ชีวิตคนไทยธรรมดาในเบลเยี่ยม
Group Blog
 
All blogs
 
ปีใหม่เมืองพม่า ส่งท้ายปี ณ เก่าเมืองย่างกุ้ง

วันพุธ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖

มื้อเช้าได้เบเกอรี่ช่วยชีวิต ไม่ต้องไปหาอาหารเช้าที่ไหนกินอีก เมื่อวานส่งเสื้อผ้าไปซัก กลับมาในสภาพหอมฉุย และไม่แพงด้วย อย่างที่เมืองไทยส่วนมากเห็นคิดเป็นกิโล กิโลละ 30 บาท ที่นี่จะถูกกว่าเล็กน้อย แต่เค้าจะคิดเป็นชิ้น ๆ ไป

เราพาตัวเองและเป้คนในสองใบมายืนดักรถของเราที่ริมถนนใหญ่ จริง ๆ แล้วก็หวั่น ๆ ว่าไม่รู้ว่ามันคันไหนวะนี่ เพราะมันเหมือน ๆ กันหมด ลองดูในตั๋วเห็นมีชื่อบริษัทรถอยู่ ก็เลยใช้จำชื่อบริษัทเอา เรายืนรอกันอยู่ร่วมชั่วโมงเหมือนกัน รถที่เรารอก็มาถึง เราต้องออกไปยืนดักเพื่อมั่นใจว่าเค้าจะจอดแน่ ก่อนขึ้นก็เอาตั๋วให้ดูก่อนว่าใช่แน่นะ ถ้าขึ้นผิดไปลงชายแดนล่ะก็ซวยเชียว

รถไม่ได้ว่างเหมือนรถที่ไปพระธาตุอินทร์แขวน แต่มันอัดแน่นไปด้วยผู้โดยสารทุกเพศทุกวัย ราวกับรถเมล์แดง กทม ยามชั่วโมงเร่งด่วนในเช้าวันจันทร์ ส่วนหนึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่หอบตำราไปเรียนกันเป็นล่ำเป็นสัน รถก็จอดแวะรับส่งคนตลอดทาง โชคดีที่เราได้ที่นั่ง ไม่งั้นชีวิตจะเศร้ากว่านี้เยอะ

นั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ กันมาจนเข้าเขตเมืองย่างกุ้ง รถก็พาเรามาลงที่ป้ายใกล้ ๆ กับโรงแรมสแตรนด์สุดหรูของย่างกุ้ง ดูนาฬิกาตอนนั้นเกือบ 10 โมง

ตอนนั้นจำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมไม่ไปพักที่เดิมคือที่ Garden Guesthouse แต่เหตุผลหลักน่าจะเป็นเพราะความเบื่อที่จะพักที่เดิมตลอด เลยเสี่ยงที่จะเปลี่ยนดูบ้าง อีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ลองอะไรใหม่ ๆ บ้างก็ไม่เสียหาย เรากางข้อมูลที่ได้มาจากอินเทอร์เน็ต ก็ตกลงที่จะไปลองพักที่ บิวตี้แลนด์ 2 (มี บิวตี้แลนด์ 1 ด้วยนะ)โดยเรียกแท็กซี่ไปส่งในราคา 1000 จ๊าต (แพงนะเนี่ย)

โรงแรมนี้อยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยร้านขายเครื่องเสียง วิทยุ โทรทัศน์ พูดง่าย ๆ คือเหมือนเดินอยู่บ้านหม้อเลยล่ะ เปิดประตูมาคุณอาจจะเห็นชายชาวพม่ากำลังทดลองระบบคาราโอเกะใหม่ล่าสุดอยู่บนบันไดหน้าร้านฝั่งตรงข้าม ตัวโรงแรมนั้นไม่ใหญ่โต เป็นลักษณะที่ดัดแปลงเอาตึกแถวมาทำเป็นที่พักเหมือนทั่ว ๆ ไปในย่างกุ้ง แต่เรื่องการต้อนรับที่ดีเยี่ยมของเจ้าของ เรื่องของความสะอาด และทำเล ถือว่าที่นี่น่าพอใจมากที่นึง แถมห้องเรายังมีแอร์อีกด้วย เป็นคืนแรกที่พักที่ที่ค่อนข้าง "แพง" สำหรับชาว เป๋าแฟบ อย่างเรา คือคืนละ $18 ต่อห้อง (ก็ทุกคืนนอนอยู่ไม่เกิน $10 น่ะ คิดดูดิ) มีห้องน้ำที่สะอาดมากในตัว ไม่ต้องแชร์กับใคร ถึงราคาจะเกินงบปรกติแต่เราก็ตกลงพักที่นี่ เพราะใกล้จะจบทริปแล้ว แถมราคานี้ยังรวมอาหารเช้าชุดใหญ่อีกด้วย กะว่ายังไงพรุ่งนี้ค่อยย้ายไปห้องที่ถูกกว่านี้หน่อย

พนักงานที่เคาน์เตอร์ก็ช่วยเหลือเรื่องข้อมูลดีมาก ๆ คิดว่าคงเป็นเจ้าของกับลูกชาย คนลูกนั้นดูกระเดียดไปทางคนจีนด้วยซ้ำ ผิวขาว ใส่แว่นตา หน้าเหมือนโนบิตะ
"แถวนี้มีร้านไหนอร่อยมั่งคะ" ทั้งชีวิตฉันห่วงแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวนี่แหละ เรื่องใหญ่
"ก็มีหลายร้านนะครับ คิดถึงอาหารไทยหรือยังล่ะ"
"โห นี่อ่านใจคนได้ด้วยเหรอ"
"ฮ่ะๆ ก็พอเดาได้ครับ งั้นจากตรงนี้ คุณเดินไปถามถนนนี้นะครับ ฝั่งเยื้อง ๆ กับตลาดโบกโฉกอองซาน มีร้านอาหารไทย เจ้าของเป็นคนไทย ชื่อร้าน APK เดินไปแป๊บเดียวเองครับ"
"ขอบคุณค่ะ แล้วมีที่ไหนน่าดูอีก"
"ถ้าจะซื้อของก็ลองดูที่ตลาดโบกโฉกอองซานนี่ล่ะครับ ของเยอะมากๆ แต่ราคาจะแพงกว่าตลาดอื่นนิดหน่อยนะ นอกนั้นก็มีชเวดากอง สุเลพญา ไปมาหรือยัง?"
"อ๋อ อันนั้นไปมาแล้วค่ะ งั้นเดี๋ยวไปเดินดูตลาดหน่อยดีกว่า"

เราขอบคุณเจ้าของโรงแรม แล้วไปที่ร้านอาหารไทยที่เค้าแนะนำมา ทุกเมนูมีภาพประกอบสวยงาม ที่สำคัญรสชาตินี่ซิ ไทยจริง ๆ แค่ไข่เจียวหมูสับกับซอสพริก ทำเอาตื้นตัน (เว่อร์ไปป่าวเจ๊) อย่างอื่นก็อร่อย อย่าง ทอดมันปลากราย ก็รสชาติแบบไทยจริง ๆ ไม่เสียแรงที่ยอมกินอาหารไทยในต่างแดน (เพราะมันไม่ไหวแล้ว เอียนอาหารจืดๆ เอามาก ๆ) เรียกเช็คบิลทั้งหมดก็ 4000 จ๊าต แล้วในร้านยังจัดเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเล็ก ๆ ขายพวกของกิน ของใช้ ตั้งแต่ปลากระป๋องไปยันเทปเพลงไทยลูกทุ่ง ด้วย ส่วนร้านติด ๆ กันนั้นขายพิซซ่า เป็นร้านตกแต่งอย่างดี ส่วนมากจะเป็นหนุ่ม ๆ สาว ๆ ไปนั่งกัน พอ ๆ กับร้านโดนัทที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนเหมือนกัน เรียกว่าแทบไม่มีที่นั่ง

โบกโฉกอองซาน

ฝั่งตรงข้ามกับร้านอาหารก็จะเป็นตลาดนัดจตุจักร์เวอร์ชั่นแบบ พม่า ๆ แต่เล็กกว่ากันเยอะเลย แต่เรื่องความเบียดเสียดนี่ไม่น้อยหน้าเจเจ แน่นอน ลักษณะด้านนอกจะเป็นอาคารคอนกรีตสมัยใหม่สวยงาม ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นอาคารคล้าย ๆ โกดังใหญ่เรียงกันเป็นล็อค ๆ อย่างเป็นระเบียบ แต่สภาพก็เก่าใช้ได้ ดู ๆ แล้วคนขายจะออกมาตั้งแผงขายกันข้างนอกมากกว่าที่จะไปขายกันข้างในที่มีหลังคา ของส่วนมากก็ไม่พ้นเสื้อผ้าแฟชั่น ส่วนผ้านุ่งแบบปักลายสวยงามก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ ที่ตลกก็คือฉันเริ่มฟังภาษาพม่าออก อย่างน้อยก็ตรงที่เป็นตัวเลขเวลาเค้าบอกราคา เช่นเสื้อยืดตัวละ 1500 ถ้าซื้อ 3 ตัวเอาไป 4000 อะไรแบบนี้ จริง ๆ แล้วนับเลขพม่านี่ก็ง่ายมากเลย ถ้าจำได้จะเนียนมาก เวลาไปซื้อของ ฉันยังอุตส่าห์ไปลองภูมิ ซื้อ "ไม้คั้นมะนาว" มาจากแผงแบกะดินบนสะพานลอยมาได้อันนึง โดยคนขายไม่รู้ว่าฉันไม่ใช่คนพม่า โอโห้ โคตรภูมิใจเลยนะเนี่ย แล้วไอ้ "ไม้คั้นมะนาว" นี่เท่ดี เป็นไม้สองชิ้นต่อกันด้วยบานพับ ฝั่งหนึ่งเป็นหลุม แล้วมีรู อีกฝั่งแบน เอามานาวใส่แล้วก็บีบ ๆ ที่ชอบเพราะว่ามันเป็นไม้เกือบทั้งชิ้น อย่างบ้านเรานี่คือเป็นสเตนเลสหมดแล้ว

ตลาดอองซานนี่วุ่นวายมาก แต่ก็สนุกดีมาก ๆ มีขายตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ บางร้านขายผ้าก็ส่งหนุ่มพม่าที่เขียนคิ้วทาปากขึ้นไปเต้นบนเก้าอี้เรียกลูกค้าก็มี มีตั้งแต่เสื้อยืดตัวละ 1000-3000 จ๊าต ไปยันกล้องดิจิตอลราคา 5 แสนจ๊าตนู่นแน่ะ ตลอดทางเดินก็มีของกินเล่นขายตลอด ที่ฮิตตลอดกาลที่น้ำอ้อยคั้นใส่มะนาวผ่าฉีก ได้ยินเสีนงกรุ๋งกริ๋งจากกระพรวนที่เค้าแขวนกับเครื่องคั้นอ้อยทีไรก็ต้องคิดถึงน้ำอ้อยทุกที

โรงหนัง เน็ตคาเฟ่ กาแฟริมถนน

อีกย่านหนึ่งคือแถว ๆ โรงหนัง Thamada ที่เราแอบเรียกกันเอาเองว่าโรงหนัง ธรรมดา (แล้วจะไปดูอะไร) แต่ติดอกติดใจหนังพม่ามาตั้งแต่มัณฑะเล แถมยังไม่เข็ดมาจากเมาะละแหม่งเลยไปด้อม ๆ มอง ๆ ดูข้างใน มีป็อปคอร์นขายด้วย แถมยังมีที่นั่งพิเศษแบบโคตรหรูให้เลือกอีกต่างหาก ราคาที่นั่งละ 2000 จ๊าตแน่ะ ไม่ใช่ถูกนะนี่ แต่หนังไม่น่าสนใจเลยไม่ได้ดู คือมันออกแนวดราม่า ถ้าบทพูดเยอะ ๆ ก็ซวยเลยซิฟังไม่ออก ได้แต่ซื้อไอติมถ้วยละ 300 จ๊าตที่โรงหนังมากิน รสชาติใช้ได้ จริง ๆ มีคนเคยบอกว่าเวลาเที่ยวพยายามอย่ากินน้ำแข็งหรือของที่ไม่ร้อน แต่สงสัยว่าฉันจะธาตุแข็ง กินทุกอย่างที่เขาห้าม ๆ มาก็ยังเห็นสบายดี (แต่ดันกินแตงโมแล้วไม่สบาย!) แต่บางคนที่ท้องไม่ค่อยดีก็ไม่ค่อยอยากแนะนำ เพราะถ้าท้องเสียระหว่างเดินทางท่องเที่ยวนี่มันเซ็งแบบหาที่เปรียบไม่ได้ เสียทั้งเวลา เสียทั้งสุขภาพ

กลับมาย่างกุ้งกันต่อ ในย่านเดียวกับโรงหนัง ธรรมดา ก็ยังมีอีกโรงที่เล็กกว่า โรงนี้อินเตอร์หน่อย ฉายเรื่อง HERO แถมพนักงานเก็บตั๋วก็พยายามชักชวนเราให้เข้าไปดูเหลือเกิน แต่เสียดายที่ดูแล้ว เลยต้องข้ามไป ถัดไปจากโรงหนังนั้นไม่กี่ห้องก็เป็นร้านบริการอินเทอร์เน็ตที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวใช้บริการได้ เลยทดลองไปใช้ ปรากฎว่าเค้าบล็อกบางเว็บไซต์ อย่าง yahoo mail ไม่สามารถใช้ได้ แต่ hotmail ได้ (ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน) ค่าบริการ ชั่วโมงละ 1000 จ๊าต (จะใช้แค่ครึ่งชั่วโมงก็ได้) ซื้อเป็นตั๋วเวลากับพนักงานสาวสวยที่เคาน์เตอร์ เราออกมานั่งกินกาแฟกับขนมที่ร้านริมถนน (เก้าอี้เตี้ยเหมือนเดิม ตามสไตลฺ์พม่า) นั่งดูผู้คนเดินผ่านไปมาไม่รู้จบ พวกแผงแบกะดินก็จะเริ่มคึกคัก มีทั่วไปหมด มองไปทางไหนก็มี ไม่แพ้บ้านเราเลย

ส่งท้ายปีเก่าแบบพม่า ๆ

เรากลับไปที่โรงแรม เพราะก่อนออกมาเค้าบอกว่าให้กลับมากินบุฟเฟ่ต์ให้ได้นะ เค้าจัดให้แขกที่มาพักทานฟรี ถือเป็นการเลี้ยงส่งท้ายปีเก่า นี่ถ้าทางโรงแรมไม่บอกเมื่อเช้า เราแทบจะไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันสิ้นปีเพราะมันไม่มีบรรยากาศการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่ารับปีใหม่หรืออะไร ทุกคนดูเหมือนจะใช้ชีวิตปรกติเหมือนวันธรรมดา ๆ วันหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่รู้จะฉลองไปทำไมหรือเปล่า ในเมื่อยังไม่เห็นทางสว่างที่ชีวิตจะดีขึ้นไปกว่านี้ตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลแบบนี้อยู่

แม้แต่บุฟเฟ่ต์ที่พวกเราไปร่วมกับแขกมาพักคนอื่น ๆ แต่ละคนก็นั่งทานกันเงียบ ๆ แบบเจียมตัว กินไปดูทีวีไป บนทีวีก็ออกอากาศการประกาศผลรางวัลด้านการแสดงของพม่าเค้า ประมาณว่าเหมือนงานตุ๊กตาทอง หรือ ออสการ์ อะไรเทือกนั้น แต่เป็นเวอร์ชั่นพม่า ไม่มีการแสดงโชว์บนเวที ไม่มีพิธีกรสาวแต่งตัวหวาบหวิวใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่คนแต่งตัวด้วยชุดออกงานเป็นโคตรเป็นทางการของพม่านั่งเรียงกันเป็นตับ แล้วคอยปรบมือเวลาคนขึ้นไปรับรางวัล ดู ๆ ไปจะนึกว่านี่มันงานประชุมชมรมคนซีเรียสแห่งชาติ หรือยังไงก็ไม่รู้ ให้ตายเถอะโรบิ้น นี่มันดูแล้วเครียดกว่าเดิมอีก

แม้ว่าจะล่วงมาถึงเที่ยงคืนซึ่งหมายปีย่างเข้าปีใหม่แล้ว ถ้าเป็นบ้านเราคงมีเสียงพลุ เสียงเคาะขวด เคาะถัง เคาท์ดาวน์กันสนุกสนาน แต่ที่นีฉันพยายามเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงพลุแบบกระเทียม ดัง "แป๊ะ.." แบบหงอย ๆ เหมือนไม่เต็มใจ ถามที่โรงแรมเค้าก็บอกว่ารัฐบาลห้ามเล่นพลุเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย งั้นไอ้เสียง"แป๊ะ.." นี่คงเป็นเพราะกลัวติดคุกมากกว่า ไม่ใช่ว่ามีเล่นอยู่แค่นั้น


มันช่างเป็นการส่งท้ายปีเก่าที่หงอยเหงา และสมถะอะไรอย่างนี้




Create Date : 19 กรกฎาคม 2549
Last Update : 19 กรกฎาคม 2549 20:36:03 น. 4 comments
Counter : 887 Pageviews.

 
น่าสนุกดีนะ
เรายังไม่เคยไปเลย


โดย: Claire_plastic วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:57:55 น.  

 
เคยคิดหลายครั้งจะไปพม่าแต่ก็ยังไม่ตัดสินใตสักที พอได้อานBlgoคุณ เห็นภาพค่ะ จิตนาการตามเลย สงสัยต้องรีบหาวันว่างสักที


โดย: Dressy วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:56:47 น.  

 
หนับหนุนให้ไปค่ะ ตอนนี้แอร์เอเชียบินแล้วยิ่งน่าไปใหญ่


โดย: beebah วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:4:33:40 น.  

 
เจ๊อยากขึ้นไปทางรัฐฉานทางโน้นเลย อยากไปดูหิมะที่พม่า อิอิอิ


โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:08:06 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

beebah
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนไทย ธรรมด๊าธรรมดา เกิด และ โต ณ กทม. ปัจจุุบัน ทำงานในบรัสเซลส์ ยามว่าง(และยามไม่ว่าง แต่กระเสือกกระสนให้ว่าง) ชอบแบกเป้เที่ยวนู่นเที่ยวนี่ นี่ก็เหลืออีก ร้อยกว่าประเทศเองก็ยังไม่ได้ไป ฮ่าๆๆๆ ฮืออออ.. (T_T)
Friends' blogs
[Add beebah's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.