Group Blog
 
All blogs
 
ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode : สองใจในคืนหนาว


แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ

ปล. สำหรับคนที่ชอบเป้กับวิว ทั้งคู่จะมีบทบาทอีกในเรื่อง เมื่อหัวใจเราใกล้กัน สามารถติดตามได้ในบล็อกนี้เช่นกันค่ะ


++------++


ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode : สองใจในคืนหนาว


“เป้! มาได้ไงเนี่ย ไม่สบายทำไมไม่นอนพักที่บ้าน”

ผมไขประตูเข้าห้องของตัวเองแล้วก็ต้องเอ่ยทักอย่างประหลาดใจเพราะมีคนที่ไม่คิดว่าจะเจอในวันนี้นั่งรออยู่ ตั้งแต่เจ้าตัวโทรมาบอกเมื่อเช้าว่าจะหยุดเรียนเพราะไม่สบายทำให้ผมทำใจแล้วว่าวันนี้คงไม่ได้คุยหรือเห็นหน้ากันทั้งวัน

“ก็คิดถึงแฟนไง อยากให้แฟนพยาบาลให้มากกว่า”

คนป่วยที่ไข้ขึ้นจนหน้าแดงเรื่อบอกผมด้วยสีหน้าชื่นมื่น ผมเลยวางกระเป๋าแล้วเข้าไปทาบหลังมือกับหน้าผากของคนรักแล้วก็ต้องผงะกับอุณหภูมิที่สูงจนน่าตกใจ เป้ถือโอกาสรั้งตัวผมเข้าไปกอดแล้วก็กดปลายจมูกร้อนๆลงมาที่แก้มก่อนจะก้มลงซุกหน้าบนบ่า แม้ผมจะใส่เชิ้ตเนื้อหนาอยู่แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่ซึมผ่านเนื้อผ้าลงมาที่ผิว

“ค่อยยังชั่ว นึกว่าวันนี้จะอดเจอวิวซะแล้ว ทำไมกลับดึกจัง”

“ก็ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแล้วก็แวะหาอะไรกินก่อนกลับนี่นา ว่าแต่เป้กินข้าวเย็นหรือยัง”

“เรียบร้อยมาจากบ้านแล้ว ถึงได้แอบแว้บมานี่ได้ไง”

พอได้ยินคำตอบผมรีบถอยตัวออกแล้วมองหน้าคนป่วยอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “นี่แอบพ่อกับแม่มาเหรอ?”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า เค้าออกไปข้างนอกกันทั้งคู่ ไม่รู้หรอกว่าลูกชายไม่อยู่ที่ห้อง”

ผมขมวดคิ้ว ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ข้ออ้างให้เป้ดอดออกมาหาผมทั้งที่ตัวเองไม่แข็งแรงเสียเมื่อไหร่

“ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้เดี๋ยวกินยาแล้วนอนเลยดีกว่านะ ขอวิวอาบน้ำแป๊บนึงเดี๋ยวออกมาเอายาให้”

เป้พยักหน้าแล้วก็หันไปนั่งเปิดโทรทัศน์ดู ผมมองแผ่นหลังคนป่วยที่ใส่เสื้อแจ๊คเกตทับเสื้อตัวในอยู่แล้วก็ถอนหายใจก่อนจะหรี่แอร์ลง ปกติเป้ไม่ใช่คนเจ็บป่วยง่ายๆ แต่ดูเหมือนว่าอากาศที่แปรปรวนของฤดูนี้จะไม่เป็นมิตรกับใครทั้งสิ้น พอผมจัดการธุระของตัวเองในห้องน้ำเสร็จก็เอายาแก้หวัดที่เคยซื้อเก็บไว้กับน้ำยื่นส่งให้คนป่วยที่รับไปกินโดยไม่อิดออด แถมยังยอมเอนตัวลงนอนบนเตียงให้ผมคลี่ผ้าห่มคลุมให้แต่โดยดี แต่แล้วคนป่วยก็ทำหน้ายุ่งพอเห็นผมลากฟูกอีกชุดออกมาที่พื้น

“วิวจะนอนบนพื้นทำไมล่ะ ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกันสิ”

ประโยคเอาแต่ใจนั่นทำให้ผมหันไปเหล่เด็กโข่งตัวโตด้วยสายตาตำหนิหน่อยๆ

“นอนด้วยกันก็ติดหวัดสิ อีกอย่างคนป่วยนอนคนเดียวไม่มีคนเบียดน่าจะสบายตัวกว่า”

“ไม่ติดหรอก สัญญาด้วยเกียรติของอดีตนักเรียนร.ด. ถ้าทำให้วิวติดหวัดเดี๋ยวเป้มาเฝ้าไข้เองเลยเอ้า”

คำปฏิญาณแบบเด็กๆทำให้ผมกลอกตา ปกติก็ชอบหนีที่บ้านมาค้างที่นี่อยู่แล้วนี่...ผมอดค่อนคนเจ้าปัญหาในใจไม่ได้ ถึงยังไงก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่แล้ว ตามใจคนป่วยซะหน่อยแล้วกัน

“ถ้าจามหรือไอใส่ วิวลงมานอนข้างล่างแน่ๆนะ”

“รับทราบครับผม ไม่ต้องห่วงหรอกเป้แค่มีไข้ อย่างอื่นปกติดี”

ผมขมวดคิ้ว เวลาคนแข็งแรงเกิดป่วยขึ้นมานี่จะมีอาการไม่เหมือนคนอื่นเขาหรือไงกัน แต่ก็ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดเลยลุกไปปิดไฟ ทิ้งไว้เพียงโคมไฟหัวเตียงที่ส่องแสงสลัวๆแล้วยอมลงนอนข้างคนป่วยบนเตียงแต่โดยดี ทว่าพอล้มตัวลงก็โดนแขนแกร่งสองข้างคว้าเข้าไปกอดแน่นทันทีเหมือนรอจังหวะอยู่แล้ว

“เป้ ตัวร้อนจัง”

ผมอดทักไม่ได้ ร่างกายที่แนบชิดกันทำให้รู้สึกถึงอุณหภูมิสูงจัดจากร่างของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เป็นไข้ขนาดนี้แล้วยังจะฝืนขับรถมาอีก บ้านของเป้ไม่ใช่อยู่ใกล้ๆเลย

คนตัวใหญ่ยกมือผมขึ้นจูบเบาๆแล้วยิ้มให้ “ไม่เป็นไรหรอก กินยาแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็หาย”

“หายจริงๆก็ดีสิ ทีหลังไม่สบายอย่าฝืนตัวเองอย่างนี้อีกนะ”

จบประโยคของผมเป้ก็หัวเราะเบาๆ ผมเลยอดถามด้วยความข้องใจไม่ได้ “หัวเราะอะไร”

“เปล่า ดีใจ แฟนเป็นห่วง”

อ้อมแขนแข็งแรงโอบกระชับรอบตัวผมแน่นขึ้นจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นจัดที่ระเรี่ยลงบนริมฝีปาก นัยน์ตาคมจ้องตรงมาแน่วนิ่งผ่านแสงสลัวของโคมไฟ ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นๆจะขยับเข้าใกล้จนแตะลงบนริมฝีปากของผม สัมผัสนั้นแผ่วเบาและหยอกเย้าในทีแรกก่อนจะค่อยๆทวีความเร่าร้อนขึ้น ผมหลับตาลงแล้วเผยอริมฝีปากรับการรุกล้ำที่อ่อนหวานแต่โดยดี

สัมผัสจากมือใหญ่ข้างหนึ่งที่สอดเข้าใต้เสื้อแล้วลูบไล้ไปบนแผ่นหลังกับอีกข้างที่บีบสะโพกอยู่ทำให้ผมสะดุ้ง เลยรีบถอนริมฝีปากออกแล้วมองตาคนป่วยที่ทำจาบจ้วงโดยไม่ดูสังขารตัวเองอย่างดุๆ

“เป้...ไม่สบายอยู่นะ”

แทนที่จะสำนึกตัว คนถูกเตือนยิ้มตอบตาเป็นประกายแถมยังเพิ่มแรงบีบที่มือล่างจนผมต้องทุบแขนข้างนั้นให้หยุดเสียที

“ก็คิดถึงแฟนนี่นา อุตส่าห์ฝืนสังขารมาหาทั้งที วิวตามใจเป้หน่อยสิครับ”

น้ำเสียงกับนัยน์ตาออดอ้อนทำผมเริ่มจะใจอ่อน แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้ายอมให้ตามที่ขอครั้งหนึ่งก็จะต้องมีครั้งที่สองและสาม และถ้าเป็นอย่างนั้นมีหวังทั้งผมทั้งคนป่วยไม่ได้นอนกันทั้งคู่แน่ๆ ไหนพรุ่งนี้ผมจะมีเรียนแต่เช้าอีก

“ถ้าอยากให้ตามใจก็จะช่วย แต่ไม่ให้ทำถึงที่สุด ตกลงมั้ย”

คราวนี้คิ้วเข้มบนใบหน้าคมที่อยู่ห่างผมไม่ถึงคืบขมวดมุ่น

“ถ้ามีข้อแม้แบบนี้ก็ไม่เรียกว่าตามใจสิ”

“ไม่รู้ละ ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ จะเอาอย่างนั้นก็ได้นะ วิวอยากให้เป้พักผ่อนมากกว่าอยู่แล้วด้วย”

ผมยื่นคำขาด พ่อเด็กโข่งตัวโตได้แต่มองตาผมที่แสดงออกว่าเอาจริงแล้วก็ถอนหายใจ “เอ้า ยอมก็ได้ นี่เพราะป่วยอยู่หรอกนะ หายป่วยเมื่อไหร่จะทบต้นทบดอกให้น่าดูเลย”

ประโยคขู่คาดโทษทำเอาผมรู้สึกร้อนวูบบนหน้า ก็เวลาโดนทบต้นทบดอกครั้งก่อนๆทีไรเป้เล่นทวงคืนแบบเกินคุ้มจนผมแทบลุกไม่ขึ้นตลอดเลยนี่นา ไม่เข้าใจจริงๆว่าจะบ้าพลังแบบไม่เกรงใจกันไปถึงไหน

เป้จูบเบาๆลงบนจมูกผมแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกครั้งจนผมนึกอยากถองพ่อตัวดีให้จุก แต่แล้วมือใหญ่สองข้างก็กดสะโพกผมให้เบียดเข้ากับสะโพกของตัวเองจนรู้สึกได้ถึงความร้อนและแข็งขืนของความต้องการผ่านเนื้อผ้าของกางเกงขายาวที่สวมอยู่

“เป้ เดี๋ยว..”

ผมยังพูดไม่ทันจบก็ต้องครางออกมาเมื่อมือใหญ่ข้างหนึ่งล้วงเข้าไปใต้กางเกงแล้วบีบสะโพกผมแบบไม่เบาแรงขณะที่ลิ้นร้อนฉกเข้าที่กกหูแบบไม่ให้เวลาตั้งตัว

“ไม่ต้องห่วง รับรองว่าไม่ทำถึงที่สุด”

เสียงแหบต่ำที่บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ไหนทำเอาผมสะท้าน เป้ค่อยๆเลื่อนริมฝีปากร้อนไปตามแก้มและลำคอของผมพร้อมกับที่ปลดกระดุมเสื้อนอนของผมไปเรื่อยแล้วก้มลงดูดเม้มที่บ่าอย่างแรงจนน่ากลัวจะขึ้นรอย ขณะเดียวกันมือใหญ่ข้างหนึ่งก็รั้งขอบกางเกงนอนของผมลงแล้วลูบไล้แผ่วเบาที่ส่วนอ่อนไหวจนผมต้องจิกเล็บลงบนบ่ากว้างเพื่อระงับความรู้สึกที่พลุ่งพล่านขึ้นมา

ผมยกสะโพกให้อีกฝ่ายรูดถอดกางเกงของผมได้ถนัดขึ้นแม้จะขลุกขลักอยู่สักหน่อยเพราะเรานอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน เป้ลุกขึ้นจัดการกับกางเกงและเสื้อของตัวเองก่อนจะนั่งลงคร่อมผมแล้วลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่ตอนนี้มีเพียงเสื้อนอนติดตัวอยู่ชิ้นเดียว มือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อที่เหลือแล้วก็ดึงรั้งลงจนพ้นไหล่ผมแต่ไม่ยอมถอดออกจนสุด

“ตอนนี้วิวเซ็กซี่ที่สุดเลยรู้มั้ย”

คำชมที่เอ่ยออกมาพร้อมกับริมฝีปากที่จรดลงบนหัวไหล่ทำให้ผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าจนต้องหลับตาลง เป้เป็นคนปากหวานเสมอแม้ระหว่างเวลาที่มีอะไรกัน แต่ถึงจะได้ยินคำพูดแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งผมก็ยังรู้สึกดีเพราะรู้ว่าคนพูดพูดออกมาจากใจจริง การกระทำทุกอย่างของเป้ตอกย้ำความรู้สึกที่มีให้กับผมเสมอ

ร่างสูงค่อยๆถอยร่างตัวเองออกแล้วใช้มือร้อนลูบไล้ไปมาบนเรียวขาของผม ส่วนริมฝีปากนุ่มหยุ่นก็คอยแต่จะคลอเคลียอยู่บนแผ่นอกจนผมต้องเอามือสองข้างกดศีรษะของเป้ไว้และแอ่นกายขึ้นรับสัมผัสด้วยความเสียวซ่าน ลิ้นชื้นๆที่เย้าแหย่บนตุ่มเนื้อทั้งสองบนหน้าอกและลากไล้ไปมาทำให้ลมหายใจผมขาดห้วงราวคนขาดอากาศ

“อืม...เป้...อ๊ะ”

ผมอุทานเมื่อคนเบื้องบนไล่ริมฝีปากต่ำลงไปจนถึงหน้าท้องแบนราบขณะที่มือข้างหนึ่งก็ลูบไล้ต้นขาด้านในของผมโดยระวังไม่สัมผัสกับศูนย์รวมความปรารถนาที่เริ่มตื่นตัวขึ้นทุกที ผมจิกมือข้างหนึ่งลงกับผ้าปูเตียง ขณะที่มืออีกข้างเลื่อนเข้าไปในเรือนผมลื่นมือของเป้พลางแอ่นร่างตัวเองให้สัมผัสกับเรือนร่างแข็งแกร่งที่ทาบทับผมอยู่มากขึ้น รู้สึกทรมานที่กึ่งกลางของร่างกายที่ถูกปฏิเสธการสัมผัสจนแทบทนไม่ไหว

เมื่อย้อนคิดไปแล้วก็แปลก ก่อนจะได้พบกับเป้ ผมแทบไม่เคยมีความต้องการทางกายกับใคร ผู้ชายตรงหน้าคือคนคนเดียวที่ทำให้ผมได้ลิ้มรสและโหยหาสัมผัสที่ชวนให้ลุ่มหลงจนแทบถอนตัวไม่ขึ้นนี้ และถ้าหากอีกฝ่ายไม่ใช่เป้ ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าแสดงความต้องการที่น่าอายแบบนี้กับใครอื่นได้อีก

“เด็กดื้อ อยากได้อะไรทำไมไม่บอกล่ะครับ”

คนป่วยที่ทำตัวไม่เหมือนป่วยขึ้นทุกทีมองผมด้วยนัยน์ตายั่วเย้า ผมเลยหรี่ตามองกลับตาเขียวแม้จะรู้ดีว่าหน้าของตัวเองในตอนนี้คงดูแล้วไม่น่ากลัวเท่าไหร่

“ว่าไง ไม่บอกเป้ก็ไม่รู้นะ”

ริมฝีปากร้อนของคนพูดประทับจูบบนท้องน้อยใกล้กับส่วนที่ต้องการการสัมผัสจนผมสะดุ้งแล้วก็เม้มปากแน่น แม้จะรู้ตัวว่าถูกแกล้งแต่ความปรารถนาที่ต้องการระบายออกก็เรียกร้องให้ผมต้องยอมจริงใจกับตัวเอง

“อยาก...ให้เป้ทำให้”

“ก็แค่นั้นแหละ”

คนถูกขอยิ้มให้อย่างพอใจก่อนจะก้มลงแตะริมฝีปากที่ส่วนอ่อนไหวอย่างกะทันหันจนผมผวา มือสองข้างจิกลงบนผ้าปูที่นอนเต็มแรงขณะที่เป้ใช้สองมือกดต้นขาผมไว้ไม่ให้กระตุกขึ้นเพราะความวาบหวามจากรสสัมผัสที่อีกฝ่ายบรรจงมอบให้

โพรงปากอุ่นร้อนปรนนิบัติความต้องการให้ผมอย่างเชี่ยวชาญด้วยความคุ้นชิน เป้รู้ว่าผมชอบให้ทำแบบไหนจากภาษากายที่แสดงออกถึงความพึงพอใจโดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด บางครั้งก็ให้นึกเจ็บใจตัวเองที่คนตัวใหญ่ดูจะรู้จักร่างกายผมดียิ่งกว่าตัวผมซึ่งเป็นเจ้าของร่างกายนี้เสียอีก

จังหวะของเป้ที่เริ่มจากช้าเอื่อยค่อยๆเปลี่ยนเป็นรวดเร็วรุกเร้า ผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง ความต้องการที่กำลังเอ่อล้นขึ้นทำให้เริ่มจะบังคับตัวเองไม่อยู่จนต้องร้องเตือนคนต้นเหตุเสียงพร่า

“เป้...ฮ้า...จะออกแล้ว”

“อือ”

คนถูกเตือนเพียงครางในลำคอ แต่นั่นกลับทำให้ผมรู้สึกถึงการสั่นของโพรงปากที่ครอบครองผมอยู่จนภายในท้องน้อยอุ่นวาบและร่างเกร็งกระตุกไปทั้งร่างเมื่อเป้ใช้มือข้างหนึ่งช่วยรูดรั้งจนอารมณ์ของผมพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดและแตกระเบิดออกอย่างควบคุมไม่ไหวอีกต่อไป

ผมล้มตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากกล้ามเนื้อเกร็งไปทั้งร่าง เป้ยังคงใช้ปลายลิ้นร้อนเล็มไล้หยาดหยดขุ่นข้นที่ค้างอยู่บนร่างกายของผมจนหมด ร่างสูงเลื่อนตัวขึ้นมองผมที่มองกลับตาปรอยแล้วก็ก้มลงจูบบนริมฝีปากอย่างอ่อนโยนพลางจับแขนสองข้างที่อ่อนปวกเปียกของผมขึ้นคล้องคอตัวเองไว้ ผมกระสากลิ่นความต้องการของตัวเองที่ติดอยู่บนปลายลิ้นที่แทรกเข้ามาในปากจางๆแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงหรือนึกรังเกียจ ก็สิ่งนี้คือหลักฐานที่แสดงถึงความพึงพอใจที่เป้มอบให้ผมนี่นา

คนตัวใหญ่ล้มตัวลงนอนแล้วกอดผมไว้แนบอก มือแข็งแรงลูบหลังผมไปมาแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปกว่านั้นจนผมต้องผงกหัวขึ้นสบตาคนรักอย่างสงสัย

“ไม่เป็นไรหรอก เป้ทำให้วิวมีความสุขก็พอแล้วคืนนี้ สัญญาไว้แล้วนี่ว่าจะไม่ทำถึงที่สุด”

ผมเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกได้ถึงร่างกายเบื้องล่างที่บดเบียดกับตัวเองอยู่ว่าอีกฝ่ายมีความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง แต่เป้ไม่เคยขัดใจหรือบังคับผมสักครั้งถ้าเป็นเรื่องที่ผมขอร้อง หลายครั้งที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างตัวเองถึงได้เป็นที่รักของคนที่เพียบพร้อมแบบนี้นัก

“งั้นวิวถือว่าเป้รักษาสัญญาแล้ว จากนี้จะให้รางวัลคนป่วยคืนแล้วกัน”

ผมพูดออกไปแล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งหน้า เป้เลิกคิ้วมองผมแต่แล้วก็ยิ้มให้จนผมต้องก้มลงขบที่จมูกโด่งๆนั่นอย่างมันเขี้ยว คนอะไรไม่สบายอยู่แท้ๆกลับทำตัวยั่วอารมณ์คนอื่นได้ไม่ต่างจากเวลาปกติเลย

ผมค่อยๆเลื่อนตัวลงซุกไซ้ตามลำคอและแผงอกแกร่งที่ไม่ว่าได้เห็นหรือจับต้องกี่ครั้งก็อดอิจฉาไม่ได้ เป้สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อผมครอบริมฝีปากลงไปบนติ่งเนื้อกลมเล็กบนหน้าอกข้างหนึ่ง ขณะที่มือผมไล้ต่ำลงไปกอบกุมที่ส่วนไวสัมผัสของอีกฝ่ายที่เริ่มพองขยายตามแรงที่ส่งผ่านไปจนคับแน่นเต็มมือ

ร่างสูงยันตัวบนข้อศอกขึ้นเมื่อผมถอยร่างตัวเองต่ำลงเรื่อยๆจนสายตาอยู่ระดับเดียวกับความต้องการที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของเรือนร่างแกร่งที่ยิ้มนัยน์ตาพราวมาให้ แล้วก็ก้มลงใช้ริมฝีปากปรนนิบัติให้คนป่วยเหมือนที่ตัวเองถูกทำให้เมื่อครู่

ผมรู้ว่าผมไม่ได้เก่งกาจอะไรเรื่องแบบนี้นักเพราะเป้เป็นคนแรกและคนเดียวที่ผมเคยมีประสบการณ์ลึกซึ้งด้วย แต่กระนั้นคนรักที่ไม่ค่อยปล่อยให้ผมเป็นฝ่ายต้องเหนื่อยก็แสดงความยินดีทุกครั้งยามผมเสนอตัวเป็นคนเริ่มบ้าง ซึ่งนานครั้งเท่านั้นที่ผมจะยอมให้สักหนจนเราต่างรู้กัน ผมพยายามใช้ประสบการณ์ที่ได้จากเวลาที่อีกฝ่ายเป็นคนทำให้ตอบแทนให้กับเจ้าตัวเพื่อบอกให้รู้ว่าที่ผมยอมขนาดนี้เพราะผมมีความรู้สึกให้กับเป้มากแค่ไหน

“วิวครับ...อือ...ดีจัง...จะออกแล้ว”

น้ำเสียงที่บอกและหน้าท้องที่เกร็งขึ้นส่งสัญญาณว่าอีกฝ่ายกำลังจะถึงที่สุดของความปรารถนาในไม่ช้า ผมจึงเร่งภารกิจที่ทำอยู่เพื่อให้อีกฝ่ายก้าวสู่จุดหมายเร็วขึ้น มือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นมากดศีรษะผมไม่แรงนักขณะที่ผมเลื่อนริมฝีปากตัวเองขึ้นลงตามจังหวะที่อีกฝ่ายนำให้

“ซื้ด..วิว...เป้รักวิวนะ”

สิ้นประโยคร่างของเป้ก็กระตุกก่อนผมจะรู้สึกถึงหยาดหยดแห่งอารมณ์ที่คนรักปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรง ผมถอยตัวออกก่อนจะใช้ปลายนิ้วช่วยรีดเร้นความปรารถนาอุ่นข้นให้ล้นหลั่งออกมาจนสุด

อ้อมแขนแข็งแกร่งเลื่อนลงมาดึงตัวผมขึ้นไปจูบและลูบไล้แผ่นหลังที่ชื้นไปด้วยเหงื่อใต้เสื้อนอนที่ติดตัวอยู่อย่างหมิ่นเหม่ แล้วก็จูบหน้าผากผมเบาๆก่อนจะยิ้มแบบที่ทำให้ใจผมเต้นรัวเร็วขึ้นทั้งที่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้มาแล้วไม่รู้ต่อกี่ครั้ง

“แฟนเป้น่ารักที่สุดเลย”

ผมซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างด้วยความเขิน ทั้งที่ตอนที่ทำอะไรทะลึ่งๆไปเมื่อกี้ไม่รู้สึกอายเท่าไหร่ แต่พอโดนหยอดคำหวานเข้าทีไรเป็นไม่กล้ามองหน้าคนพูดทุกที

เรานั่งนิ่งในอ้อมกอดของกันและกันได้สักพักผมก็นึกขึ้นได้ว่าเป้ไม่สบายเลยรีบลุกจากเตียง แต่คนตัวใหญ่ดึงแขนผมรั้งไว้แล้วขมวดคิ้วใส่ “จะไปไหน?”

“ไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้น่ะสิ ถ้าเป้มาไข้กลับที่ห้องล่ะก็คราวนี้จะไม่ให้มาหาทั้งอาทิตย์จริงๆด้วย”

คนตัวใหญ่ยอมปล่อยมือแต่โดยดีพอได้ยินคำขู่ ผมรีบหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาสวมให้เรียบร้อยเพราะขืนเดินไปเดินมาทั้งที่ยังกึ่งเปลือยแบบเมื่อครู่ไม่รู้คนป่วยที่มีแรงเหลือเฟือจะนึกขอให้ตามใจอะไรขึ้นมาอีก ผมทำความสะอาดร่างกายตัวเองในห้องน้ำอย่างรีบๆ แล้วก็คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำอุ่นมาเช็ดคราบเหงื่อและคราบรักจากตัวของเป้จนสะอาดก่อนยื่นเสื้อผ้าให้ใส่ เป้ยิ้มตลอดเวลาที่ผมคอยดูแลจนชักนึกหมั่นไส้อยากไล่คนป่วยหน้าเป็นให้ไปนอนบนพื้นขึ้นมาตงิดๆ

ผมปิดโคมไฟหัวเตียงแล้วก็ก้าวขึ้นนอนข้างคนตัวอุ่นที่ดึงผมไปโอบเอวไว้หลวมๆ อาจเพราะฤทธิ์ยาและความเหนื่อย ไม่นานร่างสูงก็หลับใหลจนผมได้ยินเสียงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผมยกปลายนิ้วขึ้นลูบริมฝีปากบางที่ร้อนผ่าวของคนตรงหน้า แล้วจึงค่อยแตะริมฝีปากตัวเองประทับลงเบาๆโดยไม่ให้เจ้าตัวตื่นก่อนจะซุกหน้าลงพลางสอดแขนกอดคนตัวใหญ่ตอบ ไม่กล้าบอกความจริงต่อหน้าคนรักว่าที่จริงแล้วในอกรู้สึกเต็มตื้นแค่ไหนที่อีกฝ่ายฝืนขับรถมาหาทั้งที่ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้ บางทีในใจลึกๆผมอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวโดยที่ตัวเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน

เป้ระบายลมหายใจยาวออกมาแล้วก็กอดรัดผมแน่นขึ้นเหมือนละเมอ ผมยิ้มก่อนจะเบียดตัวเองเข้าหาร่างอุ่นๆข้างกายแล้วก็หลับตาลง บางทีในดินแดนแห่งความฝันของเราสองคนคืนนี้อาจจะมีผมและเป้อยู่ในนั้นด้วยกันก็ได้กระมัง


++---End สองใจในคืนหนาว---++



Create Date : 26 กรกฎาคม 2552
Last Update : 28 มกราคม 2553 19:20:18 น. 2 comments
Counter : 1049 Pageviews.

 
เขินมากกกกกก

ฮ่าๆๆ


โดย: ไอ้หัวแห้ว IP: 183.89.112.106 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:48:06 น.  

 
น้องริว อร้ายย เขาตั้งใจให้อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นน้า ฮ่าๆๆ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:9:00:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.