คุณไกด์พาเดินลัดเลาะไปตามซอกซอยในหมู่บ้าน Ghorepani
ออกจากหมู่บ้านก็เจอกับบันไดหิน.....อีกแล้ว......แถมเป็นทางชันขึ้นไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด.....อีกแล้ว.....
บอกทีว่านี่มันวันเดินลง ทำไมยังมีบันไดขาขึ้นอีกล่ะ
เหนื่อย...ในใจคิดว่า (((ขอเฮลิคอปเตอร์เลยได้มั้ย ไหนๆก็เห็น Poon Hill แล้ว)))
คุณไกด์เฉลยว่า อ๋อ..ต้องเดินขึ้นเขาก่อน บนเขานี้จะเห็นวิวคล้ายๆกับวิวที่เห็นบน Poon Hill ด้วยนะ
เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยเหมือนกัน
สรุปว่าเส้นทางวันนี้เป็นขาขึ้น 50% ทางลง 30% ทางเรียบๆซัก 20%
อันนี้กะเกณฑ์เอาจากความทรงจำล้วนๆ
ระหว่างทางก็เจอสิงสาราสัตว์ ถ่ายรูปไปตามเรื่อง
นอกจากจะผ่านภูเขา วันนี้เราเดินลัดเลาะกันในป่าดิบชื้นมากขึ้น
บางช่วงมีทางเดินชัดเจน แต่บางช่วงก็ไม่มี เราเลยคิดว่าถ้าไม่มีไกด์ก็เป็นอันตรายได้
เดินพอเหงื่อไหล ก็มาถึงจุดชมวิวที่คุณไกด์เปรยถึง
จุดชมวิวที่ว่า เห็นภูเขา 360 องศา ลมเย็นสบาย
พอการเดินทางของเรากับลูกพี่ลูกน้องมาถึงตรงนี้ก็เจอกับ "คู่รักชาวญี่ปุ่น"
ซึ่งเดินทางกันเอง แบกสัมภาระกันเอง แถมไม่มีไกด์นำทางด้วย (เก่งมาก !)
ตอนแรกก็เหมือนทั้งคู่จะนั่งพักกันตามธรรมดา คุยกันกระหนุงหนิง แถมถ่ายรูปชูสองนิ้วตามธรรมเนียมชาวญี่ปุ่น
ซักพักเค้าก็เดินมาหาคุณไกด์พร้อมแผนที่เพื่อสอบถามเส้นทางให้ชัดเจน
เพราะทางข้างหน้าจะเข้าเขตป่าดิบชื้นอย่างที่บอก
แถมคุยกันเรื่องจิปาถะอีกหลายเรื่อง เช่น อาชีพการงาน แผนการเดินทาง
จนกระทั่งเราได้ยินคุณไกด์พูดภาษาญี่ปุ่นออกมา
ไม่ใช่คำสองคำ แต่เป็นประโยค ถึงจะติดๆขัดๆ แต่คนญี่ปุ่นก็ฟังเข้าใจ
โอ๊ะ ! คุณไกด์พูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วย ...
คุณไกด์มาหลังไมค์ว่า เค้าก็หัดภาษาญี่ปุ่นแบบงูๆปลาๆไว้ เพราะคนญี่ปุ่นมาเทรคกิ้งเยอะ
ภาษาจีนเค้าก็พูดได้นิดหน่อย ปกติจะพูดภาษาเนปาลีกับภาษาอังกฤษกับที่บ้าน (นัยว่าอยากฝึกให้ลูกพูดอังกฤษเป็น)
ส่วนภาษาฮินดีแบบที่คนอินเดียพูดกัน เค้าก็พูดได้ เพราะเคยไปทำงาน/ค้าขายกับอินเดียทางเหนือ
สรุปว่าคุณไกด์พูดได้ 5 ภาษา คล่องแคล่ว 3 งูๆปลาๆ 2
...
นี่ไปทำงานสถานทูตก็ได้มั้งเนี๊ยะ
อีกครั้งที่เรื่องราวในชีวิตจริงพิสูจน์ให้เห็นว่า หัวใจของการเรียนภาษา คือ ต้องใช้
ถึงเรียนตามระบบการศึกษาในโรงเรียนแต่ไม่ได้พูด จดจำแต่หลักการ ก็จะลืม
เราเองก็เคยเรียนภาษาญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันพูดได้ไม่เกิน 5 ประโยค
เวลาเกือบบ่ายโมง เราก็หยุดทานอาหารเที่ยงกัน
อาหารหน้าตาเดิมๆ บรรยากาศก็คล้ายๆกัน
จะแตกต่างก็เพียงหน้าตาผู้คนที่พบเห็นเพียงชั่วคราว
จากจุดนี้เป็นต้นไป เราจะเดินสวนกับนักเดินทางที่เดินขึ้นไปหมู่บ้าน Ghorepani (บางท่านอ่านแล้วอาจงง)
คือว่า การเดินทางไปหมู่บ้าน Ghorepani หรืออีกแง่หนึ่งก็คือ การเดินทางไป Poon Hill นั้นสามารถไปได้ 2 ทาง
โดยที่เราต้องเลือกตั้งแต่จุดเริ่มต้น (Nayapul) เมื่อเริ่มเทรคกิ้งวันแรก
เนื่องจากเส้นทาง Poon Hill Trek เป็นเส้นทางวงกลม จะเดินซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้ายก็ได้
ส่วนใหญ่ แพ็คเกจทัวร์จะนำเสนอการเดินซ้ายไปขวา เพราะมันท้าทายนักท่องเที่ยวที่ต้องเดินขึ้นบันได 3,500 ขั้น
ถ้าเอาภูเขามาวางตรงกลาง ก็ประมาณเราเดินทางไปทางซ้ายของภูเขาก่อน แล้วค่อยกลับมาทางขวาของภูเขา
เส้นทางก็จะเป็นดังนี้
Nayapul - Tikhedunga - Ulleri - Ghorepani - Tadapni - Ghandruk - Nayapul
ส่วนถ้ามากันเอง จะเดินทางจากขวาไปซ้ายก็ไม่ผิด นั้นคือ
Nayapul - Ghandruk - Tadapani - Ghorepani - Ulleri - Tikhedunga - Nayapul
ถ้าเลือกเส้นทางนี้ แทนที่จะได้ขึ้นบันได 3,500 ขั้น ก็จะกลายเป็นต้องเดินลงบันไดแทน
...อาจจะเอาไปคุยโม้ถึงความโหด-มันส์-ฮาได้น้อยกว่า...
เส้นทางตอนบ่ายก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ชมวิวธรรมชาติอย่างเคย
เป็นอีกวันที่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ต่างกันที่ความปวดระบมของกล้ามเนื้อขา มันมากกว่าเมื่อวานซักสองเท่าเห็นจะได้
หน้าตากวนโอ๊ย จนต้องจับมาเป็นนายแบบ
แต่ก็เอากล้องไปใกล้ๆอีกนิดเท่านั้นแหละ
นายแบบก็แกล้งตายซะงั้น ...
ความจริงภาพนี้ไม่ได้มีวิวสวยงามอะไร แต่เราชื่นชมคนเนปาลที่มีน้ำใจสร้างสะพานน่ารักๆไว้
ถึงแม้ว่าจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำสายเล็กๆ แต่ก็ช่วยอำนวยความสะดวกได้เยอะ
โดยเฉพาะถ้าคนข้ามแบกของหนักมา คงจะทรงตัวบนก้อนหินได้ไม่ดีนัก
ส่วนคุณไกด์ก็ทำหน้าที่เป็นไกด์ และนายแบบจำเป็นได้ดีเยี่ยม
รูปนี้ถ่ายจากด้านหลัง อาจจะเห็นไม่ชัด แต่ตอนนั้นคุณไกด์กำลังเพลิดเพลินกับบทเพลงในมือถือ
วันนี้คุณไกด์เปิดเพลงฟังไปตลอดทาง
บางทีคุณไกด์ก็จะโทรไปหาใครซักคน คุยกันแป๊บๆ แล้วก็กลับมาฟังเพลงต่อ
ปล่อยให้นักท่องเที่ยวสองคนนี่ก็สงสัย ว่าทำไม "คุณไกด์ธุระเยอะจัง"
พอถามคุณไกด์ว่าชอบฟังเพลงเหรอ ก็ได้คำตอบว่า "เปล่า ผมแค่เหงา"
....
....
คุณไกด์บอกว่า เวลาออกเดินป่าติดต่อกันหลายๆทริป เค้าก็มีโมเม้นท์คิดถึงบ้าน
ใจจริงก็อยากโทรหา คุยกันให้หายคิดถึง แต่สัญญาณโทรศัพท์ในป่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เลยคิดว่าการเปิดเพลงเป็นวิธีทำให้หายเหงาได้ดีที่สุด
เราเลยถามต่อว่า ถ้าเลือกได้ คุณไกด์ก็อยากไปอยู่กับที่บ้านนะสิ
คุณไกด์ตอบว่า "ไม่ เค้าอยากเดินป่า" เพราะการได้ทำงานเป็นไกด์หมายถึงปากท้องของครอบครัว
ใน 1 ปี เค้าจะดีใจมากถ้าเค้าได้รับการว่าจ้าง 365 วัน เค้าต้องเก็บเงินเยอะๆให้ลูก
เค้าจะส่งลูกเรียนโรงเรียนเอกชน ให้ได้เรียนภาษาอังกฤษ
โอ๊ย...ฟังแล้วขนลุก
อยู่เมืองไทยนี่ดีแค่ไหนแล้วที่มีอาชีพให้เลือกมากมาย
ที่เนปาลซึ่งต้องยอมรับว่ายังพัฒนาไม่เท่าประเทศเรา ทรัพยากรมีน้อย
ประชาชนมีอาชีพให้เลือกทำไม่มาก คือมีแค่การเกษตรกับการท่องเที่ยวเป็นหลัก
หนึ่งในนั้นคือการเป็นไกด์นำนักท่องเที่ยวไปเทรคกิ้ง ต้องเหนื่อย ต้องอยู่ห่างครอบครัว
เป็นความจำเป็นที่เกิดขึ้นด้วยกรอบของสังคมและธรรมชาติโดยแท้
เรานับถือคุณไกด์ที่ยังมีความคิดเชิงบวก เป็นคนอารมณ์ดี และเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี
ถึงแม้ว่าชีวิตจะถูกตีกรอบและโดนความจำเป็นบีบอัดแน่นกว่าพวกเราซะอีก
อย่างที่บอกว่าวันนี้ไม่ค่อยมีไฮไลท์ระหว่างการเดินทาง
จนกระทั่งเดินผ่านแนวสันเขาตรงนี้ ซึ่งทำให้เรารับรู้ว่าเราเดินทางด้วยเท้าขึ้นมาสูงขนาดไหน
อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเพื่อเตือนความทรงจำ
หมดจากสันเขาตรงนี้ก็เข้่าสู้โค้งสุดท้ายในการเดินทางของวัน
ด้วยเขตป่าดิบชื้นที่ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็ถึงทางเข้าหมู่บ้าน Tadapani
ระหว่างที่เราเดินมุดๆอยู่ เพราะเส้นทางเป็นโขดหิน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งลงมาด้วยความเร็ว
เท้าวิ่งเร็วเพียงแตะโขดหินประหนึ่งฝึกวิชานินจา แล้วก็พลันหายไป ..
ช่างแตกต่างจากเรา ผู้ซึ่งก้าวช้าๆอย่างจังหวะเพลงทางเหนือ
ซักพัก ผู้ชายคนเดิมวิ่งกลับมา ถามคุณไกด์สองสามประโยค แล้วก็วิ่งลงไปใหม่
คุณไกด์มาบอกกล่าวอีกทอดว่า "ลูกทัวร์ของเค้าหายไปสองคน"
...มีเรื่องแล้วไง...
เด็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่อารมณ์แปรปรวนมากสิ่งหนึ่งของโลก
ไม่กี่วินาทีนับจากภาพนี้
หนูน้อยก็ร้องไห้แง
กล้องถ่ายรูปมันไม่ดูดวิญญาณนะลูก !!
เวลาห้าโมงเย็น คณะเราก็เดินทางเข้าหมู่บ้าน Tadapani ด้วยความภาคภูมิใจ
มีคนมายืนต้อนรับ โบกไม้โบกมือ พร้อมส่งเสียงเรียกขานด้วยความดีใจ
อาว...ผิดคนเหรอ
คือ นักเดินทางชาวจีน เค้ามาคอยเพื่อนสองคนที่หลงทางไป
พอเห็นคณะเราเดินเข้ามา มองไกลๆเห็นเป็นคนเอเชีย เค้าก็นึกว่าเป็นเพื่อนเค้า
อันนี้เป็นเหตุการณ์จริงที่พบเจอ ที่อยากจะเตือนสติให้คนอ่านว่า
เวลาซื้อแพ็คเกจทัวร์ประเภทซื้อที่เนปาลแล้วต้องร่วมเดินทางกับนักเดินทางหลายๆคน
ตรวจสอบซักนิดว่า จำนวนไกด์กับจำนวนนักเดินทางมันสมดุลกันหรือไม่
รวมไปถึงเพื่อนร่วมทาง ว่าเป็นชาวตะวันตกหรือชาวตะวันออก
เพราะคุณไกด์บอกว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆกับนักเดินทางชาวเอเชียที่เดินไม่เร็วเท่าชาวตะวันตก
แถมเดินรั้งท้ายเพราะเพลิดเพลินกับการถ่ายรูป หรือได้รับบาดเจ็บ
ปกติตามกฏของไกด์จะต้องมีคนเดินนำ แล้วก็มีคนเดินตามปิดหลังขบวน
แต่คณะนี้คงมีไกด์เพียงคนเดียวเดินนำหน้า โดยลูกหาบก็คงเดินไปล่วงหน้า จึงไม่มีใครเดินปิดหลัง
ยิ่งเส้นทางวันนี้เป็นป่า บางช่วงไม่มีแนวเดินชัดเจน มีทางแยกซ้ายขวาอีก
หวังว่าเพื่อนอีกสองคนเค้าจะคลำทางได้ถูกต้อง หรือไม่ก็หยุดเดินเพื่อให้ไกด์หาเจอไวๆ
เกสเฮ้าส์ที่หมู่บ้าน Tadapani เป็นเกสเฮ้าส์ที่เราชอบที่สุด
เพราะว่าเป็นเกสเฮ้าส์ที่มีนักเดินทางมาพักหลายคน บรรยากาศเลยครึกครื้นเหมือนโรงเตี๊ยมในหนังจีน
ห้องพักวันนี้อยู่ชั้น 2 อีกครั้งที่เราต้องตะเกียกตะกายเดินขึ้นห้อง มือต้องจับราวบันไดพร้อมออกแรงพยุงตัวขึ้น
ข้างๆห้องเราก็เป็นกรุ๊ปชายหนุ่มวัยกลางคนจากเยอรมัน
ถัดไปก็คือคู่รักชาวญี่ปุ่นที่เจอเมื่อตอนเช้า เจอกันอีกครั้งก็ส่งยิ้มทักทายไป
จัดเก็บสัมภาระเสร็จ ก็ไปอาบน้ำก่อนฟ้าจะมืดกว่านี้
ร่ำลากันด้วยภาพที่ไม่ค่อยสวยแต่ชอบใจ
"ปลั๊กไฟ 360 องศา"
ใครอยากได้โทรศัพท์มือถือ, iPod, iPad, Kindle, แบตตารี่กล้องถ่ายรูป
ที่นี่ หมู่บ้าน Tadapani 2,630 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
เราจัดให้ท่านได้ทุกยี่ห้อ