[Review] การฉีด Filler & Botox ปรับโครงหน้าเบาๆ แบบ 40+
แฉๆๆ...เอ้ย!!  แชร์ๆๆ


วันนี้ขอแชร์ประสบการณ์ตรง กับการฉีด  Filler และ Botox ที่หน้า
แบบเล่าสู่กันฟังให้ทุกๆ คนได้เก็บไว้เป็นข้อมูล 
เพื่อเป็นความรู้ หรือประกอบการตัดสินใจในอนาคตกันนะคะ ^_^



Disclaimer:  Sponsored by: Doctor Younger Clinic

แต่ก่อนจะรู้ข้อมูลโดยละเอียด พี่วิขอเรียนให้ทุกๆ คนทราบตรงๆ ว่าการรีวิวครั้งนี้มีสปอนเซอร์ค่ะ
ดังนั้นรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมด พี่วิไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอน
และแต่ละคนจะใช้ปริมาณไม่เท่ากันด้วย  ค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างกัน เพราะฉนั้นเรื่องค่าใช้จ่าย!! 
รบกวนปรึกษาและสอบถามโดยตรงกับทางคลีนิค จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนกว่าค่ะ

คุณหมอที่ดูแลพี่วิคือ

นายแพทย์สว่าง อัมพรพันธ์

ที่ ด็อกเตอร์ ยังเกอร์ คลีนิค

www.facebook.com/doctoryoungerfan
www.doctoryourger.com
Call center:  02-261-3697-8

และถึงแม้จะเป็นการรีวิวที่มีสปอนเซอร์..
แต่พี่วิจะขอรีวิวโดยตรงจากใจ
ทั้งความรู้สึก ข้อดีและข้อเสีย รวมถึงคำเตือน
สำหรับสาวๆ ที่คิดและตัดสินใจจะทำด้วยนะคะ!!  

อย่างที่แจ้งกันทุกๆ ครั้งว่าพี่วิไม่สนับสนุนให้ใครทำศัลยกรรมนะ..
แต่พี่ 40 แล้ว มีปัญหาและริ้วรอยมากพอสมควร ถึงควรแก่กาลแล้วค่ะ 
เลยตัดสินใจทำและอยากแชร์ความรู้สึกทั้งหมดต่อทุกๆ คนที่สนใจและกำลังหาข้อมูลค่ะ



เรามารู้อีกนิดเนอะว่า Botox และ Filler คืออะไร 
แตกต่างกันไม๊ ไปอ่านกันค่ะ

โบท็อกซ์ (Botox)

เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ ซึ่งสกัดได้จาก Botulinum Toxin Type A และสร้างจากแบคทีเรีย 
ชื่อคลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium Botulinum) โบท็อกซ์ช่วยลดการหดเกร็ง
ของกล้ามเนื้อเล็ก ที่เกิดริ้วรอยย่นให้คลายตัว และโบท็อกซ์ยังไปกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซม
คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวได้อีกด้วย ด้วยคุณสมบัติครบถ้วนแบบนี้เองที่ทำให้โบท็อกซ์
ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มศัลยกรรมยกกระชับผิวหน้า หลังฉีดจะเห็นผลชัดเจนใน 3-7 วัน

Botox จึงนิยมนำมาใช้ฉีดเพื่อช่วยให้ผิวดูตึง กระชับขึ้น ลดริ้วรอย เพื่อดูอ่อนเยาว์ 
และปรับแต่ง แก้ไขบกพร่องของใบหน้าเช่น
1. ริ้วรอยหน้าผาก
2. แก้ไขคิ้วตก
3. บริเวณริ้วรอยหางตาหรีอทีนกานั้นเอง
4. ปรับโครงสร้างหน้าเหลี่ยมให้เรียวขึ้น
5. และช่วยลดน่องให้เรียวเล็ก


ฟิลเลอร์ (Filler)

หรือสาร Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารประกอบของคอลลาเจนที่มีอยู่แล้วในผิวหนังของเรา 
เปรียบได้กับสปริงของผิวหนัง ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการรวมตัวกับน้ำ และอุ้มน้ำนั้นไว้ จะสร้าง
ความตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวที่เป็นริ้วรอยหรือร่องลึกตื้นขึ้น และเลือนไป
อย่างเป็นธรรมชาติ

Filler ถูกนำมาฉีดเพื่อช่วยในการปรับแก้รูปหน้า เป็นฉีดเฉพาะจุด เช่น
1. เติมจมูก คาง โหนกแก้ม เพื่อ
2. เพื่อเติมเต็มริ้วรอยบนใบหน้า ร่องลึก หลุมสิว ร่องแก้ม บำรุงผิวให้กลับกระชับ เปล่งปลั่ง 
และเติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มได้อีกด้วย

ฟิลเลอร์เป็นสารที่ร่างกายมีอยู่แล้ว ดังนั้นการฉีดสารชนิดนี้เข้าไปในชั้นผิวหนัง
จึงไม่ก่อให้เกิดอันตราย และสามารถย่อยสลายไปเองภายใน 8-12 เดือน


ความแตกต่างระหว่างโบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ คือ

โบท็อกซ์ เป็นการฉีดเพื่อ "ลด" การหดเกร็งของกล้ามเนื้อ 
แต่ฟิลเลอร์นั้นเป็นการฉีดสารเข้าไป "เพิ่ม" และเติมเต็มผิวบริเวณร่องลึกให้ตื้นขึ้นมา 
แต่เราจะไม่ค่อยเห็นความแตกต่างระหว่างคนที่ฉีดโบท็อกซ์ กับฟิลเลอร์เท่าไรนัก เพราะผลที่
ได้คือให้ความเต่งตึงของผิวเหมือนกัน แต่ในความรู้สึกของผู้ที่ได้รับการรักษา จะค่อนข้างแตกต่าง
เพราะผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์ ถูกลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าลง จึงทำให้ “ไม่” สามารถยิ้ม
หรือขมวดคิ้วได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์กลับสามารถยิ้มและเกร็งใบหน้าได้ตามปกติ
แต่ใบหน้าก็จะดูไม่เป็นธรรมชาติเท่ากับคนที่ฉีดโบท็อกซ์


วันนี้ใช้อะไรบ้างนะ..นี่เลยค่ะ





Restylane เรสทิเลน

ตามคำโปรยแล้วคือ  เป็นเจลคริสตัลใสผลิตจกไฮยาลูโรนิค แอสิด (HA) 
มีคุณสมบัติในการดึงน้ำเข้ารอบตัว ทำให้สามารถเติมเต็มเนื้อเยื่อให้กับผิวหนัง
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  คือสารที่ใช้ในการฉีด Filler วันนี้ค่ะ

Botulinum toxin type A

ตามคำโปรยคือ เป็นโปรตีนบริสุทธิ์  คือสารที่เราใช้ในการฉีด BOTOX วันนี้นั่นเอง



มาดูรูป หน้าเปรียบเทียบกันชัดๆ 
ก่อนและหลังทำ Botox และ Filler ก่อนเลยดีกว่า





เรียกว่าวันนี้เหมือนเรามานั่งติววิชาศัลยกรรมกันเลย หลักการและข้อมูลตรึม!!  

จบในส่วนของหลักการไปแล้วดูไม่ใช่อิชั้นเล้ย555++
มาเข้าสู่ส่วนของวิธีการและความรู้สึกกันเลยนะคะ..อิชั้นจะได้กลับมาเป็นตัวเองสักทีนะ


พี่วิมีนัดกับ "นายแพทย์สว่าง" ตอนบ่าย 3 โมงค่ะ 
พอไปถึงคุณหมอรออยู่แล้ว

ดูวันนี้คนไข้เยอะเชียวค่ะ ทั้งผู้ชายผู้หญิง น่าจะมาฉีด Botox หรือ Filler นะเพราะเข้าไปกันแป๊บเดียว


แอบเม้าท์นิดนึง!!

 ผู้ชายแท้ๆ สมัยนี้ก็หันมาสนใจ ดูแลตัวเองกันมากขึ้นนะ คือหน้าเป๊ะอ่ะ 
เห็นแล้วเราแอบอาย..หน้าอิชั้น..ย่น  แถมรูขุมขนกว้างกว่าผู้ชายอีกจ้า (--“ ) 

อุ๊ยตายยย!! พึ่งเริ่มเม้าท์เอง!!
ไปก่อนนะคุณหมอเรียกแล้ว ;)


คุณหมอมาตรวจสภาพผิวหน้าพี่วิ
ว่าผลจากการเลเซอร์คราวที่แล้ว สภาพผิวเป็นอย่างไรบ้าง 
ก่อนที่จะส่งตัวไปยังห้องแปะยาชา ทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที 
ตามที่คุยกับคุณหมอ..วันนี้เราจะฟิลเล่อร์หน้ากันค่ะ 
ซึ่งจะทำหลายจุดมากดังนี้
1. จมูก
2. หน้าแก้ม
3. ร่องแก้ม
4. คาง


ถึงเวลาแล้วซินะ!! และความรู้สึกกังวลใจก็ตามมา!!

ใน 4 จุดนี้พี่กังวลใจมากที่สุดคือ "จมูก" 
ที่จริงพี่เคยลองฉีด Filler มาครั้งนึงแล้วนะเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

ตอนนั้นยังไม่มีข่าวเลวร้ายที่เป็นข้อเสียนะ..
พี่เลยลองทำดูฉีดนิดเดียวตรงดั้งที่หัก!! 
แต่พี่ไม่ปลื้มค่ะ!! 
1. เจ็บมาก 
2. นี่ผ่านมา 3 ปีแล้วพี่รู้สึกมันยังอยู่!!
เลยเป็นเหตุให้ก่อนหน้านี้พี่ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เลย

3 ปีก่อน..หลังจากพี่ฉีดได้ไม่กี่เดือน  ก็เริ่มมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับการฉีดฟิลเล่อร์
แอบดีใจที่เรารอดมาได้และไม่โชคร้ายขนาดนั้นเลยบอกกับตัวเองไว้ว่า จะไม่ฉีดฟิลเล่อร์ที่จมูกอีก
"กลัว"!!  ต้องบอกตรงๆ ว่ากลัวตาบอดหรือทุกๆ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้.. 
วันนี้เครียดเลยนะ!!





พี่บอกกับคุณหมอตรงๆ เลยค่ะ  ว่าอันนี้ถือว่ากลัวมากที่สุด
ซึ่งจริงๆ แล้วคุณหมอไม่ได้บังคับนะ อยู่ที่พี่!!
กล้าๆ กลัวๆ แต่อีกใจก็อยากสวยและดูดีขึ้นแหละ.. 
เลยถามคุณหมอไปว่า...หนูจะปลอดภัยใช่ไม๊คะ?? 
คุณหมอคงดูอาการออก..ก่อนเล่ายาวๆ ซึ่งสรุปได้ว่า

คุณหมอ: การร้อยไหมที่คุณวิเคยกลัวนั้น ยังไม่น่าหวั่นใจ เท่าการฟิลเล่อร์จมูกนะครับ!!
พี่วิ:  อ้าวว!!  (ร้องในใจ)
คุณหมอ:จะร้อยไหม Botox หรือฟิลเล่อร์ส่วนไหนๆ ให้หมอท่านใดที่อยู่ในสายอาชีพนี้ทำก็ได้!! 
แต่การฟิลเล่อร์จมูก!!..คุณวิจะให้ใครทำนั้น ต้องเป็นคุณหมอ 
ที่เรียนมาเฉพาะทางด้านนี้โดยตรง!! ต้องน่าเชื่อถือ!! 
และมีฝีมือมากพอ!! เพราะอยู่ในจุดที่อาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ!! 
นอกจากเฉพาะทางโดยตรงแล้ว ต้องมีความเชี่ยวชาญชำนาญมากพอ คุณหมอที่ทำมือต้องนิ่งมาก 
(พอฟังแล้วยิ่งเครียดหนักค่ะ น้ำตาจะไหล!! เมื่อก่อนไม่เคยรู้อะไรอย่างนี้มาก่อนเลย!!)  

พร้อมทั้งเล่าให้ฟังต่อว่า คุณหมอสอนเรื่องนี้กลับนักเรียนแพทย์อย่างไร 
และแพทย์ที่คุณหมอจะให้ผ่านวิชานี้ต้องมีคุณสมบัติเช่นไรบ้าง

 โอเคล่ะ!! ฟังอย่างนี้แล้วอิชั้นก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก..
ในใจคิดว่า.. เราคงไม่โชคร้ายเป็น 1 ในล้านที่ซวยขนาดนั้นหรอกน่า!!..
ระดับอาจารย์หมอแล้วนะ!!
พอถึงเวลาก็ย้ายจากห้องแปะยาชาไปเข้าห้องฟิลเล่อร์ค่ะ


แล้วปัญหาก็ตามมาอีก!!

พอเช็ดยาชาออก..คุณหมอเตรียมลงมือจะฉีดตรงดั้งจมูก ท่านนิ่งสักพักแล้วถามว่า..

คุณหมอ:  เนื้อนิ่มๆ ที่อยู่ตรงระหว่างคิ้วนี่คืออะไร?? 
คุณวิมีอยู่แล้วหรือไปทำอะไรมา??  
พี่วิ:  เอาแล้วไง!! ตอนนั้น..งง!!..
คุณหมอ:  หยิบกระจกให้ดูก่อนอธิบายว่ามันผิดปกติ หมอไม่เคยเห็นนะและคิดว่าไม่ใช่เนื้อปกติ!! 
พี่วิ:  อ้าวววว!! เครียดเลยชั้น!! 
คุณหมอ:  แน่ใจนะ!! ว่าไม่เคยทำอะไรมานอกจากฟิลเล่อร์ครั้งนั้น!! 
พี่วิ:  ตอบแบบหนักแน่นไม่เคยจริงๆ ค่ะ!!
คุณหมอ:  พิจารณากับสิ่งนี้นานมาก..ก่อนบอกว่า..ผมขออนุญาติฉีดยาสลายตรงนี้ได้ไม๊?? 
เพราะว่าผมคิดว่ามันไม่ปกติ!!..ถ้าฉีดแล้วมันสลายแปลว่ามันคือบางอย่างที่ตกค้างอยู่
แต่ถ้าไม่สลายก็คือเนื้อเราจริงๆ 
พี่วิ:  ก็เลยถามคุณหมอไปว่าจะอันตรายไม๊ 
คุณหมอ:  ไม่อันตรายครับ มันแค่เข้าไปสลายสารที่ตกค้างเท่านั้น
พี่วิ:  โอเคค่ะคุณหมอ (เลยตกลงฉีดสลายก่อนทำทุกอย่าง).. 
ตอนฉีดก็รู้สึกนิดๆ ไม่ถึงกับปวดค่ะ.. 


เจ้าเนื้อนิ่มๆ เจ้าปัญหาก่อนฉีดสลาย
ของจริงมันยื่นออกมาชัดกว่านี้ค่ะ
นับเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของพี่เอง..
ที่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว "ไม่" ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนทำ!!





พอฉีดเสร็จคุณหมอส่งกระจกให้ดู
(ภาพหลังฉีดแล้วยุบ ไม่มีภาพประกอบ..เสียดายสุดๆ)

มันยุบลงไปเลย!! อ้าวววว!! แล้วมันคืออะไรอย่างไง?? ทำไม?? 
ตอนนั้นคำถามเยอะมาก!!   คุณหมอพูดแค่ว่า..มันค้างอยู่!! 
และน่าแปลกใจมาก..ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ??

ด้วยมารยาทและจรรยาบรรณของคุณหมอที่จะไม่กล่าวอ้างถึงใคร!!
คุณหมอไม่ถามสักคำว่าตอนนั้นไปฉีดที่ไหนมา!! แต่เรานี่แหละ..รีบบอกคุณหมอเลย!!


แล้วถามคุณหมอต่อทันที!!

พี่วิ:  แล้วการฉีดครั้งนี้จะไม่ค้างสะสมแบบนั้นใช่ไม๊คะ 
คุณหมอ:  ไม่ครับอันนี้จะสลายไปเองภายใน 6-8 เดือนไม่ต้องกังวล!! 
พี่วิ:  การตกค้างเกิดจากอะไร??
คุณหมอ:  คุณภาพของ Filler ที่ใช้ โดยปกติ Filler ต้องสลายไปเอง
อย่างช้าสุดไม่เกิน 8-12 เดือน แล้วแต่จุด
พี่วิ:  อ้าว!!  แล้วนั่งเงียบๆ ถามตัวเองในใจ??  
แล้วก่อนนี้…คลีนิคนั้น!! ฉีดอะไรมาให้ฟร๊ะ?? 

คือมันไม่สลายนี่ก็น่ากลัวแล้วนะ..ที่ร้ายยิ่งกว่าคือ
มันไหลจากดั้งขึ้นไปที่ระหว่างคิ้วอ่ะ!!  
ก็ยังโชคดีนะที่มันไม่ส่งผลร้ายไปกว่านี้..ไม่อยากจะคิดเลย!!


พอหน้าพี่วิดูสบายใจมากขึ้นหมดกังวล..
คุณหมอก็เริ่มเตรียมฉีด Fillerค่ะ

-1. สันจมูกตรงดั้งที่หักแด่นๆ ฉีดเยอะมากค่ะ เพราะดั้งพี่หักมาก และมีรอยแผลเป็นด้วย
แต่ตรงกลางจมูกเดิมโด่งเป็นกระดูกๆ นูนออกมา
จากนั้นคุณหมดก็นวดๆ ปั้นๆ จมูกเบาๆ เพื่อปรับแต่งให้สวยเข้ารูป
-ฉีดเติมที่ปลายจมูกเพราะว่าจมูกพี่วิงุ้มเกินไป ฉีดให้มันดูเชิดขึ้นเล็กน้อยคุณหมอบอกว่า
ผู้หญิงที่จมูกเชิดๆ หน้าจะดูหยิ่งนิดๆ ดูมีเสน่ห์ ดูเข้าถึงยาก555++

(ขำในใจ..คุณหมอคะ!!..ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีใครจะคุยกับหนูอยู่แล้วค่ะ..
เพราะหน้าเดิมใครๆ  ก็บอกว่าดูหยิ่งมากกก!! ทั้งที่จริงพูดมากสุดๆ >_< )

-2. แก้มตรงช่วงด้านหน้าแก้มคือหน้าพี่มีโหนกแก้มอยู่แล้วค่ะ แต่หน้าแก้มแบนราบ ไม่อิ่ม
คุณหมอบอกว่าตรงนี้ถือเป็นโหงวเฮ้งด้วยนะ ถ้าฐานแก้มอิ่ม รองรับกับโหนกแก้ม 
จะถือว่ามีบารมีกว่าสามี!! เสร็จล่ะ!! วันนี้กลับไปจะใช้ถูบ้านซะให้เข็ด555++
และข้อดีอีกอย่างคือหน้าที่ดูอิ่มเอิ่มจะทำให้ดูเยาว์วัยขึ้น;)
-3. ร่องแก้มตรงนี้คุณหมอฉีดไปนิดเดียวอย่าเรียกว่าฉีดเลย เรียกว่าจิ้มปลายเข็มลงไปดีกว่า..
คือน้อยมาก..คุณหมอบอกว่าอยากให้ดูเต็มขึ้นเล็กน้อยพออายุประมาณนี้ อย่างไงก็ต้องมีร่องแก้ม
ถ้าฉีดจนอิ่มเต็มไปหมดก็ทำได้แต่ไม่ธรรมชาติดูรู้ว่าทำมา!!
ผมอยากให้คุณสวยขึ้นแต่ดูธรรมชาติอยู่(อุ๊บร๊ะ!! โดนใจ)
-4. คางหน้าเดิมพี่คางยาวอยู่แล้วค่ะแต่ว่าตรงปลายช่วงกลางคางบ๋อมนิดหน่อยและตัดเป็นเหลี่ยม
เนื้อคางแบนๆ ซึ่งเป็บลักษณะคางแบบผู้ชาย คุณหมอบอกว่าคางผู้หญิงที่สวยต้องอิ่ม งอนนิดๆ 
และมนๆถึงจะดูหวาน เลยเติมตรงปลายคางค่ะ ฉีดลงไป ที
ขึ้นมาตุ่ยๆ นวดเบาๆ
ก่อนส่งกระจกให้พี่วิดูหน้าตัวเองอีกครั้งหลังฉีดเสร็จ





"หลังจากฉีด Filler เสร็จ"

คุณหมอเดินวนไปมาเพ่งพินิจหน้า แล้วบอกว่า
หมอขอ Botox หน้าผากนิดนึงนะ.. เพราะคิ้วคุณวิต่ำไปนิดนึง กระชับขึ้น  
จะช่วยให้หน้าโดยรวมดูได้รูปมากขึ้น  รองรับกับจมูกที่ดูโด่งขึ้นด้วย  
รวมถึงช่วงโครงหน้าด้านข้างช่วงขมับ อยากให้ดูตึงกระชับอีกนิดพอ
แต่ยาชาหมดฤทธิ์แล้วค่ะคุณ ที่สำคัญหน้าผากไม่ได้แปะยาชาไว้ตั้งแต่ทีแรก 

คุณหมอ:  ฉีดสดไหวไม๊ คุณวิ?? 
พี่วิ:  (เหอะๆๆๆ!! อืมมมม.. ในใจรู้อย่างเดียวอยากสวยต้องอดทน!!) 
หนูขอน้ำแข็งได้ไม๊คะ5555++
คุณหมอ:  บอกโอเคได้เลย!! ทนไม่ไหวบอกนะ!! 
พี่วิ:  ได๋ค๊า... ^_^ (ขอโทษนะ!! น้ำแข็งเวลาประคบปวดกว่าเข็มสะอีก!!) 
ตอนหลังเลยไม่ประคงประคบแล้ว..เอาเลยค่ะคุณหมอ..แล้วนั่งกัดฟันกรอดๆๆ


อ๊ากกกกส์... เธอเป็นใครเนี่ย!! 555++  
เออๆๆ..ทำให้ดูหวานขึ้นจริง.. มิน่าเมื่อก่อนชอบมีคนหาว่าเรา  
เป็นกระเทยแปลงเพศ เพราะคางอิฉั้นนี่เอง!!





โครงหน้าดูได้รูปขึ้นนะ..แต่สภาพหน้าอาจจะโหดไปนิด 555++

พี่เคยสอบถามคุณหมอว่า..ทำไมไม่แนะนำให้ทำเรื่องรอยกระ..ให้จางลงก่อน
แล้วค่อย Filler & Botox คะ??

คุณหมอให้คำแนะนำว่า : หลังจากเราปรับสภาพพื้นผิวหน้าให้เรียบ กระชับขึ้นแล้ว
ควรทำโครงหน้าเราให้ได้รูป ดูดีขึ้นก่อน ซึ่งเป็นประเด็นหลักๆ เมื่อโครงหน้าสวยที่เหลือจะตามมาเอง
รอยดำเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ต้องค่อยๆ ทำเก็บรายละเอียด และบำรุงรักษาไปทีละเรื่องจะดีกว่า


ตอบคำถามที่น้องๆ 

Botox เยอะไม๊คะพี่วิ:  ทั้งหน้าผากอ่ะค่ะ ถี่ยิ๊บ!!
เจ็บไม๊คะพี่วิ:  พี่ว่าเลเซอร์ เจ็บและลุ้นกว่าเยอะค่ะ สำหรับพี่โบท็อกซ์เฉยๆ 
(อุ๊ย..ปากดี!! ได้ข่าวว่านั่งกัดกรามกรอดดดๆๆ 555+)

มีน้องๆ ฝากถามคุณหมอเข้ามาทาง Fackbook พี่วิค่ะถามมาให้แล้ว..ตามนี้เลยค่ะ

1. เรื่องคิ้วตกมาก...ควรร้อยไหม หรือ Botox คะ?
- คุณหมอบอกว่า Botox ก็พอค่ะ ยกหางคิ้วขึ้นมา 
แต่ต้องให้คุณหมอดูว่าควรฉีดปริมาณเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม และเพียงพอ
2. ใต้ตาลึกเป็นร่อง ฟิลเล่อร์ช่วยได้แค่ไหน
-  ฟิลเล่อร์จะช่วยเติมเต็มได้ค่ะ เพราะนั่นเป็นคุณสมบัติหลักของฟิลเล่อร์ 
แล้วก็จะสลายไปเอง 6-8 เดือนค่ะ
3. ขาใหญ่มาก Botox ช่วยได้จริงหรือ??
-  ช่วยได้ค่ะ Botox ขาเรียว ซึ่งต้องให้คุณหมอดูก่อนว่าเป็นไขมันหรือกล้ามเนื้อนะคะ


Filler และ Botox เหมาะกับใคร อย่างไร

1. คนที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย ร่องลึก หรือผิวเหี่ยวย่นต่างๆ บนใบหน้าและลำคอค่ะ
2. ควรมีอายุที่อยู่ในวัยทำงานขึ้นไปแล้วค่ะ เพราะเด็กสาวๆ วัย 20 ต้นๆ 
ทำไปแล้วก็ไม่ค่อยเห็นความแตกต่างมาก เพราะยังไม่มีความเหี่ยวย่นหรือริ้วรอยค่ะ
3. การจะเลือกฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์นั้น ต้องพิจารณาจากปัญหาผิวหน้าของแต่ละคน 
และเลือกใช้ให้ถูกจุด ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ควรปรึกษาแพทย์เพื่อศึกษาข้อมูลให้มั่นใจก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันสารเหล่านั้น
ไม่ให้กลับมาทำร้ายเราเองในที่สุดนะคะ


คำเตือนและข้อแนะนำจากพี่วิ

พี่ว่าทั้ง Filler และ Botox ถ้าอยากจะทำจริงๆ 
ให้หาหรืออ่านข้อมูลเยอะๆ ค่ะ...จะทำที่ไหนก็

1. สืบค้นประวัติของตัวคุณหมอบ้าง ว่าเค้าเป็นใคร มีประสบการณ์มาขนาดไหน 
ไม่มีคุณหมอคนไหนอยากให้ผิดพลาดแต่ทุกอย่างเกิดขึ้นได้!! 
ดังนั้นประวัติของคุณหมอย่อมเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เราอุ่นใจขึ้นค่ะ
เราควรเลือกคุณหมอเฉพาะทาง ไม่ใช่แค่คุณหมอผู้เชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียวค่ะ
2. สถานที่ที่เข้ารับบริการควรได้มาตรฐาน มีชื่อเสียงและการยอมรับ เพราะนั่นหมายถึง
เค้าจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานด้วยเช่นกัน 
กรณีฉีด Filler ถ้าที่เราไปทำแล้ว มันไม่ใช่ฟิลเล่อร์แท้จะเกิดอะไรขึ้น 
เพราะมันเหลวและไหลไปในผิวเรา ถ้ามันไม่สลายหรือเป็นอะไรก็ไม่รู้ 
เราจะเอามันออกมาได้อย่างไร ซึ่งอันตรายมาก เรื่องใหญ่ อันตรายนะ
3. อย่าเชื่อคนอื่นหรือคำโฆษณาและราคาที่ล่อใจ ต้องมีสติ หาข้อมูล คิดไตร่ตรองให้รอบครอบ
4. ขอดูบรรจุภัณฑ์และแบรนด์ของสารที่จะฉีดให้เรานะคะ ว่ามาในบรรจุภัณฑ์ที่
ยังไม่ได้เปิดใช้หรือเปล่า และเป็นของที่ไหนอย่างไร เพื่อความปลอดภัยของเราเองค่ะ
5. ราคาที่สมเหตุสมผล ขอถูกและดีมีอยู่ในโลกค่ะ  
แต่เราไม่ควรเสี่ยงของถูกกับการศัลยกรรม เพราะมันไม่คุ้มเสี่ยงจริงๆ


ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วค๊า... 

ลงมานั่งเพื่อให้คุณหมอสั่งยาและวิเคราะห์โดยรวมก่อนกลับบ้าน
คุณหมอ:  ชอบไม๊
พี่วิ:  ชอบค่ะ
คุณหมอ:  นิ่งเงียบนานมากกก..นั่งอมยิ้มมองจมูกมองคาง!!
พี่วิ:  หันไปมองหน้าคุณหมอ..แล้วทำหน้า..งงๆ
คุณเจี๊ยบ MKT:  คุณหมอท่านเป็นแบบนี้ล่ะค่ะคุณวิ!!..
มีความสุขเวลาแก้ไขรูปหน้าให้คนไข้ดูดีขึ้น!!
พี่วิ:  อ่อค่ะ..พี่ก็คิดว่าคุณหมอตะลึงในความงามของพี่ซะอีก5555+



"ความรู้สึกส่วนตัวของพี่ ณ วันนี้หลังฉีดมา 15 วัน"

เอาแบบพูดกันตรงๆ เลยนะ
พี่ว่าไม่เยอะดี ดูเติมเต็มขึ้น คือยังดูธรรมชาติอยู่
ต้องบอกว่าหน้าพี่วิเอง โครงสร้างหน้าเหมือนคนศัลยกรรมมาหนักอยู่แล้ว
ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร นอกจากตา 2 ชั้น ดังนั้นเวลาจะทำอะไรต้องคิดหนัก
เพราะกลัวหน้าจะดูพลาสติกเกินไป
แค่นี้ก็ตอบคำถามบ่อยมาก..ว่าเสริมจมูกที่ไหน ต่อคางอย่างไง 
แต่ไม่โกรธนะ..เข้าใจ!! หน้าเรามันดูผิดปกติเอง ช่วยไม่ได้ 555++

ครั้งนี้ที่ฉีด Filler แล้วดูไม่ต่างไปจากหน้าเดิมนัก จึงเป็นเรื่องที่พี่พอใจมาก
คือทำ แต่ดูเหมือนไม่ทำมาก!! ปรับโครงสร้างให้สมดุล และดูชัดเจนขึ้น..พอใจแล้วค่ะ!!

คุณหมอสามารถฉีดได้มากเท่าที่เราต้องการ ให้ดูเยอะ ตึง โด่งแค่ไหนก็ได้
แต่คุณหมอเน้นย้ำว่า..อยากให้ดูเป็นธรรมชาติ และใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ

ไม่ใช่ฉีดปุ๊บ..ต้องมานั่งตอบคำถามทุกวันว่า..ไปทำอะไรมา?? ไปทำหน้ามาหรอ??
ซึ่งเราเองก็คงไม่ชอบ!! แบบนี้ดูสวยธรรมชาติและใช้ชีวิตปกติได้ดีกว่า

พี่วิว่า!!  แค่ให้คนอื่น..แค่รู้สึกสงสัยในใจ และทำได้แค่พูดว่า
เดี๋ยวนี้ดูสวยขึ้นนะ!! ดีกว่าไม๊??


ข้อมูลการรีวิวทั้งหมดในครั้งนี้พี่วิหวังว่าจะเป็นประโยชน์
และข้อเตือนใจสำหรับทุกๆ คนนะคะ





ทางคลีนิคฝากประชาสัมพันธ์มาว่า..


น้องๆ เืพื่อนๆ ที่โทรเข้า Call Center เพื่อปรึกษาหรือนัดเข้ารับบริการ

ถ้าแจ้งว่า ทราบข่าวมาจากบล็อคหรือเพจของ 
"พี่วิ Beauty4ties (บิวตี้โฟร์ตี้)"


ทุกท่านจะได้รับส่วนลดพิเศษ 
30% สำหรับฟิลเลอร์ และร้อยไหม 
และ 20% สำหรับ Botox ค่ะ 

Smiley


ขอบคุณทุกๆ คนที่แวะมาอ่านและ
เป็นกำลังใจให้กันตลอดๆ นะค๊า..บ๊ายยย

Smiley _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ Smiley



Create Date : 17 กรกฎาคม 2556
Last Update : 23 กรกฎาคม 2556 18:13:20 น.
Counter : 42644 Pageviews.

0 comment
Review: การยกกระชับหน้า เลเซอร์ และการร้อยไหม
โอยยย..ฟังดูน่ากลัวมากใช่ไม๊คะ..
ผู้หญิงคนนี้อะไรนักหนา

ก็ต้องยอมรับแต่โดยดีว่า..ถึงวัยแล้วค่ะ!!
40 แล้วอิชั้นก็ยังอยากดูดีอยู่นะ..ไม่ต้องอ่อนกว่าวัยหรอก..แค่ให้สมวัยก็พอ

มาดูกันว่าทำไมพี่วิถึงต้องทำทั้ง 3 ตัวนี้มันช่วยได้จริงหรือ?

อย่างที่ทุกคนทราบว่าพี่หน้าเยินมาก
"จากการแพ้สกินแคร์และสิวฮอร์โมน" 
ที่บุกโจมตีอย่างกระหน่ำ รักษาเองมานานเกือบ 2 เดือน!!
แล้วได้เท่านี้!! ยังคงทิ้งร่องรอยไว้มหาศาล



คุณพระ!!  อิชั้นรู้คุณแอบอุทานสิ่งนี้อยู่ในใจ 555++..คุณเห็นยังตกใจแล้วอิชั้นหล่คะ??
ไม่ไหวเกินเยียวยา..พี่วิเริ่มหาข้อมูลที่เลเซอร์และการรักษารอยดำอยู่ตลอดเวลา
ยอมรับตรงๆ จากใจเลย..ว่าเครียดมากกกก..ครั้งแรกที่หน้าเยินได้รุนแรงแสลงใจขนาดนี้

ในช่วงที่พี่กำลังตัดสินใจว่าจะเลือกเข้ารับการรักษาที่ไหนดี..ก็เป็นความโชคดีมากๆ 
ที่มีโอกาสได้รู้จักพูดคุยกับทางหลายๆ คลินิค ต้องบอกทุกคนตรงๆ ค่ะว่า  
พี่วิทำเพจเกี่ยวกับความงาม  ไม่แปลกที่จะมีคลินิคศัลยกรรมติดต่อมา ก่อนหน้านี้ซัก 3 เดือนที่แล้ว
มี 2-3 คลินิคที่ติดต่อพี่มา และมุ่งประเด็นการร้อยไหม  ตอนนั้นไม่ปลื้มนะ!!  ไม่ใช่อะไรค่ะ

พี่กลัวถึงกลัวมากเรื่องการร้อยไหม..ข่าวแรง!!  เห็นน้องๆ  ใกล้ตัวไปทำมาบางคนเริ่ด.. 
แต่บางคนไม่!! แถมกระแสข่าวการร้อยไหมแล้ว  
เข้าเครื่องสแกนร่างกาย แล้วเลเซอร์ไม่ได้อีก

โอววว..กลัวนะ ไม่เอาแน่ๆ   พี่เลยเปิดใจปรึกษากับทางคลินิคนี้เรื่องการเลเซอร์เป็นหลัก  
ทางคลินิคให้คำแนะนำพี่อย่างดีทุกเรื่อง  ก่อนเชิญพี่ไปทดลองทำเลเซอร์ ครั้งแรก 
เพื่อลดเลือนรอยดำ และบริการอื่นๆ ตามความเหมาะสม  
เค้าและเราต่างก็คงพิจารณากันอยู่พอสมควร ในหลายปัจจัยเนอะ สรุปพี่ตัดสินใจ
เข้ารับบริการกับที่นี่ค่ะ Doctor Younger Clinic   ทำไม??  ไปดูพร้อมๆ กัน



เมื่อไปถึงคลินิคสิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้คือ..ความสะอาดตา คลินิคสีขาวเขียวดูโมเดิร์นเชียวค่ะ 
พนักงานออกมาต้อนรับเป็นผู้จัดการประจำสาขาและอีกท่านคือคุณเจี๊ยบ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่ติดต่อและนัดกันในวันนี้ ก่อนได้พบอาจารย์หมอซึ่งพี่ Search หาข้อมูลล่วงหน้าไว้นิดหน่อยว่าใครหรอ??  
คนที่เราต้องฝากความไว้วางใจทั้งหมดไว้ที่เค้า... ข้อมูลที่ได้ทำให้พี่รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น  
เพราะนอกจากท่านจะเป็นกรรมการผู้จัดการคลินิคแห่งนี้แล้ว ท่านยังเป็นอาจารย์หมออันดับต้นๆ ของเมืองไทยอีกด้วย ท่านคือ

นายแพทย์สว่าง อัมพรพันธ์




...เอิ่มมม..อึ้งไปชั่วครู่เพราะนอกจากท่านจะเป็นคุณหมอชื่อดัง 
ที่เคยเห็นท่านให้สัมภาษณ์อยู่บ่อยๆ  แล้ว ท่านยังดังมากๆ ในเรื่องการเป็นอาจารย์หมอ  
ที่สอนการร้อยไหมอีกด้วย!!

พี่รู้ตัวทันที!! ..อิชั้นคงไม่โดนแค่เลเซอร์แล้วล่ะ!!
แต่บอกตรงๆ นะ  ณ จุดนี้พี่เริ่มอุ่นใจขึ้นบ้าง  ถ้าจะต้องโดนร้อยไหมจริงๆ  
โดยคุณหมอฝีมือระดับอาจารย์หมอขนาดนี้..555++   
อิชั้นไม่ปฏิเสธให้พวกคุณรุมประนามอิชั้นหรอกค๊า..
แต่ขอดูสถานะการณ์ตอนคุยอีกหน่อยนะ..ในใจยังป๊อดอยู่นิดๆ

ไม่เกิน 10 นาทีหลังจากกรอกประวัติเสร็จ คุณหมอก็เข้ามาทักทาย 
อืมมมม..แอบคิดในใจนี่หมอที่ชั้นเห็นในรูปหรอ?? ท่านดูเด็กกว่าในรูปและใน TV มากค่ะ  
มีความเป็นกันเองมากไม่ถือตัว อีกสิ่งที่สัมผัสได้จากคลินิคนี้คือความใส่ใจ ทุกอย่างทุกคน
ทำให้เรารู้สึกสบายๆ คุณหมอยืนพิจารณาหน้าพี่  สักพักก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกเครื่องมือตัวไหนในการแก้ปัญหาให้ตรงจุดจริงๆ  
และหนึ่งในนั้นคือการร้อยไหม!!


คุณหมอถามว่า “อยากทำไม๊ เอาที่เราสบายใจ”   
“ที่จริงหมอมองว่า แก้มช่วงคางคุณคล้อยนิดหน่อย  ทำให้ร่องแก้มดูลึก 
เก็บตรงนี้นิดเดียวหน้าจะดู  มีเชฟที่สวยชัดเจนขึ้น”  พี่รู้สึก!! 
อืมม.. นี่สิ!!  คนที่ฉั้นอยากคุยด้วย.. คนที่ไม่กดดัน ดูรีแล็กซ์  พร้อมให้คำปรึกษา 
พี่รู้สึกสบายใจมากๆ   ถึงแม้ในใจจะยังกลัวเจ็บ 
แต่ตอบแบบน้ำตาคลอนิดๆ ว่า..หนูทำใจมาจากบ้านแล้วค่ะ!! 555++

ปล. ที่ตัดสินใจยอมเจ็บ และเสี่ยง เพราะชื่อเสียงในฝีมือ 
รวมถึงความเป็นกันเองของคุณหมอล้วนๆ เลยนะ (อันนี้คิดในใจ!!)  
ทุกคนอาจมองว่า  เป็นใครก็ทำเพราะมันฟรี!! แต่สำหรับพี่!! ไม่ใช่ค่ะ!!...
ถ้าฟรี แต่คุณหมอโนเนม ไม่น่าเชื่อถือ..พูดจาไม่แคร์... เจ๊ก็ไม่เสี่ยงนะคะ..มีหน้าเดียวค่ะ..เหอะๆ




หลังจากสรุปขั้นตอนการรักษามีดังนี้…
1. ยกกระชับกรอบหน้า Ultra Deep Lifting
2. เลเซอร์ Fractional CO2 Laser  เฉพาะครึ่งหน้าด้านล่างที่เป็นรอยดำ
3. ร้อยไหม  ยกกระชับแก้มตรงแนวกรามนิดหน่อย
นั่งทำใจกันสักพัก   แล้วไปนอนแปะยาชากันค่ะ 
ทิ้งไว้ 45 นาทีค่ะ ช่วงนี้พี่ก็ถ่ายรูปมากมายและโซเชี่ยลไปเรื่อยๆ 
ครบเวลาปุ๊บ....ไปขึ้นเขียงค๊า


1.  ยกกระชับหน้า  Ultra Deep Lifting Program
โปรแกรมนี้ช่วยในเรื่องยกกระชับผิวหน้า เพื่อผิวเต่งตึง กระชับขึ้น ช่วยตอบโจทย์ทุกปัญหา 
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผิวหย่อนคล้อย และผิวมีริ้วรอย การ Lifting คล้ายการทำอัลตร้าซาวด์ที่หน้า  
พี่ยกที่ช่วงกรอบหน้าตรงแนวขมับถึงกราม..แอบกลัวนิดหน่อย..ลุ้นๆ ค่ะ 

ลงเจลใส ก่อน Lifting 




--> ความรู้สึกเหมือนมีอะไรกดบนหน้า  แล้วลึกเข้าไปในชั้นผิว   พอทำเสร็จก็ไม่มีรอยอะไรเลย
แค่มีความรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเข้าไปลึกมาก.. หน่วงๆ นิดหน่อยไม่ถึงกับปวด

คุณหมอบอกว่าเจ้าสิ่งนี้จะช่วยยกกระชับตรงส่วนไขมันช่วงกรามของพี่ให้มันเฟิร์มขึ้น.. 
แดงนิดหน่อย.. อันนี้ชิลๆ   เสร็จแล้วพักสักครู่ แล้วไปต่ออีกห้องเพื่อเลเซอร์กันค่ะ ^_^


หลัง Lifing แดงเล็กน้อยมาก




เอารูปน้องปู ไปรยามาให้ดูพลางๆ สวยๆ 
พักสายตาก่อนไปดูหน้าเยินๆ กันต่อ..อิอิ






2. การเลเซอร์ที่ชั้นเฝ้ารอ คุณหมอเลือกทำ Fractional CO2 Laser 

นวัตกรรมด้านเลเซอร์ตัวนี้ไม่ใช่ตัวใหม่ล่าสุดนะคะ  แต่ตรงกับปัญหาผิวหน้าพี่มากที่สุด 
ช่วยแก้ปัญหาเรื่องผิวหน้าไม่เนียนเรียบ เหมาะกับใช้รักษารอยแผลเป็นจากสิว ผิวขรุขระ รูขุมขนกว้าง เพื่อผิวหน้าขาว กระจ่างหน้าใส และกระชับยิ่งขึ้น   
เจ้าตัวนี้เป็น Laser ที่มีลำแสงเล็กมาก..และทะลุทะลวงผิวได้ลึกสุดๆ จึงทำให้ความร้อนสามารถ
ไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยไม่ทำให้เซลล์ผิวข้างเคียงถูกทำลาย และยังช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้อย่างรวดเร็ว จึงมีระยะเวลา Down time สั้นเพียง 5-7 วัน

วันนี้เราเลเซอร์ลดรอยดำด้วยเครื่อง Fractional CO2 Laser  
จะทำเฉพาะส่วนตรงกลางหน้าค่ะ เอาออกไปบางส่วนก่อน 
เพราะตรงกรอบหน้าเราต้องทำอย่างอื่นร่วมอีกด้วย



เนื่องจากรอยกระลึกและรอยดำเต็มหน้าพี่..คุณหมอเห็นแล้วคงหมั่นเขี้ยว555+  
รู้สึกเหมือนกำลังโดยแสกนบาร์โค้ดบนหน้าอ่ะ..มันดังฟิกซ์ๆๆ     
ไม่เจ็บค่ะรู้สึกร้อนนิดๆ คุณหมอจะเพียรถามบ่อยๆ เจ็บไม๊ ร้อนไม๊ ไหวหรือเปล่า 
เพราะพี่นอนกัดกรามตลอดเวลาไม่ได้เจ็บนะ..มันลุ้นนนน!!!
พอ Laser เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะมาประคบเย็นให้ค่ะ


ในเรื่องของการเลเซอร์พี่วิให้การดูแลหน้าเป็นพิเศษมาก 
ต้องเลี่ยงแดด  แสงต่างๆ  ให้มาก เลี่ยงสารประเภทกรดต่าง ๆ เช่น AHA, BHA ฯลฯ
พักหน้าและการรอคอยช่วงตกสะเก็ด ประมาณ 5-7 วันค่ะ


การดูแลหน้า 7 วันแรก หลัง Laser พี่ดูแลตัวเองเป๊ะๆ ตามนี้เลยค่ะ
1. การดูแลความสะอาด พี่ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดด้วยน้ำเกลือ 
ซับเบาๆ ด้วยผ้าก็อตตาข่ายๆ ที่คลินิคเตรียมมาให้ตลอด 7 วัน ทั้งเช้าและเย็นเลยค่ะ 
(ในวันที่ 1-2 วันแรก โป๊ะผ้าก็อตชุ่มๆ วางทิ้งไว้ 10 นาทีหลังเช็ดหน้าเสร็จ ตามคุณหมอสั่งเป๊ะ!!)

2. หลังจากเช็ดหน้าเสร็จแล้ว ลงครีมบำรุงที่ทางคลินิคเตรียมมาให้เช้าเย็น 1 อาทิตย์ 
เป็นครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสม Q10 ด้วย ให้ความรู้สึกผิวชุ่มชื้นมาก ๆ 

3. งดแต่งหน้า 1 อาทิตย์ และป้องกันหน้าด้วยการลงกันแดด SPF 50 PA++

4. งดนวดหน้า 1 เดือน

5. ห้ามนอนคว่ำหน้าหรือนอนตะแคง อันนี้ควรทำ 1 เดือนค่ะ!!

6.  ใน 1-2 วันแรก พี่นอนหมอนสูง ๆ หน่อย ช่วยลดอาการบวม



เสร็จในเรื่องของการเลเซอร์แล้วค๊า... 
ไปดูต่อกันในเรื่องร้อยไหมเลยนะ..เสียววุ้ยย >"< 


3. ร้อยไหมคืออะไร??
เราได้ยินเรื่องนี้ว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากประเทศเกาหลี ซึ่งที่จริงมีมานานมากแล้ว ในฝั่งยุโรป
ช่วยในเรื่องการยกกระชับหน้า ดึงหน้า ลดเลือนริ้วรอยที่เหี่ยวย่น 
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก 
ฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรง เต่งตึง และคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว 
นับเป็นทางเลือกใหม่ที่เห็นผลได้รวดเร็ว แต่จะปลอดภัยไม๊?? 

พี่วิอยากให้ทุกคน..เลือกคลินิคที่น่าเชื่อถือ ตัวคุณหมอที่มีชื่อเสียง 
และมีฝีมือทางด้านนี้โดยตรงดีกว่าค่ะ


โดยปกติไหมจะมีหลายชนิดค่ะ เช่น
1. ไหมธรรมดา ซึ่งไม่เป็นที่นิยมค่ะ
2. ไหมละลาย แบบเรียบ PDO คุ้นเคยกันดีกับคำว่า ไหมละลายเกาหลี
3. ไหมละลาย แบบมีเขี้ยว  อันนี้เป็นนวัตกรรมใหม่**
คุณสมบัติของไหมละลายทั้งข้อ 2 และ 3 เส้นไหมจะค่อยๆ ละลายหายไปเองภายใน 6-8 เดือน 
แต่หลังจากที่ไหมสลายตัวไปแล้ว โครงสร้างคอลลาเจนที่เกิดขึ้นยังจะทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง 
ต่อเนื่องไปอีกค่ะ โดยรวมก็จะประมาณ 1 ปี
4. ไหมทองคำ ซึ่งไหมตัวนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในเรื่องของ ผลกระทบในระยะยาวค่ะ 
เช่นจะเข้าเครื่องสแกนร่างกาย หรือเลเซอร์ได้ไม๊ เพราะเนื่องจากทองคำเป็นตัวนำความร้อน 
และไม่สลายหายไปถึงแม้จะไม่ส่งผลเสียกับร่างกายก็ตาม

พี่วิ ได้ใช้ไหมชนิดที่ 3 ค่ะ เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ล่าสุด คือ การร้อยไหมแบบมีเขี้ยว 
ซึ่ง คุณหมอสว่าง อัมพรพันธ์ ได้ศึกษามาโดยตรงจากประเทศรัสเซียและเกาหลี  
การร้อยไหมต้องใช้ความชำนาญและเทคนิคพิเศษเฉพาะทาง 
ไหมละลายตัวใหม่ล่าสุดที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ การสร้างเขี้ยวบนเส้นไหมด้วยเทคนิคขั้นสูง 
ทำให้สามารถยกและดึงผิวได้ดีกว่าไหมชนิดอื่น เพราะมีเขี้ยวเล็กๆ ช่วยพยุงผิวบริเวณแก้ม 
กราม ใต้คาง หรือในกรณีที่ต้องการดึงผิว เพื่อสร้างโหนกแก้มให้ชัดเจนขึ้น 
ก็สามารถทำได้ ซึ่งราคาก็จะสูงกว่าร้อยไหมละลาย แบบไม่มีเขี้ยวค่ะ



พอถึงเวลาเริ่มทำคุณหมอจะมาร์คจุด.. 
(ตอนนี้ใจเริ่มใจเสียแล้ว ..เริ่มเครียด!! คุณเจี๊ยบ MKT Manager ถึงขั้นต้องมาส่งกำลังใจข้างเตียง แถมยืนจับมือพี่ตลอดเวลา..
จนทำเสร็จ..น่ารักมากๆ..ปลื้มสุดๆ ค่ะ) รู้มาว่าเป็นนโยบายของที่นี่นะ ทำให้เราไม่กลัว 
และรู้สึกผ่อนคลายค่ะ ก็รู้สึกวางใจจริงๆ นะ แม้จะไปลำพังเพียงคนเดียวก็ตาม

คุณหมอแจ้งทุกขั้นตอนว่ากำลังทำอะไรบ้าง..  

ทำไมพี่ต้องร้อยไหม
คือช่วงแก้มพี่ลึก หน้าตอบมากค่ะ ทำให้หน้าดูไม่ผ่อง และดูแก่กว่าวัย 
เนื้อช่วงแก้มแนวกรามหย่อนคล้อย  คุณหมออยากเก็บเนื้อย้อยๆ นั้นขึ้นเพื่อให้หน้าพี่ดูไม่ตอบ 
ช่วยให้หน้าดูอิ่ม แต่มีเชฟที่คมและชัดเจนขึ้น
พอทำเสร็จคุณหมอให้ส่องกระจก...

ตาเถร!! ..... เอาเป็นว่าเจ๊พอใจมาก!!...  (ไม่ได้อวยนะ..พูดกันจริง ๆ)
ต้องบอกว่าหน้าพี่วิน้องๆ อาจจะไม่เห็นชัดนักเพราะมันคล้อยไม่มาก..
พี่วิร้อยไปข้างซ้าย 3 เส้น และข้างขวาแค่ 4 เส้นค่ะ   เนื่องจากหน้าพี่คล้อยไม่เท่ากันเล็กน้อย

บางคนอาจสงสัยว่าทำไมของเพื่อนหนูร้อยทีนึงข้างละ 20-40 เส้น 
พี่เข้าใจว่าอาจจะแตกต่างกันที่ชนิดของเส้นไหมค่ะ..แบบนั้นอาจเป็นไหมละลายแบบไม่มีเขี้ยว



เอ้ย....นี่ชั้นไม่ได้คิดไปเองคนเดียวใช่ไม๊?? พี่ถ่ายรูป Before & After ไว้ให้เปรียบเทียบ..
มาดูกัน ในเบื้องต้นนี้!!..ที่ยังบวมยาชาอยู่..พี่แฮปปี้แล้วสุดๆ!!
ไว้รอดูผลหลังหน้าเข้าที่อีกทีนะสาวๆ อีกประมาณ 1 เดือนค่ะ 
จะเป๊ะขึ้นแค่ไหน..ลุ้นไปพร้อมๆ กันค่ะ


ร้อยไหมมีแผลไม๊??
จากการร้อยไหมมีข้างละจุดเป็นรอยเข็มเท่านั้น.. ตรงขมับค่ะ
ตอนแรกคิดว่าหน้าจะช้ำและม่วงเขียวแบบโดนต่อย!!..  แต่กลับไม่มีเลยค่ะ 


ตอนร้อยไหมเจ็บไม๊อ่ะหรอ??..
ไม่เจ็บค่ะ..ผิดคาด!!..ปกติถ้าเจ็บ พี่จะ..ทำเป็นเปลี่ยนจุดสนใจนะ ไม่คิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่..
แต่ครั้งนี้พี่ต้องสังเกตุ และจดจำทุกความรู้สึก เพื่อมาบอกเล่าให้ทุกคนได้อย่างละเอียด 
เลยเพ่งจิตมากกก555++  แต่ในใจอย่างเสียวอ่ะ.. ลุ้นมาก 
(คิดในใจตลอดเวลา หน้าเราจะออกมาเป็นไงว้า??) 

รู้เลย..ว่าเข็มลงจากตรงนี้นะ แล้วไหมกำลังถูกดึงนะ...แต่ความเจ็บปวดไม่บังเกิดค่ะ..
อาจตึงๆ บ้างนิดหน่อยเล็กน้อยมาก!!.. ถ้าทำเป็นลืมๆ ไม่สนใจคงไม่รู้สึกอะไรเลย

อาเป็นว่ามาตรฐานตัวพี่คือ..ขี้เจ็บขี้กลัวจอมงอแง..
และไม่อดทนเอาสะเลย!!
ถ้าพี่รอดมาได้พี่ว่าคนอื่นๆ ชิลมากๆ ค่ะ

อัพเดทหน้าโดยรวมกันเลยดีกว่า... ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ??

หน้าพี่..แต่งหน้าได้ง่ายขึ้นมากๆๆๆ  
ไม่ต้องโบกปกปิดมากมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
พี่คงไม่ต้องบอกใช่ไม๊?? 
ว่าปลื้มมากแค่ไหนที่หน้ากลับมาปกติอีกครั้ง!!
ครั้งแรกกับการเลเซอร์และร้อยไหม  ช่วยให้พี่กลับมามีความมั่นใจอีกครั้งค่ะ


ภาพนี้ไม่มีการตกแต่งหรือทำภาพแต่อย่างใดนะคะ แสงอาจจะแตกต่างกันบ้าง
เพราะบางวันครึ้มฝนมาเชียว
แต่พี่เลือกเวลาถ่ายให้ตรงกันคือ 10:30 น. ของทุกวันที่ถ่ายเก็บไว้ค่ะ




อ่านมาจนถึงตรงนี้!!  ไม่แปลกใจแล้วใช่ไม๊?? ว่าทำไมพี่เลือกทำกับที่นี่!!
ให้ 3 คำ..มันเห็นผล สบายใจ และไม่กดดัน!!

ที่จริงแล้วการเลเซอร์ครั้งนี้คุณหมอเน้นในเรื่องการปรับสภาพผิวหน้าพี่นะคะ
เนื่องจากครั้งแรกที่เจอกัน สภาพหน้าพี่แห้งกร้าน และรูขุมขนกว้างมาก นี่ยังไม่นับรอยดำนะ
คุณหมอเลยอยากเคลียร์ผิวหน้าให้ก่อน หลังจาก 15 วันผิวดูกระชับขึ้นมากค่ะ ชุ่มชื่นขึ้นด้วย
แต่ที่รอยดำดูจางลงเพราะมีการผลัดเซลล์ผิวที่ลอกจากการเลเซอร์..
อันนี้ถือเป็นประโยชน์ที่เป็นของแถมที่พี่ปลื้มมากๆ 

ส่วนในเรื่องรอยกระ และรอยดำที่ลึกๆ ยังจางไม่หมดนั้น 
เราจะกลับมาเลเซอร์กันอีกครั้ง..รอจัดหนักกันอีกทีค่ะ
เพราะคุณหมออยากปรับโครงสร้างหน้าพี่ให้ดูเข้ารูปกว่านี้ก่อน
ซีรี่ย์เกาหลีแสนยาวกันเลยทีนี้
รออัพเดทไปพร้อมๆ กันนะคะ..ว่าพี่วิจะเปลี่ยนแปลงมากขนาดไหน อย่างไรบ้าง??
บอกคำเดียว  "อีกเยอะ!!!"   5555++




ตอนนี้พี่ดีใจมากๆ ถึงแม้ผิวจะยังกลับมาไม่ 100% ก็ตาม 
แค่ได้กลับมาแต่งหน้าเบาๆ เปิดโชว์ผิวได้อย่างนี้อีกครั้ง ก็ปลื้มจนล้นแล้วล่ะค่ะ!!


คำเตือน:  กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน และการพิจารณาด้วยนะคะ
หากสนใจหรืออยากทำอะไรพี่วิแนะนำให้ทุกคนปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเฉพาะทางค่ะ

ฝากเพจไว้ติดตามกันแบบวันต่อวันที่นี่ค่ะ
เพราะเรื่องหน้าเราจะเม้าท์กันเรื่อง Filler & Botox จ้า.. อุ๊ต๊ะ!!
www.facebook.com/beauty4ties



ขอขอบคุณทุกท่านมากๆ ที่ดูแลพี่วิเป็นอย่างดี ขอบคุณ Doctor Younger ค่ะ
เรื่องค่าใช้จ่าย และรายละเอียดการรักษา  สามารถติดต่อสอบถามได้ที่นี่นะคะ-->








Create Date : 24 มิถุนายน 2556
Last Update : 25 มิถุนายน 2556 11:21:23 น.
Counter : 34094 Pageviews.

1 comment
เปิดหน้าสด!! เมื่อหน้าพัง!!..จะทำไง?? และเมคอัพโบกปิดเพื่อไปงาน..โอ๊ววว!! (40++)

สวัสดีชาวโต๊ะแป้งค่ะ..

จากกระทู้ที่เคยตั้งไปเรื่องวิวัฒนาการความงามและโหงวเฮ้ง แบบผู้หญิงวัย40++

มีคนถามกันเข้ามามากเรื่องการดูแลผิวหน้า..เล่นเอาเครียด!!..5555++

"มันแน่นอก"

(•_•)

   <)  )

/

"ต้องยกออก"

( •_•)

(  (>   

/

"ให้แบกเอาไว้นานไปเดี๋ยวใจถลอก"

(•_•)

    <)  )

/

เพราะจริงๆแล้ว..หน้าแย่มากกกก...วันนี้ขอเปิดหน้าสดกันเลยดีกว่า..

เพราะอยากให้รู้ว่าพื้นฐานหน้าจริงๆมันขนาดไหน..

ไม่ได้ดีอย่างที่คิด!!..

แล้วเป็นเพราะอะไร??..หน้าถึงแย่ขนาดนี้!!..

และเมคอัพอย่างไร..ไปดูกันค่ะ..

v

v

 v

ขอโชว์รูปแรกให้สะท้านใจเล่นกันก่อนเลยยยยย

แวะไปดูกระทู้เก่า วิวัฒนาการความงามตามวัย 40 ได้ที่นี่ค่ะ

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=beauty4ties&month=09-05-2013&group=7&gblog=2

****************


อึ้ง!!...กันเลยใช่ม๊ะ??? ก็บอกแล้ว..ว่าอย่าไว้ใจ..ให้ล้างหน้าแข่งกันก่อน5555++

เกริ่นก่อนนิดนึงว่าหน้าเดิมรูขุมขนกว้างผิวแพ้ง่าย และหน้ามันมากค่ะ..

ซักประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปี 56นี่เองค่ะ..พี่แพ้เวชสำอางเพื่อช่วยลดรอยกระ..ก็ผู้หญิงอ่ะเนอะ!!พี่ก็นั่งส่องกระจกสังเกตุหน้าตัวเองไปเรื่อยๆ ก็เห็นว่า "รอยกระ"เริ่มชัดขึ้น..

พี่พลาดตรงที่ไม่ได้ใช้ยานี้มานานมากแล้วจู่ๆก็หยิบขึ้นมาใช้โดยไม่ค่อยๆ เพิ่มระดับความเข้มข้นของตัวยาหยิบตัวที่เข้มข้นสุดๆอ่ะ..พอทาไปบนหน้าก็เฉยๆ ค่ะ

ประมาณ 3 นาทีได้พี่รู้สึกร้อนผ่าวๆบนหน้า..คิดในใจ..สงสัยมันกำลังทำงานบนผิว555++..

อีกสัก 10 นาทีร้อนมาก..อ่ะยังนิ่ง!!..ซักพักแฟนเดินมาหา...เห้ยยย!!!...หน้าเป็นอะไรอ่ะ??

อ๋อ..เค้าแต้มยาลดกระ..แฟนบอกว่า..ไม่ใช่แล้วล่ะลุกไปดูกระจกเลย!!!!

ลุกพรวดถึงโต๊ะเครื่องแป้ง...กรี๊ดดดด..หน้าชั้นนน...

แดงอย่างกะตูดลิง!!พี่ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าแล้วต่อด้วยโฟมเพราะทำอะไรไม่ถูกรู้แต่ว่าจะล้างออกให้หมด..

แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์สะแล้ว!!รูปที่เห็นนี่ผ่านมาเกือบ 2 วันแล้วค่ะเพราะก่อนนี้ไม่คิดถ่ายไว้..ลืม!!

คืนแรกนอนไม่ได้เลยร้อนทั้งหน้าต้องประคบเย็นไว้ทั้งคืน..

ตลอด 2วันที่ล้างหน้าด้วยน้ำแข็งแช่น้ำเพราะยังร้อนอยู่ใต้ชั้นผิวตลอดเวลา..

แล้วหน้าเริ่มแห้งและเหี่ยวดูเป็นริ้วรอยย่นๆเลย!! เครียดมากค่ะ..

แฟนพี่ Search โน่นนี่มากมายจนเย็นวันที่3 กลับมาพร้อมยา 1 หลอด

เค้าบอกว่าอ่านเจอมาจากในห้องแป้งเนี่ยแหละ..มันแรงนะ!!..แต่คงจำเป็นต้องใช้!!..

ณเวลานั้นถึงกลัวก็ต้องเสี่ยงแล้วค่ะ..พอทายาไปปุ๊บ!!..นิ่งๆ ไม่มีอาการร้อนใดๆเพิ่มขึ้น..

พี่ทาบางๆทั่วทั้งหน้าค่ะ..แล้วเข้านอน..เช้าตื่นขึ้นมา..แฟนเปิดไฟดูหน้าก่อนเลย5555!!

เห้ยย!!..ดีขึ้นเลย!!...กระโจนจากที่นอนถึงกระจกอีกแล้ว...

ดีใจมากกกกก!!! รอยแดงๆจางลงจนแทบไม่แดงแล้ว..แค่นี้ก็ดีใจสุด..

ทายาอยู่ 3 วันค่ะเช้าและก่อนนอน..แล้วอาการแพ้ก็หายไป!!

ไม่รู้ว่าควรแนะนำไม๊..เพราะมันมี  steroid (สเตอรอยด์) นะ แต่พี่ใช้แล้วหายค่ะ

แนะนำว่า..ใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็น อย่าใช้นานเกิน 5 วันนะคะ!!!

แต่รู้สึกว่าผิวยังอ่อนแอค่ะ..ไม่กลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์..ไม่เป็นไรบำรุงกันต่อไป!!

*****************


แล้ววันนึงตอนเดือนมีนาคม..เกิดอยากเปลี่ยนสกินแคร์เริ่มจากNight Cream

ทากลางคืนก่อนเลย..ทาแล้วเข้านอนรู้สึกคันยิบๆคิดในใจ..อีกแล้วหรอ??..

เดินไปส่องกระจกก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา..ระแวงเกินแล้วชั้นนน!!..

แล้วนอนยันเช้าตื่นขึ้นมารู้สึกเจ็บจมูก..ลูบไปจับ..

อ้าววว!!..สิวอักเสบขึ้นเม็ดจมูก 1ส่องกระจกดู..ที่คางอีก 2 เม็ดเป้งๆ ...

อ๋อ..สงสัยรอบเดือนจะมาแหละ..แล้วทาสกินแคร์ตัวเดิมแต่เป็นส่วนของDay Cream

กลับถึงบ้านและทำธุระดึกมากว่าจะได้ล้างหน้าอาบน้ำก็ดึกมากจริงๆรู้สึกเจ็บๆ

หน้าในผิวเหมือนสิวจะขึ้นแต่ก็ไม่เห็นมีอะไร..ทาครีมแล้วเข้านอน..



รูปนี้ยังไม่ใช่ตอนระอุเต็มหน้านะคะ...ตอนนั้นไม่กล้าถ่ายรูปไว้เลยค่ะ..ยอมรับว่ากลัว.."จิตตกมากถึงมากที่สุด"

เช้าตื่นมา...โอ๊ววววว...สิวกระหน่ำเต็มหน้าทั้งเม็ดเล็กเม็ดใหญ่..ร้องไห้เลยงานนี้!!...

ต้องบอกว่าเกือบ 40 ปีมาไม่เคยเป็นสิวขนาดนี้เต็มที่ก็ 3-4 เม็ดอ่ะ..

แต่นี่ทะลักทะลุทะลวงมากก..เล่นรุมมาพร้อมๆกันขนาดนี้ทำใจไม่ได้จริงๆ

ทำอะไรไม่ถูกแต่ไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร..คือไม่นึกถึงการเปลี่ยนครีมเลย..

ดันคิดไปว่านอนดึก..พักผ่อนน้อย..หน้าอ่อนแอจากการแพ้ครั้งแรก..

เอาเวลาไปคิดหายารักษาสิวอุตหลุดมาก..เอาทุกอย่างที่เค้าว่าดี

ผ่านไปครึ่งเดือนและครีมบำรุงที่ลองเปลี่ยนก็หมดพอดี

ทีนี้ก็หาครีมบำรุงตัวใหม่..แต่เน้นใช้เซรั่มและโลชั่นน้ำใสๆแทนมอยส์เจอไรซ์เซอร์ก่อนไม่อยากบำรุงเยอะเกินไป..เดี๋ยวอุดตันเพิ่ม..ผ่านมาเกือบ1 อาทิตย์สิวอักเสบไม่เพิ่มขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังคงอักเสบอยู่เต็มหน้าช่วงเวลานั้นก็เปลี่ยนยาสารพัดจากยาอ่อนๆจนแรงขึ้นหน้าเริ่มไหม้และลอกเป็นช่วงๆ แล้วคุณแฟน...อีกแล้วค่ะ!!5555++ ก็เอายามาให้ 1 หลอดบอกว่าน้องที่ทำงานใช้อยู่โอเคมาก.. มีคนคอนเฟิร์มหลายคน..โอเคจัดไป!!

ใช้แต้มหัวสิวเฉพาะกลางคืนตรงที่อักเสบค่ะ..ครั้งแรกที่ใช้..สะดุ้งเลย!!..จะแสบไปไหน!!ร้อนๆ นิดๆ เครียดอีกแล้ว สรุปงานนี้จะแพ้ยาใช่ไม๊??.. แต่ทนค่ะรอดูผลตอนเช้า..ไม่หวังผลนะเพราะใช้มาหลายขนานแล้ว..แต่ว่า......สิวแห้งลงไปเลย..ยังดูอักเสบอยู่นิดหน่อยแต่แฟบลงไปแล้ว..ยิ้มเลยดีใจอ่ะ..หอมแก้มแฟน2 ที..ขอบคุณค่ะคุณเภสัชประจำบ้าน555++



แอบฝากซื้อยาลดรอยดำมา 1หลอดเพราะมโนเอาเองว่าชั้นจะหายแล้วจ้า...!!!




***************


สิวหายแล้ว..แต่ทิ้งร่องรอยไว้เพี๊ยบบบ...

จากรูปจะเห็นร่องรอยว่ากระหน่ำมากค่ะช่วงหน้าผากมีบ้างแต่ไม่มาก..

พอใช้ยาลดดำก็จางหายไปแล้วเหลือแต่ช่วงแก้มและคางที่ยังอลังการงานสร้างอยู่..

นี่จางไปมากแล้วนะ..ถ้าเห็นตอนแรกจะบอกว่า..หน้าคนหรือนางกุลาคะ??

"คนที่แพ้...ก็ต้องดูแล...ตัวเองงงง" ร้องเพลงปลอบใจตัวเอง 5555++

ในช่วงเวลานั้น..พี่เองต้องออกไปธุระบ่อยๆแต่ดูหน้าสิคะ??

ไม่แต่งก็ไม่ได้เค้าจะตกใจกันทั้งหมู่บ้าน..แต่ถ้าแต่งก็กลัวจะกลับมาอักเสบ..

แต่ตัดสินใจแต่งหน้าค่ะ..พี่วิแต่งหน้าหนามากกลบเท่าที่ทำได้..

เครียดสุดเพราะวันนี้เป็นวันแรกที่ต้องแต่งหน้าหลังจากสิวยุบ

และดันเป็นงานที่ต้องไปแนะนำเรื่องการแต่งหน้า...โอยยยยววว...เครียด!!..

งานผ่านพ้นไปด้วยดี..ไม่มีใครทักอะไร...

ไปดูหน้ากันค่ะ

ก็ปกปิดได้..แบบไม่มีใครสงสัย..แต่หน้าแอบเครียด555++

ปล.พี่วิไม่ได้รับแต่งหน้านะคะ..เดี๋ยวจะเข้าใจผิด!!

แต่ชอบแต่งหน้าตัวเองและประกวดแต่งหน้าตัวเองบ่อยๆ

จนผู้ใหญ่ใจดีในแต่ละแบรนด์อยากให้ไปแบ่งปันตามวิธีของตัวเองว่า..พี่แต่งหน้าตัวเองอย่างไรค่ะ!!

ส่วนเรื่องรับสอน เปิดคอร์สจับกลุ่มที่สาวๆ ถามกัน.. รอพี่จัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมๆ ก่อน

แล้วจะแจ้งอีกครั้งทางหน้าเพจนะคะ

กลับไปเรื่องของเราต่อค่ะ...

ปัจจุบันหน้าเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะก็พยายามใจเย็นอยู่นะ..ถึงแม้ในใจจะเดือดผุดๆ

เห็นแล้วใช่ไม๊..ว่าตอนนี้ไม่ได้ผิวหน้าดีอย่างที่คิดกันนะจ๊ะ...

ทุกวันนี้ก่อนออกจากบ้านต้องใช้เวลาใส่ใจกับการปกปิดหน่อยค่ะ..

เมคอัพอาจจะดูหนาอยู่บ้าง..แต่ก็พยายามทำให้เนียนที่สุดเท่าที่จะเนียนได้..ตามสไตล์พี่นะ!!

เห็นหลายคนไม่เชื่อเลยเปิดหน้าสดให้ดูกันซะเลย..แต่งออกมาแล้วก็เนียนพอหลอกหนุ่มๆได้

แม้จะดูหนาไปหน่อย!!ล้างหน้ามาค่อยว่ากันอีกที5555++

ลองไปดูการแต่งหน้าเพื่อให้รอดงานวันแรกกันดูนะคะ 

วันนั้นพี่ใช้อะไรบ้าง..วันนี้เลยมานั่งแต่งใหม่ให้ดู..ตามนี้ค่ะ-->

Base Makeup

Makeup base: RHULSEANViolet & Make up Base

Foundation: Shu Uemura

Concealer: Revlon

Cake Powder: Boom

Loose Powder: Shu Uemura

Point Makeup

Eyebrow: Jordana Easy Brow: Medium Brown

Eyeshadow: BISOUS BISOUS

Eyeshadow Glitter: COLLECTION 2000 Glam Crystals #Funk3

Eyeliner: MaybellineGel

Cheeks: IN2IT SB 02 Rose pearl

Highlight Blush: Etude

Lips : BISOUS BISOUS

ขั้นตอนแรกการปกปิด

พี่วิ ลงเบสม่วงเพื่อปกปิดรอยแดง

และดำจากสิว อันสยดสยองก่อน

-->ลงภายในพื้นที่เส้นประสีม่วง

ลงต่อด้วยเมคอัพเบสสีเนื้อเพื่อปรับโครงหน้าแล้วไม่ให้หน้าดูลอยเกินไป

--> ลงเฉพาะกรอบหน้าตามเส้นประค่ะ

แล้วต่อด้วยการรองพื้น ให้ทั่วทั้งใบหน้า

การลงรองพื้นพี่วิจะใช้แปรงหัวตัดในการวนๆๆให้ทั่วทั้งหน้าค่ะ--> ตามเส้นประสีน้ำตาล

จะทำให้หน้าเรียบเนียนเสมอกัน หน้าจะดูไม่หนาเตอะจนเกินไป..อันนี้เคล็ดลับเจ๊เลยค่ะ555++



แล้วแต้มคอนซีลเล่อร์เน้นเฉพาะรอยดำ อีกครั้ง!!และอีกครั้ง!! 555++

ค่อยๆ แต้ม แล้วค่อยๆ กดเบาๆ อย่าป้ายไปมานะคะทิ้งไว้ซักพัก

**แล้วใช้แป้งผสมรองพื้นสีเข้มกว่าหน้า 1เฉด กดเบาๆ ตรงที่เราลงคอนซีลเลอร์ไว้ค่ะ..เน้นว่าใช้การกดนะคะ

ต่อด้วยแป้งฝุ่นสีเดียวกับผิวใช้แปรงหรือพัฟก็ได้เกลี่ยทับให้ทั่วทั้งหน้าค่ะ**

ขั้นตอนลงสีเปลือกตา...ตามนี้เลยเจ้า....




ลงอายแชโดว์สีขาวเนื้อครีมเพื่อเป็นการรองพื้นสีนะ แล้วสีที่ลงตามมาจะดูสวยชัดและทนขึ้นค่ะ

1. ใช้สีน้ำตาลเข้ม #1เป็นตัววีที่หางตา

2. ลงสีน้ำตาลทอง #2เหนือเส้นรอยพับตาจากหัวตาถึงกลางตา

3. ลงสีขาวประกายเงิน #3ที่กลางเปลือกตา เบลนด์สีให้นวลและเนียน แล้วกรีด Eye Liner

4. จากกลางขอบตาล่างถึงหางตาให้ลงสีน้ำตาลเข้ม #1

5. หัวล่างลงด้วย Liner กลิตเตอร์สีทอง

6. ลง Liner กลิตเตอร์สีทองเหนือเส้นไลน์เนอร์สีดำ

7. ปัดขนตา

8. เขียนคิ้ว

การปัดแก้ม

ใช้สีส้มอมชมพู เพื่อให้ดูสดใสช่วยเบรคสีตาเล็กน้อยให้ไม่ดูดุเกินไปแล้วแมทช์กับสีปากค่ะ

เพิ่มไฮไลท์ให้ฉ่ำวาวทั้งหน้าแบบเบาๆ มือ

ลิปสติก

สีโอรสหวานๆ เข้ากับสีแก้มพอดี..ดูอมส้มอมนู้ดในอารมณ์หรูหราดีค่ะ


ไฮไลท์

เราจำเป็นต้องใช้ไฮไลท์ในการสะท้อนหรือกระจายแสงค่ะ..เพื่อให้ดูหน้ามีเงาวาว..จะช่วยพรางตาให้ดูเหมือนว่าเราแต่งหน้าไม่หนามากตัวไฮไลท์จะไปกลบสีแมทต์ของแป้งบางส่วนช่วยให้ดูธรรมชาติขึ้นค่ะ

ออกมาได้ลุคนี้ไปดูกันค่ะ

v

v

v



ช่วงคางกับโหนกแก้มอาจจะยังพอเห็นเป็นเงาๆรอยดำอยู่บ้าง..อันนี้ต้องทำใจค่ะ5555++

เพราะถ้ากลบหนักกว่านี้จะดูหนาและไม่ธรรมชาติเอาซะเลย

รูปสุดท้ายแล้ว...

หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆที่กำลังเป็นสิวอักเสบและสิวอุดตันกันอยู่นะคะ

ฝากเพจด้วยค่ะ!!

https://www.facebook.com/beauty4ties

ตอนนี้เรากำลังคุยและอัพเดทกันเรื่อง"เลเซอร์และศัลยกรรม" อยู่ค่ะ

ใครสนใจอัพเดทวันต่อวัน..ตามไปเป็นกำลังใจกันที่เพจนะคะ

พี่วิคงต้องหันพึ่งคุณหมอแล้วในการช่วยลดรอยดำเพราะใจร้อน..

ไว้จะมาอัพเดตผิวหน้าหลังการรักษาให้ดูกันนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนจบ..บ๊ายบายค่ะ




Create Date : 15 มิถุนายน 2556
Last Update : 15 มิถุนายน 2556 14:38:14 น.
Counter : 39703 Pageviews.

1 comment
1  2  

beauty4ties
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 157 คน [?]



หวัดดีค๊า...วิค่ะ "งานไม่ใหญ่แน่นะวิ" ^_^

วิเริ่มเขียนบล็อกมาถึงปี 2566 นี้ก็น่าจะเกือบๆ 10 ปีได้แล้วหล่ะค่ะ ผลุบโผล่เป็นช่วงๆ หลักๆ วิเขียนรีวิวค่ะ ปัจจุบันก็พึ่งเริ่มหัดเป็นแม่ค้ามือใหม่

อยากเห็นทุกคนมีรอยยิ้มทุกวันน๊า..^_^

ฝากกดติดตาม Blog นี้กันด้วยนะคะ วิจะกลับมาอัพเดท เรื่องในวัย 50 ให้มากขึ้น นอกจากที่บล็อกนี้แล้ว..ทุกคนสามารถติดต่อพูดคุยกับวิทุกวันได้ที่ Facebook นะคะ --> Beauty4ties

ขอบคุณทุกคนค่ะ ^^
New Comments