ยินดีต้อนรับสู่ "บ้านแทนใจ" เป็นเรื่องราวที่ได้ทำอย่างมีความสุขจากหัวใจ
 

ปาฏิหาริย์นวดมือบำบัด 15 อาการยอดฮิต

1. นวดกระตุ้นต่อมไทรอยด์
ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมที่มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนหลักสองตัว ได้แก่ ไทร็อกซิน
ซึ่งทำหน้าที่เร่งการทำงานของระบบเผาผลาญอาหาร
และ คาลซิโทนิน ซึ่งทำหน้าที่ลดระดับแคลเซียมในเลือด
ต่อมไทรอยด์ยังทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบภายในร่างกาย
ระดับน้ำและพลังงานในเนื้อเยื่อ รวมถึงความหนาแน่นของกระดูก
พัฒนาการและการทำงานของอวัยวะสืบพันธุ์
การทรงตัว ความสงบใจ และสุขภาพโดยรวม
เราอาจกระวนกระวาย อยู่ไม่สุข เบิกบาน หรือซึมเศร้า เชื่องช้า เก็บกด
ล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากการทำงานของต่อมไทรอยด์ทั้งสิ้น
วิธีการนวดมีดังนี้
ใช้นิ้วหัวแม่มือข้างหนึ่งกดที่โคนนิ้วหัวแม่มือด้านในของอีกข้างหนึ่ง
นวดกดไล่ไปรอบๆบริเวณนี้
หากมีความผิดปกติที่ต่อมไทรอยด์ จะรู้สึกเจ็บเวลากด

2. นวดเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น
ถ้าระบบประสาทเหนื่อยล้า การทำงานของกล้ามเนื้อตาก็จะไม่สมบูรณ์
เพราะกล้ามเนื้อตาทำงานภายใต้การควบคุมของระบบประสาท
การปฏิบัติเพื่อถนอมสายตานั้น
ได้แก่ การออกกำลังกาย อาหารสุขภาพ พร้อมกินวิตามินเสริมบ้าง
ส่วนวิธีนวดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นมีดังนี้
ใช้นิ้วหัวแม่มือนวดกดหมุนบริเวณโคนนิ้วทุกนิ้ว นวดนานนิ้วละสอง-สามวินาที
นวดถูให้ทั่วมือ
นวดตามแบบข้อ 1 อีกครั้ง แต่นวดนานนิ้วละหนึ่ง-สองนาที
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ควรนวดเป็นประจำทุกวัน
นอกจากนี้แล้ว ควรนวดจุดสะท้อนตับบนมือขวา
และนวดจุดสะท้อนไตของทั้งสองมือไปพร้อมกันด้วย
เพื่อให้ร่างกายได้ทำความสะอาดพลังงานคั่งค้างออกไปทางอวัยวะทั้งสองนี้
ฉะนั้น หากสุขภาพตับและไตไม่ดี
มักมีปัญหาเกี่ยวกับประสิทธิภาพการมองเห็นด้วยเช่นกัน

3. นวดกระตุ้นการได้ยิน
การได้ยิน คือ การเดินทางของพลังงานจากหลายส่วน
ส่วนแรกคือ พลังงานเสียงที่มากระทบหูภายนอก ซึ่งสัมพันธ์กับนิ้วก้อย
ส่วนที่สองคือ พลังงานเสียงที่ผ่านเข้าไปในช่องหู ซึ่งสัมพันธ์กับนิ้วนาง
ส่วนที่สามคือ พลังงานการเคลื่อนที่ของคลื่นเสียง
ที่ก่อให้เกิดอาการสั่นสะเทือนของอวัยวะภายในหู ซึ่งสัมพันธ์กับนิ้วกลาง
ส่วนที่สี่คือ พลังงานของคลื่นเสียงที่ก่อให้เกิด
อาการสั่นสะเทือนของประสาทเล็กประสาทน้อยภายในหู ซึ่งสัมพันธ์กับนิ้วชี้
ส่วนที่ห้าคือ พลังงานจากการสั่นสะเทือนของเสียง
ที่เดินทางไปแปลความหมายที่สมอง ซึ่งสัมพันธ์กับนิ้วโป้ง
วิธีนวดเพื่อกระตุ้นการได้ยินมีดังนี้
นวดกดปลายนิ้วทุกนิ้ว ค้างไว้นิ้วละ 4 นาที
เพื่อส่งพลังผ่านไซนัสที่สัมพันธ์กับการได้ยิน
นวดกดจุดสะท้อนต่อมพิทูทารี
ซึ่งอยู่ตรงกลางนิ้วโป้ง เพื่อเพิ่มการพลังสมอง

4. นวดแก้ไอ
จุดสะท้อนลำคอนั้นตั้งอยู่บริเวณนิ้วโป้งและนิ้วใกล้เคียง
ฉะนั้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้นที่ลำคอ
ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บคอหรือไอ จึงต้องนวดกดบริเวณนั้น
วิธีการมีดังนี้คือ
ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้กดบีบบริเวณโคนนิ้วโป้งและนิ้วชี้ ค้างไว้นานราว 5-10 นาที

5. นวดแก้ปวดไมเกรน
อาการปวดไมเกรนเกิดจากความไม่ปกติของการไหลเวียนโลหิตในสมอง
แพ้อาหารหรือความตึงเครียดของร่างกาย
การบำบัดอาการปวดไมเกรนคือ การทำให้เส้นประสาทต่างๆผ่อนคลาย
พร้อมกันนั้นก็กระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น
วิธีการนวดมือคือ
นวดผ่อนคลายจุดสะท้อนต่อมพิทูทารีและต่อมอื่นๆที่อยู่ในกลุ่มเอ็นด็อกริน
ซึ่งอยู่บริเวณนิ้วโป้ง เพื่อสร้างความสมดุลของฮอร์โมนและลดระดับสารเอ็นโดฟิน
นวดกดจุดสะท้อนหัวใจ เพื่อให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองดีขึ้น
นวดกดจุดสะท้อนตับ เพื่อกระตุ้นให้ตับขับสารพิษ
และช่วยเสริมสร้างระบบย่อยอาหารและการดูดซึม

6. นวดแก้ปวดข้อ
ไม่ว่าสาเหตุของอาการปวดข้อจะมาจากรูมาตอยด์ เก๊าต์ หรือเอสแอลอี
แต่การเยียวยาอาการก็ไม่ต่างกัน
นั่นคือ ออกกำลังกาย กินอาหารสุขภาพ ลดความเครียด
การนวดมือก็สามารถช่วยบรรเทาอาการปวด และการฟื้นฟูการทำงานของข้อได้
เพราะการนวดมือช่วยสร้างสมดุลให้อวัยวะภายใน
ด้วยการกระตุ้นระบบการไหลเวียน
ขับท็อกซิน ออกไปจากระบบการทำงานส่วนนั้นๆ
ฉะนั้นการนวดมือเพื่อบรรเทาอาการปวดข้อ
จึงคือการนวดต่อมต่างๆ ในกลุ่มเอ็นด็อกตริน

7. นวดบำบัดไฮโปไกลซีเมีย
ถึงวันนี้ เรายังรู้จักโรคไฮโปไกลซีเมียกันน้อยเหลือเกิน
เพราะผู้คนไม่รู้ว่านี่คือโรค ทั้งที่ก่ออันตรายต่อชีวิต
สาเหตุหลักของโรคไฮโปไกลซีเมียคือ ระดับน้ำตาลต่ำ
จึงก่อให้เกิดหลายอาการทั้งทางกายและใจ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
อาการที่ว่าได้แก่ กระวนกระวาย ปวดหัวไมเกรน ปวดข้อ นอนไม่หลับ ภูมิแพ้
คุณหมอส่วนใหญ่จึงรักษาไปตามอาการที่เป็น
บ้างก็รักษาด้วยยาจิตเวช
ซึ่งมักเป็นยาที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด อาการจึงแย่ลงไปอีก
โรคนี้ไม่เกี่ยวกับต่อมไหนทำงานน้อยหรือมาก
ฉะนั้นการนวดมือบำบัดอาการของโรคไฮโปไกลซีเมีย
จึงคือการกระตุ้นต่อมต่างๆในกลุ่มเอ็นด็อกตริน
เพื่อกระตุ้นระบบอิมมูนซิสเต็มนั่นเอง

8. นวดแก้ผมร่วงและผมหงอก
เส้นผมมักสะท้อนสุขภาพร่างกายโดยรวม
นักวิทยาศาสตร์มักแนะนำให้เรากินโปรตีน
และแคลเซียมเพื่อเส้นผมสวยแข็งแรง
แต่ไม่ค่อยมีคนรู้ว่าพลังงานไฟฟ้าสถิตย์จากเล็บนั้นช่วยเสริมสุขภาพเส้นผมได้
การนวดจุดสะท้อนเส้นผม ซึ่งอยู่บริเวณเล็บมือของเรา
จึงช่วยยับยั้งการหลุดร่วงและหงอกก่อนวัยได้
กำมือทั้งสองข้างไว้หลวมๆ ประกบกำมือทั้งสองข้างเข้าหากัน
โดยให้เล็บทั้งสองมือชนกัน
ถูเล็บมือซ้ายกับเล็บมือขวาเร็วๆ
ทำท่านี้วันละหนึ่งครั้งๆ ละ 5 นาที

9. นวดแก้ปวดหลัง
หลังและกระดูกสันหลังมีส่วนสำคัญต่อระบบสุขภาพโดยรวมเป็นอย่างมาก
เพราะเป็นแหล่งรวมเส้นประสาทสำคัญมากมาย
ทำให้ร่างกายคนเราจะสมบูรณ์แข็งแรงไม่ได้
หากกระดูกสันหลังไม่เรียงกันอยู่ในแนวปกติ
การนวดกดจุดสะท้อนหลังคือ
การผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังจากความตึงเครียด ดังนี้
นวดกดจุดสะท้อนกระดูกสันหลังส่วนเซอวิคอล (บริเวณต้นคอ)
ซึ่งอยู่บริเวณข้อแรกของนิ้วโป้งมือซ้าย
นวดกดจุดสะท้อนกระดูกสันหลังส่วนอื่นๆ
ซึ่งอยู่บริเวณข้อแรกของนิ้วโป้งมือขวา

10. นวดกระตุ้นการย่อยอาหาร
กระเพาะอาหารมีหน้าที่ย่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่ร่างกายกินผ่านปากเข้าไป
ซึ่งบ้างก็เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย
บ้างก็ทำลายกระเพาะอาหาร และทุกระบบของร่างกาย
เมื่ออาหารผ่านเข้าปาก การเคี้ยวบดอาหารในปากให้ละเอียดนั้น
ช่วยผ่อนแรงกระเพาะอาหารได้อักโข แถมยังช่วยให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นอีกด้วย
การนวดกดจุดสะท้อนกระเพาะอาหาร
จึงคือการกระตุ้นประสิทธิภาพการย่อยอาหารให้ดีขึ้น ซึ่งมีท่าดังนี้คือ
ใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลางมือขวา จับบริเวณจุดสะท้อนกระเพาะอาหาร
ซึ่งอยู่บริเวณจุดตัดของโคนนิ้วโป้งและนิ้วชี้มือซ้าย
กดคลึงจุดนั้นด้วยนิ้วโป้ง ขณะที่นิ้วชี้และนิ้วกลางกึ่งประคองกึ่งกดด้านหลังมือเอาไว้

11. นวดบำรุงหัวใจ
หัวใจมีหน้าที่นำออกซิเจนผ่านกระแสเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
และนำกลับเข้ามาเติมออกซิเจน โดยกระบวนการนี้ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งนาที
ปกติ กล้ามเนื้อหัวใจมีบทบาทในการทำหน้าที่นี้
ผ่านกริยาการบีบตัว โดยเราสามารถสังเกตได้จาก
การที่หัวใจเต้นตุบ ตุบ ทุกครั้งที่กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวแล้ว
กล้ามเนื้อหัวใจต้องการช่วงเวลาพักนานกว่าจังหวะการบีบตัวเสียอีก
การนวดกดจุดสะท้อนหัวใจ
จึงเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหัวใจให้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น วิธีการคือ
หาตำแหน่งของจุดสะท้อนหัวใจบนมือ
นั่นคือ บริเวณกลางฝ่ามือ ใต้นิ้วนางของมือซ้าย
กดจุดนั้นด้วยนิ้วโป้งขวา
อีกสี่นิ้วที่เหลือ ประคองหลังมือ และกดจิกหลังมือไว้

12. นวดแก้อาการเป็นลม
อาการเป็นลม มีสาเหตุจากการที่มีเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
ทำให้สมองขาดออกซิเจน การนวดมือคือ
การช่วยกระตุ้นให้มีเลือดไหลเวียนในสมองอย่างเพียงพอ
นวดกดจุดสะท้อนสมองซึ่ง
คือส่วนปลายสุดของทุกนิ้ว โดยเฉพาะหัวแม่มือ วิธีการคือ
เริ่มออกแรงกดปลายสุดของหัวแม่มือซ้ายด้วยหัวแม่มือขวา หมุนวน
หากพบจุดที่นุ่มมากผิดปกติบนปลายหัวแม่มือ
นั่นสะท้อนว่าสมองมีปัญหา ให้กดนวดปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางด้วย
เพื่อกระตุ้นสมองให้ควบคุมการทำงานของประสาทส่วนกลาง
ถ้ายังรู้สึกมึนงงอยู่ ให้กดนวดปลายนิ้วนางและนิ้วก้อยด้วย

13. นวดกระตุ้นตับ
ตับมีหน้าที่ขับของเสียและพิษออกจากร่างกาย
นอกจากนี้ยังมีหน้าที่สะสมวิตามินบางอย่าง
เพื่อร่างกายไว้ใช้ในยามจำเป็น เช่น วิตามินเอ บี ดี และเหล็ก
ปกติตับจะมีความสามารถในการเยียวยาตัวเองได้
เช่น ถ้าส่วนหนึ่งของตับถูกทำลายไป ตับก็จะสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน
การนวดกระตุ้นตับคือ การนวดเพื่อกระตุ้นศักยภาพ
ในการสร้างเซลล์ใหม่ของตับนั่นเอง วิธีคือ
หาตำแหน่งของจุดสะท้อนตับบนมือ
นั่นคือ บริเวณกลางฝ่ามือ ใต้นิ้วนางของมือขวา
กดจุดนั้นด้วยนิ้วโป้งซ้าย นวดถูไปมา ให้กินพื้นที่บริเวณจุดสะท้อนปอดด้วย
สลับนวดมือซ้าย เพื่อนวดจุดสะท้อนหัวใจซึ่งอยู่ตำแหน่งเดียวกับตับ

14. นวดกระตุ้นไต
ไตมีหน้าที่กรองของเสียออกจากกระแสเลือด
โดยส่งของดีกลับขึ้นไปฟอกต่อที่หัวใจ
ส่วนของเสียก็ผสมกับน้ำและขับออกเป็นปัสสาวะ
การนวดมือคือการกระตุ้นให้กระบวนการกรองและขับของเสียมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การนวดกระตุ้นจุดสะท้อนไตมีดังนี้
หงายมือข้างซ้ายเข้าหาลำตัว
ใช้นิ้วแม่มือขวากดจุดสะท้อนไต ซึ่งอยู่บริเวณจุดตัดระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้
ออกแรงกดและหมุนไปรอบๆ บริเวณ นานราวสองสามวินาที
สลับนวดมือขวาด้วยนิ้วโป้งข้างซ้าย
หากคุณหมอตรวจพบว่า ไตมีความผิดปกติ
เราไม่ควรนวดกดจุดสะท้อนไตนานเกินไป

15. นวดคลายอาการปวดประจำเดือน
ความทรมานระหว่างวันนั้นของเดือนมักส่งผลต่ออารมณ์ของหญิงสาวหลายคน
เราสามารถเยียวยาอาการปวดประจำเดือนได้ด้วยการนวดมือดังนี้
ยกมือขวาขึ้นตั้งขนานกับลำตัว บิดข้อมือไปทางด้านหลัง
ยกมือซ้ายจับข้อมือขวา กดบริเวณข้อมือขวาให้แน่น
ด้วยนิ้วกลางและนิ้วนาง ทิ้งไว้ 3-15 นาที จึงค่อยๆคลายออก
ทำสลับข้าง

ที่มา : นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 272




 

Create Date : 22 ธันวาคม 2553    
Last Update : 22 ธันวาคม 2553 11:10:57 น.
Counter : 563 Pageviews.  

รู้จักดัชนีมวลกาย

ดัชนีมวลกาย Body Mass Index - BMI คือ ดัชนีบอกภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน
เพื่อคำนวณความเสี่ยงในการเป็นโรค คำนวณจากการเอาส่วนสูงเป็นเมตรยกกำลังสองแล้วเอาค่าที่ได้ไปหารน้ำหนักเป็นกิโลกรัม

BMI = น้ำหนักเป็นกิโลกรัม / (ส่วนสูงเป็นเมตร) ยกกำลังสอง

ตัวอย่าง ถ้าคุณน้ำหนัก 70 กก. สูง 175 ซม. จะมี BMI = 22.9 กก./ตรม.
ความหมายว่าคุณมีน้ำหนัก 22.9 กก. ต่อพื้นที่ผิว 1 ตารางเมตร ทั้งนี้ดัชนีมวลกายเป็นค่าเดียวกันทั้งเพศชายและเพศหญิง ทั้งคนสูงและคนเตี้ย เพราะคิดต่อพื้นที่ผิวหนึ่งตารางเมตร โดยช่วงดัชนีมวลกาย แบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย คือ
1. น้อยกว่า 18.5 ผอม
2. ระหว่าง 18.5 - 24.9 สมส่วน
3. มากกว่า 24.9 น้ำหนักเกิน

สำหรับการจะมีสุขภาพดีไม่ยาก ทำ 5 ข้อ นี้พอค่ะ
หนึ่ง - ออกกำลังกาย ให้ถึงระดับหนักพอควร คือหนักจนหอบร้องเพลงไม่ได้ แล้วต้องให้ต่อเนื่องไปอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง สัปดาห์หนึ่งอย่างน้อยห้าครั้ง บวกกับหาโอกาส "เล่นกล้าม" ด้วยสัปดาห์ละสักสองครั้ง
สอง - โภชนาการ ง่าย ๆ คือเพิ่มผักและผลไม้ขึ้นไปสักห้าเท่า แล้วลดอาหารให้พลังงาน เช่น ไข่มัน แป้ง และน้ำตาลลง โดยเฉพาะไขมันทรานส์ที่มากับขนมกรุบกรอบต่าง ๆ
สาม - จัดการความเครียดให้ดี พักผ่อนให้พอ นอนหลับให้เต็มอิ่ม
สี่ - ควรรับการฉีดวัคซีน เมื่อถึงกำหนด
ห้า - ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อรู้ว่าปัจจัยเสี่ยงสุขภาพของเรามีอะไรบ้าง ความดันเท่าไหร่ น้ำหนักปกติไหม ไขมันสูงหรือเปล่า เป็นต้น แล้วจัดการปัจจัยเหล่านี้ให้เหมาะสม

บทความดี ๆ KBank Privileges October 2010




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2553 14:38:19 น.
Counter : 291 Pageviews.  

 
 

หัวใจตัวอ้วน@บ้านแทนใจ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add หัวใจตัวอ้วน@บ้านแทนใจ's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com