพ่นควันออกช้าๆ หางตาปรายมองไปทางคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงแล้วก็ยิ้ม ที่วิวไม่ตื่นมารับสายก็ไม่แปลกหรอก เพราะผมปิดเสียงเครื่องให้เองจะได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่

“...เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าทำเป็นรู้มาก แล้วก็อย่าลืมล่ะว่าพี่วิวเขายังไม่อยากให้หว้ารู้เรื่องของพวกพี่ ดังนั้นมาอยู่นี่อย่าเผลอไปแซวพี่เขาหรือปากโป้งขึ้นมาเด็ดขาด ไม่งั้นไอ้ที่เคยตกลงกันไว้เป็นอันโมฆะทันที เข้าใจมั้ย?”

ผมกำชับก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นดูดอีกอึกแล้วขยี้ก้นกรองลงบนดินในกระถางต้นไม้ตรงระเบียง และได้ยินหว้าลากเสียงยาวตอบกลับมา “คร้าบบบบบบๆๆ แหม พ่อบุญทุ่มของหว้าเอ่ยปากขอทั้งทีก็ต้องทำอยู่แล้ว อีกอย่างผมก็ไม่อยากโดนพี่วิวโกรธเหมือนกันล่ะ คนนั้นเวลาดุน่ากลัวยิ่งกว่าพ่ออีก”

ผมฟังแล้วก็หัวเราะ พอจะนึกออกว่าทำไมหว้าถึงได้ขยาดเวลาโดนพี่ชายดุ ถึงแม้สำหรับผมแล้วตอนวิวทำหน้าดุจะดูน่ามันเขี้ยวจนน่าดึงเข้ามากอดแรงๆ มากกว่าก็ตาม

ส่วนสาเหตุที่หว้าเรียกผมว่าพ่อบุญทุ่ม เพราะหลังจากที่รู้ว่าผมกับพี่ชายเป็นแฟนกันหลังจากผมไปเที่ยวบ้านคราวนั้น และรู้ว่าวิวยังไม่อยากบอกเรื่องผมกับครอบครัว เจ้าหนูนี่เลยมาแบล็คเมล์ขอค่าปิดปากจากผม แต่เหมือนแบบขำๆ ซะมากกว่าเพราะที่ขอก็มีแค่เวลาอยากได้ของเล่นบางอย่างหรือเวลาใช้ค่าโทรศัพท์เกินจากที่พ่อกับแม่กำหนดให้แล้วค่าขนมไม่พอจ่าย แต่โชคดีที่เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และผมก็จะกำชับเสมอเหมือนอีกฝ่ายเป็นน้องตัวเองว่าต้องหัดดูแลการเงินหรือจำกัดความอยากมีอยากได้ เพราะอย่างวิวเองก็ไม่ใช่คนชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และหากเรื่องที่ผมกับหว้าช่วยกันสมรู้ร่วมคิดปิดบังคนที่บ้านให้ดันแตกขึ้นมาเมื่อไหร่ ถ้าวิวรู้ว่าผมเสียค่าปิดปากหว้าไปมากๆ ล่ะก็คงได้เป็นเรื่องใหญ่โตแน่

“รู้อย่างนั้นก็ดี แล้วก็เวลามาอยู่กับพี่วิวน่ะต้องดูแลพี่เขาดีๆ รู้มั้ย อย่าไปอ้อนหรือทำตัวน่าโมโหใส่ให้พี่เขาหงุดหงิดล่ะ”

ผมกำชับอีกครั้ง ทั้งที่รู้ดีว่าคนที่ชอบอ้อนและทำตัวน่าโมโหใส่วิวมากที่สุดก็น่าจะเป็นผมเอง แต่ผมก็อยากสงวนสิทธิ์ที่ว่าไว้แค่คนเดียวนี่นา

“พูดเหมือนพ่อกับแม่ผมอีกคนแล้วสิ วันนี้เจอแต่คนเทศน์เหมือนๆ กันเลยแฮะ ผมนอนดีกว่า ยังไงพรุ่งนี้เช้าอย่าลืมมารับที่หมอชิตด้วยนะ พี่เป้เองก็ดูแลพี่ชายผมดีๆ ด้วย ถ้าเกิดทำพี่วิวเสียใจล่ะก็ผมไม่ไว้หน้าแน่ๆ”

“ไม่มีทางอยู่แล้วไอ้หนู จะนอนก็นอนไปเลย พี่จะไปอ้อนพี่วิวต่อแล้ว”

ผมได้ยินเสียงจึ๊กจั๊กจากคู่สนทนาก่อนที่จะตัดสายไป เลยเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงอย่างเดิมก่อนจะหันหลังพิงระเบียงแล้วแหงนหน้าขึ้นมองฟ้ายิ้มๆ จนกระทั่งคิดว่ากลิ่นบุหรี่น่าจะโดนลมพัดจนไม่ค่อยติดจมูกแล้ว จึงค่อยเลื่อนประตูกระจกแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง หลังจากปิดโคมไฟแล้วก็ก้มลงแตะไหล่คนที่ยังนอนตะแคงแต่กินที่กลางเตียงอยู่คนเดียวเบาๆ

“วิวครับ ขอเป้นอนด้วยคนสิ”

“อืม...”

คนถูกขอส่งเสียงครางอย่างสะลึมสะลือพลางกระถดตัวเข้าไปอีกฝั่งหนึ่งของเตียงให้ ท่าทางคงจะเพลียจนลืมไปแล้วว่าไล่ผมให้ไปนอนพื้น พอผมเลิกชายผ้าห่มอีกด้านขึ้นและเอนตัวลงบ้าง คนที่นอนอยู่ก่อนก็พลิกตัวกลับมาทางผมแล้วซุกตัวเข้าหา แต่เหมือนคงทำไปด้วยความเคยชินมากกว่าเพราะเสียงลมหายใจเป็นจังหวะราบเรียบไม่สะดุด ผมเลยยิ้มแล้วตะแคงตัวไปจูบหน้าผากวิวเบาๆ จากนั้นก็โอบแขนข้างหนึ่งพาดบนเอวพอที่จะไม่ให้คนหลับรู้สึกอึดอัด

ผมระบายลมหายใจยาวแล้วหลับตาลงบ้าง ความสบายใจและไออุ่นจากคนในอ้อมแขนทำให้ผมข่มตาหลับทั้งที่ยังหัวค่ำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ถึงแม้จะเสียดายที่จะไม่ได้มาค้างด้วยไปอีกตั้งหนึ่งเดือน แต่เวลาเพียงแค่นั้นก็ถือได้ว่าสั้นจนไม่ต้องใส่ใจเลยหากเทียบกับอนาคตข้างหน้าที่เราสองคนจะใช้ร่วมกัน

จะมีสักกี่คนบนโลกที่โชคดี เจอคนที่เรารักและรับตัวตนทุกอย่างของเขาได้ เช่นเดียวกับที่เขาก็ตอบรับความรู้สึกและยอมรับความเป็นเราได้ทุกอย่าง ถึงแม้ในอดีตผมอาจจะเคยมีคนที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นมาก่อนและเสียเธอให้คนอื่นไปแล้ว แต่สำหรับสิ่งที่ผมกับวิวมีให้แก่กันในตอนนี้ ผมเชื่อว่านี่คือปัจจุบันที่เราจะร่วมกันหล่อเลี้ยงให้มันกลายเป็นอนาคตอันมั่นคงอย่างไร้ข้อสงสัย

ก็ในเมื่อคนในอ้อมแขนผมคนนี้น่ะ...ได้รับทั้งตัวและหัวใจผมไปจนไม่เหลือจะมองคนอื่นแล้วนี่นา...



++---End หนึ่งเดือน---++


A/N: เป็นตอนพิเศษที่โพสต์ในวันวิสาขบูชา แต่เนื้อหามิได้เกี่ยวกับวันวิสาขฯ แต่อย่างใด พอดีช่วงนี้รู้สึกชีวิตเริ่มวุ่นวายหลังกลับมาทำงานประจำ + เนือยกับข้อสอบคอมพรีฯ แบบเทคโฮมที่ไม่เดินหน้าสักที นิยายเรื่องที่เขียนค้างไว้ก็ยังไม่เดินหน้า (แฟนประจำคงรู้นะคะว่าเรื่องไหน กระซิก) ไปๆ มาๆ ก็ได้เห็นคอมเม้นต์ใหม่จากคนอ่านประจำรายหนึ่งที่บอกว่าคิดถึงคู่นี้ อยากอ่านตอนพิเศษอีก ซึ่งประจวบเหมาะกับที่คิดว่าตัวเองก็อยากอ่านตอนพิเศษของคู่นี้อีกพอดี (นัยว่าเขียนแล้วคงทำให้มู้ดคนเขียนเองดีขึ้น เพราะมัวหมั่นไส้พระเอกตอนเขียนจนลืมเรื่องอื่นไป) เนื้อหาตอนนี้อาจจะสั้นไปหน่อย แต่หวังว่าคงทำให้คนอ่านหายคิดถึงเป้กับวิวได้บ้างนะคะ

ปล. สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นรวมเล่ม อาจงงเล็กน้อยว่าน้องหว้าโผล่มาจากไหน เนื่องจากเวอร์ชั่นในบอร์ดแทบจะไม่เคยเอ่ยถึง ก็ขออธิบายว่าน้องหว้าเป็นน้องชายแท้ๆ ของวิวที่คลานตามกันออกมา แต่ว่าเด็กกว่าแปดปีและยังอยู่กับพ่อแม่ที่สกลนครค่ะ ก็ขอฝากตัวน้องหว้าด้วยแล้วกันนะคะ แต่จากนี้จะได้เขียนถึงเยอะกว่านี้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แหะๆ

ใครเคยบ่นคิดถึงเป้วิวเอาไว้ มาลงชื่อให้ชื่นใจกันหน่อยเร้ว




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2554 11:10:49 น.
Counter : 1038 Pageviews.  

ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode: 50 Secrets

แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ


++------++


ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode : 50 Secrets


#01 – ครั้งแรก

เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับวิวที่ผมภูมิใจแต่ไม่เคยบอกให้เจ้าตัวรู้ ก็คือการที่วิวไม่เคยคบใครมาก่อนผม เพราะมันทำให้ผมได้เป็นคนแรกของวิวในหลายๆด้าน แต่ถ้าหากผมบอกเรื่องนี้ไปสงสัยคงโดนทุบแน่ๆ

#02 – เย็น

หน้าหนาวทีไรเป้ชอบมากระแซะผมตอนนอนแล้วบอกว่าเนื้อห่มเนื้ออุ่นกว่าห่มผ้าหนาๆ พอผมบอกว่าไม่เอาด้วย ไอ้บ้านั่นก็จะหาวิธีมาแกล้งจนผมนอนไม่ได้ แล้วสุดท้ายก็ต้องยอมให้อย่างที่ขอทุกที

#03 – สัญญา

คืนที่พวกเราแลกแหวนกัน ถึงแม้จะไม่มีคนอื่นอยู่เป็นสักขีพยาน แต่ผมก็รู้ว่าจากวินาทีนั้นผมกับวิวได้แลกคำสัญญาว่าเราจะผูกพันกันชั่วชีวิตไปแล้ว

#04 – ผู้หญิง

ครั้งหนึ่งผมกับเป้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากคบกันไม่นาน แล้วผมก็เห็นว่ามีผู้หญิงที่นั่งโต๊ะถัดไปสองสามโต๊ะคอยมองเป้แล้วส่งยิ้มให้ตลอดเวลา แถมเป้เองก็ยิ้มตอบให้เขาด้วย แต่พอออกมาจากร้านผมกลับโดนหมอนั่นงอนว่าทำไมไม่แสดงออกว่าหึงบ้าง ผมเลยตอกกลับว่าไม่สังเกตเลยหรือไงว่าผมเงียบผิดปกติ หลังจากนั้นมาถ้าเกิดเรื่องทำนองนี้อีกแล้วเห็นผมเงียบ เป้จะยิ้มดีใจจนออกนอกหน้าทุกที แต่คงเพราะไม่อยากโดนผมโกรธเข้าจริงๆเลยไม่เคยลองใจผมอีกเลยหลังจากนั้น

#05 – แหวน

ตอนพี่ปิ่นแต่งงาน ผมพาวิวไปร่วมงานแล้วก็แนะนำให้กลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมของผมได้รู้จักด้วย ถึงจะไม่ได้บอกตรงๆว่าพวกเราเป็นแฟนกัน แต่การที่ผมตื๊อจนวิวยอมใส่แหวนคู่ของพวกเราในวันนั้นก็คงทำให้หลายคนสังเกตบ้างล่ะว่าคู่ที่แต่งงานคืนนั้นไม่ได้มีแค่คู่ของพี่ปิ่น

#06 – อ้อน

ผมเป็นพี่ชายคนโตและมีน้องชายคนเดียว ในขณะที่เป้เป็นลูกคนที่สาม แถมแฟนเก่าก็อายุมากกว่าหลายปีอีก อาจเพราะถูกแวดล้อมด้วยคนอายุมากกว่าแบบนี้มาตลอด เป้ก็เลยถนัดใช้ลูกอ้อนแล้วก็ความเจ้าเล่ห์มากกว่าผม

#07 – ตัก

ถึงวิวจะชอบบ่นว่าหนุนหมอนนุ่มกว่าหนุนตักเจ้าตัวเป็นไหนๆ แต่เวลาหนุนตักมันอบอุ่นกว่าแล้วก็ทำให้ผมได้มองหน้าวิวไปด้วยนี่นา ถึงบางทีจะทำให้วิวทำการบ้านไม่สะดวกก็เถอะ

#08 – รถ

สมัยเพิ่งเริ่มคบกัน ผมเคยถามเป้ว่าทำไมตอนซื้อรถถึงได้เลือกสีดำ แต่หมอนั่นแค่ยักไหล่แล้วตอบว่า ‘สีดำเท่ที่สุดแล้ว’ ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยบอกไปว่าผมชอบสีขาวมากกว่า ไม่น่าเชื่อว่าเป้จะจำเรื่องนั้นได้ แล้วถอยรถคันใหม่หลังจากเรียนจบเป็นสีขาวจริงๆ

#09 – สิทธิ์

ต้นขาด้านในข้างขวาของวิวมีปานสีน้ำตาลอ่อน เห็นว่านอกจากคนในครอบครัวแล้วก็ไม่มีใครรู้ แต่ที่ผมรู้ก็คือนอกจากผมแล้วชั่วชีวิตนี้ไม่มีคนอื่นมีสิทธิ์จะได้เห็นอีกแน่ๆ

#10 – ผม

น้องปอนด์ น้องสาวของเป้เคยแอบมากระซิบหลังจากเรารู้จักกันได้พักหนึ่งว่าถ้าไม่ใช่ผม คงไม่ทำให้เป้ติดใจจนหาทางกลับบ้านไม่ถูกขนาดนี้ ผมฟังแล้วก็ได้แต่งงว่าน้องปอนด์หมายความว่ายังไง ในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเป็น ‘ผม’ อย่างที่เป็นอยู่เท่านั้นเอง

#11 – ยิ้ม

ผมยอมรับว่าบางทีก็หึงเวลาเห็นวิวยิ้มให้คนอื่น บางทีหึงแม้กระทั่งกับไอ้อ๊อฟทั้งที่มันก็มีน้องนะอยู่แล้วนั่นแหละ แต่ความรู้สึกพวกนั้นก็หายไปเมื่อวิวหันมายิ้มให้ผมบ้าง เพราะอะไรบางอย่างในตาคู่นั้นบอกให้รู้ว่ายิ้มที่ผมได้มีความหมายพิเศษกว่าของคนอื่นๆ

#12 – บุหรี่

ผมไม่เคยลองบุหรี่ ไม่ชอบอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ด้วย มีเป้คนแรกและคนเดียวที่ผมยอมให้อยู่ใกล้เวลาสูบได้ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามพ่นควันมาทางผมไม่งั้นจะไล่กลับไปนอนบ้าน ดังนั้นถ้าไม่ใช่ว่าอยากมากเป้ก็แทบจะไม่สูบบุหรี่เวลาอยู่ใกล้ผมเลย ไม่นึกเหมือนกันว่าคำขู่ทื่อๆแบบนั้นจะได้ผล

#13 – ปีใหม่

สำหรับวิวกับผม ปีใหม่คือช่วงเวลาที่ได้ระลึกว่าพวกเราโชคดีแค่ไหนที่มีกันและกันตลอดสิบสองเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งฉลองล่วงหน้าให้กับอีกสิบสองเดือนถัดไปที่จะยังคงเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยน

#14 – เสื้อ

ผมชอบมองแผ่นหลังของเป้เวลาไม่ใส่เสื้อ เพราะมันให้ความรู้สึกแข็งแรงพึ่งพาได้และเป็นรูปร่างแบบที่ผมก็อยากมีบ้าง แต่ถ้าหมอนั่นรู้ว่าผมชอบมองล่ะก็มีหวังได้ถอดเสื้อตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนแหงๆ

#15 – เตียง

ตอนได้เข้ามาในห้องวิวครั้งแรกผมเคยคิดว่าเตียงเล็กไปหน่อยสำหรับสองคน แต่พอได้มานอนบ่อยๆเข้าก็ชักจะเริ่มชิน ตอนนี้ผมกลับคิดว่าขนาดกำลังดีแล้วด้วยซ้ำ เพราะไม่งั้นวิวก็มีที่ให้ดิ้นหนีผมตอนกลางคืนได้น่ะสิ

#16 – น้ำหอม

น้ำหอมที่เป้ใช้ประจำคือยี่ห้อ BVLGARI ผมก็จำชื่อกลิ่นไม่ได้เพราะมีอยู่สองสามตัวที่เป้ใช้สลับกัน แต่ผมก็ชอบเพราะรู้สึกว่าเข้ากับบุคลิกเจ้าตัวดี

#17 – กอด

หลังจากพวกเรามีอะไรกัน ผมจะชอบจูบวิวแล้วกอดเจ้าตัวเอาไว้จนบางทีก็หลับคาอกผมไปเลย ถึงแม้ในสายตาคนอื่นวิวจะดูเป็นคนไม่ค่อยแสดงออก แต่เฉพาะเวลาที่ร่างกายเราแนบชิดกันเท่านั้นที่วิวจะยอมให้รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกกับผมอย่างไรผ่านการแสดงออกทางกาย และยิ่งเราไม่ค่อยได้แสดงออกเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งอยากจะแสดงความรักให้วิวเวลาอยู่กันตามลำพังมากขึ้นเท่านั้น

#18 – นม

เป้ชอบดื่มนมตอนเช้าทุกวัน เห็นว่าตอนเด็กก็ถูกแม่สอนให้ดื่มนมเยอะๆจะได้ตัวสูง พอผมถามว่ายังอยากจะสูงไปกว่านี้อีกหรือไง เป้จะยิ้มมุมปากแบบที่เจ้าตัวรู้ว่าดูแล้วกวนประสาทให้ผม แล้วก็ตอบว่าจะได้ไม่หมดแรงตอนกลางคืนง่ายๆ หลังจากนั้นก็จะรีบเบี่ยงตัวหนีกำปั้นผมที่ทำท่าจะประเคนใส่ทุกที

#19 – โกรธ

ผมไม่ชอบเวลาที่เราทะเลาะกัน อย่างน้อยถ้าแค่ถกเถียงกันเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ที่ดูเหมือนเราเริ่มจะทะเลาะกันรุนแรงขึ้นผมจะนึกย้อนไปถึงความรู้สึกตอนที่วิวเคยโกรธผมมากๆจนไม่พูดด้วยตั้งหลายวัน หลังจากนั้นผมจะใจเย็นลงได้ทันทีแล้วบอกตัวเองว่าให้ยอม

#20 – ประสบการณ์

หลังจากที่พวกเราคบกันได้หลายปีแล้ว ผมก็เลิกน้อยใจว่าก่อนหน้าผมเป้เคยคบใครมาก่อนบ้าง และคิดได้ว่าหากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผู้ชายคนนี้เป็นแบบนี้ในปัจจุบัน ผมก็ควรจะขอบคุณประสบการณ์เหล่านั้นที่หล่อหลอมให้ทุกวันนี้เป้รักและหวงผมมากขนาดนี้จึงจะถูก

#21 – จมูก

จมูกวิวไม่ได้โด่งจนถึงกับเป็นสัน แต่ก็ได้รูปรับกับเครื่องหน้าส่วนอื่นๆที่เจ้าตัวชอบยืนยันว่าดูแล้ว ‘ธรรมดา’ บางทีเวลาวิวนอนกลางวันผมก็ชอบแกล้งเอาจมูกตัวเองไปถูจมูกวิวเล่นบ้าง แต่ไปๆมาๆก็เผลอจูบจนเจ้าตัวตื่นนอนแล้วโวยวายที่ผมชอบลักหลับทุกที

#22 – อาย

ถึงแม้ว่าจะผ่านพ้นครั้งแรกมานานแล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราอยู่บนเตียงด้วยกันแล้วเป้เลื่อนตัวลงไปใช้ปากให้ ผมก็ยังอายทุกครั้งที่ได้เห็น แถมมันแย่ตรงที่เป้ก็ดูจะชอบเวลาที่ได้ทำให้ผมอายเสียด้วยสิ

#23 – กิจกรรม

เวลาผมกับวิวไปซื้อของด้วยกันเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผมชอบที่สุด โดยเฉพาะเวลาซื้อของใช้ทั่วไป เพราะการที่เราออกความเห็นกันถึงเรื่องจะซื้อชุดเครื่องนอนสีอะไรหรือจานชามแบบไหนมันทำให้ผมตระหนักว่าเรากำลังใช้ชีวิตคู่กันจริงๆ

#24 – พิเศษ

ความฝันในวัยเด็กของผมคือการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและเลี้ยงดูครอบครัวได้ แต่หลังจากที่ได้คบกับเป้ ผมถึงรู้ว่าผมได้พบกับสิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าความฝันของผมเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

#25 – เงื่อนไข

ผมรู้ว่าวิวชอบคิดว่าเจ้าตัวไม่ค่อยได้ให้อะไรผมในขณะที่ผมคอยทำนั่นทำนี่ให้ แต่ที่ผมอยากให้วิวรู้ก็คือ ทุกสิ่งที่ผมทำไปก็เพราะต้องการตอบแทนความรู้สึกที่วิวมอบให้ผมอย่างไร้เงื่อนไขก็เท่านั้น

#26 – ราศี

ทั้งผมทั้งเป้ต่างเป็นคนไม่เชื่อเรื่องชะตาราศี แต่มีเรื่องหนึ่งที่เราเชื่อเหมือนกัน ก็คือถ้าหากเราพยายามทำความเข้าใจและยอมรับทั้งข้อดีข้อเสียของกันและกัน ต่อให้มีใครมาทำนายว่าดวงชีวิตคู่ของเราจะไม่ดีก็ไม่จำเป็นต้องเอามาใส่ใจ

#27 – นอน

ความลับอย่างหนึ่งของผมคือผมค่อนข้างจะติดหมอนข้างเวลานอน อาจเป็นนิสัยอย่างเดียวที่ผมไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ แต่กับวิวผมไม่อายที่จะบอกให้รู้เลยแม้แต่นิดเดียว ถึงบางทีจะโดนบ่นบ้างเพราะชอบกอด ‘หมอนข้าง’ แน่นไปหน่อยก็ตาม

#28 – ความแตกต่าง

ถ้าจะว่ากันถึงคู่รักที่มีรสนิยมแตกต่าง อย่างผมกับเป้นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีคู่หนึ่ง เพราะนอกจากเรื่องภาพลักษณ์ภายนอกของเป้ที่สำอางกว่าผมไม่ว่าจะเรื่องการแต่งตัว ทรงผมหรือข้าวของที่ใช้แล้ว รสนิยมเรื่องดูหนังฟังเพลงหรือแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวก็ยังชอบคนละแบบเพราะเป้ชอบทะเลในขณะที่ผมชอบภูเขา หรือเรื่องที่เป้สูบบุหรี่ในขณะที่ผมไม่สูบ แต่น่าแปลกที่พวกเราก็ไม่เคยผิดใจกันเพราะเรื่องเหล่านี้เลยสักครั้ง

#29 – ความเหมือน

ถึงแม้ผมกับวิวจะมีรสนิยมในหลายๆเรื่องไม่เหมือนกัน แต่ที่เรามีเรื่องทะเลาะกันน้อยอาจเพราะแนวคิดของเราคล้ายกัน ผมกับวิวต่างเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวและคนใกล้ตัว ไม่ค่อยขี้อิจฉาหรือชอบมองใครในแง่ร้าย แล้วก็ไม่ชอบคนที่ชอบโกหกหรือไม่จริงใจ และอาจเพราะอย่างนี้ผมถึงรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้รักคนที่มีความคิดเหมือนกันกับผม

#30 – มือที่สาม

ตอนที่โอ๊คเพิ่งบินไปซิดนีย์และเป้เริ่มคบกับผมใหม่ๆ เพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกันมาบอกผมว่ามีเพื่อนของเป้นินทาว่าผมเป็นมือที่สามที่แย่งแฟนของเพื่อน ผมไม่เคยเอาเรื่องที่ได้ยินไปบ่นหรือแสดงความน้อยใจกับเป้ในเมื่อเราสองคนต่างรู้ดีว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่แล้ววันหนึ่งผมก็ต้องแปลกใจที่เพื่อนในกลุ่มของเป้ซึ่งไม่ใช่อ๊อฟเดินมาบอกขอโทษที่เข้าใจผมผิดและบอกว่าเป้ห้ามไม่ให้ทุกคนพูดเรื่องนี้อีก ผมถึงได้รู้ว่าเป้ก็เป็นห่วงความรู้สึกของผมมากเหมือนกัน

#31 – ไม่สบาย

เวลาไม่สบายวิวจะชอบฝืนตัวเองแล้วทำเหมือนไม่ได้เป็นอะไร ไม่เหมือนผมที่ถ้าไม่สบายล่ะก็จะอ้อนแฟนทันที ดังนั้นถ้าหากรู้สึกว่าวิวเริ่มมีไข้หรือดูตาปรอยๆเมื่อไหร่ ผมจะชอบชงอะไรร้อนๆให้ดื่มแล้วชวนให้เข้านอนแต่หัวค่ำด้วยการอ้างว่าผมง่วงและจะนอนไม่หลับถ้าไม่ได้กอดเจ้าตัว แต่ดูเหมือนวิวก็คงรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของผม เจ้าตัวเลยจะเพียงแต่ยิ้มแล้วก็ยอมเอนลงให้ผมกอดแต่โดยดี

#32 – มือ

ถึงผมจะเคยบอกเป้ไว้ว่าไม่ชอบให้ทำรุ่มร่ามเวลาอยู่ข้างนอก แต่เจ้าตัวก็จะชอบมาเดินใกล้ๆพอให้ไหล่หรือมือของเราปัดโดนกันเป็นประจำ หรือถ้าอยู่ในห้างก็จะแกล้งทำเป็นสนใจจะหยิบของบนชั้นวางสูงๆลงมาดูทั้งที่ผมยืนอยู่ด้านใน บางทีผมก็เลยอดไม่ไหวต้องแอบยิ้มเพราะขำปนหมั่นไส้พ่อตัวดีที่พยายามจะฉวยโอกาส ทั้งที่ตอนอยู่ด้วยกันสองคนทีไรก็ชอบมานัวเนียผมตลอดอยู่แล้วแท้ๆ

#33 – ผม (2)

เวลาที่ต้องตัดผมเมื่อไหร่ผมจะไปที่ร้านซึ่งมีช่างประจำของผมอยู่ แต่วิวไม่เคยมีทั้งร้านหรือว่าช่างประจำ เพราะเจ้าตัวบอกว่าให้ใครตัดเดี๋ยวสักพักมันก็กลายเป็นทรงเดิมเพราะว่าไม่ชอบเซ็ท แต่ถ้าผมมีเวลาผมจะชอบจับวิวมาเซ็ทผมให้ก่อนจะออกจากบ้านด้วยกัน ก็เวลาเห็นคนอื่นมองแฟนผมด้วยสายตาชื่นชมแล้วผมภูมิใจนี่นา วิวก็ช่างไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่าตัวเองไม่ได้หน้าตาธรรมดามากมายอย่างที่ชอบบอกใครๆเสียหน่อย

#34 – ทะเลหมอก

หน้าหนาวตอนเรียนปีสี่ ผมกับเป้ตัดสินใจไปเที่ยวภูกระดึงด้วยกันในช่วงวันหยุดยาว ถึงแม้ว่าวันที่เดินขึ้นจะเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยขาแค่ไหน แต่พอได้ตื่นไปดูทะเลหมอกและแสงอาทิตย์แรกด้วยกันในเช้าวันถัดไปโดยที่เป้กอดไหล่ผมเอาไว้ วินาทีนั้นผมก็รู้สึกว่าคุ้มค่าที่พวกเราขึ้นไปบนนั้นด้วยกันแล้ว

#35 – เมา

วิวไม่ชอบกินเหล้าหรือเบียร์ ดังนั้นผมเลยไม่ค่อยได้เห็นเวลาที่วิวเมา แต่เมื่อตอนคริสต์มาสที่ผมพาไปทานดินเนอร์ด้วยกันแล้วสั่งไวน์มาด้วย หลังแก้วที่สองวิวก็หยุดดื่ม แต่พอถึงตอนนั้นแก้มของเจ้าตัวก็เรื่อสีเลือดฝาดชัดขึ้น ส่วนนัยน์ตาก็เริ่มฉ่ำนิดๆไปแล้ว ผมเลยชักชอบเวลาได้เห็นวิวเมาเสียแล้วสิ

#36 – แก้ม

เวลาเช้าๆที่เพิ่งตื่นนอน เป้จะชอบงัวเงียแล้วก็ดึงผมไปหอมแก้มหรือไซ้คอ เคราที่เพิ่งขึ้นก็เลยจะไถโดนผิวของผมไปด้วยจนจั๊กกะจี้ แต่จะว่าไปมันก็เป็นวิธีปลุกที่ได้ผลอยู่เหมือนกัน เพราะหลังจากนั้นผมจะตาสว่างแล้วก็ดันเป้ให้ไปล้างหน้าและโกนหนวดเสียที ก่อนที่พ่อตัวดีจะนึกคึกอยากทำมากกว่านั้นจนไม่ได้ลุกจากเตียงกัน

#37 – ของขวัญ

เวลาไปเลือกซื้อเสื้อผ้าหรือรองเท้า ผมจะชอบมีปัญหาเพราะเท้าใหญ่ก็เลยหารองเท้าแบบที่ชอบที่ขนาดพอดีเท้าไม่ค่อยได้ แต่ปรากฏว่าก่อนจะถึงวันเกิดของผมเมื่อตอนปีสี่ วิวแอบเอารองเท้าของผมไปให้ช่างเทียบไซส์แล้วสั่งตัดแบบที่ผมเคยบอกว่าชอบมาให้เป็นของขวัญ จนถึงวันนี้รองเท้าคู่นั้นก็ยังเป็นคู่ที่ผมรักและหวงที่สุด รวมทั้งเป็นของขวัญที่ผมชอบที่สุดรองจากตัวคนให้ด้วย

#38 – เสียง

เสียงของเป้ต่ำแล้วก็ห้าว ฟังแล้วมีกังวานในคอ ไม่เหมือนผมที่เสียงออกไปทางทุ้มแต่ไม่ต่ำหรือมีกังวานเท่า แต่ว่าเสียงของเป้ที่ผมชอบที่สุดคือเสียงเวลาเพิ่งตื่นที่ยังสะลึมสะลือ กับเสียงตอนเจ้าตัวเรียกชื่อผมตอนที่เราต่างไร้เสื้อผ้าปกปิดร่างกายและกำลังแสดงความรักต่อกัน แต่ถ้าผมบอกก็สงสัยจะโดนแกล้งเรียกด้วยน้ำเสียงแบบนั้นทั้งวันแน่ ผมเลยได้แต่เก็บเรื่องนี้เอาไว้คนเดียว

#39 – หน้าฝน

ผมไม่ชอบเวลาฝนตกตอนเช้าๆเพราะว่ามันทำให้รถติด หาที่จอดรถยาก แถมบางทีถึงจะได้ที่จอดก็ไกลจากตึกคณะจนต้องกางร่มฝ่าฝนไป ทำให้เข้าเรียนสายและกางเกงเปียกอีก แต่ผมกลับชอบเวลาฝนตกตอนเช้าๆในวันหยุด เพราะมันทำให้ผมมีข้ออ้างที่จะนอนกอดวิวแล้วซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยกันได้นานขึ้นอีกหน่อย

#40 – เรือ

เวลาไปเที่ยวเกาะที่ต้องนั่งเรือออกไปจากฝั่งซึ่งใช้เวลาเป็นชั่วโมงด้วยกัน บางครั้งผมกับเป้จะนั่งหลับโดยที่ผมพิงไหล่เป้และเป้ก็พิงผมกลับ และมีแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่ผมจะยอมผ่อนคลายข้อห้ามที่บอกว่าห้ามรุ่มร่ามเวลาอยู่ข้างนอกด้วยการให้เป้จับมือผมได้ เพราะถึงยังไงเราก็เอาเสื้อแจ๊กเกตคลุมทับไว้อยู่แล้ว

#41 – อาหารทะเล

วิวชอบกินกุ้ง ส่วนผมชอบกินปูกับปลาหมึก เวลาไปเที่ยวทะเลแล้วสั่งอาหารทะเลมากินเราก็เลยจะชอบผลัดกันแกะของที่อีกฝ่ายชอบแล้วใส่ในจานให้ ถึงจะสวีทกันมากไม่ได้เวลาอยู่ข้างนอก แต่แค่ได้เห็นวิวยิ้มตอนแกะขาปูแล้วหยิบใส่ในจานให้ผม แค่นั้นผมก็มีความสุขไปทั้งวันแล้ว

#42 – สอบ

ถึงเป้จะชอบกวนชอบแหย่ระหว่างที่ผมอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน แต่ก็มีช่วงใกล้สอบที่หมอนั่นจะยอมเป็นเด็กดี เก็บไม้เก็บมือไว้กับตัวแล้วยอมนั่งอ่านหนังสือเงียบๆเหมือนผม แต่ผมก็รู้ว่าความสงบสุขนี้มันไม่จีรังเท่าไหร่หรอก เพราะเดี๋ยวสอบเสร็จเมื่อไหร่ก็กลับเข้าวังวนเดิมอยู่ดี

#43 – บ้าน

เมื่อก่อนผมมีบ้านหลังเดียวก็คือบ้านที่ผมโตมากับพ่อและแม่ พี่ปิ่น ปูมแล้วก็ยายปอนด์ แต่หลังจากที่คบกับวิวและมาค้างที่หอบ่อยๆ ผมก็พบว่าผมได้เจอบ้านหลังที่สองของผมแล้ว

#44 – มอง

ตอนพวกเราเรียนอยู่ปีสี่ อาจารย์ที่เคยสอนยูโดให้เป้สมัยเรียนมัธยมย้ายออกมาเปิดสถาบันของตัวเอง แล้วก็เลยขอให้เป้ไปช่วยสอนรุ่นน้องในวันหยุดที่ว่าง ผมเลยได้รู้ว่านอกจากจะเป็นสายดำแล้วเป้ยังเคยแข่งยูโดจนได้รางวัลชนะเลิศมาแล้วด้วย เป้เคยชวนผมไปนั่งรอระหว่างเจ้าตัวสอนเป็นบางครั้ง พอได้เห็นเวลาเป้ซ้อมทุ่มกับรุ่นน้องที่พอจะมีฝีมือหน่อย รวมกับสายตาของพวกรุ่นน้องสาวๆที่มองเป้ด้วยสายตาชื่นชม ผมถึงได้รู้สึกขึ้นมาบ้างว่าแฟนผมนี่ก็ ‘เท่’ อยู่เหมือนกัน

#45 – นวด

นอกจากจะเรียนเก่งแล้ว วิวยังมีความสามารถอีกอย่างที่ไม่ค่อยมีคนรู้ก็คือนวดจับเส้นเก่ง เห็นว่าเพราะตอนเด็กๆปู่กับย่าชอบให้นวดให้ เพราะงั้นบางทีหลังกลับจากไปช่วยซ้อมยูโดให้รุ่นน้องจนเมื่อยผมก็จะขอให้วิวนวดให้บ้าง แรกๆก็ไม่มีปัญหา แต่พักหลังมานี้วิวเริ่มมีข้อแม้ว่าถ้าขอให้นวดก็ต้องหยุดแค่นวด เพราะผมชอบเลยเถิดชวนทำอย่างอื่นต่อทุกที

#46 – ลูกอม

ก็อย่างที่เคยบอกนั่นแหละว่าเป้ชอบแหย่ผม มีวันหนึ่งพวกเรานั่งเอนหลังอ่านหนังสือบนเตียงตอนบ่ายวันหยุดด้วยกัน ผมเห็นเป้แกะลูกอมใส่ปากเลยบอกว่าขอบ้าง หมอนั่นเลยหันมายิ้มแล้วก็โน้มคอผมเข้าไปหา กว่าจะรู้ตัวก็โดนยัดเยียดป้อนลูกอมให้ทางปากแล้ว ยังดีว่าตอนนั้นขาผมเจ็บเพราะเพิ่งจะตกบันไดมาจนข้อเท้าแพลง ไม่งั้นใครบางคนไม่แคล้วโดนผมถีบแน่ๆ

#47 – ปากกา

เวลาเรานั่งที่โต๊ะม้าหินข้างสนามฟุตบอลด้วยกันช่วงพักหรือหลังเลิกเรียน บางทีวิวจะหยิบเลคเชอร์หรือการบ้านที่ต้องส่งออกมานั่งตรวจทาน พอเริ่มใช้ความคิดมากๆก็จะลืมว่าผมนั่งอยู่ด้วยแล้วเคาะปากกากับริมฝีปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว และผมก็ชอบมองเวลาวิวทำแบบนั้น บางครั้งก็จ้องนานไปจนวิวรู้ตัวแล้วเลิกคิ้วมองผมเหมือนไม่เข้าใจว่ายิ้มทำไม

#48 – ดาดฟ้า

กลางดึกคืนหนึ่งผมกับเป้ต่างก็นอนไม่หลับทั้งที่เกือบจะตีสอง พวกเราเลยถือขนมกับน้ำอัดลมแล้วก็ผ้าปูที่นอนขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อนั่งดูดาวด้วยกัน แต่คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวงเลยทำให้ไม่ค่อยเห็นดาวเท่าไหร่ และไปๆมาๆ เป้ก็ดันขยับเข้ามาหาผมแล้วชวนทำอย่างอื่นแทน ตั้งแต่คืนนั้นมาถ้าพวกเรานอนไม่หลับผมก็จะไม่ชวนเป้ขึ้นไปบนดาดฟ้าอีกเลย เพราะถึงครั้งแรกจะโชคดีที่ไม่มีใครมาเจอ แต่ไม่ได้หมายความว่าครั้งที่สองจะโชคดีเหมือนครั้งแรกนี่นา ผมยังไม่อยากเป็นข่าวหรือโดนเจ้าของหอเรียกไปตักเตือนพฤติกรรมหรอกนะ

#49 – รัก

ผมไม่เขินที่จะบอกวิวว่ารัก บางทีก็บอกมากกว่าวันละครั้งด้วยซ้ำ ตอนแรกๆก็เป็นเพราะอยากให้วิวมั่นใจว่าความรู้สึกที่ผมมอบให้นั้นเป็นของจริง แต่เดี๋ยวนี้ผมพูดเพื่อให้วิวรู้ว่าผมไม่เคยรักเจ้าตัวน้อยลงจากวันที่เคยพูดคำนี้ครั้งแรก

#50 – อนาคต

ระหว่างที่ผมกับเป้คบกัน ผมเห็นคนรู้จักหลายคู่ที่เคยมีความฝันถึงอนาคตร่วมกันแต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลร้อยแปดใดๆก็ตาม ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราสองคนจะมีวันนั้นบ้างหรือเปล่า แต่เป้ก็จะทำให้ผมลืมเรื่องที่กังวลทุกครั้งด้วยการบอกผมว่า ‘เป้รักวิวนะ’ และผมก็รู้ว่าผมสามารถเชื่อในอนาคตของเราสองคนได้อย่างไม่ต้องสงสัย


++---End 50 Secrets---++


A/N: สำหรับตอนพิเศษนี้ได้แรงบันดาลใจจากแฟนฟิคของนักเขียนฝรั่งค่ะ จะมีวิธีเขียนแบบหนึ่งที่เขานิยมกันคือ 50 sentences ประมาณว่ามีธีม 50 ธีม แล้วก็เขียนบรรยายแต่ละธีมให้จบในหนึ่งประโยค แต่ด้วยความซับซ้อนของภาษาไทยที่ยากจะรวบความให้จบในประโยคเดียว ก็เลยเขียนบรรยายแบบกระชับและได้ความเอา แต่ละธีมเลยสั้นบ้างยาวบ้างแล้วแต่เนื้อหาที่ต้องนำเสนอ สำหรับตอนพิเศษนี้ไม่ได้โพสต์ที่ห้องโบนัสเพราะเนื้อหาเน้นไปทางสมัยเรียนและไม่ได้พาดพิงถึงตัวละครที่โผล่มาเฉพาะในรวมเล่ม ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าธีมเลขคี่เป็นของเป้ ส่วนธีมเลขคู่เป็นของวิว ก็หวังว่าคงทำให้แฟนๆเป้-วิวหายคิดถึงได้บ้างนะคะ สารภาพว่าตอนแรกคิดได้แค่ 30 ธีม แต่รู้สึกว่าน้อยไปเลยคิดต่อจนครบ 50 ธีมจนได้ หวังว่าจะเอ็นจอยกันทุกท่านและไม่สำลักความหวานกันนะ




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2553 0:58:05 น.
Counter : 2523 Pageviews.  

[แฟนอาร์ตนิยายตัวเอง] เป้ & วิว จากลำนำรักสีรุ้ง

ใกล้สุดสัปดาห์แล้ว หาเรื่องอัพบล็อกก่อนรีไรท์นิยายตอนใหม่ดีกว่า อิอิ

สืบเนื่องจากวันนี้ ไปนั่งรื้อกองเอกสารตรงมุมห้องเพื่อหาของอย่างหนึ่งค่ะ (ประหนึ่งมุมอาถรรพ์ มีอะไรก็โยนไปกองๆไว้จนฝุ่นเกาะ) ทำให้เจอสมุดจดพล็อตนิยายเก๋ากึ้กของตัวเอง ทีนี้ก็เลยลืมของที่หาชั่วคราว นั่งปุลงกลางกองฝุ่นแล้วพลิกอ่านพล็อตนิยายที่ได้เขียนมั่ง ดองมั่งด้วยความคิดถึงประสาคนเริ่มมีอายุ (ก๊ากกกก)

ทีนี้ พลิกไปพลิกมา ก็ไปป๊ะรูปที่เราสเก็ตช์พระ-นายนิยายตัวเองไว้ตั้งแต่น้านนานมากแล้ว ก็คือเป้ & วิวจากลำนำรักสีรุ้งนั่นเอง จำไม่ได้แล้วล่ะว่าตอนนั้นวาดด้วยอารมณ์ไหน แต่คงประมาณอยากเห็นตัวละครเราว่าจะหน้าตาเป็นยังไงล่ะมั้ง ความจริงลืมรูปนี้ไปสนิทเลยด้วยซ้ำตอนที่ทำปกลำนำรักสีรุ้ง แต่สงสัยอิมเมจฝังหัว เลยออกมาดูแล้วคล้ายๆปกนิยายเหมือนกัน ใครที่เคยบอกเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้าทั้งคู่บนปกจริง ก็คงให้อารมณ์ประมาณนี้...ล่ะมั้ง?





ยังไม่หมดค่ะ พอวางสมุดจดพล็อตลง ก็ไปเจอกองภาพสมัยยังเอ๊าะที่ยังหัดวาดรูปด้วยโคพิคอยู่ คุ้ยไปคุ้ยมาก็ไปเจอเข้ากับรูปนี้ ซึ่งวาดไว้นานนนนนยิ่งกว่ารูปที่โพสต์ข้างบนอีก คือตั้งแต่สมัยยังไม่เขียนนิยายด้วยซ้ำ แต่ดูไปดูมา มันให้อารมณ์เป้วิวอีกแล้ววุ้ย เพียงแต่เครื่องแบบจะออกแนวญี่ปุ่นๆ แล้วก็วิวผมยาวไปหน่อย มานั่งดูผลงานเก่าๆก็เสียดายการวาดรูปตัวเองเหมือนกันนะ ไม่รู้ตอนนี้ให้วาดมันยังจะออกมาดูเป็นผู้เป็นคนแบบนี้อยู่หรือเปล่า T^T





ว่าแล้วก็...เหมือนมีหลายคนทวงมาว่าอยากอ่านภาคสองเรื่องนี้แฮะ แต่ภารกิจคนเขียนรัดตัวเหลือเกิ๊น ใครขอไว้ก็ดูรูปแก้คิดถึงไปก่อนนะคะ แหะๆ

ความจริงมีรูปที่วาดเก็บไว้เยอะกว่านี้ แต่ไม่เกี่ยวกับนิยายทั้งสิ้น เอาไว้มีโอกาสเมื่อไหร่คงได้เอามาแปะให้ดูกันอีกแล้วกันเนาะ




 

Create Date : 02 กันยายน 2553    
Last Update : 2 กันยายน 2553 21:24:09 น.
Counter : 1060 Pageviews.  

ลำนำรักสีรุ้งจัดส่งแล้ว เชิญคอมเม้นต์ได้ค่า

หลังจากอดตาหลับขับตานอน จัดหน้าไปพิมพ์ตอนพิเศษไปมาเป็นเดือน ในที่สุดต้นฉบับ “ลำนำรักสีรุ้ง” ก็สมบูรณ์เป็นรูปเล่มเสียที ให้อารมณ์เหมือนเบ่งลูกชายออกมาจนได้ น้ำตาแทบไหล ฮือ

(เกือบไหลอีกรอบตอนนั่งแพ็คหนังสือ แต่พอคิดว่ามีคนรออ่านอยู่เยอะแค่ไหน แรงฮึดก็กลับมา มีกำลังใจแพ็คต่อ)

ใครที่ได้หนังสือไปแล้ว อยากเม้าท์หรือติชมอะไร เชิญได้ในกระทู้นี้เลยนะคะ มือใหม่หัดทำหนังสืออาจมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ยินดีรับฟังคำแนะนำสำหรับปรับปรุงในเล่มต่อๆไปค่ะ





 

Create Date : 25 ตุลาคม 2552    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2553 16:03:45 น.
Counter : 1369 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.