Group Blog
All Blog
|
ทริปนี้เพื่อแม่ @ Z Through by the Zign, พัทยา
ทริปไปพัทยาหนนี้ ก็อย่างที่ชื่อตอนบอกค่ะ ทริปนี้เพื่อแม่จริงๆ เพราะเหตุเนื่องมาจากว่า ช่วงสงกรานต์ เราหนีไปเที่ยวอิตาลีมา 10 วัน (กับคุณสามี) ส่วนน้องสาว ก็หนีไปอยู่กับเพื่อนที่กวางเจา 10 กว่าวันเหมือนกัน ทิ้งให้ท่านแม่เฝ้าบ้าน + น้องหมา 1 ตัว (เจ้าแบมบี้ตัวแสบ ที่มาของชื่อจขบ.นี่ล่ะ) อยู่คนเดียว ท่านแม่เลยบ่นน้อยใจ อยากไปเที่ยวไหนบ้าง ใกล้ๆก็ได้...โอเคเลยค่ะ ลูกจัดห้ายยย...
เราเลือกไปกันในวันหยุดวิสาขบูชา (8-9 พ.ค.) ค่ะ เลือกพัทยา เพราะว่าพอดี ซื้อ voucher ที่พักที่ Alila หัวหิน ให้เป็นของขวัญปีใหม่คุณแม่กับน้องสาวแล้ว (ไว้ให้เค้าไปกัน 2 คน) หนนี้ ตัวเองพาเที่ยวเอง (คุณสาไม่หยุดวันเสาร์ เลยขี้เกียจลามาด้วย) เลยขอไปฝั่งพัทยาแทนแล้วกัน เอาใกล้ เพราะขับรถเองคนเดียว...แล้วก็อยากพาคุณแม่ไปเที่ยวตลาดน้ำที่เปิดใหม่ด้วย พอลงตัวว่าจะเป็นพัทยา ก็รีบ search หาที่พักใหญ่ คุณแม่ request อยากพักห้องแบบ pool access เพราะติดใจจากตอนไปพัก Let's Sea กับ Hideaway ที่ออกจากห้องก็กระโดดลงน้ำได้เลย...ในที่สุด ก็มาเจอ Z Through เข้า รีบส่ง link ไปให้คุณแม่ดูว่าชอบรึป่าว (คุณแม่เดี๊ยนทันสมัยนะเจ้าคะ เล่นเน็ตเก่งอย่าบอกใคร อิอิ 60 ก่าแล้วนะ) ปรากฏคุณแม่ชอบมาก ก็เลยรีบโทรไปจองเลยค่ะ... เห็นจากในรูปอยากได้ห้อง ozone เป็นแนวสีฟ้าขาว แต่เนื่องจากหยุดยาว ห้องเต็มเกือบหมด พอดีเราอยากได้โซนด้านหน้า เพราะสระว่ายน้ำใหญ่กว่า แล้วมันเหลือห้องชั้นล่าง ที่เป็น pool access อยู่ห้องเดียว เป็นห้อง emotion ก็เอาน่า หยวนๆ...คือ ห้องมันจะดูแบบโรแมนติก ลึกลับ ร้อนแรงประมาณนั้น เหมาะจะมากับแฟน...แต่เรามากะแม่อ่ะ 555 ช่างมันละกันนะ มาดูรูปกันเลยค่ะ อันนี้คือสระว่ายน้ำ โซนด้านหน้าที่เราเลือกค่ะ ห้องเราจะอยู่ชั้นล่าง สามารถโดดลงน้ำได้เลย ส่วนอันนี้เป็นสระว่ายน้ำโซนด้านใน จะมีห้อง 2 ฝั่งเลยค่ะ..ทั้งนี้ทั้งนั้น สระไม่ได้ทะลุถึงกันนะคะ เลือกโซนไหน ก็จะได้ว่ายแต่ในสระโซนนั้นค่ะ (นอกจากจะเดินมา) มาดูภายในห้อง emotion ค่ะ...เปิดเข้าไปก็จะสะดุดกับสิ่งนี้เป็นสิ่งแรก ซึ่งคงเป็นที่มาของคำว่า Z Through นั่นเอง อิอิ โทนสีในห้องก็จะเป็นประมาณดำ แดง เพิ่มความเซ็กซี่เร่าร้อน 555 มีโซฟานั่งเล่น โต๊ะสีแดงแปร๊ดเลย อีกด้านนึงจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ...แต่ตรงนี้อยาก comment ว่า นั่งไม่ค่อยสะดวกอ่ะค่ะ เบาะมันเตี้ยๆยังไงไม่รู้ เหอ เหอ ถัดเข้าไป มีม่านพลิ้วๆสีดำกั้น เพิ่มความเซ็กซี่ 555 แล้วก็มีเตียงนอนนุ่ม น่านอนค่ะ ปลายเตียงมีทีวีจอแบนจอใหญ่เลยทีเดียว (แต่ไม่ได้ถ่ายมา) มาดูห้องน้ำบ้างค่ะ...ยังคงโทนสีหลัก คือ สีแดงอยู่ รู้สึกร้อนแรงจริงๆ มองกลับจากเตียงนอน มาทางประตูบ้าง ถ่ายรูปห้องเสร็จ (เพื่อให้คุณลูกเอาไปรีวิว 555) สองแม่ลูกก็ไม่รอช้า ผลัดกันเป็นนางแบบทันที 555 ป่าวนะ ไม่ได้มีแค่นี้...จริงๆอ่ะ มุมนี้ถ่ายกันเยอะมากกก...แล้วที่เด็ดสุด ต้องภาพนี้...สาวๆยังอาย นะเอ้อ ถ่ายในห้องกันเสร็จ ก็ออกไปเดินเล่น ถ่ายรูปด้านนอกบ้าง...ต้องบอกว่า จริงๆรีสอร์ทเค้าสวยมากนะคะ สระว่ายน้ำกว้างมาก (เหมือนอยู่ over water bungalow ที่มัลดีฟส์ อิอิ) แต่ว่า แดดร้อนมากๆๆ อันตัวคุณลูก เหงื่อนไหลไคลย้อย เลยขอเป็นผู้ถ่ายให้ดีกว่า...ปล่อยให้คุณแม่เป็นนางแบบไปคนเดียว... รูปแรกนี่รูปเราก่อนนะ...มีรูปเดียว 555 จากนั้นก็มีรูปท่านแม่ทั้งนั้นเลย....แบบว่า แดดร้อนแต่แม่ชั้นก็บ่อยั่นจริงๆ prob ต่างๆ พร้อม ดูเอาละกัน หมวก + แว่นกันแดด จริงๆ รูปมีอีกเยอะนะ...แต่ว่านี่บล๊อคคุณลูก เพราะงั้นรูปคุณแม่ พอก่อนนะจ๊ะ...เดี๋ยวจะขโมยซีนเรา 555 ถ่ายรูปเสร็จ ก็ออกไปเดินเล่นที่ The Zigh ซึ่งเป็นฝั่งรร.ค่ะ ... รร.ใหญ่มากกก 2 ตึกใหญ่แน่ะ สระว่ายน้ำก็ใหญ่ เด็กๆเล่นน้ำกันตึมเลย...ก็ชอบนะคะ ก็เป็นอีกตัวเลือกนึง ถ้าจะพักรร.ในพัทยา จากนั้นก็กลับมาที่ Z Through แวะนั่งพักทานกาแฟ ทานเค้ก กันที่ร้านเบเกอรี่หน้ารร.นั่นแหละ ตกแต่งได้น่ารักน่านั่งมากๆ (มี 2 ร้านนะ หน้า Z through ร้านนึง หน้า The Zign ร้านนึง น่านั่งทั้ง 2 ร้านค่ะ) แต่ราคาแพงไปนีดส์..มิน่า ไม่มีใครนั่งเลย 555 จากนั้น ก็กลับห้อง นั่งเล่น นอนเล่น แล้วก็ว่ายน้ำกันอย่างสนุกสนาน...ตะบี้ตะบันว่ายเลยค่ะดิชั้น....เอาให้คุ้มกับค่าห้อง pool access 5555 ตกเย็น ไปทานร้านปลาทองกันค่ะ (สาขาแรกที่เป็นห้องแถวนะ) คนเยอะมากกก อาหารก็อร่อยดีค่ะ....มากัน 2 คน สั่งไป 4 อย่าง หน้ามืดมากๆ 555 ตัดภาพมาวันรุ่งขึ้นเลยนะ...ตื่นมาก็ chill chill เล่นน้ำอย่างเคยค่ะ เพื่อความคุ้ม...นอนเล่น อ่านหนังสือ กันจน 11 โมง ก็ check out เพื่อออกไปทานอาหารกลางวันที่ร้านโปรดของเรา คือ ริมหาดบางเสร่ (ใครตามอ่าน รีวิว Sea Sand Sun ของเราด้วย จะรู้ว่าเราโปรดร้านนี้มากก อิอิ) คราวนี้ไม่ถ่ายรูปแล้วนะ ถ้าอยากดูรูปไปดูรีวิวเก่า 555 ตอนแรกตั้งใจจะพาคุณแม่เที่ยวตลาดน้ำ แต่ตอนขับผ่าน เห็นรถเยอะมากกก คนก็น่าจะเยอะมากกก แล้วแดดก็ร้อนสุดๆ ก็เลยลงความเห็นกันว่า ไม่ไปดีกว่า...แต่ไหนๆก็มีเวลา น่าจะได้แวะเที่ยวอะไรหน่อย ก็เลยพาคุณแม่ไปเที่ยว ไร่องุ่น Silver Lake แทนค่ะ....คิดว่าเผื่อคนจะน้อยกว่า เหอ เเหอ ซึ่งคนก็น้อยกว่าจริงๆนะ แต่ว่า..แดดร้อนเปรี้ยงๆๆๆ เลยอ่ะค่ะ ขอโทษเถอะ... อ่ะ อ่ะ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกนิดนึงนะ จริงๆที่นี่เค้ามีสัญลักษณ์เป็นกังหันอันใหญ่มากกก เหมือนเนเธอแลนด์เลย แต่ว่า ไม่มีรูปหรอกนะคะ เพราะตอนถ่ายมันย้อนแสง ถ่ายมาหน้าดำปึ๊ดเลย 555 นั่งรถชมสวนได้ 1 รอบ + เดินขึ้นไปชมร้านอาหาร (มี gallery รูปคุณสุพรรณษาด้วย) ได้หน่อยนึง จากนั้น สองแม่ลูกก็รีบเผ่นกันเลยค่ะ เพราะร้อนมากๆๆๆๆ ขับรถยิงยาวกลับมายังกรุงเทพ รู้สึกปวดขานิดๆ 555 ทำไมขาไปมันไม่ปวดฟระ (สงสัยยังมีกะลังใจอยู่ไง แต่พอเที่ยวเสร็จแล้ว มันเลยหมดรมณ์ขับไปเฉยๆ 555)....แต่ก็เอาเป็นว่า ทริปนี้จบลงความสุข สนุก ประสาแม่ลูกจ้า ดื่มด่ำจากุชชี่ ที่ห้อง Top View villa @ AANA resort, เกาะช้าง
เมื่อตอนหยุดยาววันจักรีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาะช้างค่ะ ถือเป็นการไปเกาะช้างครั้งแรกของเราเลยด้วย ดีใจมากๆๆ อยากไปมานาน แต่หาจังหวะไม่ได้ซักที เพราะมันไกล ถ้าขับรถไปแค่ 2 วัน 1 คืน ก็เหนื่อยเกินไป แต่พอมีวันหยุดแบบ 3 วัน 2 คืน ก็มักจะไปไกลๆเช่น ภูเก็ต ไม่ก็เชียงใหม่...สรุป ไม่ลงตัวซักที
ไปคราวนี้ เราไปกัน 4 คน เรากะคุณสามี และก็คู่เพื่อนของคุณสามี ซื้อ voucher ห้องพักจากในงานท่องเที่ยวตอนเดือนมีนา...หลังจากที่ตัดสินใจเลือกระหว่าง Dewa กับ AANA ปรากฏว่าวันจักรี Dewa เต็มหมดแล้ว ก็เลยมาลงตัวที่ AANA อย่างไม่ต้องเลือก chioce อื่นค่ะ เนื่องจากเราไปวันหยุดยาว เพราะฉะนั้นจึงต้องประสบปัญหาการรอ(เอารถขึ้น)เรือ อย่างไม่ต้องสงสัยค่ะ...อุตส่าห์หาจากในพันทิพ เห็นว่าคนส่วนใหญ่จะออกกันแต่เช้า ขึ้นเรือประมาณ 8-9 โมงอะไรแบบนี้ เราก็เลยหัวเส เลี่ยงไปขึ้นเรือ ตอนบ่ายโมงครึ่ง (แวะทานข้าวกลางวัน ที่ร้านฟาร์มปูนิ่ม จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นเจ้าโปรดของเราเอง อิอิ) แต่ที่ไหนได้ รถก็เยอะอยู่ดี คาดว่าคงเยอะทั้งวัน เพราะรถมันก็สะสมมาเรื่อยๆ รอเรืออยู่ประมาณ 1.30 ชม. ก็ได้ขึ้นเรือค่ะ รวมเวลาขับรถไปถึงรีสอร์ท ก็ 4 โมงเย็น เกือบ 5 โมงได้ค่ะ ในเมื่อมาถึงเย็นแล้ว รูปห้องพัก ก็เลยอาจจะดูมืดๆทึมๆ ไม่มีแสงหน่อยนะคะ...เอารูปห้องพักแบบ Grand deluxe มาให้ดูก่อนค่ะ ห้องนี้ เพื่อนคุณสามีเราพักค่ะ (ห้อง Grand deluxe จะอยู่ชั้นล่างสุดของตึกเดียวกับ Topview villa ค่ะ แต่ถ้าห้อง deluxe จะอยู่นบนตึก 4 ชั้นค่ะ) ทีนี้มาดูห้อง Topview villa ที่เราพักบ้างนะคะ...ห้องนี้จะอยู่ที่ชั้น 2 และ 3 ของตึกนี้ค่ะ (ชั้นล่างสุด ก็คือ Grand deluxe) มีทั้งหมด 6 ห้อง เราพยายามแอบลุ้นอยากได้ห้องชั้น 3 มากกว่า เพราะดูแล้วน่าจะโปร่งสบายกว่า (หลังคาสูง)...แล้วที่ลุ้นไว้ก็เป็นจริง อิอิ ได้ห้องชั้น 3 ซึ่งเพดานจะโปร่ง สูงขึ้นไปอ่ะค่ะ และที่สำคัญ มีจากุชชี่ นั่งมองวิวทะเล(ลิบๆ 555)...สำหรับจากุชชี่ที่นี่ ได้รับ comment มาเยอะว่า น้ำมันเย็น ทำให้เวลาแช่แล้ว ก็หนาว ต้องรีบขึ้น 555 แต่เผอิญช่วงที่เรามา ร้อนมากก แดดก็ดี เลยทำให้ได้อรรถรสในการแช่มากกก แบบว่า พอตัวเหนียวๆร้อนๆมา ก็กระโดดแช่จากุชชี่เลย....แบบว่าชอบมากกก ทิ้งท้ายรูปห้องพักรูปสุดท้าย กับรูปตอน turn down ค่ะ สรุปว่า ประทับใจห้องพักมากๆค่ะ แล้วราคาที่เราซื้อจากในงาน คือ 7,999 แบบ 1 แถม 1 เพราะงั้น ก็ตกคืนละ 4000 บาท ... อ้อ เพิ่ม longweekend อีกคืนละ 500 เป็น 4,500 บาทค่ะ...ซึ่งถ้าเทียบกับห้องระดับนี้ แล้วก็รีสอร์ทใหญ่ ที่มี facilities ขนาดนี้ นับว่าคุ้มมากๆๆ (นึกถึงตอนไป Al medina ราคา 5 พันกว่านี่ ที่นี่ดีกว่าเยอะเลยค่ะ เหอ เหอ) รีสอร์ทนี้ยังมีร้านอาหารน่านั่งด้วย....dinner หรือ breakfast ริมคลอง ก็ romantic ไม่หยอกค่ะ...แต่ว่า เราไม่ประทับใจในบริการเอาเสียเลย ไว้เล่าสรุปตอนหลัง ใน My Comment ค่ะ T_T จากนั้นประมาณซัก 10 โมง เราก็ไปชายหาดกันค่ะ...เนื่องจากรีสอร์ทไม่ติดทะเล ก็จะมีพนักงานบริการขับเรือไปส่งที่หาดค่ะ ใช้เวลาไม่นาน แค่ 5 นาทีเอง (หรือใครอยากจะพายคะยัคไปเองก็ได้ค่ะ ไม่ถึงกับเหนื่อยมาก) เพื่อนๆงงมั้ยคะ ทำไมไปทะเลซะกลางวันเชียว แดดกะลังร้อนเลย 555 แบบว่า ปกติเค้าจะไปกันเย็นๆ หรือไม่ก็เช้าๆ แดดจะได้ไม่ร้อน ไม่ดำ...แต่อินี่แบบว่า ไปถ่ายรูปอ่ะค่ะ อิอิ ไม่ได้ไปเล่นน้ำทะเล แล้วแบบว่า อยากได้รูปสวยๆค่ะ 555 คือ ถ้าไปกลางวัน แดดดีเนี่ยสีน้ำทะเลมันจะเป็นสีฟ้าสวยๆ แล้วรูปก็จะสดใสมากๆ....เพราะงั้น ต้องยอมดำนิดนึงนะ หุ หุ ตอนเราไปที่ชายหาด ไปกันแค่ 2 คน ก็แบกเอาขาตั้งกล้องไปเผื่อถ่ายรูปคู่ คุณสามีเห็นทะเล แดดดี เลยอยากถ่ายรูปกระโดด....แต่กระโดดคนเดียวไม่หนำใจ คุณพี่ขอ 2 แกว่างั้น....แล้วถ่ายรูปกระโดด โดยใช้ขาตั้งกล้องเนี่ย มันง่ายซะเมื่อไร่ล่ะคะ คุณสามีขา.... จากนั้นก็กลับห้องพักค่ะ....ช่วงนี้ร้อนมากๆๆๆๆ ก็เลยลงแช่จากุชชี่...สบายตัวมากๆๆๆ....แล้วหลังจากนั้นก็ชวนเพื่อนของคุณสาไปหาข้าวกลางวันทานกัน ก็ไปที่บางเบ้า ทานที่ "ร้านเรือนไทยซีฟู๊ด"...จากนั้นก็แวะชมจุดชมวิว ชักภาพได้เล็กน้อย เพราะแดดร้อนจริงๆ หลังจากนั้น ก็กลับมาพักผ่อนตามอัธยาศัย อิอิ....ตอนเย็นก็พายเรือเล่น ไปที่ชายหาดอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้ "น้ำลง" แล้วค่ะ...หาดกว้างเชียว เลยไม่ค่อยสวยเท่าไร่ น้ำทะเลก็สีไม่ค่อยสวยแล้ว (แต่ก็ยังใสนะ) เล่นก็ไม่ได้ เพราะหาดมันยาวมากก ****สรุปว่า ถ้าใครพักที่นี่ แล้วอยากไปชายหาด แนะนำให้ไปตอนกลางวันนะคะ เพราะถ้าไปเย็นๆ น้ำลง ทะเลจะไม่สวยเอามากๆๆๆค่ะ**** วันรุ่งขึ้นเลยตัดสินใจออกกันแต่เช้าหน่อย เพราะกลัวว่าจะต้องรอเรือนานเหมือนเมื่อวานอีก ก็ออกประมาณ 9 โมงกว่าๆ ไปถึงท่าเรือประมาณ 10 โมง คราวนี้ดีขึ้นค่ะ รอแค่ประมาณเกือบชม.เท่านั้น ( 555 นี่ดีแล้วนะ) ถ่ายรูปอีกนิดหน่อย แล้วเจอกันใหม่นะจ๊ะ...เกาะช้าง...แล้วเราจะกลับมาอีกครั้ง อิอิ My Comment ห้องพัก - ชอบมากค่ะ ห้องโปร่งกว้าง ตกแต่งสวยงาม (สไตล์ประมาณเอวาซอนเลยค่ะ) ลงตัวดี รีสอร์ท - รีสอร์ทไม่ติดทะเล บรรยากาศจะเป็นธรรมชาติแบบป่าๆหน่อย ริมคลอง อันนี้แล้วแต่ความชอบ ส่วนตัวเรา ก็โอเคค่ะ ร่มรื่นดี แล้วก็มี facilities ต่างๆครบถ้วน มีสระว่ายน้ำ 2 สระ มีห้อง fitness , internet ด้วย คุ้มราคาค่ะ บริการ - ส่วนอื่นๆดีหมดคะ แต่ไม่ชอบการบริการที่ "ร้านอาหาร" อย่างรุนแรง เพราะว่า อาหารช้ามากๆๆๆๆ เป็นการ "รออาหารที่นานที่สุดในชีวิต" คือ สั่งอาหารตอน 1 ทุ่ม ได้รับอาหาร ตอน 2 ทุ่ม 15 ค่ะ 1 ชม.กับอีก 15 นาที เกิดมาไม่เคยรออาหารที่ร้านไหนนานมากขนาดนี้ นี่คือ สั่งแล้วนะคะ ไม่ใช่ยืนรอที่นั่งหน้าร้านอะไรแบบนั้น งงมากๆว่าทำงานกันยังไง ... แล้วถามว่าทำไมถึงรอ ก็เพราะตั้งใจว่าจะกินที่นี่ และไม่ได้เตรียมตัวจะขับไปหาร้านที่ไหนอีก ก็เลยนั่งรอไปเรื่อยๆค่ะ (โชคดีนิดนึงที่คุณสามีเรากะแฟนของเพื่อน สั่งไวน์มากินกัน ก็เลยพอดื่มไวน์เพลินๆไปได้ แต่เราไม่กินไวน์ค่ะ หิวไส้แทบขาด เหอ เหอ) โต๊ะอื่นๆที่มาใกล้ๆกัน ก็รอนานพอๆกันค่ะ มีโต๊ะนึงทนไม่ได้ ถึงกับเรียกพนักงานมาคุย ก็ได้แต่คำแก้ตัวว่า มีกรุ๊ปทัวร์มา...ซึ่งเป็นอะไรที่ฟังไม่ขึ้น ก็เข้าใจว่าเป็นวันหยุดยาว และรีสอร์ทก็เต็ม แต่เชื่อว่านี่คงไม่ใช่วันหยุดยาวครั้งแรกของรีสอร์ทที่เปิดมานานกว่า 4 ปีใช่มั้ยคะ และคงไม่ใช้ครั้งแรกที่มีทัวร์มาลงเหมือนกัน และที่สำคัญ คนที่นั่งในร้าน ก็ไม่ได้เต็มนะคะ โต๊ะด้านนอกยังเหลือบาน ถ้าโต๊ะเต็มหมด พนักงานวิ่งวุ่น ก็เออ พอจะเข้าใจได้ แต่นี่คือ มันดู chill chill มากๆ คนไม่ได้แน่นขนาดนั้น มันอยู่ที่ว่าทางร้านควรจะต้องเตรียมคนให้พร้อมกว่านี้รึป่าว เป็นเรื่องที่ต้องปรับปรุงอย่างแรงค่ะ ถ้าทางรีสอร์ทมาอ่านเจอนี่ ปรับปรุงโดยด่วนนะคะ ความประทับใจที่มีต่อเกาะช้าง - สำหรับครั้งแรกที่เกาะช้าง เราประทับใจมากๆค่ะ เรารู้สึกว่า มันไม่เงียบเหงา แล้วก็มีอะไรให้ทำเยอะดี 555 สงสัยเป็นคนชอบธรรมชาติ แต่ก็ชอบความคึกคักด้วยมั๊ง อย่างพวกเกาะกูด เกาะมันนอก มันเน้น พักผ่อนอย่างเดียวจริงๆ ไปถึงก็นอนแกร่วอยู่รีสอร์ทเลย (ถ้าไม่ดำน้ำ) แต่เกาะช้างนี่ มีอะไรให้ทำเยอะ ร้านอาหารก็แยะด้วย...สรุป ชอบมากค่ะ จะไปอีกแน่นอน สัมผัสเสน่ห์...ทะเลจันท์ @ Al medina resort
ความที่รู้สึกว่า จันทบุรี เป็นจังหวัดที่ไกลจากกรุงเทพ แบบว่า อยู่เลยระยองไปอีก (แค่ระยองก็ 3 ชม.แล้ว ในความคิดของเรา) เลยทำให้ไม่เคยคิดอยากจะไปเมืองจันท์เลย แม้ว่าจะมีรีสอร์ทเล็กๆสไตล์โมรอคโคเปิดใหม่ ซึ่งเราสนใจ อยากพักเป็นอย่างมาก แต่ก็สู้กับความรู้สึกว่า มันไกล ไม่ไหว 555 (คิดแต่ว่า ถ้าไปต้องไปเกาะช้าง แล้วแวะค้างที่นี่เอา หุหุ คิดได้ไงเนี่ย) จนวันนึง เดินผ่านบูธนี้ในงานท่องเที่ยว (เมืองทอง) แล้วคนขายบอกว่า ห่างจากกรุงเทพ 2.30 ชม. เองนะคะ...เราก็เลย เฮ้ยย จริงเหรอคะ (อย่าหลอกกันนะ อิอิ) คนขายเลยบอกว่าแค่ 210 กม.เองค่ะ เท่ากับหัวหินเลย...เราเลยเปลี่ยนความคิดทันที ก็หัวหินอ่ะ ขับแป็บเดียวก็ถึงแล้ว ปีนึงไปไม่รู้กี่ครั้ง เพราะงั้น 210 กม. นี่ จิ๊บๆ ว่าแล้ว ก็ซื้อ voucher จากในงานเลยค่ะ ... ห้องที่หมายหมั้นปั้นมือ คือ ห้อง Marakech ซึ่งพิมพ์อยู่ในโบรชัวร์ 555 คือ เป็นห้องที่เห็นวิวสวยสุดอะไรประมาณนั้น ....แต่พอโทรไปจอง อาทิตย์ที่เราจะไปห้องนั้นมีคนจองไปแล้ว...ก็เลย เลื่อนขึ้นไปจองห้องท๊อปเลย คือ มีจากุชชี่ ชื่อห้อง Fez ก็ดันมีคนจองแล้วอีก เลยมาจองห้อง Casablanca แทน เพราะเป็นห้องที่ดาดฟ้าส่วนตัว สามารถขึ้นไปนอนชมดาวได้ อะไรประมาณนั้น และแล้ว ... วันเดินทางก็มาถึง...เราใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ แล้วแยกออกสาย 36 มุ่งไป อ.แกลง จ.ระยองเลย (ไม่ผ่านพัทยา) เร็วดีจริงๆค่ะ แต่เผอิญ ตั้งใจไปกินข้าวกลางวันที่ ฟาร์มปูนิ่ม ซึ่งอยู่ อ.ขลุง ก็เลยต้องขับเลยต่อไป ออกจากกทม.ตอน 9 โมง จริงๆน่าจะถึงฟาร์มประมาณ 12.00 น. แต่ดันหลงอ่ะ วกไปวนมาในตัวเมืองขลุง กว่าจะถึงร้านก็ บ่ายโมง หิวสุดๆ 555 ร้านนี้ต้องลงเรือไปกินนะคะ เรียกว่า ลำบากหน่อยกว่าจะได้กิน แต่ว่า อยากบอกว่า คุ้มมากๆค่ะ ใครที่ชอบกินปูนิ่ม สมควรไปที่สุด ปูนิ่มราคาถูกมากกก แล้วก็อาหารก็อร่อยด้วยค่ะ ปูนิ่มทอดกระเทียม และ ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ ให้ปูนิ่มมาจานละ 3 ตัว ราคาจานละ 130 บาท ผัดไทยปูนิ่ม 60 บาท แล้วเราสั่ง ปูทะเลนึ่ง 1 ตัว (ไม่ได้ถ่ายรูปมา) มันโลละ 350 บ. ตก 3 ตัวโล เพราะงั้น ตัวเดียว เหลือตัวละ 140 บาท...ถูกมากกก และสดมากๆด้วยอ่ะ กินเสร็จก็รีบบึ่งไปรีสอร์ททันทีค่ะ ... ในที่สุด ก็มาถึงประมาณ 4 โมงเย็น เล่นเอาเหนื่อยเลย เหอ เหอ (กว่าจะถึงได้ เกือบวัน ไม่ได้ 2.30 ชม. อย่างที่เค้าบอกหรอก) มาถึง แอบผิดหวังเล็กน้อย...สงสัยเพราะตั้งความหวังไว้สูง ก็พอรู้ว่าเป็นรีสอร์ทเล็กๆ มีแค่ 9 ห้องนะคะ แต่ว่า พอมาถึงจริง มันเล็กกกก มากกว่าที่คาดไว้เลยอ่ะ...คือ เป็นตึกสีขาว 1 ตึก หันหน้าออกทะเล...แค่นั้นเอง แต่ถ้าถามว่า สวยมั้ย...ก็พอได้อยู่อ่ะค่ะ มาถึง พนักงานก็ออกมาต้อนรับ หิ้วของหิ้วอะไรให้ ก็รู้สึกประทับใจในบริการตั้งแต่มาถึงค่ะ.. บริเวณ Lobby ซึ่งก็ใช้เป็นที่ เช็คอิน ทานอาหารค่ำ กะอาหารเช้าไปด้วย ตอนแรกว่าจะเดินเล่นถ่ายรูปรีสอร์ทให้ทั่วๆ...แต่...แต่...มันไม่มีที่ให้เดินไปไหนเลยอ่ะค่ะ 555 คือ ตึกนี้ก็เป็นล๊อบบี้นี่แหละ แล้วก็แบ่งเป็นห้องๆ ทั้งหมด 9 ห้องเลย...เลยไม่รู้จะเดินไปไหน...ขึ้นห้องเลยดีกว่า มุมนี้ ถ่ายจากชั้น 2 ค่ะ ห้องของเรา Casablanca ค่ะ เป็นห้องริมสุดด้านซ้ายมือ...ราคาในงานที่เราสอยมาได้ ก็ 5,299 บ. ต่อคืนค่ะ...ลองดูนะว่า คุ้มมั้ย เปิดเข้าไปก็เป็นแบบนี้ค่ะ ...ทุกห้องจะหันหน้าออกทะเล เห็นวิวทะเลหมดค่ะ เตียงนอนหันหน้าเห็นวิวทะเลค่ะ มีทีวี + ดีวีดี + ตู้เย็น (อ้อ ตู้เย็นอยู่ข้างโซฟานะคะ พอดีภาพเก็บไม่หมด) จุดพิเศษของห้องนี้ คือ มีอ่างอาบน้ำสไตล์โบราณ...สวยดี แต่แช่แล้วไม่สบายเท่าไหร่ 555 อ้อ ห้องนี้เหมาะกะคู่รักนะคะ เพราะประตูห้องน้ำ มีแค่ผ้าแบบนี้อ่ะค่ะ เหอ เหอ รูปนี้ถ่ายจากด้านนอกห้องค่ะ ถัดจากอ่างน้ำไป ก็จะเป็นห้องน้ำ (คราวนี้เป็นห้องจริงๆค่ะ อิอิ) มีอ่างล้างหน้า แล้วก็โถจ้วม มีแค่ผ้าม่านปิดอีกเช่นเคยค่ะ..ใครกลิ่นแรง โปรดระวัง อิอิ ซึ่งจากห้องน้ำนี้เอง จะมีประตูลับ 555 เพื่อเปิดไปสู่ทางขึ้น สู่ดาดฟ้าส่วนตัว...นี่ค่ะ ทางขึ้น พอขึ้นมาถึงด้านบน ซึ่งทางรีสอร์ท claim ว่า ห้องนี้พิเศษ (แพง) เพราะมี private roof deck with daybed ....อืม ..รู้สึกผิดหวังมากมายย.. คือ อาจจะเพราะด้วยแดดร้อนด้วยมั๊ง ทำให้รู้สึกว่า มันไม่โรแมนติกเอาซะเลยอ่ะ เหอ เหอ เตียง (daybed) ก็เก่าๆ แข็งๆ ไม่มีความน่านอน วิวก็ไม่สวย เพราะห้องนี้อยู่ริมซ้ายสุด มีต้นไม้บังเต็มไปหมด แล้วก็ ด้วยความหวังดีของรีสอร์ท เพราะดาดฟ้า มันเป็นดาดฟ้าเดียวกันกับของรีสอร์ท เค้าก็เลยเอาต้นไม้มาปลูกไว้ คงเพื่อความเป็นส่วนตัว...แต่ขอบอก มันทำให้อึดอัดมากก ไม่เห็นวิวอะไรกะใครเค้าเลย...สรุป เสียอารมณ์...มาอยู่ 2 วัน เราขึ้นมาดาดฟ้าครั้งเดียว ก็คือ มาถ่ายรูปนี่แหละ จากนั้นก็ไม่เคยขึ้นมาอีก คือ จริงๆ ไม่ใช่ว่าดาดฟ้าเค้าไม่สวยนะคะ ของเค้าอ่ะสวย แต่ของห้อง Casablanca (ซึ่งเป็นห้องเดียวที่มี !) อ่ะ ไม่สวย.. ว่าแล้ว ไปสำรวจดาดฟ้า (ขอเรียกงี้ละกันนะ) ของรีสอร์ทกัน ซึ่งอันนี้ทุกห้องสามารถขึ้นมาได้ค่ะ จะมา dinner บนนี้ หรือ breakfast บนนี้ก็ได้ตามสะดวก (ถ้าไม่แดดออก หรือฝนตก) จากรูปบน มองเห็นต้นไม้เขียวๆตรงสุดดาดฟ้านั่นมั้ยคะ...นั่นล่ะ ถัดเข้าไปก็คือ private roof deck ของห้องเราล่ะ...บอกแล้วว่ามันมุมมืดจริงๆ อันนี้อีกมุมนึง.. ไม่ได้ถ่ายมาเยอะนะคะ แต่ก็ต้องขอบอกว่า สวยค่ะ..วิวก็โอเคนะ เพราะเห็นทะเล 2 ด้าน คือ ด้านหน้า กะด้านข้างๆด้วย (รีสอร์ทอยู่ริมสุดของหาดอ่ะคะ มันเหมือนเป็นโค้งเล็กๆ เลยเห็นวิวด้านข้างด้วย) คงเห็นรูปตามแม๊กกาซีน กะในรีวิวกันเยอะแล้วแหละ เนื่องจาก อยู่ในห้องก็ไม่มีอะไรให้ทำมาก...แดดร้อนด้วย (ไอแดดมันเข้ามาอ่ะค่ะ) ไม่รู้เพราะพักห้องพวกที่มีจากุชชี่ หรือ pool villa จนชินรึป่าว ทำให้รู้สึกว่า มันไม่มีอะไรให้ทำเลยจริงๆอ่ะ (อย่าหาว่าเว่อร์เลยนะ) ไม่มีสระว่ายน้ำ ไม่มีที่ให้เดินเล่น จะนอนอ่านหนังสือ เปิดหน้าต่างลมเย็นๆ ก็ไม่ได้ เพราะแดดมันส่อง ร้อนอ่ะ 555 จะขึ้นไป chill ดาดฟ้า ไม่ต้องพูดถึง ร้อนกว่าเดิม ไหม้เลยแหละ...สุดท้าย ก็เลยลงไปนั่งเล่นริมหาด ซึ่งทางรีสอร์ทเค้ามีโต๊ะ เก้าอี้ เตียงผ้าใบ บริการให้ค่ะ แต่บรรยากาศริมหาด ก็โอเคนะคะ...ลมเย็นสบาย ทะเลสวยพอใช้ได้ เงียบสงบดี..คุณสาเลยสั่งเบียร์มา chill chill บนเตียงผ้าใบ..ส่วนเรา ขอ act ท่า กับ ทะเลเมืองจันท์หน่อยเถอะ.... หาดคุ้งวิมานค่ะ ตกเย็น ก็ขึ้นไปทานข้าวที่ดาดฟ้าค่ะ...บรรยากาศดี ลมเย็น ..ยิ่งช่วยพลบค่ำ แล้วเปิดไฟนี่...สวยดีค่ะ อาหารที่เราสั่งมี 3 อย่างค่ะ คือ ยังอิ่มจากฟาร์มปูนิ่มอยู่เลย (เพราะกว่าจะกินก็บ่ายกว่าๆ) แต่ว่าสมองสั่งว่า ต้องกินข้าวเย็น 555 และอยากมาชื่นชมดาดฟ้าตอนแดดร่มลมตกซะหน่อย เลยขึ้นมาดินเนอร์บนนี้..อาหารก็มี เต้าหู้ทรงเครื่อง ไก่เทอริยากิ และเกี๊ยวห่อชีส... รสชาดก็พอโอเคค่ะ แต่ราคา ขอบอกว่าแพงมากกก...คือ เวลารร. หรือรีสอร์ทหรูๆ เค้า charge ค่าอาหารราคาแพงๆนี่พอรับได้นะ เพราะมันคือ ราคา รร. แต่นี่ รีสอร์ทธรรมดาๆ เมนู ก็บ้านๆทั่วไป (ไม่ได้เป็นอิตาเลียน ซีฟู๊ด หรือ โมรอคโค อะไร) เหมือนร้านตามสั่ง มีพวกข้าวกระเพราะไรงี้อ่ะ ก็ตกจานละ 150 บ.แล้ว เต้าหู้ทรงเครื่อง 200 บ. ไก่เทอริยากิก็ 200 บาท เกี๊ยวนี่จำไม่ได้ แต่น่าจะ 150 บ...สรุปว่าแพง...แต่จะว่าก็ไม่ได้ เพราะเค้าคงบอกว่า ถ้าอยากกินถูก ก็ออกไปกินข้างนอกสิ เหอ เหอ (ว่าแต่ว่า ไม่รู้จริงๆว่าแถว หาดคุ้งวิมานมีร้านอาหารอะไรใกล้ๆและอร่อยๆ) อ้อ..ก่อนนอน เค้ามีช๊อกโกแลตให้ทานด้วยค่ะ..พร้อมป้ายเล็กๆบอกพยากรณ์อากาศในวันพรุ่งนี้ให้ด้วยค่ะ...(มาถึง ก็มี welcome drink น่ารักๆ)ก็เป็นอะไรเล็กๆน้อยๆที่ยังพอทำให้ประทับใจได้บ้าง ดูสิ partly cloudy ค่ะ ปรากฏ วันรุ่งขึ้น ตื่นเช้ามา...ฝนตกคับ งงมากๆ นี่เราว่าเรามาทะเลฤดูร้อนนะเนี่ย ทำไมมีฝนหว่า...แอบเศร้าเล็กน้อย เพราะตอนแรกว่าจะเดินถ่ายรูปคู่สวยๆก่อนกลับซะหน่อย.. ตอนแรก ให้เค้าจัดโต๊ะ BF ให้ ที่ริมทะเล (เมื่อวานเย็น กินบนดาดฟ้าไปแล้ว คราวนี้ขอริมทะเลบ้าง) แต่ฝนตก ก็เลยอด เลยมาทานที่ Lobby แทน..อาหารเช้าเค้ามีให้เลือก จะเป็น ABF หรือ ข้าวต้มเครื่อง หรือ ข้าวต้มกุ๊ย..คุณสาเรา เลือกเป็นข้าวต้มหมูสับ ส่วนเราเลือกข้าวต้มกุ๊ย มีกับ 3 อย่าง คือ ผัดผักบุ้ง ไชโป้วผัดไข่ และยำผักกาดดอง ก็อร่อยดีค่ะ ให้เยอะดี อิอิ ทานเสร็จ เนื่องจากฝนตก ก็เลยเดินเล่นเก็บภาพ (คู่) ด้านในไปพลางๆ เดินเล่นซักพัก ฝนก็หยุด..รีบขึ้นไปดาดฟ้า ไปถ่ายกับยอดโดมเป็นที่ระลึกซะหน่อย 555 ทิ้งท้ายไว้ด้วยรูปนี้เลยละกันนะคะ .... ไว้เจอกันใหม่ ทริปหน้าค่ะ My comment ฟาร์มปูนิ่ม - อาหารอร่อย ราคาไม่แพง โดยเฉพาะ ปูนิ่ม และปูสด ถูกมากๆๆ แนะนำค่ะ Al medina resort - อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆนะคะ (เพราะมีแต่คนบอกว่าดี แต่อีนี่คิดต่างค่ะ) ราคา - สำหรับเรา เราว่า ไม่คุ้มราคาค่ะ อาจจะเป็นเพราะ ห้องที่เราเลือกด้วยมั๊งคะ ราคา 5000 กว่าบาทอ่ะ แต่ได้เท่านี้ รู้สึกไม่คุ้มอย่างแรง จริงๆ ถ้าเราพักห้องราคา 3000 กว่าบาท เราอาจจะชอบก็ได้นะคะ คือ ราคาขนาดนี้ ได้ที่พักสวย น่าพัก บริการดี ... แต่ถ้ารีสอร์ทที่มีห้องระดับ 5000 บาทขึ้น (นี่ราคาลดนะคะ - ราคาเต็มของห้องเราคือ 8,500 บ. ค่ะ เชื่อมั้ย !!) มันน่าจะมีอะไรมากกว่านี เพราะรีสอร์ทก็เป็นรีสอร์ทเล็กๆ มีตึกๆเดียวจริงๆ สระว่ายน้ำ สนาม อะไรก็ไม่มี (อ้อ มีคายัคให้พาย แต่ทะเลก็ไม่ได้น่าพายอะไร)...คือ เวลาคิดค่าห้อง น่าจะคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยอ่ะค่ะ อย่างพวก รร. ห้องราคาสูง ก็เพราะเค้าบวก facility อะไรต่างๆเข้าไปด้วย แต่นี่ ไม่มี..ราคา 5000 บ. แพงไปหน่อยนะคะ สำหรับที่นี่นะคะ ทำให้เรานึกถึง ที่บราเซียร์ อารมณ์ประมาณ รีสอร์ทเล็กๆ มีไม่กี่ห้อง มาพักผ่อนแบบเงียบๆ เหมือนอยู่ที่บ้านอะไรแบบนี้..ตอนนั้น เราเลือกห้อง Nobra ราคา 5000 กว่าบาทเหมือนกัน ก็ยังมีจากุชชี่ให้แช่เล่น รีสอร์ท ก็มีสระว่ายน้ำ มีหน้าหาดให้นั่ง chill จริงๆ ส่วนตัวมากๆ...อันนี้ ประทับใจค่ะ..แต่สำหรับที่ Al medina เราว่าเทียบไม่ติดอ่ะ ที่พัก - สวยค่ะ เป็นสไตล์โมรอคโค เป็นเอกลักษณ์ดี การบริการ - ให้ดาวค่ะ พนักงานยิ้มแย้ม เต็มใจบริการทุกคนค่ะ ปล. เตือนสำหรับคนจะซื้อห้องจากในงาน เช็คราคาในเว็บของเค้าก่อนก็ดีนะค เพราะ internet rate อาจจะเท่ากับ หรือ ถูกกว่าในงานได้ค่ะ Pattaya Sea Sand Sun กับ วันของสองเรา ^^
เราเพิ่งไปพักมาเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนเองค่ะ (12-13 กันยา 2551) ได้ไปเพราะว่า ไปเดินงานท่องเที่ยวไทยมา ตอนแรกเนี่ยไม่ได้ตั้งใจจะซื้อ voucher เลย แค่ตั้งใจไปซื้อให้แม่สามีเฉยๆ เพราะ ตัวเองเนี่ย ยังเหลือที่พักอีก 2 ที่ ต้องใช้ภายในตุลานี้ รู้สึกเป็นภาระมากๆๆ 555 (ยังไม่เข็ด) (แม่สามีเค้าเลือกมาแล้ว ว่าจะเอาที่นี่ค่ะ) แล้วคุณสาเรา เค้าก็ถามว่า เราไม่เอาบ้างเหรอ เราเลยบอกว่า ถ้าจะเอา จะเอาห้อง pool villa ไม่เอา deluxe หรอก 555 จากนั้น เหมือน Sale เค้าจะได้ยิน ก็เลย offer ทันที่ จากราคาขายในงาน 7,000 บาท (ราคาเต็ม 2 หมื่นได้มั๊ง ไม่ได้สนใจ 555) เค้าลดให้เรา 6,000 บาท เพราะอยากให้ลองไปพักดู แถม เค้ายังแถมนวดอโรมให้ 1 ชม. ให้ 2 คน ด้วยอ่ะ (จริงๆคือต้องซื้อ 2 คืน ถึงจะให้นวดอโรมา) แถมได้นวดอโรมาด้วย คุณสาเลยควักกระเป๋าจ่ายเงินเพิ่มไปอีก 6 พัน สบายใจดี หุ หุ เพราะยังเหลืออีก 2 ที่ ที่จะต้องไป ซึ่งอัดอยู่ในเดือนตุลา แต่คิดไงไม่รู้ คุณสาก็บอกว่า เราไปกันอาทิตย์หน้าเลยเถอะ ยังไงก็จะได้ใช้ชัวร์ รีบจองไปก่อน วันเสาร์-อาทิตย์จะได้ห้องยังว่าง (ปกติ เสาร์-อาทิตย์ที่พักจะชอบเต็มก่อน) งงเลยอ่ะ อิชั้น ... อะไรมันจะปุ๊บปั๊บขนาดนั้นฟระ แต่ก็โอเคอ่ะ รีบใช้ให้หมดๆ ขืนปล่อยไว้ สุดท้ายจะเป็นภาระอีก ถ้าเกิดเราไม่ว่าง หรือ ห้องไม่ว่างขึ้นมา รีสอร์ทนี้มีมานานแล้วนะคะ แต่ก่อน เค้าจะมีฝั่ง ocean view , villa กับ garden view , villa แต่ตอนนี้ฝั่งที่เป็น garden renovate ใหม่หมดแล้วค่ะ ทำเป็นห้องแบบ deluxe , jacuzzi suite, และ pool villa ค่ะ ข้างใน ก็กว้างดีนะคะ มีระเบียงใหญ่ดีด้วย ภายในรีสอร์ท เราคิดว่า เค้าทำได้สวยค่ะ และยังคงความเป็นธรรมชาติไว้มาก จะเห็นได้ว่าเค้าไม่ตัดต้นไม้ใหญ่เลย ทำให้รีสอร์ท ร่มรื่นมากๆๆๆ ทางเดินระหว่างรีสอร์ท ไปยังสระว่ายน้ำ และชายหาด ตัวรีสอร์ท จุได้ทั้งหมดประมาณ 100 คนค่ะ มีรั้วรอบขอบชิด ซึ่งที่วางทีวีแบบนี้เราชอบมากค่ะ คือ มันหมุนได้อ่ะ จะหันไปทางเตียง หรือ ทาง living room ก็ได้ (แค่เครื่องเดียวก็พอ แต่ว่ามันก็จะไกลๆหน่อย) อีกฝั่งของเตียงก็มีโต๊ะทำงานเล็กๆให้ นั่งพักผ่อนสบายๆ เปิดประตูออกไป จะเป็น private pool และที่พร้อมมากๆ คือ มีเครื่องชงกาแฟให้ด้วยค่ะ ลงทุนสุดๆเลยอ่ะ เหอ เหอ แต่ก็มีครบหมดนะ โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า อ่างอาบน้ำ และยังมี outdoor shower ด้วยค่ะ จะมีประตูเปิดมาเข้าห้องน้ำได้ทันทีค่ะ คือ พอเล่นน้ำเสร็จ ก็อาบน้ำ เปลี่ยนชุดได้เลย ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน ให้พื้นเปียกเฉอะแฉะ นั่นก็คือ pool ค่ะ พอเราเห็น เราว่ามันเล็กกว่าที่เราคิดค่ะ (เพราะเคยดูจากรูปรู้สึกว่ามันใหญ่กว่านี้ แต่ไปถามเค้าแล้ว เค้าบอกว่า ถ่ายจากอีกหลัง ซึ่งสระใหญ่กว่า แต่เราไปดูแล้ว ก็ใหญ่กว่าไม่มากอ่ะค่ะ สรุปว่ามุมกล้องช่วยไปเยอะ เหอ เหอ) ถ้าเทียบกับที่อื่นๆ ความยาวก็พอๆกัน แต่อาจจะออกแคบไปหน่อยเท่านั้น ส่วนความลึก โอเคค่ะ แล้วก็มีจากุชชี่ให้ด้วย เย้ เย้ แต่พอไป กลับอากาศดีมากๆค่ะ ฝนไม่ตกด้วย คือ มันก็ไม่มีแดดนะ แต่ข้อดี คือ อากาศเย็น ลมพัดเย็นสบายมากๆ เราก็เลยเดินเล่นถ่ายรูปกับคุณสาซะเพลินเลยอ่ะค่ะ เป็นนิมิตรหมายว่าฝนคงไม่ตกแน่นอน (รึป่าว 555) เค้ามีที่นั่งริมหาดด้วยนะ แต่ด้วยความกลัวร้อน เลยนั่งในร่มดีก่า อิอิ เราเลยเลือกที่ไม่ใกล้ไม่ไกลค่ะ "สวนนงนุช" นั่นเอง อยู่ แทบจะเรียกได้ว่า ฝั่งตรงข้าม กับรีสอร์ทเลยแหละ แต่เห็นเค้ามาขายบัตรในงานท่องเที่ยว คิดว่าคงปรับปรุงใหม่ เลยลองไปดูว่ามีอะไรน่าชมบ้าง จริงๆเค้ามีโชว์ มีอะไรอีกเยอะ แต่ไม่ไหวอ่ะค่ะ พอแดดดี มันก้ร้อนสุดๆอ่ะ เลยไม่ค่อย enjoy เท่าไร่ กับมีลานนวดไทยด้านนอก และนวดเท้า แค่นี้เองนะคะ แต่การนวดนี่ไม่เป็นรองเลยอ่ะค่ะ เราก็งงๆนะ แบบว่า บริการดีเหมือนสปาแพงที่กรุงเทพเลยอ่ะ แล้วก็ถึงบางอ้อ เพราะ เค้าบอกว่า เค้าได้ Deevana spa ที่กรุงเทพ เป็น consult ให้ค่ะ...มิน่า ให้ดาวเลยค่ะ ประทับใจมากๆๆๆๆๆ ไม่ถึง 4 โมงเย็นหรอกค่ะ ก็เลย check out กลับดีก่า เนื่องจากมื่อค่ำ เราทานกันในรีสอร์ทเลย (อาหารก็ธรรมดาค่ะไม่ได้อร่อยมาก) อยู่ที่ บางเสร่ ค่ะ ชื่อ ร้าน ริมหาด กิ๊กชอบร้านนี้มาก อาหารอร่อยทุกอย่างเลย โดยเฉพาะ ปลาหมึกผัดไข่เค็ม สุดยอดมากๆๆ วันนั้นสั่งไป 4 อย่าง อร่อยหมดเลยอ่ะ ก็ไปเดินเล่น ที่ outlet กันต่อ ตอนนี้ outlet เค้าทำเพิ่มแล้วนะคะ มีพวกร้าน Esprit , G2000 , French Kitty etc. เพิ่มมาด้วย ของเยอะดีเหมือนกันค่ะ แต่ไปๆมาๆ เดินเกือบ 2 ชม. แล้วก็เดินทางกลับกทม.ค่ะ แต่มาตกหนัก ตอนขับรถกลับกทม.นี่แหละ My comment ที่พัก - ดีมากๆๆๆ ค่ะ ห้องพักสวย กว้างดี ตกแต่งก็ดีค่ะ (ใหม่ด้วย อิอิ) บรรยากาศโดยรอบรีสอร์ทก็ดี ร่มรื่นค่ะ ชายหาดส่วนตัว เล่นน้ำได้ และที่รู้สึกคุ้มสุดๆ คือ ราคา ค่ะ 555 คุ้มมากๆจริงๆ 6 พันบาท ได้ห้อง pool villa แล้วยังได้นวด 1 ชม (2คน) และ late check out ถึง 4 โมงเย็น (แต่จะขอราคานี้อีกสงสัยไม่ได้อ่ะค่ะ) ทริป - เป็นอีกทริปที่ประทับใจมากๆๆ ค่ะ ได้พักผ่อนจริงๆเลย chill chill สบายๆ ไม่รีบร้อน ทั้งๆที่พัทยา ใกล้แค่นี้ แต่มักจะถูกเรามองข้ามเสมอ แต่ได้มาเที่ยวครั้งนี้ ประทับใจค่ะ ไว้พบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ พาลูกชายไปทะเลครั้งแรก...@ Tamareena resort , บางแสน
เพื่อนๆที่เข้ามาเยี่ยมเยือน bloggang ของเรา เคยสงสัยกันบ้างมั้ยคะว่าชื่อนี้มีที่มาอย่างไร...
อันคำว่า Beauty คงพอเดากันได้บ้างแหละว่าน่าจะหมายถึงเจ้าของ blog (ซึ่งก็คือตัวเราเอง แหะ แหะ) ...ส่วน Bambi รู้มั้ยคะว่ามาจากไหน...ขอเฉลยเลยนะคะว่าก็คือ ชื่อของลูกชายสุดที่รักเองแหละ ลูกรักของเราตัวนี้ มีสัญชาติอเมริกันเชียวนะคะ 555 คือว่า เราซื้อเค้ามาา ตั้งกะเรียนที่อเมริกาค่ะ อยู่ด้วยกันที่นั่นได้ปีนึง ก็กลับเมืองไทย แล้วก็หอบหิ้วเค้าขึ้นเครื่องเอากลับมาด้วย เป็นพันธุ์ Maltese ค่ะ ถ้านึกไม่ออก ให้นึกถึงสุนัขสีขาวๆ ขนยาวถึงพื้น ผูกแกละ 2 ข้าง แต่สภาพของแบมบี้จะดูเหมือนเทอร์เรียมากกว่า เนือ่งจากตัวใหญ่กว่ามัลทิสทั่วไป เพราะถูกทำหมันตั้งแต่เด็กด้วย (อดมีเมียแล้วคับ) แล้วก็หลังจากกลับมาเมืองไทยไม่สามารถไว้ขนยาวได้ เพราะไม่มีใครขยันแปรงขน คุณแม่ก็เลยให้ตัดซะเกลี้ยง 55 อายุของแบมบี้ตอนนี้ก็ 7 ขวบแล้วค่ะ แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าเขียนบล๊อกมา 3 ปีได้ ทำไมยังไม่เคยเขียนเรือ่งลูกชายของตัวเองบ้างเลย...คราวนี้ได้โอกาสเปิดตัวคุณลูกชายซะที...แต่แหม กว่าจะได้เปิดตัว...จากหนุ่มน้อย ก็เริ่มเป็นลุงหมาแล้วอ่ะ 5555 เอาล่ะ มาเข้าเรือ่งทริปนี้กันดีกว่า...อยากบอกว่าแรกเริ่มเดิมที ซักประมาณวันพุธ หรือพฤ. (ก่อนหน้าเสาร์-อาทิตย์ที่จะไป) อิชั้นเปรยๆขึ้นมาว่าอยากไปพักผ่อนชิลล์ๆ คุณสามีเลยบอกว่า จะพาไปกินไก่เหลืองที่หาดบางแสน..แบบว่าขับไปเช้าๆ แล้วก็บ่ายๆก็กลับ...ไอ้เราก็ดีใจ เพราะชอบกินไก่เหลืองมากๆ 555 พอประมาณวันศุกร์ อิชั้นก็เริ่มคิดว่า เอ๊ะ ไหนๆก็ไปทั้งทีแล้ว ถ้าเราหารร.ที่บางแสนนอนซักคืน เอาแบบราคาไม่แพงมาก ซัก 1000 นิดๆ ก็น่าจะดีนะ เพราะคุณสาทำงานวันเสาร์ เลิกงาน 5 โมง ขับรถชม.นิดๆ ก็ถึงบางแสนแล้วอ่ะ แล้วเราก็นอนค้างซัก 1 คืน น่าจะกำลังดี จะได้มีเวลาชิลล์ นอนตื่นสายวันอาทิตย์ แล้วรร.ราคาไม่แพง ก็น่าจะหาได้ง่ายๆด้วย วันเสาร์ ก็เลย search หารร.ในเน็ต จะไปเย็นวันเสาร์นะ แต่หารร.เสาร์เช้า ถือเป็นครั้งแรกเลยนะ ที่ชุกละหุก ขนาดนี้ ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้า หาในห้อง blue planet ปรากฏ เจออยู่ 2 รร. คือ La Playa คืนละ 1,600 บ. กับ Tamareena คืนละ 2,500 บ. แต่ว่า Tamareena เนี่ย เค้าให้เอาสุนัขไปได้ด้วย ....ซึ่งก็เลยทำให้ปิ๊งไอเดียว่าจะเอาแบมบี้ไปด้วยดีกว่า... สุดท้าย ก็เลยยอมจ่ายแพง คือ คืนละ 2,500 บ. เพื่อพาแบมบี้ไปทะเล เพราะตั้งใจไว้ว่า ต้องพาลูกชายไปเห็นทะเลซักครั้งให้จงได้ 555 ตกลงได้แล้ว ก็จัดการรับแบมบี้มาจากบ้านคุณแม่ (เรากับคุณสาอยู่คอนโด ไม่ได้เอาแบมบี้มาอยู่ด้วยค่ะ) เอานั่งรถกลับมาคอนโด จอดรถไว้คอนโด แล้วก็ไปขึ้นแท็กซี่ ไปเจอคุณสาที่เซ็นทรัล พระราม 3 (ไม่อยากให้เสียเวลามารับที่คอนโด) มือหนึ่งถือกระเป๋า (เดินทาง) อีกมือถือสายจูงแบมบี้ ทรมานดีเหมือนกัน ... ไปถึงเซ็นทรัล คุณสาก็มารออยู่แล้ว ก็เลยหอบหิ้วทั้งคน ทั้งหมา ขึ้นรถกันไป มุ่งหน้าสู่บางแสน ไม่น่าเชื่อว่าจากกรุงเทพสู่บางแสน ใช้เวลาไม่นานจริงๆค่ะ ประมาณ 1 ชม.นิดๆก็ถึงแล้วอ่ะ เรา 2 คน (และอีก 1 ตัว) ไปถึงบางแสนประมาณทุ่มนึงได้ ก็เข้าที่พักก่อนเลย แล้วก็ออกมากินข้าวเย็นกันที่อ่างศิลา สำหรับ Tamareena เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว เพราะรีสอร์ทเปิดมาก็หลายปีอยู่ รีสอร์ทนี้เป็นรีสอร์ทเล็กๆ มีแค่ 9 ห้องเองค่ะ อยู่ติดทะเลเลย sea view ทุกห้อง แต่ว่าชายหาดเป็นหิน เล่นน้ำไม่ได้ค่ะ เอาล่ะ ได้เวลาไปชมที่พักกันแล้วค่ะ เนือ่งจากไปถึงมืดแล้ว คงไม่มีรูปห้องสวยๆมาให้ชมนะคะ มีแต่ห้องมืดๆกับห้องน้ำแบบนี้ สภาพห้องก็ไม่ใหญ่เท่าไร่ค่ะ เข้าไปก็วางเตียงเต็มแล้ว มีทีวี กับตู้เย็นเล็กๆไว้ให้ แต่ข้อดีคือ เห็นทะเล (ถ้าไม่มีต้นไม้มาบัง แต่มีต้นไม้ก็ร่มรื่นดีค่ะ) และได้ใกล้ชิดทะเลดี เนื่องจากรูปห้องมีไม่มาก ไปชมบรรยากาศรอบๆรีสอร์ทดีกว่าค่ะ..รูปแรกบริเวณ reception ตกแต่งน่ารักดี สบายๆค่ะ บรรยากาศภายในรีสอร์ท ร่มรื่นดีนะคะ...เราชอบ มีสระว่ายน้ำเล็กๆด้วย...ส่วนใหญ่ไม่มีใครว่าย เราเลยได้ว่ายเหมือนเป็น private pool อิอิ รูปนี้ถ่ายจากระเบียงห้องเราค่ะ โซนนี้เป็นตึกใหม่ ที่เพิ่งสร้าง สีสันสดใสเชียวค่ะ มาดูชายหาดกันบ้างนะ...อย่างที่บอก ติดทะเล แต่เล่นน้ำไม่ได้ค่ะ น่าเสียดาย หมดแล้วค่ะ สำหรับรูปของรีสอร์ท...ต่อไป เป็นเรื่องราว + รูปของลูกชายสุดที่รักล้วนๆค่ะ อิอิ ตอนเช้าๆ ก็พาเจ้าลูกชายไปเดินทะเลเป็นครั้งแรก...ดูเจ้าลูกชายงงๆค่ะ ปกติเธอชอบเล่นน้ำมากๆ (โดดลงบ่อบัวเป็นประจำ) แต่คราวนี้ เหมือนฟอร์มๆยังไงไม่รู้ เหอ เหอ แต่เหมือนจะแกล้งให้พ่อกับแม่มันตายใจ...เผลอแผล๊บเดียว มันก็จ๋อมลงน้ำเองเลยอ่ะค่ะ แบบไม่ต้องลุ้น...หมดสภาพหมาขนฟูไปในบัดดล 555 แบมบี้ตอนถูกน้ำ สภาพน่าเกลียดชะมัด เหอ เหอ "ผมชอบน้ำนะคับ..แต่ผมว่ารสชาดมันแปลกๆง่ะ" สงสัยน้ำมันจะเค็มๆ เลยไม่ถูกใจเจ้าลูกชายเท่าไร่คะ เดินเล่นไม่กี่จ๋อม แบมบี้ ก็จูงพ่อมันขึ้นแล้วอ่ะ...แหม เสียเส้น อุตส่าห์อยากพาลูกชายมาเล่นน้ำทะเล....แต่เราก็ยังไม่ย่อท้อค่ะ เลยคิดว่าจะพาเค้าไปเดินเล่นที่หาดบางแสนดีกว่า เพราะมันเป็นหาดทราย เจ้าลูกชายอาจจะอยากวิ่งเล่นมากกว่าหาดที่เป็นหิน พอไปถึงบางแสน หลังจากจัดการกินส้มตำ+ไก่เหลือง (อันเป็น mission แรกของทริปนี้ เหอ เหอ) เรียบร้อยแล้ว ก็จัดการพาเจ้าลูกชายไปเดินชายหาด กะว่าเจ้าหนูน้อยคงเล่นน้ำสมใจ...นี่เป็นสภาพก่อนเล่นน้ำค่ะ และระหว่างเดินเล่นบนชายหาด...เจ้าลูกชายก็เกิดลงไปชักดิ้นชักงอ 555 ป่าวหรอกค่ะ...แบมบี้ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แบบว่าอยากนอนเล่น เหอ เหอ หลังจากชักดิ้นชักงอสมใจ ก็เตรียมตัวลงน้ำกัน รูปขณะเล่นน้ำไม่มีนะคะ..เพราะแม่มันมัวแต่วี๊ดว๊ายกระตู้วู้อยู่ เลยไม่ได้ถ่ายรูป...และอีกอย่าง เจ้าลูกชาย ท่าทางจะไม่ถูกกับน้ำเค็ม (เดาเอา) เพราะ เหมือนเดิม ย่อนเท้าไปได้ไม่ทันไร ก็หันหลังเดินกลับซะหยั่งงั้น.. แต่เรื่องตลกก็คือ สภาพหลังจากลงน้ำแล้ว ดูไม่เป็นผู้เป็นคน(หมา)กับเค้าเลยจริงๆ หลังจากขึ้นมานั่งอยู่ริมเตียงผ้าใบแล้ว เหมือนสุนัขพเนจรมากๆ ดูไม่ออกเลยว่า มาจากเมืองฝรั่ง สัญชาติมะกัน 555 ทิ้งท้ายรูปหมาพเนจรให้ดูดีก่า...คิ คิ
|
Beauty & Bambi
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?] ณ 31/1/2023 นิยามตัวเองได้ว่า เป็นคนชอบ เที่ยว กิน ช๊อป ค่ะ...แต่หลังๆไม่ได้อัพบล็อคเลย มัวแต่เล่น ig กับ เฟส ^^ บล็อคที่เขียนไว้อาจจะนานแล้ว แต่ก็ยังหวังว่าจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ ถ้าได้เที่ยว (หลังโควิด ) จะมาอัพอีกนะคะ *** เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คที่ blog เท่าไร่ ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วมีคำถาม รบกวนถามมาทางอีเมลล์เลยนะคะ (ดูอีเมลล์จาก profile ได้ค่ะ) เรายินดีตอบทันทีค่ะ แต่ถ้ามาทิ้งคำถามไว้ที่ blog หรือ หลังไมค์ มันอาจจะนานกว่าเราจะมาอ่านเจออ่ะค่ะ ***
Friends Blog
Link |