Bancha
Group Blog
 
All blogs
 
"WORK H-A-R-D กับ WORK S-M-A-R-T"

คุณมีสไตล์หรือรูปแบบการทำงานเป็นแบบไหน มาทำงานเช้ากลับบ้านดึก
หรือทำงานเสาร์-อาทิตย์อยู่เป็นประจำ คุณมีวิถีการทำงานเป็นแบบนี้หรือไม่
แล้วคุณพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มากน้อยแค่ไหน
หลายคนอาจจะเข้าใจว่าการทำงานหนัก หรือ Work Hard
เป็นการทำงานที่น่ายกย่องเพราะคุณได้อุทิศตนและทุ่มเทการทำงานอย่างจริงใจให้กับองค์การที่คุณอยู่
ได้รับการชื่นชมจากหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงานและคนที่คุณเกี่ยวข้องด้วย
และสิ่งที่คุณคาดหวังจากการทำงานหนักนั่นก็คือ ผลการทำงาน หรือ
Performance
ที่ดีจนได้รับการวัดและประเมินผลงานจากหัวหน้างานในระดับที่คุณพอใจ

โดยส่วนใหญ่คนที่ทำงานหนักมักจะชอบหรือพอใจให้บุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยต้องทำงานหนักเหมือนกับตนเอง
ยกย่องและยอมรับว่าการทำงานดึกๆดื่นๆ
ถ้าไม่ถึงสี่หรือห้าทุ่มยังไม่กลับบ้าน
การนำเอางานกลับไปทำที่บ้านในช่วงวันหยุดเป็นการทำงานที่ทุ่มเทแบบสุดๆ
ถ้าคุณเป็นลูกน้องและมีหัวหน้างานชนิดที่ว่านี้
คุณมักจะได้รับความพอใจและได้รับการประเมินผลงานว่าคุณเป็นคนขยันทำงาน
มีความรับผิดชอบ และอุทิศตนให้กับบริษัทอย่างจริงใจ

แล้วทำไมคุณต้องเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพวกWork Hard –
การทำงานหนักของแต่ละคนจะมีหลากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันไป ดังนี้

a.. ว่างมากเกินไป - ไม่รู้จะไปไหน เหตุเพราะเป็นคนมีเพื่อนน้อย
หรือเป็นกลุ่มคนโสด
คิดแต่เพียงว่ากลับบ้านก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่ทำงานที่ออฟฟิตจะดีกว่า
หากคุณเป็นลูกน้องและมีหัวหน้างานที่คิดแบบนี้
คุณอาจจะติดนิสัยของการทำงานหนักตามอย่างหัวหน้างานของคุณเอง

b..ไม่ยอมปล่อยวาง – คิดแต่เพียงว่าอยากจะสะสางงานให้เสร็จในวันนี้
พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องเครียด
ซึ่งงานบางอย่างคุณอาจจะปล่อยวางและเก็บไว้ทำในวันพรุ่งนี้ก็ได้
แต่คุณกลับไม่ต้องการเหตุเพราะความอยากที่อาจจะไม่จำเป็นสักเท่าไหร่
ในการสะสางหรือเคลียร์งานให้เสร็จในวันนั้น

c..จิตฟุ้งซ่านขาดสมาธิ – การทำงานที่ขาดสมาธิ
ปล่อยให้จิตคิดเรื่องโน้นทีเรื่องนี้ที
แน่นอนว่างานคงจะไม่เสร็จหรือเสร็จช้าไม่เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
เป็นเหตุให้คุณจะต้องทำงาน ดึกๆ ดื่นๆแบบไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวัน

d..บริหารเวลา/งานไม่เป็น – คนบางคนมาทำงานแต่เช้ากลับบ้านเที่ยงคืน
หรือต้องนำงานไปทำที่บ้าน
เหตุเพราะไม่รู้จักบริหารเวลาและจัดเรียงลำดับความสำคัญของงาน
งานบางอย่างอาจมอบหมายให้คนอื่นช่วยทำแต่คุณกลับมาทำเอง
หรืองานบางอย่างคุณอาจจะเปลี่ยนขั้นตอนการทำงาน
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำงานชิ้นนั้นเสร็จได้ในเวลาที่รวดเร็ว

e..ปริมาณงานมีมากเกินไป –
คนบางคนต้องทำงานหนักเนื่องจากรับผิดชอบงานมากเกินไป
ปริมาณงานที่หัวหน้างานให้นั้นมากกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นหรือที่เรียกว่าWork
Load และหากคุณเผชิญกับสถานการณ์เหล่านี้คุณควรพูดคุยกับหัวหน้างาน
แจ้งถึงปริมาณงานที่คุณต้องรับผิดชอบ
และผลเสียที่เกิดขึ้นหากหัวหน้างานไม่รีบแก้ไข
แต่ที่สำคัญหัวหน้างานจะต้องเปิดใจรับฟังและร่วมกันแก้ไขปัญหาในสถานการณ์Work
Loadที่เกิดขึ้น

คุณพอใจกับการทำงานหนักหรือบางคนอาจจะเรียกคนประเภทที่ว่านี้ว่าเป็นพวกบ้างานมากน้อยแค่ไหน
การทำงานหนักแบบทุ่มเทจนไม่มีเวลาให้กับครอบครัวเพื่อนฝูง ชีวิตส่วนตัว
คุณคิดว่าคุณมีความสุขกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้หรือไม่
คุณรู้ไหมว่าคนกลุ่มนี้มักจะมีคุณภาพชีวิตไม่ค่อยจะสมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่กลุ่มคนเหล่านี้จะหงุดหงิดง่าย
เครียดหรือวิตกกังวลเกินไป บางคนถึงขนาดเป็นไมเกรน
เป็นโรคจิตหรือโรคประสาทไป

บางคนรับสภาพแบบนี้ไม่ไหวเพราะไม่มีเวลาพักผ่อนหรือไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
จึงเป็นเหตุให้รู้สึกเบื่อหน่ายงาน เบื่อหน่ายชีวิต มองโลกในแง่ร้าย
และรู้สึกไม่ชอบหรือไม่รักงานที่ทำอยู่
และในที่สุดคนกลุ่มนี้ก็จะลาออกจากหน่วยงานและองค์การนั้นๆไป

จะเห็นได้ว่าการทำงานหนักนั้นเป็นรูปแบบการทำงานเพื่อให้มีผลผลิตหรือผลลัพธ์เกิดขึ้น

แต่ผลงานที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องได้มาจากการทำงานหนักก็เป็นได้
คุณเคยเห็นหรือไม่ว่าบางคนมาทำงานเช้าแต่กลับบ้านตรงเวลา
วันเสาร์หรืออาทิตย์ไม่ได้มาทำงาน ไม่ค่อยจะนำงานกลับไปทำที่บ้าน
แบบว่าทำงานชนิดหามรุ่งหามค่ำ
แต่ผลงานออกมาดีหรือดีกว่าคนที่ทำงานหนักเสียอีก

พบว่ารูปแบบการทำงานของกลุ่มคนเหล่านี้จะเรียกว่าเป็นการทำงานแบบชาญฉลาดหรือWork
Smart และกลุ่มคนที่ทำงานแบบWork Smart
นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานแบบไม่ลืมหูลืมตา
คุณลักษณะของคนที่ทำงานอย่างชาญฉลาดนั้นจะมีลักษณะดังต่อไปนี้

a.. Smile – ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ
ยิ้มรับกับปัญหาและพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
มองปัญหาเป็นสิ่งท้าทาย
ไม่ตีโพยตีพายจนขาดสติ และสภาพจิตที่ดีนี้เองจะส่งผลต่อไปยังสมาธิ
รู้ว่าควรจะทำอะไรและไม่ควรทำอะไรในสถานการณ์ใด

b..Manage –
คนที่ทำงานอย่างชาญฉลาดต้องรู้จักการจัดการหรือการบริหารงานของตนเองรู้ว่า
อะไรคืองานด่วนที่ต้องเร่งทำก่อน
รู้ว่าควรจะใช้ทรัพยากรอย่างไรให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุด
รู้จักบริหารเวลาให้กับงาน ครอบครัวเพื่อนฝูงและการให้เวลากับตัวเอง

c.. Analyze-
คนทำงานเก่งจะต้องสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์และแยกแยะถึงผลที่จะเกิดขึ้นได้
รู้ว่าเลือกทำสิ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
หรือไม่เลือกแนวทางนี้ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
คนที่วิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำจะส่งผลให้งานที่ส่งมอบไม่ผิดพลาด
โดยไม่ต้องเสียเวลาแก้ไขปรับปรุงงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า

d..Recognize – ตระหนักและยอมรับความสามารถหรือศักยภาพของตนเอง
โดยตระหนักว่าเรามีความรู้ทักษะ
และความสามารถอย่างไรที่จะบริหารหรือจัดการงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งที่หัวหน้างานมอบหมายให้ทำ

รวมถึงตระหนักถึงความสามารถของคนอื่นที่คุณเองสามารถมอบหมายงานให้ดูแลรับผิดชอบแทนคุณได้

e..Train –
หากคุณตระหนักว่าเพื่อนร่วมงานหรือสมาชิกในทีมสามารถช่วยเหลืองานของคุณเองได้แล้วล่ะก็
คุณควรฝึกฝนสมาชิกในทีมหรือลูกน้องให้มีความสามารถในการบริหารจัดการงาน
โดยการสอนงาน การให้คำปรึกษาในการทำงาน
หรือหากคุณเป็นหัวหน้างานคุณสามารถส่งลูกน้องไปฝึกอบรมตามสถาบันที่จัดอบรมเพื่อฝึกฝนทักษะของทีมงานให้สามารถรับผิดชอบงานบางอย่างที่คุณต้องการได้

การทำงานให้ประสพผลสำเร็จมิใช่เพียงแค่ทำงานหนักกว่าคนอื่น
การนำเอางานกลับไปทำที่บ้านในวันหยุด
แต่คนทำงานที่เก่งจริงนั้นจะต้องรู้จักบริหารตนเองให้ทำงานอย่างชาญฉลาด
เพื่อให้คุณมีเวลาที่นอกเหนือจากการทำงานแล้วยังมีเวลาส่วนหนึ่งให้กับครอบครัว
เพื่อนๆ และตัวคุณเอง




Create Date : 22 พฤษภาคม 2548
Last Update : 22 พฤษภาคม 2548 0:10:54 น. 0 comments
Counter : 373 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

rajasit
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add rajasit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.