|
"WORK H-A-R-D กับ WORK S-M-A-R-T"
คุณมีสไตล์หรือรูปแบบการทำงานเป็นแบบไหน มาทำงานเช้ากลับบ้านดึก หรือทำงานเสาร์-อาทิตย์อยู่เป็นประจำ คุณมีวิถีการทำงานเป็นแบบนี้หรือไม่ แล้วคุณพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มากน้อยแค่ไหน หลายคนอาจจะเข้าใจว่าการทำงานหนัก หรือ Work Hard เป็นการทำงานที่น่ายกย่องเพราะคุณได้อุทิศตนและทุ่มเทการทำงานอย่างจริงใจให้กับองค์การที่คุณอยู่ ได้รับการชื่นชมจากหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงานและคนที่คุณเกี่ยวข้องด้วย และสิ่งที่คุณคาดหวังจากการทำงานหนักนั่นก็คือ ผลการทำงาน หรือ Performance ที่ดีจนได้รับการวัดและประเมินผลงานจากหัวหน้างานในระดับที่คุณพอใจ
โดยส่วนใหญ่คนที่ทำงานหนักมักจะชอบหรือพอใจให้บุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยต้องทำงานหนักเหมือนกับตนเอง ยกย่องและยอมรับว่าการทำงานดึกๆดื่นๆ ถ้าไม่ถึงสี่หรือห้าทุ่มยังไม่กลับบ้าน การนำเอางานกลับไปทำที่บ้านในช่วงวันหยุดเป็นการทำงานที่ทุ่มเทแบบสุดๆ ถ้าคุณเป็นลูกน้องและมีหัวหน้างานชนิดที่ว่านี้ คุณมักจะได้รับความพอใจและได้รับการประเมินผลงานว่าคุณเป็นคนขยันทำงาน มีความรับผิดชอบ และอุทิศตนให้กับบริษัทอย่างจริงใจ
แล้วทำไมคุณต้องเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพวกWork Hard การทำงานหนักของแต่ละคนจะมีหลากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันไป ดังนี้
a.. ว่างมากเกินไป - ไม่รู้จะไปไหน เหตุเพราะเป็นคนมีเพื่อนน้อย หรือเป็นกลุ่มคนโสด คิดแต่เพียงว่ากลับบ้านก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่ทำงานที่ออฟฟิตจะดีกว่า หากคุณเป็นลูกน้องและมีหัวหน้างานที่คิดแบบนี้ คุณอาจจะติดนิสัยของการทำงานหนักตามอย่างหัวหน้างานของคุณเอง
b..ไม่ยอมปล่อยวาง คิดแต่เพียงว่าอยากจะสะสางงานให้เสร็จในวันนี้ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องเครียด ซึ่งงานบางอย่างคุณอาจจะปล่อยวางและเก็บไว้ทำในวันพรุ่งนี้ก็ได้ แต่คุณกลับไม่ต้องการเหตุเพราะความอยากที่อาจจะไม่จำเป็นสักเท่าไหร่ ในการสะสางหรือเคลียร์งานให้เสร็จในวันนั้น
c..จิตฟุ้งซ่านขาดสมาธิ การทำงานที่ขาดสมาธิ ปล่อยให้จิตคิดเรื่องโน้นทีเรื่องนี้ที แน่นอนว่างานคงจะไม่เสร็จหรือเสร็จช้าไม่เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด เป็นเหตุให้คุณจะต้องทำงาน ดึกๆ ดื่นๆแบบไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวัน
d..บริหารเวลา/งานไม่เป็น คนบางคนมาทำงานแต่เช้ากลับบ้านเที่ยงคืน หรือต้องนำงานไปทำที่บ้าน เหตุเพราะไม่รู้จักบริหารเวลาและจัดเรียงลำดับความสำคัญของงาน งานบางอย่างอาจมอบหมายให้คนอื่นช่วยทำแต่คุณกลับมาทำเอง หรืองานบางอย่างคุณอาจจะเปลี่ยนขั้นตอนการทำงาน เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำงานชิ้นนั้นเสร็จได้ในเวลาที่รวดเร็ว
e..ปริมาณงานมีมากเกินไป คนบางคนต้องทำงานหนักเนื่องจากรับผิดชอบงานมากเกินไป ปริมาณงานที่หัวหน้างานให้นั้นมากกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นหรือที่เรียกว่าWork Load และหากคุณเผชิญกับสถานการณ์เหล่านี้คุณควรพูดคุยกับหัวหน้างาน แจ้งถึงปริมาณงานที่คุณต้องรับผิดชอบ และผลเสียที่เกิดขึ้นหากหัวหน้างานไม่รีบแก้ไข แต่ที่สำคัญหัวหน้างานจะต้องเปิดใจรับฟังและร่วมกันแก้ไขปัญหาในสถานการณ์Work Loadที่เกิดขึ้น
คุณพอใจกับการทำงานหนักหรือบางคนอาจจะเรียกคนประเภทที่ว่านี้ว่าเป็นพวกบ้างานมากน้อยแค่ไหน การทำงานหนักแบบทุ่มเทจนไม่มีเวลาให้กับครอบครัวเพื่อนฝูง ชีวิตส่วนตัว คุณคิดว่าคุณมีความสุขกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้หรือไม่ คุณรู้ไหมว่าคนกลุ่มนี้มักจะมีคุณภาพชีวิตไม่ค่อยจะสมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่กลุ่มคนเหล่านี้จะหงุดหงิดง่าย เครียดหรือวิตกกังวลเกินไป บางคนถึงขนาดเป็นไมเกรน เป็นโรคจิตหรือโรคประสาทไป บางคนรับสภาพแบบนี้ไม่ไหวเพราะไม่มีเวลาพักผ่อนหรือไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง จึงเป็นเหตุให้รู้สึกเบื่อหน่ายงาน เบื่อหน่ายชีวิต มองโลกในแง่ร้าย และรู้สึกไม่ชอบหรือไม่รักงานที่ทำอยู่ และในที่สุดคนกลุ่มนี้ก็จะลาออกจากหน่วยงานและองค์การนั้นๆไป
จะเห็นได้ว่าการทำงานหนักนั้นเป็นรูปแบบการทำงานเพื่อให้มีผลผลิตหรือผลลัพธ์เกิดขึ้น แต่ผลงานที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องได้มาจากการทำงานหนักก็เป็นได้ คุณเคยเห็นหรือไม่ว่าบางคนมาทำงานเช้าแต่กลับบ้านตรงเวลา วันเสาร์หรืออาทิตย์ไม่ได้มาทำงาน ไม่ค่อยจะนำงานกลับไปทำที่บ้าน แบบว่าทำงานชนิดหามรุ่งหามค่ำ แต่ผลงานออกมาดีหรือดีกว่าคนที่ทำงานหนักเสียอีก พบว่ารูปแบบการทำงานของกลุ่มคนเหล่านี้จะเรียกว่าเป็นการทำงานแบบชาญฉลาดหรือWork Smart และกลุ่มคนที่ทำงานแบบWork Smart นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานแบบไม่ลืมหูลืมตา คุณลักษณะของคนที่ทำงานอย่างชาญฉลาดนั้นจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
a.. Smile ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ ยิ้มรับกับปัญหาและพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น มองปัญหาเป็นสิ่งท้าทาย ไม่ตีโพยตีพายจนขาดสติ และสภาพจิตที่ดีนี้เองจะส่งผลต่อไปยังสมาธิ รู้ว่าควรจะทำอะไรและไม่ควรทำอะไรในสถานการณ์ใด
b..Manage คนที่ทำงานอย่างชาญฉลาดต้องรู้จักการจัดการหรือการบริหารงานของตนเองรู้ว่า อะไรคืองานด่วนที่ต้องเร่งทำก่อน รู้ว่าควรจะใช้ทรัพยากรอย่างไรให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุด รู้จักบริหารเวลาให้กับงาน ครอบครัวเพื่อนฝูงและการให้เวลากับตัวเอง
c.. Analyze- คนทำงานเก่งจะต้องสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์และแยกแยะถึงผลที่จะเกิดขึ้นได้ รู้ว่าเลือกทำสิ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น หรือไม่เลือกแนวทางนี้ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร คนที่วิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำจะส่งผลให้งานที่ส่งมอบไม่ผิดพลาด โดยไม่ต้องเสียเวลาแก้ไขปรับปรุงงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า
d..Recognize ตระหนักและยอมรับความสามารถหรือศักยภาพของตนเอง โดยตระหนักว่าเรามีความรู้ทักษะ และความสามารถอย่างไรที่จะบริหารหรือจัดการงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งที่หัวหน้างานมอบหมายให้ทำ รวมถึงตระหนักถึงความสามารถของคนอื่นที่คุณเองสามารถมอบหมายงานให้ดูแลรับผิดชอบแทนคุณได้
e..Train หากคุณตระหนักว่าเพื่อนร่วมงานหรือสมาชิกในทีมสามารถช่วยเหลืองานของคุณเองได้แล้วล่ะก็ คุณควรฝึกฝนสมาชิกในทีมหรือลูกน้องให้มีความสามารถในการบริหารจัดการงาน โดยการสอนงาน การให้คำปรึกษาในการทำงาน หรือหากคุณเป็นหัวหน้างานคุณสามารถส่งลูกน้องไปฝึกอบรมตามสถาบันที่จัดอบรมเพื่อฝึกฝนทักษะของทีมงานให้สามารถรับผิดชอบงานบางอย่างที่คุณต้องการได้
การทำงานให้ประสพผลสำเร็จมิใช่เพียงแค่ทำงานหนักกว่าคนอื่น การนำเอางานกลับไปทำที่บ้านในวันหยุด แต่คนทำงานที่เก่งจริงนั้นจะต้องรู้จักบริหารตนเองให้ทำงานอย่างชาญฉลาด เพื่อให้คุณมีเวลาที่นอกเหนือจากการทำงานแล้วยังมีเวลาส่วนหนึ่งให้กับครอบครัว เพื่อนๆ และตัวคุณเอง
Create Date : 22 พฤษภาคม 2548 |
Last Update : 22 พฤษภาคม 2548 0:10:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 373 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|