|
คุณทราบหรือไม่ว่า คุณลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศได้ ?
ปลายเดือนมีนาคม 2551 ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ได้ประกาศ อย่างเป็นทางการ อนุญาตให้นักลงทุนไทย สามารถนำเงินออกไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศโดยตรง หรือ Offshore Trading ได้ มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้แบงก์ชาติเปิดทางให้ลงทุนในออฟชอร์ เหตุผลแรก เงินสำรองภายในประเทศพุ่งสูงขึ้นไปอยู่ในระดับล้านล้านบาท จากเดิมที่อยู่ในระดับแสนล้าน จากการที่แบงก์ชาติตุนเงินดอลลาร์เก็บไว้ในพอร์ตเงินสำรองเป็นจำนวนมาก ดังนั้นภาครัฐมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องการระบายเงินดอลลาร์ที่มีอยู่ออกไป เพื่อควบคุมไม่ให้เงินบาทแข็งตัวจนผิดปกติ รวมไปถึงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างไรไม่หยุดหย่อน
ออฟชอร์จึงกลายเป็นช่องทางหนึ่ง เพื่อให้คนไทยนำเงินออกไปเล่นหุ้นในต่างประเทศ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเปิดโอกาสให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนออกไปลงทุนในรูปแบบของ FIF (Foreign Investment Fund) หรือการไปลงทุนในกองทุนที่นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศมาแล้วก็ตาม
แต่การลงทุนใน Offshore และ FIF มีความแตกต่างกัน การลงทุนในเอฟไอเอฟ นักลงทุนจะต้องซื้อหน่วยลงทุน โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเป็นดูแล ทำให้ต้องเสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน ในขณะที่ออฟชอร์ นักลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นโดยตรง โดยเสียค่าธรรมเนียมให้กับโบรกเกอร์ที่ใช้บริการอยู่เพียงขั้นตอนเดียว และทำหน้าที่ซื้อขายได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง แต่นักลงทุนต้องบริหารเงินทุนด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ดี ออฟชอร์ก็เป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักลงทุนไทยในทศวรรษนี้ที่ต้องการแสวงหาตลาดใหม่ที่สามารถทำกำไร และออฟชอร์ก็มาถูกจังหวะถูกเวลาในช่วงนี้พอดิบพอดี เพราะเมื่อไตร่ตรองพิจารณารอบด้านแล้ว โดยเฉพาะหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถอยรูดมาอยู่ที่ 700 กว่าจุด และยังมีสถานการณ์การเมืองช่วยซ้ำเติมให้เลวร้ายเข้าไปอีก หนทางไปลงทุนในต่างประเทศน่าจะมีความหวังมากกว่า
แม้ว่าออฟชอร์ในย่านเอเชียจะเกิดขึ้นมานานแล้วก็ตาม โดยเฉพาะในประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ที่ลงทุนออฟชอร์มาหลายสิบปี แต่เพื่อนบ้านอย่างประเทศมาเลเซียก็เพิ่งเปิดให้บริการมา 2 ปี ส่วนของนักลงทุนไทยยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องใช้เวลาเพื่อเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์การลงทุนในต่างประเทศ แม้ว่านักลงทุนบางรายจะมีประสบการณ์เล่นหุ้นอยู่ในประเทศไทยแล้วก็ตาม
การลงทุนในออฟชอร์จะมีหน่วยงานรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย ดูแลเงินเข้าออก สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำหน้าที่ควบคุมบริการให้มีมาตรฐาน ออกกฎเกณฑ์การซื้อหุ้น ส่วนหน่วยงานสุดท้าย กรมสรรพากร จัดเก็บภาษีเงินได้
เงินลงทุนที่จะนำไปลงทุนในต่างประเทศอนุญาตให้ลงทุน 2 ส่วน ส่วนแรกบุคคลทั่วไปเงินลงทุนไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโอนเงินครั้งแรกไม่เกิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนบริษัทและองค์กรเงินลงทุนไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโอนเงินครั้งแรกไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ออฟชอร์กลายเป็นตลาดใหม่ของตลาดทุนในช่วงนี้ จนทำให้บรรยากาศของบริษัทหลักทรัพย์ 39 ราย เริ่มคึกคักขึ้นมาบ้าง หลังจากที่มีทางเลือกในปัจจุบันเปิดเฉพาะให้เล่นหุ้นของบริษัทในประเทศที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 400 กว่าแห่งเท่านั้น แต่จากนี้ไปนักลงทุนไทยสามารถไปเล่นหุ้นได้ทั่วโลกที่มีจำนวนหุ้นให้เล่นได้เป็นล้านหุ้น
(ที่มา: //www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=71060)
Create Date : 12 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 12 พฤษภาคม 2553 16:42:22 น. |
|
2 comments
|
Counter : 618 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|