Bancha
Group Blog
 
All blogs
 

Link โครงการดีๆๆๆ








ศูนย์รับบริจาคออนไลน์

เว็บไซต์รับบริจาคสำหรับกลุ่มผู้มีจิตกุศลแต่ไม่มีเวลาและไม่ทราบช่องทาง ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังองค์กรการกุศล เพียงคลิกบริจาคผ่านทางเว็บไซต์โดยกรอกรายละเอียดบัตรเครดิตได้ทันที







มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม

มอส. คือ มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม เป็นองค์กรพัฒนาสังคมเล็กๆ องค์กรหนึ่งที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่สนับสนุนงานพัฒนาสังคม







โครงการป้องกันผู้มีภาวะซึมเศร้า

เพื่อการบรรลุสู่เป้าหมายในการสร้างสุขภาพคนไทยแข็งแรง กระทรวงสาธารณสุข จึงได้มอบหมายให้กรมสุขภาพจิต กำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานให้ครอบคลุม...







น้ำใจดอทคอม

เว็บไซต์ น้ำใจดอทคอม จัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ที่มีประโยชน์เพื่อการกุศล...







BUDPAGE

เพื่อชีวิตและชุมชนชาวพุทธ







สสส.

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำหน้าที่ จุดประกาย กระตุ้น สนับสนุน ประสานความร่วมมือเพื่อ ให้คนไทยริเริ่มกิจกรรมหรือโครงการสร้างเสริมสุขภาพโดยไม่จำกัดกรอบวิธีการ







ธรรมะไทย

เว็บธรรมะออนไลน์ รวมเรื่องราวธรรมะปรุงจิตใจให้สว่าง บริสุทธิ์







เด็กสยาม

เราก็คือคนกลุ่มหนึ่งที่มีความฝัน ฝันอยากเห็นโลกที่น่าอยู่ ที่คนเข้าถึงทุกข์และสุขของเพื่อนร่วมโลก







คนใจดี

ศูนย์ส่งเสริมการให้และการอาสาช่วยเหลือสังคม ก่อตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี ที่กำหนดให้ปี 2550 เป็นปีแห่งการให้และการอาสาช่วยเหลือสังคม...







เครือข่ายจิตอาสา

เพื่อเสริมพลังจิตสาธารณะและพลังปัญญาของอาสาสมัครให้เข้มแข็ง สู่สังคมที่มีความสุขสงบ







สภาบันแอ็คกรุ๊ป

เน้นการให้ข้อมูลความรู้ คลิป แนวข้อสอบ สำหรับเตรียมสอบแข่งขันเข้ารับราชการฟรี และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสอบแข่งขันราชการทุกหน่วยงานกระทรวง ทบวง กรม







เด็กดีดอทคอม

มหานครวัยรุ่นออนไลน์ สังคมคุณภาพสำหรับวัยรุ่นโดยเฉพาะ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542







Give2all

การให้... ง่ายนิดเดียว ไม่ว่าฤดูกาลไหน ก็...ให้...ได้







Greenpeace

กรีนพีซ​เป็น​องค์กรรณรงค์อิสระระดับโลกที่ลงมือทำ​เพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติ​และ​พฤติกรรม​ ​ปกป้อง​และ​อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม​ ​และ​ ​ส่งเสริมสันติภาพ







ครูบ้านบอก

ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป









 

Create Date : 16 มิถุนายน 2552    
Last Update : 16 มิถุนายน 2552 2:37:29 น.
Counter : 859 Pageviews.  

สี่เหตุผล ปล้นเงินจากกระเป๋า

สี่เหตุผล ปล้นเงินจากกระเป๋า

ที่มา
//www.dlitemag.com/



*โดย North Star*


*
*ถ้าจัดลำดับหัวข้อสนทนาในทุกวันนี้
นอกจากเรื่องโลกร้อนซึ่งเป็นประเด็นฮอตแบบไม่มีตกแล้ว
อีกหนึ่งหัวข้อสำคัญที่ได้ยินบ่อยไม่แพ้กัน คงหนีไม่พ้นเรื่องปากท้อง
และเงินทองในกระเป๋านะคะ
เคยสังเกตกันบ้างไหมคะ คนสองคน รายได้เท่ากัน คนหนึ่งมีเงินใช้สบายๆ
ไม่เดือดร้อน
ในขณะที่อีกคนมักบ่นเสมอว่าชักหน้าไม่ถึงหลัง ใกล้ปลายเดือนทีไร
เป็นต้องร้องหายาแก้ปวดหัว ปวดใจ กันได้ทุกที


แอบสังเกตหลายคนที่ชอบบ่นว่ามีเงินใช้แบบเดือนชนเดือนบ้าง
เงินเดือนไม่พอใช้บ้าง หรือถึงกับต้องมีการกู้ยืมมาเพื่อให้พอใช้บ้าง
พบว่า กลุ่มคนเหล่านี้ มีพฤติกรรมการใช้เงินแบบผิดๆ ที่คล้ายๆ กัน
พอจะสรุปเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ค่ะ


*๑. ซื้อไว้ก่อนเพียงเพราะว่ามัน "Sales"*


พฤติกรรมนี้มักเกิดกับคุณผู้หญิงขาช็อปซะเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งภูมิอกภูมิใจเป็นหนักหนากับการซื้อของได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาจริง
ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่เท่านั้น
โดยลืมนึกถึงประโยชน์ใช้สอยของสิ่งที่ซื้อว่าจำเป็นหรือไม่
สุดท้าย เมื่อไม่ได้ใช้งาน แม้จะซื้อมาได้ในราคา Sales 80%
ก็มีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะ ๑ ชิ้น
ซึ่งไม่ควรค่าพอต่อการจ่ายแม้เพียงบาทเดียวด้วยซ้ำ ^^"


*๒. ประมาทกับของราคาต่ำ*


ของชิ้นใหญ่ราคาสูง คนซื้อมักรอบคอบและใช้เหตุผลมากในการจ่ายแต่ละครั้ง
ตรงข้ามกับของชิ้นเล็กราคาถูก เรามักไม่ใส่ใจมากนักในการควักกระเป๋า
แต่โปรดอย่าลืมว่า แม้ราคาจะน้อยนิด แต่ถ้าบ่อยครั้งเข้า
ก็มีผลต่อความมั่นคงของกระเป๋าสตางค์ได้มากเหมือนกัน
ไม่เชื่อลองคำนวณมูลค่าของเสื้อผ้า รองเท้า เข็มขัด กิ๊บติดผม น้ำยาทาเล็บ
และอีกจิปาถะ ที่เกินๆ อยู่ในตู้เสื้อผ้าของคุณดูสิคะ
รวมๆ กันแล้ว ถ้าเอาเงินจำนวนเดียวกันนี้มาซื้อผ้าห่มกันหนาวให้น้องบนดอย
จะได้ซักกี่ผืน
และพวกเขาจะมีความสุขกันมากขนาดไหน ^__^


*๓. ใช้เงินเพื่อเติมหลุมในใจ*


เคยไหมคะ ทะเลาะกับแฟน ไปช็อปปิ้ง เครียดกับงาน ไปช็อปปิ้ง เพื่อนขัดใจ
ไปช็อปปิ้ง ^^"
เรียกว่า ไปใช้เงินเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น หลังถูกบั่นทอนจิตใจ
จริงอยู่ เรามีเงินเพื่อซื้อความสุขให้กับตัวเอง
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณจะสามารถใช้เงิน ซื้อ ซื้อ และซื้อ
ในทุกเวลาที่หัวใจมีรูโหว่ได้
โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ใช่คนที่มีกำลังมากพอที่จะจ่ายเพื่ออะไรก็ได้แบบไม่ต้องคิดแล­้วล่ะก็


ความสุขจะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาที่กำลังซื้ออยู่เท่านั้น
หลังจากนั้น จะตามมาด้วยทุกข์มหันต์และยาวนานจากการเป็นหนี้ค่ะ


*๔. บัตรเครดิต*


ในทางการเงิน คำว่า "เครดิต" มีความหมายเดียวกับคำว่า "หนี้" นะคะ
นั่นหมายความว่า ยิ่งมีบัตรเครดิตมากใบเท่าไหร่
คุณก็ยิ่งมีภาระหนี้สินมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อมีหนี้ก็ต้องมีดอกเบี้ย และดอกเบี้ยก็ไม่เหมือนดอกไม้ชนิดใดในโลก
ปล่อยให้บานที่ไหน เป็นได้ใจหายที่นั่น!


มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายที่ชอบบ่นว่าเงินเดือนไม่พอใช้
เมื่อได้ลองวางแผนการใช้เงินอย่างจริงจังแล้ว
มักจะพบว่า อันที่จริง ถ้าใช้เงินอย่างมีเหตุผล
ก็จะไม่ค่อยประสบปัญหาเงินขาดมือซักเท่าไหร่
นั่นแปลว่า ต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน
แต่อยู่ที่การวางแผนของผู้ใช้เงินเองต่างหาก


ในเมื่อเงินทองเป็นของมีจำกัด แต่กิเลสเป็นสิ่งไร้ขีดจำกัด
การพยายามใช้เงินเพื่อถมทะเลใจ จึงมีแต่จะทำให้เงินพร่องไป
ในขณะที่ใจไม่มีวันเต็ม


ใช้จ่ายคราวหน้า ก่อนเปิดกระเป๋าหยิบเงินหรือบัตรเครดิต
ลองใช้เวลาซักนิดมองเข้ามาที่ใจ หากไหวตัวทัน คุณอาจได้อุทานว่า....


*นี่เรากำลังจะยอมให้กิเลสเป็นนายอีกครั้งแล้วหรือ?*





 

Create Date : 07 มิถุนายน 2552    
Last Update : 7 มิถุนายน 2552 3:53:42 น.
Counter : 634 Pageviews.  

มองลึก นึกไกล ใจกว้าง

คัดลอกบทความบางส่วนมาจาก
a day bulletin ISSUE 25 9-15 JANUARY 2009
THE WISDOM OF LIFE
สัมภาษณ์ : เวสารัช โทรผลิน


พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี
อาตมาคิดว่าธรรมะที่เหมาะกับคนกรุงเวลานี้ มี 3 ข้อ คือ มองลึก นึกไกล และ ใจกว้าง มองลึก คือ เวลาที่เรามองอะไร อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเราต้องมองให้ลึกไปกว่านั้น อย่าไปติอยู่แค่ภาพลักษณ์ภายนอกของสิ่งต่างๆที่เราเห็น เหมือนที่อองตวน เดอ แซงเตก ซูเปรี พูดเอาไว้ในเจ้าชายน้อยว่า สิ่งที่สำคัญไม่อาจเห็นด้วยตา ถ้าเรามองอะไรเพียงผิวเผิน เราก็จะถูกปรากฎการณ์ลวงได้ เช่น เวลาเรามองเห้นคนกลุ่มหนึ่งใส่เสื้อเหลือง เราก็บอกว่านี่คือพันธมิตร เห็นคนกลุ่มหนึ่งใส่เสื้อแดง เราก็บอกว่านี่คือ นปช. แล้วคุณก็ประเมินคุณค่าของคนจากสีเสื้อที่เขาใส่ โดยหารู้ไม่ว่าคุณค่าของคนลึกซึ่งกว่าสิ่งที่เขาสวมใส่นับร้อยนับพันเท่า ถ้ามองอะไรอย่างผิวเผิน เราก็จะถูกหลอก ถูกลวง ถูกโฆษณาชวนเชื่อได้อย่างง่ายดาย ไปๆ มาๆ คนไทย ทั้งประเทศ อาจจะถูกเขาสนตะพายให้ฆ่ากันเอง โดยที่คนสนตะพายเสวยสุขอย่างราชาอยู่ทีไหนก็ไม่รู้ในโลกนี้ แต่คนที่ฆ่ากันเอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเราต้องฆ่ากันเอง ฉะนั้นเราต้องมองให้ลึก
สอง นึกให้ไกล หมายถึง imagination ขอให้เราเรียนรู้ที่จะมีวิธีคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล อย่างลึกซึ้ง เรียนรู้ที่จะมองอะไรทุกแง่ทุกมุม เช่น เรียนรู้ที่จะมองอดีต เพื่อเก็บรับซึมซับบทเรียนจากอดีต มากำหนดปัจจุบันเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการปัจจุบันเพื่อที่จะวางรากฐานไปสู่อนาคต ถ้าเราเรียนรู้อดีต เราจะเห็นว่าถ้าสังคมไทยแตกสามัคคีเมื่อไรก็เสียบ้าน เสียเมืองเมื่อนั้น อดีตจะสอนเราให้กำหนดปัจจุบันว่าเราต้องรักกัน แล้วทำอย่างไรเราจะรักกัน เราก็มาวางรางฐารให้กับสังคมไทย ใน 10 ปี 50 ปีข้างหน้า เราจะได้ไม่ต้องวนเวียนวุ่นวายทะเลาะกันเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราต้องนึกให้ไกล นึกไปถึงอดีต นึกถึงปัจจุบัน แล้วนึกไปถึงอนาคต นึกถึงตัวเองแล้วก็นึกถึงคนอื่น นึกถึงสังคมไทยแล้วก็นึกเชื่อมโยงไปในประชาคมโลกด้วย เวลาเรานึกอะไร เราควรจะทำตัวเหมือนเป็นแมงมุมที่อยู่ตรงกลางของใยแมงมุม ซึ่งขยายสาขา ถักทอเส้นใยไปในทิศทั้งแปด ถ้าเรามองรอบตัวอย่างนั้นเป็นเมื่อไร เราจะเป็นคนไทยที่มีความลึกซึ้ง จะไม่กลายเป็นคนไทยฉาบฉวย ขอให้เรามีวัฒนธรรมทางปัญญา ลดความเชื่อลงให้น้อยๆ แล้วเพิ่มความรู้ให้มากๆ ปฏิยัติตามหลักกาลามสูตรเยอะๆ กล่าวคือ มีสติปัญญา ไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ ถ้ายังไม่ได้พิจารณาอย่างลึกซึ้งด้วยต้วเองเวลานี้คนไทยเชื่ออะไรกันง่ายเหลือเกิน ใครมาเป่าก็ปลิวแล้ว
และอาตมาอยากให้คนไทยใจกว้าง ถ้าเราใจกว้างสามารถฟ้งเสียงที่แตกต่างหลากหลายได้ เราจะทนต่อคนโง่ได้ พอๆกับคนโง่ทนต่อคนฉลาดได้ เราจะทนต่อคนที่ศาสนาแตกต่างจากเราได้ เห็นไหนว่า พอเราใจกว้างแล้วโลกนี้จะน่าอยู่ เราจะมองความแตกต่างหลากหลายว่า เป็นความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นความหลากหลายทางกายภาพ เป็นความหลากหลายทางจิตวิญญาณ ความหลากหลายนี่แหละจะทำให้เรามีชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุข และประการสำคัญที่สุด การที่เราจะใจกว้างได้ เราต้องมีท่าทีแบบสัจจานุรักษ์ หรืออนุรักษ์สัจจะ คือการไม่ผูกขาดความจริงว่า สิ่งที่ข้าพเจ้ารู้เท่านั้น สิ่งที่ข้าพเจ้าเชื่อเท่านั้น คือความจริงสมบูรณ์ ท่าทีเช่นนี้ พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นท่าทีที่ไม่ดี เราจะต้องมีท่าทีแบบสัจจานุรักษ์ ด้วยการบอกว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้นะ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้นะ ซึ่งอาจจะผิดหรือถูกก็ได้นะ ข้าพเจ้าได้ยินมาอย่างนี้นะ ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า ท่านคิดอย่างไร ท่านลองว่ามาสิ นี่คือท่าทีแบบสัจจานุรักษ์ ในเมืองไทยตอนนี้ คนส่วนใหญ่เอาความจริงมาปนกับความเห็น แล้วก็บอกว่า ความเห็นนี่แหละ คือความจริง ท่าทีอย่างนี้ทำให้เราเป็นคนใจแคบ ใครเห็นต่างจากเรามีค่าเท่ากับ เขาเป็นคนเลว นำไปสู่สงครามระหว่างประชาชนคนไทยด้วยกันเอง ประการสำคัญที่สุด การที่เราเป็นคนใจแคบ ทำให้พื้นที่ในการอยู่บนโลกของเราแคบลงไปเรื่อยๆพรปีใหม่นี้ ก็คือ ขอให้คนไทยมองลึก มองอะไรให้เห็นไปถึงปรากฏการณ์ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของสิ่งนั้นด้วย สองนึกไกล ให้นึกโยงใยเป็นเหตุเป็นผล เราจะได้เป็นคนที่ใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิตแทนไสยาศาสตร์ แล้วก็ใจกว้าง เราจะสามารถอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลายได้อย่างสันติ

ถ้าท่านต้องการอ่านบทความทั้งหมดสามารถหาอ่านได้ที่
//www.daypoets.com/adb/adb25.html






 

Create Date : 28 มีนาคม 2552    
Last Update : 28 มีนาคม 2552 2:21:40 น.
Counter : 1150 Pageviews.  

EQ ดี อารมณ์ดีชีวีสดใส

อารมณ์ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป


ยิ่งรู้เท่าและตามทันธรรมชาติ


ของมันมากเท่าไร


โอกาสที่จะจัดการ


และควบคุมมันให้นิ่ง


ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น”






“ระดับความรุนแรงทางอารมณ์


ไม่ได้อยู่ที่สิ่งกระตุ้นภายนอก


แต่...


อยู่ที่ระดับของการปรุงแต่ง


ภายในใจเราเอง”






“ไม้ขีดก้านเล็กๆ


อาจเป็นต้นเหตุของอัคคีภัย


ครั้งยิ่งใหญ่ได้


ปัญหาคาใจเล็กๆน้อยๆ


อาจนำเราไปสู่ความล้มเหลว


ในการควบคุมอารมณ์ได้เช่นกัน”






“จงอย่าเชื่อ เพราะแหล่งข่าวน่าเชื่อถือ


จงอย่าเชื่อ เพราะข่าวนั้นมีความถี่มาก


จงอย่าเชื่อ เพราะตรงกับสิ่งที่เราคิด


แต่...


จงเชื่อ เพราะสิ่งนั้นคือความจริง






“การหลีกเลี่ยงการเกิดอารมณ์


ถือเป็นเรื่องยาก


แต่...


การควบคุมการแสดงออกทางอารมณ์


เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก”






“การควบคุมอารมณ์


ถือเป็นเรื่องยาก


แต่...


การลบรอยแผลทางอารมณ์


นั้นยิ่งยากกว่า”






“ยิ่งล้มเหลวมากเท่าไร


ยิ่งเข้าใกล้ความสำเร็จ


มากขึ้นเท่านั้น”






ที่มา : หนังสือ EQ ดี อารมณ์ดีชีวีสดใส


ณรงค์วิทย์ แสนทอง




 

Create Date : 26 มกราคม 2552    
Last Update : 26 มกราคม 2552 18:05:32 น.
Counter : 743 Pageviews.  

ระหว่างทาง...ของการเดินทางถอยกลับ

ระหว่างทาง...ของการเดินทางถอยกลับ



เคยไหม...ที่คุณก้าวเดินไปข้างหน้า
แต่รู้สึกว่ามันเป็นการถอยหลังกลับ

เคยไหม...ที่ท้องฟ้าในโลกส่วนตัวของคุณ
กลับเปลี่ยนจากสีฟ้ามาเป็นเมฆครึ้มสีเทาหม่น
โดยไม่มีเค้าลางแห่งพายุร้าย

ทุกอย่างพัดพาคุณกลับไปสู่จุดเริ่มต้น
หรือไกลกว่านั้น...เปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นหยดน้ำตา
เปลี่ยนเสียงหัวเราะเป็นเสียงสะอื้นไห้
ความทุกข์เข้ามาทดแทน
วันเวลาแห่งความสุขของคุณจนหมดสิ้น

ความคาดหวังคือปัจจัยหลักของความทุกข์
ความฝันบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดทุกข์
ชีวิตคนเรามีปัญหา เพิ่มมากขึ้นตามวันเวลาที่หมุนไป

ทุกๆ วันเหมือนกับต้องตื่นขึ้นมา
เพื่อเดินเข้าไปในสมรภูมิรบ ฟาดฟันกับปัญหา
หากคุณชนะคุณก็จะเดินจากมา พร้อมความสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง
หากคุณแพ้คุณก็อาจล้มจมอยู่กับที่

แล้วจะมีใครสักกี่คนบนโลกใบนี้
ที่จะคอยยื่นมือให้ความช่วยเหลือเมื่อเราเจ็บปวด
เอาเข้าจริงในโลกใบนี้...เราจะมีใคร?
ใครที่เป็นของเราจริงๆ เกิดมาเพื่อเราจริงๆ

บทเรียนของการเดินถอยหลัง
ทำให้รู้ว่าความคาดหวัง มักมาพร้อมกับความผิดหวังเสมอ
เราคาดหวังว่าจะมีใครมาร่วมแบ่งปันความรู้สึก
คอยประคับประคองอยู่เคียงข้าง...คอยรับเมื่อเราล้ม
แล้วตั้งความหวังว่าเขาจะยืนอยู่เคียงข้างเราไปจนวันตาย
มีลมหายใจของกันและกันอย่างอบอุ่น

แต่ในโลกของความเป็นจริงก็คือ...เราต้องยืนด้วยตัวเองให้ได้
หายใจด้วยตัวเองให้ได้...ลุกด้วยตัวเองให้ได้
อ้อมแขนและลมหายใจของคนอื่น
เป็นเพียงส่วนประกอบ ที่ทำให้เราเต็มพร้อมสมบูรณ์

เราจำเป็นต้องก้าวเดินต่อไปให้ได้ แม้ไม่มีส่วนประกอบนั้นก็ตาม
ฉันได้เรียนรู้ว่า...ความฝันจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
เพื่อลดความเจ็บปวดในชีวิต

เช่นเดียวกับความรัก
สิ่งที่เรามอบไปอย่างทุ่มเท...โดยไม่เคยคิดถึงความผิดหวังที่จะตามมา
มักทำให้เราเจ็บปวดจนสุดจะทน

ความรัก...เปลี่ยนแปลงได้
รอยเท้าของเราเหยียบย่ำไปท่ามกลางความสับสน
บางครั้งเข็มนาฬิกาก็เดินเร็วขึ้น...บางครั้งกลับเดินช้าลง
ทุกอย่างไม่เป็นดั่งที่วาดหวังไว้เสียที
เพราะเราควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้

ความคิดของเขา...อาจทำให้เราเจ็บปวดจนสุดจะทน
แต่เราก็ยังจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่...เพื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้น
ดังนั้นเมื่อมีน้ำตาและตัดสินใจว่าจะต้องเปลี่ยนแปลง อย่าหันกลับไปทางเดิม
เพราะเรากำลังจะเดินจากมันมา...อาจไม่ใช่เขาหรือเราเป็นคนไม่ดี

แต่ในบางเรื่อง...ก็อาจมีเหตุผลมากกว่าหนึ่งอย่าง
อย่าพูดว่าเราทำเพื่อเขา...แต่กลับเอาตัวของเราเป็นที่ตั้ง
เพราะนั่นไม่ใช่รักที่แท้จริง

ถ้าบนทางเดินที่ผ่านมาเราก้าวเร็วเกินไป
มองย้อนกลับไปดูตัวเองใหม่...แล้วหัดเดินให้ช้าลง

แหล่งที่มา
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=buatong






 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2551 1:09:03 น.
Counter : 727 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

rajasit
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add rajasit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.