จอมยุทธหญิงตะลุยเดี่ยว 25วัน ในเมืองจีน ตอนที่ 2 --- Guilin/Longshen/Louping/Kunming
ถึงแล้วจ้าาาา กุ้ยหลิน
ใช้เวลาทั้งหมด 11ชั่วโมงนิดๆ จากกวางเจาถึงกุ้ยหลินโดยรถไฟตู้นอน นอนหลับสบายมากบนเตียงชั้นบนสุด เป็นตู้นอนแบบเตียง3ชั้น 6เตียง แต่อย่างที่บอกว่าอาารเป็นพิษ ตื่นมาตอนใกล้ๆจะถึงกุ้ยหลิน เกิดอาการท้องเสียอย่างแรง ถึงขนาดจะเป็นลมเลยทีเดียว ดีนะที่เตรียมทุกอย่างมาพร้อม สู้ๆ โด๊บน้ำเกลือแร่ไปหน่อย
พอถึงสถานีรถไฟกุ้ยหลิน เราตัดสินใจพักที่ วาดะโฮสเตล เพราะดูแล้วไม่ไกลจากสถานี และดูเป็นโฮสเทลมีคุณภาพจากรีวิวของนักเดินทางหลายๆท่าน
//www.pantip.com/cafe/richtext/

wada Hostel

เนื่องจากเราไปถึงเช้ามว๊ากกกก ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟถึงโฮสเทลประมาณ 15นาทีเท่านั้น เลยถึงหน้าโฮสเทลตั้งแต่ยังไม่หกโมงดี ต้องไปยืนกดออดอยู่สักพักใหญ่ๆ เกรงใจเค้าเหมือนกัน



ซึ่งหนุ่มคนนี้ก้อออกมาต้อนรับอย่างดี น้อง Antom
(ในภาพเป็นรูปที่ถ่ายวันจะกลับแล้วนะคะ ตอนออกมาต้อนรับจริงๆหัวยังกระเซิง ฟันยังไม่ได้แปรงกันเลยทีเดียว หุๆๆ)

เนื่องจากนอนหลับมาเต็มอิ่ม และไม่อยากเสียเวลาการเที่ยวเลยเริ่มวางแผนการเที่ยวตั้งแต่เช้าวันนั้นเลยค่ะ โดยจุดมุ่งหมายของการมากุ้ยหลินของเราไม่ใช่จะมาเที่ยวกุ้ยหลิน(เอ๊ะ ยังไง)....ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนไม่เน้นเที่ยวธรรมชาติ พวกถ้ำ เขา อะไรแบบนี้อ่ะค่ะ แต่เราชอบเที่ยวชมสถาปัตยกรรมต่างๆ และสิ่งก่อสร้าง หรือพื้นที่แปลกๆที่มนุษย์เราสร้างขึ้นมาอ่ะค่ะ ดังนั้นกุ้ยหลินเลยเป็นแค่ทางผ่านของเรา สถานที่ที่เราจะไปจริงๆแล้วคือ....


"Longshen Rice terace"

หลังจากคุยกับน้อง Antom เรียบร้อยแล้ว ก้อได้ความว่า ถ้าเดินทางไป Longshen เองนั้นก้อได้ แต่จะลำบาก สู้ซื้อทัวร์ดีกว่า เดี๋ยวเค้าจัดการให้ ตอนแรกก้อกลัวๆไว้ก่อนว่าจะโดนต้มหรือเปล่า เราต้องไม่ไว้ใจใครง่ายๆ เพราะมาคนเดียวด้วย แต่พอคิดไปคิดมาแล้วก้อจริงอย่างน้องเค้าว่า อีกอย่างดูแล้วโฮสเทลดูดีมีมาตรฐาน ก้อเลยให้น้องเค้าจองทัวร์รอบ 7โมงเช้าให้เลย โดยเราจะไปแจมกับแขกของโรงแรมอื่น ประหนึ่งว่าบริษัททัวร์นี้จะวนรับลูกค้าตามโรงแรมต่างๆ แล้วแต่ว่าทางโรงแรมจะโทรเข้าไปจองกับเค้าตอนไหน ถ้ายังมีที่ว่าง เราก้อสามารถไปด้วยได้
ซึ่งต้องออกกันแต่เช้าตรู่ เพราะการเดินทางค่อนข้างไกล ไปกลับประมาณ3 ชั่วโมง และรถสามารถวิ่งได้ถึงแค่หกโมงเย็นเท่านั้น เนื่องจากต้องขึ้นเขา จะเป็นอันตรายมากถ้าเดินทางตอนกลางคืน
ทริปนี้มีแค่เรากับชาวเยอรมันอีกสามคนพ่อแม่ลูก และไกด์กับคนขับรถอีกสองคน โดยใช้รถตู้เป็นพาหนะ สบายมาก
แผนการเดินทาง 1 day trip คือ
---เดินชมทัศนียภาพ Rice field ของLongshen
---แวะรับประทานอาหารในร้านอาหารอร่อยบนเขา (จ่ายเอง)
---เดินทางกลับ และแวะชมสวนชา
---แวะชมพิพิธภัณฑ์ไข่มุก(ถ้าต้องการ)
--ส่งกลับโรงแรม


น้องหมาน้อยบนเขา น่ารักๆ


ครอบครัวของหนุ่ม "Caspar" ชาวเยอรมันที่มาเรียนอยู่ที่เมืองปักกิ่ง ภาษาจีนคล่องปรื๋อ พอดีคุณพ่อคุณแม่ของเค้ามาเยี่ยม เลยพามาเที่ยว


คุณป้าขายพริกแห้ง ของที่ระลึกบนเขา




ไม่อยากจะเชื่อว่ามนุษย์ตัวเล็กๆจะเป็นคนสร้างพื้นที่บนภูเขาให้กลายเป็นความสวยงามแบบนี้ได้ มันกว้างไกลสุดตาเลยค่ะ เค้าบอกว่าแต่ละฤดูความสวยงามก้อจะแตกต่างกันไป ถ้ามาฤดูเก็บเกี่ยว ก้อจะมีแต่รวงข้าวสีทองทั่วทั้งภูเขา พอดีตอนที่เราไป ไม่ใช่ช่วงฤดูเพาะปลูก ชาวนาจะปลูกแค่ผักเล็กๆน้อยเอาไว้ขายและกินแทน


แวะทานอาหารบนภูเขา มื้อนี้ได้รับอานิสงค์จากครอบครัวแคสเปอร์เลี้ยง หุๆๆ

อิ่มจังตังค์อยู่ครบ คริๆๆ ....เค้าคงเห็นเป็นสาวคนเดียวมาเที่ยว จะปล่อยให้ไปนั่งกินคนเดียวก้อน่าสงสาร เลยให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันหมด
โดยอาหารมื้อนี้ก้อจะมีไก่กระบอกเมนูขึ้นชื่อ กับข้าวอบกระบอกไม้ไผ่ ตอนแรกนึกว่าข้าวหลาม แต่พอกินแล้วติดใจ เพราะเค้าใส่เผือกลงไปด้วย หอมมัน อร่อย ส่วนอีกจานเป็นผัดผักอะไรก้อไม่รู้ เป็นผักที่ปลูกบนเขานี้ หวานกรอบมากๆ และอีกจานเป็นข้าวอบชีส อันนี้เฉยๆ


เสร็จจากการชมทัศนียภาพ เราก้อเดินทางลงเขาเพื่อแวะสวนชา ซึ่งเค้าก้อมีสอนวิธีจิบชาที่ถูกต้องแบบจีนด้วย
หลังจากนั้นไกด์ก้อถามว่าอยากไปดูไข่มุกมั้ย ไหนๆก้อยังมีเวลาเหลือ ก้อเลยไปแวะสักหน่อย ได้ต่างหูมุกน้ำจืดมา 1 คู่ ราคาสามร้อยหว่าบาทเอง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปสถานที่มา


ถึงโฮสเทลประมาณห้าโมงกว่าๆ ไม่รู้จะทำอะไรเลยแวะไปห้างใกล้ๆ เหมือน Big C บ้านเราเลย คิดว่าวันนี้หาอะไรกินไม่ได้ก้อคงพึ่งไก่ลุง Ken ก้อได้ ปรากฎว่าไปเจอ Food courtใหญ่ชั้นบนของห้าง ตื่นตาตื่นใจมาก สั่งเกี๊ยวซ่า กับก๋วยเตี๋ยวหลอดมากิน มันยอดมากกกก ผิดกับเป็ดเน่าที่กว่างเจา ราคาก้อถูกมากค่ะ ตกจานละ 20-30บาท ค่าครองชีพที่เมืองจีนดูเหมือนจะถูกกว่าบ้านเรานิดนึง หรือพอๆกันค่ะ


สังเกตเห็นหลายร้านจะทำกล่องข้าวแบบนี้เต็มไปหมด แต่เราไม่รู้มันคืออะไรบ้าง เลยไม่กล้าสั่ง กลัวไปเจอเนื้ออะไรแปลกๆอ่ะค่ะ แต่ดูน่ากินนะคะ

หมดไปอีกหนึ่งวันแล้วค่าาา......กลับโรงแรมนอนพักผ่อน พรุ่งนี้จะออกสำรวจกุ้ยหลินสักหน่อย และเตรียมตัวออกเดินทางไป Louping ในช่วงเย็น



เช้าตรู่ของวันใหม่ เราก้อ checked out จากวาดะ โฮสเตล เดินไปสถานีรถไฟกุ้ยหลินเพื่อฝากสัมภาระไว้ที่นั่น จะได้เดินชมเมืองกุ้ยหลินได้สบายๆ ฆ่าเวลา รอรถไฟเที่ยวเย็นต่อไป Louping
ที่เมืองจีนจะสะดวกสบายอย่างหนึ่ง ตรงที่สามารถฝากของไว้ที่โรงแรมที่เราพักได้ตลอดดดยไม่เสียตังค์ แม้ว่าจะ checked out ไปแล้วก้อตาม (ส่วนใหญ่) หรือจะฝากไว้ตามสถานีรถไฟก้อได้ในราคาไม่แพงเลย ประมาณ 100บาท (ไว้จะหาราคาที่แน่นอนมาบอกอีกทีนะคะ ตอนนี้นึกไม่ออก)



สำหรับเรา กุ้ยหลินไม่มีอะไรมาก เพราะอย่างที่บอก เราไม่เน้นธรรมชาติ วันนี้เราก้อแค่เดินเล่นฆ่าเวลาเท่านั้น แต่ก้อเป็นเมืองที่สวยงามนะคะ


เดินเล่นในสวนสาธารณะ และได้ถ่ายรูปที่เจดีย์คู่มาด้วย


สวนสาธารณะ และแหล่งชุมชนต่างๆ สะอาดมาก ในรูปจะมีเขางวงช้างลิบๆเห็นมั้ยคะ เราเดินๆๆๆๆ แล้วก้อเดินนนน เดินเท่าไหร่ก้อไม่ถึงสักที มันหลอกตามาก เลยแค่ถ่ายรูปอยู่ไกลๆค่ะ


เขางวงช้าง ถ่ายจากข้างทาง


เดินเยอะไปล๊ะเรา
เริ่มเหงื่อตก เลยเปลี่ยนมานั่งรถเมล์ชมเมืองแทน นั่งไปนั่งมาหลงไปไหนไม่รู้ 555 นึกว่าจะไปถ้ำขลุ่ย ไปโผล่หมู่บ้านอะไรไม่รู้ค่ะ มีสุสานจีนบนเขาเต็มไปหมด
โชคดีเจอรถสองแถวเล็ก กำลังจะขับเข้าเมืองพอดี เลยโบกเค้าขึ้น ลุงคิด 30บาท ยอมโดยไม่มีข้อแม้ เพราะขาลากแล้วค่ะตอนนั้น
หลังจากนั้นลองซื้อชานมไข่มุก ปรากฎว่า ผิดหวังสุดๆ ไม่อร่อยอย่างแรง คาดว่าจะเป็นมุกก๊อป 555 แข็งมากกกก

ในที่สุดก้อเดินเล่นฆ่าเวลาจนหมดวัน ได้เวลากลับไปสถานีรถไฟเพื่อรอต่อรถไฟตู้นอนไป "Louping" แล้ววว


ตู้นอนธรรมดาหมด เลยจองได้ตู้ First class!!
ความต่างนะเหรอคะ?? ตั๋ว First lass ตู้นอนเป็นบบเตียง2ชั้น 4เตียง หนานุ่มกว่าเตียงธรรมดาหน่อยนึง และระหว่างรอรถไฟที่สถานี ก้อจะมีห้อง VIP ให้นั่งรอ มีน้ำดื่ม มีโทรทัศน์ให้ดู ไม่ต้องไปนั่งแออัดกับคนเยอะแยะ

ลืมบอกว่าที่สถานีรถไฟของจีนทุกที่จะเข้มงวดเรื่องการตรวจอาวุธมาก กระเป๋าทุกใบต้องผ่านการ X-ray และตัวเราก้อต้องเดินผ่านเครื่องตรวจด้วย จะไปตบบ้องหูพนักงานไม่ได้นะเคอะ (อุ๊บส์)

ออกเดินทางทั้งหมดประมาณ 11ชม ถึงLouping แต่เช้าตรู่ ตื่นเต้นมากๆเลย เพราะจะได้เห็นทุ่ง Rapeseed สุดลูกหูลูกตาแล้ว โชคดีที่มาจังกับฤดูที่ดอก Rapeseed กำลังเบ่งบานเต็มที่ ประมาณต้นเดือนมีนาคมเป็นต้นไป


Louping ได้ชื่อว่ามีทุ่ง Rapeseed ที่สวยงามที่สุด และกว้างใหญ่ที่สุด นักถ่ายรูปหลายท่าน ใฝ่ฝันจะมาเก็บภาพทุ่งดอกไม้สีเหลืองนี้ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก บางคนถึงขนาดมาเฝ้ากันเป็นวันๆ หลายชั่วโม หามุมที่สวยที่สุด และช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพื่อเก็บภาพสวยๆ

ถึงสถานีรถไฟปุ๊บ ยังไม่รู้จะไปไหน พักที่ไหน ก้อรีบนั่งรถเมล์เข้าเมืองก่อนเลย ไปตายเอาดาบหน้า หุๆๆ โพยที่ทำไว้ก้อคือ ต้องนั่งรถเมล์จากสถานีรถไฟ ไปหน้าสถานีขนส่ง เพราะจะมีรถตู้ รถเมล์คันเล็กคันน้อย พาไปส่งที่บริเวณจุดชมวิวสวยๆ


พอไปถึงสถานีขนส่งปุ๊บ ก้อโดดขึ้นรถตู้ของคุณลุงคุณป้าสองท่านนี้ทันที เป็นรถตู้เล๊ก....กๆ นั่งได้ประมาณ 8คน อัดกันไป
จากสถานีขนส่งถึงจุดชมวิว ใช้เวลาประมาณ 15นาที ด้วยราคาเพียง 3หยวน(15บาท) ถูกมาก


ตอนนั่งไปก้องงๆว่าจะลงถูกมั้ย แต่ไม่ต้องห่วงเลย เพราะจะรู้ทันทีว่าต้องลงตรงไหน เนื่องจากจะเห็นฝูงชนเยอะมากกกกเดินฝ่าทุ่งกันอยู่เต็มไหมด

จุดที่เราลง เป็นจุดที่อยู่ระหว่างวัดเก่าแก่บนภูเขาวัดหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นจุดชมวิวที่สมบูรณ์ที่สุดจุดหนึ่ง นักถ่ายรูปมืออาชีพเยอะมากกกก เนื่องจากเราลากกระเป๋าไปเหมือนคนบ้าหอบฟาง เลยเดินเล่นไม่สะดวก ตอนแรกกะจะหาที่พักแถวนั้น เพราะเค้าบอกว่าแถววัดมีที่ให้พัก แต่เดินขึ้นไม่ไหว และเนื่องจากเป็นจุดท่องเที่ยว เลยคาดว่าจะแพง ก้อเลยตัดสินใจนั่งรถกลับไปหาที่พักแถวสถานีขนส่ง เพราะอย่างน้อยๆ ก้อเดินทางสะดวก สามารถต่อรถต่อลา หาของกินได้


โชคดีมากกกก เจอคุณผู้ชายจีนคนนึง เห็นเราเหมือนบ้าหอบฟาง ดูงกๆเงิ่นๆ เลยเข้ามาถามว่าจะไปไหน ก้อบอกเค้าว่าหาโรงแรมที่พักอยู่ เค้าก้อเลยแนะนำว่า ถ้าไม่เกี่ยงเรื่องสถานที่มากมาย เค้าแนะนำโรงแรมนี้ ที่เค้าเคยมาพักอยู่ อยู่ตรงสถานีขนส่งเลย(ตรงใจเป๊ะ) เค้าจัดการโทรศัพท์คุยกับโรงแรมให้ ว่ามีห้องพักหรือเปล่า หลังจากนั้นเราก้อโบกรถกลับไปเดินหาโรงแรมที่เค้าว่า ถือว่าใช้ได้เลย เป็นเหมือน apartment สร้างใหม่ ห้องน้ำ ห้องนอนใหม่ แต่ข้อเสียคือ หนาวมว๊ากกก น้ำร้อนเปิด ปิดเป็นเวลา และมีน้อย ต้องรีบแย่งคนอื่นอาบ ส่วนข้อดีคือ มีน้ำร้อนใส่กระติกบริการตลอดเวลา เราเลยหอบมาหลายกระติก เอามาผสมน้ำอาบเอง และเตียงเป็นเตียงไฟฟ้า นอนอุ่นสบาย (ที่จีน หน้าหนาวตียงส่วนใหญ่จะเป็นเตียงไฟฟ้า นอนสบายมากกก)

หลังจาก check in เรียบร้อย ซึ่งสื่อสารกันอยู่นานมากกว่าจะรู้เรื่อง แต่พนักงานที่นี่ก้อพยายามช่วยเหลือเต็มที่ taling dict มีประโยชน์ก้อคราวนี้ล่ะ อิอิ
เราก้อออกเดินทางไปขึ้นรถตู้ที่เดิม คราวนี้เจอคนขับเจ้าเล่ห์ เก็บเงินเรา 5 หยวน แล้วไม่ยอมทอน!!! คงคิดว่าเราหมู ไม่เคยขึ้นรถมาก่อน เราก้อเถียง บอก สามๆๆๆ เค้าก้อบอก ขอเค้าเหอะค่าน้ำ (ทำท่าชี้ไปที่ขวดน้ำตัวเอง) เราบอกไม่ จนในที่สุดก้อต้องยอมคืนให้เรา เพราะคนอื่นๆบนรถตะโกนด่าเค้าล่ะมั้ง 555สะใจ คิดจะโกงชั้น ตั้งเกือบ 10บาท ฝันไปเถอะ เงินสิบบาทนั้นน่ะชั้นใช้นั่งกลับไปโรงแรมได้เลยนะยะ เชอะ


คุณลุงเลี้ยงควายอยู่บนเนินเขา เลี้ยงไปร้องเพลงไป


สุดลูกหูลูกตา สวยงามมาก เหมือนในนิยายจีนโบราณที่อ่านมาเลย









ของที่ระลึกแถวนี้คือ น้ำผึ้งค่ะ มีขายเยอะแยะไปหมด


ใครเหนื่อย จะใช้บริการเกวียนก้อได้นะคะ เก๋ๆ


หลังจากได้ชื่นชมวิวสมใจแล้ว ก้อตัดสินใจกลับโรงแรม เพื่อหาอะไรกิน และเดินชมเมืองเล็กน้อยยยย....ก่อนจะเดินทางไปจุดชมวิวต่อไป "Logsitan"ปรากฏว่าผิดหวังกับเมืองมากค่ะ....ไม่มีอะไรให้กินเลย คือดูแล้วไม่มีอะไที่เราสามารถกินได้ ต้องขอบอกว่าเมือง Louping นี้ นอกจากทุ่ง Rapeseed แล้ว ไม่มีอะไรให้เที่ยวเลย ถือว่าชนบทมากๆ
ไม่มี fastfood ใดๆให้เห็น หรือแม้แต่กระทั่งร้านอาหารจีนดีๆ ก้อหาได้น้อยมากค่ะ ฝุ่นเยอะมาก ถึงมากที่สุด โชคดีเจอซูเปอร์มาร์เก็ต วันนี้เลยต้องพึ่งคัพนู๊เดิล กับผักกาดดอง ซึ่งต้องบอกว่าอร่อยมว๊ากกก หุๆๆ ติดใจกันเลยทีเดียว
พอหาอะไรกินง่ายๆเสร็จ ก้อเดินไปยังสถานีขนส่งอีกรอบ คราวนี้ไม่ง่ายอย่างตอนไปจุดชมวิวแรก เพราะ Longsitan นี้อยู่ไกลออกไปอีก คนขับส่วนใหญ่คิดราคาแพงเว่อร์มากก พอโบกแท็กซี่ ก้อยิ่งแพง ก้อเลยเดินไปเดินมา เจอรถรถตู้เล็กๆคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง...แปะป้ายไว้หน้ารถว่าไป Longsitan พอเข้าไปหา ปรากฏว่าพี่เค้าหลับอ่ะค่ะ ไม่กล้าปลุก เลยเดินวนเวียน เวียนวนอยู่นานมาก เกือบจะชั่วโมงได้ พอเค้าตื่นก้อเข้าไปหาพี่เค้า ต่อรองราคากันไปมาด้วยความช่วยเหลือของ talking dict เค้าคิดเรา 40หยวนไปกลับ ซึ่งถูกมากกกก เพราะเจ้าอื่นๆคิดไม่ต่ำกว่า100หยวน เราก้อเลยโอเค จุดนี้คือ เราไม่สนใจอะไรแล้ว ทุกอย่างในทริปนี้ของเราคือ อะไรก้อได้ ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก ลุยไปเรื่อยๆ โชคดีที่มักดวงดี ได้เจอเพื่อนใหม่ และคนช่วยเหลือดีๆ ตลอดการเดินทาง

ปรากฏ พอรถออก พี่แกก้อเริ่มชวนคุย เราเริ่มรำคาญคิดว่าเค้าชวนคุยเรื่อยเปื่อย ฟังๆก้อไม่รู้เรื่อง เลยทำเงียบๆไป แล้วก้อเริ่มสงสัยทำไมขับไปโรงแรมอะไรอีก สรุป....มาถึงบางอ้อ ก้อเมื่อมีหนุ่มสาววัยรุ่นชาวจีนอีกสองคนขึ้นรถมาด้วย เธอสองคนพูดภาษาอังกฤษได้ (555โชคดีอีกแลวเรา) เค้าก้อเลยบอกเราว่า พี่คนขับคนเนี๊ยะ...รอเวลามารับเค้ากับแฟนที่โรงแรมเพื่อไป Longsitan พอดี ทางโรงแรมเป็นคนจองให้ พี่เค้ารับเราขึ้นมาด้วย เพราะเห็นว่าไหนๆก้อไปแค่สองคน (โชคดีมากๆๆๆๆๆ)
ลองคิดดูสิ ค่ารถไปกลับ Longsitan อย่างเดียวก้อ 100กว่าหยวนล๊ะ แต่นี่....40หยวน!!!มีเพื่อนเที่ยวน่ารักๆ/มีคนขับรถน่ารักๆ/พาจอดจุดชมวิวสวยๆทุกที่/ใช้เวาลานานเท่าไหร่ก้อได้ มันเป็นความโชคดีขนาดไหน อิอิ


เพื่อนร่วมทริปวันนี้ นางฟ้าและเทวดามาโปรดสาวแบกเป้อย่างเรา 555


Longsitan จุดชมวิวเด็ดๆอีกที่หนึ่งใน Louping ขับรถออกไปจากเมืองประมาณ 30นาทีน่ะ ขึ้นไปเรื่อยๆบนเขา ผ่านหมู่บ้านชนบทขึ้นไป


สวยมากอ่ะ ทุ่งที่มนุษย์ตัวเล็กๆ สร้างขึ้นมา

จบแล้วค่ะ Louping 1 day trip ของเรา จริงๆหนุ่มสาวคู่นี้ ชวนเราเที่ยวกับเค้าต่อพรุ่งนี้เช้าตรู่อีกหนึ่งวัน เพื่อไปน้ำตก(จำชื่อไม่ได้ เดี๋ยวไว้เจอชื่อแล้ว จะเข้ามาบอกอีกทีนะคะ)ที่เป็นจุดชมวิวสวยๆอีกหนึ่งจุด แต่ไม่ได้อยู่ในแผนของเรา เพราะเราอยากเดินทางไปคุนหมิงเช้าวันต่อไปเลย กลัวเสียเวลาไม่เป็นไปตามแผน เลยตัดน้ำตกออกไป แต่ต้องบอกว่าพี่คนขับรถ กับสองหนุ่มสาวนี้ เป็นเหมือนนางฟ้าเทวดามาโปรดจริงๆ เพราะหลังจากแยกกันไปแล้ว เกือบครึ่งชั่วโมง เราเดินหลงทางอยู่เค้ายังอุตส่าเห็น เรียกให้ขึ้นรถ แล้วพาไปส่งสถานีรถไฟเพื่อจองตั๋วรถไฟ แถมรอรับกลับ ซึ่งปรากฏว่าไปเสียเที่ยวเพราะซื้อตั๋วไม่ได้อีกตะหาก เค้าก้อขับกลับมาส่งโรงแรม ประทับใจ และซึ้งใจมาก ขอบคุณค่าาาา

วันรุ่งขึ้น เราเดินออกไปสถานีขนส่งเพื่อต่อรถไปคุนหมิงแต่เช้า ขอบอกว่าเป็นการเดินทางที่ปวดหัวที่สุด เพราะคนสูบบุหรี่กันแบบไม่แคร์สื่อมากๆ
และอย่างที่เกริ่นไว้ว่า Louping เปรียบเสมือนชนบทมากๆ เดินทางมาครึ่งประเทศจีน ต้องบอกว่าระบบขนส่ง รวมถึงการใช้ชีวิตของคนที่เมืองนี้ ไม่มีระเบียบที่สุดแล้วอ่ะค่ะ

พนักงานขับรถ และกระเป๋า สูปกันเป็นบ้องๆแบบนี้เลยค่ะ และสูบแทบจะทุกครึ่งชั่วโมง การสูบบุหรี่แบบนี้มีให้เห็นได้ที่ Louping เยอะแยะเลย

ของกินระหว่างทาง..ไข่ต้มสมุนไพร กะมันต้ม หรูสุดละ เป็นของที่ซื้อกินระหว่างทาง ตอนรถจอดพักข้างทาง บางครั้งต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ไม่กล้ากินสุ่มสี่สุ่มห้า เอาปลอดภัยกระเพาะไว้ก่อง


ถึงคุนหมิงแล้วจ้าาา รสทัวร์สถานีอยู่นอกเมืองปู้นนนน ต้องนั่งรถเมล์เข้าเมืองมาลงสถานีรถไฟอีกตั้งไกล จากนั้นก้อเดินๆๆๆๆๆ จนมาถึง "The Hump" ที่พัก back packer ขึ้นชื่อของคุนหมิง อยู่ใจกลางเมืองเลย ชอบๆ


นอนคนเดียว สบายย คืนละ300กว่าบาท หุๆๆ
ห้องอาบน้ำและห้องน้ำอยู่ข้างนอก ใช้รวมกัน สะอาดมาก


บรรยากาศของ hostel ต้องขอบอกว่าโฮสเทลที่จีนแทบทุกที่ ถูกและดีจริงๆ สะดวกสบายด้วย ผิดคาดมากๆ


มาถึงก้อเปิบกันหน่อย อาหารขึ้นชื่อของคุนหมิง ไม่ลองไม่ได้
Brothers jiang "Cross the bridge noodle" restaurant! อยู่ข้างล่างที่พักเลย


Cross the Bridge noodle.อาหารขึ้นชื่อของเมืองคุนหมิง อร่อย เผ็ดสะใจ(เลือกแบบเผ็ดอ่ะ) พร้อมกับเครื่องดื่ม รถคล้ายๆน้ำแห้ว ใส่วุ้น แปลกดี
อาหย่อยๆ
ทั้งหมดเนี่ย 50บาท


กินเสร็จก้อออกไปสถานีรถไฟ เพื่อจองตั๋วรถไฟตู้นอนสำหรับไปลี่เจียงพรุ่งนี้ เพราะถ้าไปซื้อเอาดาบหน้าพรุ่งนี้เย็น เกรงว่าจะไม่มีตั๋ว เนื่องจากที่คุนหมิง คนเยอะมากกกกกกกก
ในรูปจะเห็นน้ำแข็งใส ขอบอกว่า....อร่อยเว่อร์ เป็นเกล็ดน้ำแข็งไสใส่ผลไม้เชื่อม ชื่นใจมากกกก เบิ้ลสองเลย อิอิ

วันนี้เหนื่อยละ เพราะเดิน(หาโรงแรม)เยอะเกิน 555 กลับไปพักผ่อน พรุงนี้ค่อยออกสำรวจเมืองคุนหมิง
เรามาแวะคุนหมิงแค่เป็นทางผ่าน(อีกละ) อิอิ ไม่ได้อยากไปดูภูเขาหิน สวนหินอย่างใครเค้า เพราะจริงๆเมื่อวานตอนนั่งรถมาจากLouping เราก้อผ่านสวนหินเต็มไปหมดเลย รู้สึกเฉยๆ อย่างที่บอก เราไม่เน้นเที่ยวธรรมชาติ ชอบวัฒนธรรมมากกว่าจ้า


เช้าวันใหม่.....หลังจากฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม (แต่ checked out เรียบร้อยแล้ว) ก้อออกสำรวจคุนหมิงค่าเวลา โดยไปที่แรกคือ วัดหยวนทอง วัดสำคัญของที่นี่


แก๊งค์คุณป้า เรามีเรา น่ารักอ่ะ คนจีนชอบเที่ยวนะ เท่าที่ผ่านมา คนจีนทั้งนั้นเลยที่เที่ยว เค้าว่ากันว่ามีคนจีนหลายคนไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศ เพราะแค่ประเทศตัวเองก้อเที่ยวไม่ทั่วแล้วววว


ดอกบ๊วยกำลังบานเลย ช่อใหญ่ และสวยไม่แพ้ซากุระ


ใครอยากเปลียนใจไปชมดอกบ๊วยบานที่จีน แทนการชมซากุระที่ญี่ปุ่นก้อได้นะคะ สวยมาก




เหมือนในหนังจีนเลยอ่าา ชอบบรรยากาศมากๆ(^^)


วันนั้นอากาศดีมากค่ะ






ได้เวลาเปิบพิศดารที่เมืองคุนหมิง...มันฝรั่งคลุกพริก อร่อยๆๆๆๆๆๆๆ
มันฝรั่งฝานไม่หนาไม่บาง ทอดน้ำมันจนสุก แล้วคลุกซอสพริกที่ปรุงไว้ โรยผัก แล้วเขย่าๆๆๆใส่ถุง โอ้ววว มีแค่ที่คุนหมิงเท่านั้น


คิดถึงๆ อยากกลับไปกินอีก อร่อยแบบง่ายๆ แต่ได้ใจความ 555


แวะมาเดินเล่นสวนสาธารณะ CuiHu Green lake park.


คนจีนชอบสวนสาธารณะมาก ไปที่ไหนก้อจะเห็นคนมาทำกิจกรรมแบบนี้ เป็นความสนุกของเค้าเลย


Street Fashion (^o^)


คู่หวานวันนี้ คุณลุงคงเมื่อย เลยมานั่งพักม้านั่งตัวเดียวกับเรา ส่วนคุณป้าก้อยืนนวดให้ พอจะถ่ายรูปก้อยิ้มแก้มปริเลย คนที่นี่ชอบถ่้ายรูป


ได้เวลากลับที่พักล๊ะ กลับไปเอากระเป๋า แอบอาบน้ำอาบให้สบายตัวสักรอบ แล้วหาอะไรกินอร่อยๆแถวโฮสเทล ก่อนเดินทางไปสถานีรถไฟเย็นนี้ หนทางยังอีกยาวไกล
มื้อสุดท้ายที่คุนหมิง ซี่โครงหมูบาบีคิว เลิศม๊าากค่ะ


ลาก่อนคุนหมิง ไว้มีโอกาส ข้าจะกลับมาใหม่


To be continued....



Create Date : 25 มกราคม 2555
Last Update : 28 มกราคม 2555 19:37:40 น.
Counter : 1783 Pageviews.

6 comments
  
รีบมานะค่ะรออ่นนะค่ะ
โดย: มินิ IP: 115.31.143.205 วันที่: 25 มกราคม 2555 เวลา:15:48:34 น.
  
ติดตามอยู่นะคะ เก่งจัง
โดย: easyfreedom1978 วันที่: 25 มกราคม 2555 เวลา:16:42:11 น.
  
สุขสันต์วันเกิดนะขอรับ......
โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 31 มกราคม 2555 เวลา:5:50:59 น.
  
ถ้ามีโอกาศผมก็อยากไปเที่ยวแบบนี้บ้างจัง

สุขสันต์วันเกิดครับ ขอให้มีสุขภาพร่างกายเเข็งเเรง
คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนาเเละมีความสุขในทุกๆวันครับ
โดย: Don't try this at home. วันที่: 31 มกราคม 2555 เวลา:10:55:19 น.
  
ดีใจจังเลย มีคนมาอวยพรวันเกิดเราด้วย ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
โดย: wickedspell วันที่: 31 มกราคม 2555 เวลา:21:44:49 น.
  
louping สวยจริงค่ะ โดยเฉพาะภาพที่ถ่ายตรงจุดชมวิว
โดย: Princezzie วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:0:31:15 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pulsedownfoot
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ท่องเที่ยว ในระหว่างที่ยังมีแรง และโอกาส แบกเป้ลุยไปเรื่อยๆ เหนื่อยก้อพัก หลงก้อขำๆไป(^^) การหลงทาง ทำให้เราค้นเจออะไรสนุกๆ และการหลงทางจริงๆแล้วก้อเป็นความสนุกอย่างนึงในการเดินทาง อยากแชร์ความสุข และความสนุกจากการเดินทางของเราให้เพื่อนๆได้อมยิ้มกันนะคะ