All Blog
อ่อนไหว ร้องไห้กับ เพลงหมอลำ
01/03/2014

ไม่รู้เป็นเพราะอากาศหนาวๆๆ ฝนตกบ่อยๆๆ หรืออะไรไม่รู้ ช่วงนี้รู้สึกว่า อ่อนไหวง่ายๆๆ เหลือเกิน  ชีวิตที่ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร หรือ ขาดความรักอะไรให้โหยหา หวยก็เพิ่งจะถูกทั้งๆๆ ที่ซื้อครั้งแรก  แต่ไม่รู้ทำไมเราคิดมากจัง  คิดถึงที่บ้าน คิดถึงพ่อ คิดถึง แม่และ น้องๆๆ 


ปกติเราจะเป็นคนเข็มแข็ง ไม่ค่อยร้องไห้อะไรง่าย ๆๆ แต่ก็นะ  เราก็แค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มันก็ต้องมีบ้างละ อารมณ์อ่อนไหว เหงา เศร้า แบบไม่รู้ตัว

มีเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่ง แชร์ลิงค์หมอลำ มาให้ฟัง เราเลยลองเปิดเข้าไปฟังดู  ไม่อยากจะเชื่อ ภาพความทรงจำต่างๆๆ ในวัยเด็ก มันฝุดขี้นมาเอง ช่วงเวลาแห่งความสุข ฟังหมอลำตอนหัวค่ำ กับพ่อและน้องๆๆ รอแม่ทำกับข้าวเย็นเสร็จ  เด็กบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างเรา โทรทัศน์ไม่มี  มีแต่วิทยุเครื่องน้อยเป็นที่ผ่อนคลายย

พิมพา พรศิริ  นักร้องหมอลำ ที่โด่งดังในยุคนั้น ตอนเป็นเด็กๆๆ ใครๆๆ ก็ร้องเพลงหมอลำของเธอได้  เพลง  อีสานเขียว..


...  เมื่อก่อนอีสานแห้งกรอบ  ใครรับผิดชอบ เหลียวแล บ้าง หนอ .....

สุดซึ้งในน้ำพระทัย ยากจะหาเปรียบได้สุดพรรณา  มีลุ่ม มีคลอง มีน้ำมีป่า เนื่องจากเจ้าฟ้า ท่านมาโปรดปราน  ..

น้ำตาไหลออกมาเองเลย  มันจุก ตื้นตันในลำคอ  มันเป็นน้ำตาแห่งความตื้นตัน  คิดถึงคืนวันเก่าๆๆ  รักในหลวงท่าน  คิดถึงยุคสมัยที่คนไทยยังไม่แบ่งแยก  คิดถึงบ้านนอก


ถึงจะเป็นแค่วิทยุราคาถูกๆๆ เครื่องเดียว แต่พ่อ ก็สร้างจินตนาการ และ ความทรงจำให้ลูกเสมอๆๆ  ภาพน้องคนเล็ก ทั้ง ร้องและเต้น เพลงอีสานเขียว พร้อมใบหน้า และ รอยยิ้มอย่างไร้เดียงสาของเด็กหญิงตัวน้อย  น้องคนกลางเป็นหางเครื่อง  ส่วนเราเป็นมือกลองเคาะกระป๋อง เป็นจังหวะ   มีความสุขจริงๆๆ เลย


คิดถึงทางบ้านค่ะ




Create Date : 02 มีนาคม 2557
Last Update : 2 มีนาคม 2557 6:19:02 น.
Counter : 830 Pageviews.

1 comment
โหมด บางครั้งฉันก็ ท้อ แต่ไม่คิดจะถอยหรอกนะ
 วันที่ 25/2/2557

เกือบปีกว่าๆๆ แล้วที่ต้องตกอยู่ในสภาพ คนว่างงาน  นับตั้งแต่ ตัดสินใจออกจากงานและย้ายมาอยู่ต่างประเทศเพือเริ่มต้นชีวิตครอบครัว   อะไรมันก็ต้องปรับตัว  จากชีวิตสาวทำงานออฟฟิศใหญ่โตใน กรุงเทพมหานครเมืองหลวงอันแสนวุ่นวาย  ชีวิตการทำงานที่กำลังก้าวหน้า พร้อมตำแหน่งที่ปรับใหม่ และ เงินเดือนที่สูงขึ้น  เลิกงานมีเวลาไปลั้ลล้า หาร้านอาหารเก๋ๆๆ ทานกับเพื่อนๆๆ พอย้ายมาอยู่ สเปน
เป็นภรรยาของอาจารย์สอนศิลปะ  ผู้มีอุดมการณ์และปรัชญาการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย มันก็เป็นความสุขคนละอย่าง

จากคนทำกับข้าวไม่เป็น ตอนนี้ก็พอทานได้  อะไรๆๆ มันก็เข้าที่เข้าทางไปทีละเล็กละน้อย  แต่มีเพียงอย่างเดียวที่ยังทำใจรับไม่ได้คือ  รายได้  จากที่เคยมี รายได้ มีเงินเดือนสูงๆๆ   มาอยู่นี้กลายเป็นคนว่างงาน  ซีงการหางานทำแทบจะเป็นไปได้ยากมาก สำหรับต่างด้าวอย่างเรา  เพราะคนสเปนยังตกงานเลย แถมถ้าคุณอยากทำงานคุณต้องพูดภาษาสเปนให้ได้ในระดับเจ้าของภาษากันเลยทีเดียว

2 อาทิตย์แรกที่ไป เราได้สัมภาษณ์งานและได้งานทำทันที แต่เมื่อปรึกษากับแฟนแล้ว เขาไม่อยากให้ทำ เพราะต้องแยกกันอยู่และ เราต้องย้ายไปอยู่ Barcelona ซึ่งห่างกันประมาณ 6 ชั่วโมง  เขาบอกว่า ย้ายจากไทยหวังว่าจะมาอยู่ด้วยกัน  ยังจะต้องแยกจากกันที่สเปนอีกเหรอ  เธอไม่ต้องทำหรอก  ฉันยังดูแลเธอได้  เราไม่เดือดร้อนอะไร . ซีงมันก็จริงนะนะ

เราใช่เวลาว่างโดยการขายของออนไลน์บ้าง แต่หลังๆๆ โดนโกงบ่อยๆๆ เลยท้อและเลิกทำ ไปก่อน

ตอนนี้ใช้เวลาในการเรียนภาษาสเปน และภาษาอังกฤษ อย่างเดียว เลย   ภาษาสเปนนั้น ไม่ง่ายเลย สำหรับเรา  เป็นภาษาที่ยุ่งยากมาก  แกรมม่าจะเยอะไปไหน   ออกเสียงก็ยาก  มี รรรรรร  มันทุกคำ ยอมรับว่าท้อ ... บางวันโดดเรียนเพราะไปเรียนเท่าไหร่ก็ยังพูดไม่ได้  แต่พอฟังเข้าใจบ้าง

เบื่อหน่าย โมโห โกธร ตัวเองที่ โง่  เรียนยังไงก็ไม่เข้าใจ  แฟนก็ให้กำลังเสมอๆๆ คอยพูดปลอบใจ  แต่บางครั่งเราก็รู้สึกเหมือนคนโง่  อยากพูดอะไรก็พูดไมได้ เหมือนน้ำท่วมปาก  คนที่นี้ก้ไม่พูดภาษาอังกฤษเลย  ภาษาอังกฤษของเราแทบไม่มีประโยชน์เลย.....  อึดอัด หงุดหงิด

เรื่องงานอีก  มีคนมาจ้างให้สอนภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ ติดต่อมานัดแล้วก็หายจ๋อยเลย เบื่อ  อยากทำงาน  อยากมีรายได้ เป็นเงินของตัวเองไม่เกี่ยวกับของแฟน  แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้จริง ๆๆ

เราใจร้อนเกินไป หรือ ว่าเราโชคไม่ดีเรื่องงานกันนะ หลายๆครั้งที่ท้อ แต่ ต้องเข้มแข็ง มันคงต้องมีวันของเราสักวัน  พยายามคิดในแง่ดี  พ่อแม่พี่น้องทางบ้านก็ให้กำลังใจ  แฟนเราก็ดูแลเอาใจใส่ดี แค่นี้มันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ 


...  บอกตัวเองให้สงบ ค่อยๆๆ เป็น ค่อยๆๆ ไป  Poca a poco  พูดง่ายแต่ทำยาก  แต่ยังไงก็ต้องทำ 

สักวันคงเป็นวันของเรา   อดทน  อดกลั้น  ขยัน และ พยายาม ...


คิดถึงบ้านจัง อยากกอดพ่อ อยากฟังเสียงแม่..






Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2557 4:09:39 น.
Counter : 684 Pageviews.

4 comment
ปีกว่าแล้วเหรอ .... Un años de España.
  ครบ 1 ปี กว่า ๆๆแล้วเหรอนี่  จะว่าไวเหมือนโกหกก็ไม่ใช่  แต่จะว่าช้าก็ไม่เชิง  นับตั้งแต่จากบ้านมาอยู่เมืองสเปน ดินแดนกระทิงดุ (กระทิงหาได้ยากเต็มทน ) 

ชีวิตเริ่มไม่เหมือนเดิม  มีสิ่งใหม่ๆๆ ให้ได้เรียนรู้ทุกวัน  ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาวะอากาศและ อาหาร ผู้คน ภาษาและวัฒนธรรม จะว่าไปแล้ว เราเองค่อนข้างโชคดี เพราะอยู่ในสังคมคนรอบข้างที่เป็น ครูบาอาจารย์ ทำให้การเปิดใจและอะไรๆๆ ต่างๆๆ ง่ายขึ้น  อีกทั้งยังได้แลกเปลี่ยนความรู้อะไรๆๆ ใหม่ๆๆ เสมอ
เราได้รับการไว้ใจ และ ให้เกียรติ เขาไม่ได้ดูถูกคนไทยอย่างเรา 

ภาษาเป็นปัญหาหนักอกมาก สำหรับเรา  เพราะ ไม่ว่าจะเรียนยังไงก็ยังพูดไม่ได้คล่องซักที  เพื่อนๆๆ และครอบครัวที่นี่  ได้แต่ปลอบใจและให้กำลังใจ เสมอ   Poca a poco  ค่อยเป็นค่อยไป
แต่มันน่าอึดอัดมากที่ทำอะไรๆๆ ไม่คล่องๆๆ   คนที่นี่ไม่พูดภาษาอังกฤษเลย

ตอนนี้เรื่องการฟัง อ่าน เขียน ภาษาของเราดีขึ้น  ฟัง รู้เรื่องมากขึ่น แต่การพูดนั้นยากมาก  เพราะ เราลืมคำศัพท์ แต่งเรียบเรียงประโยคยังไม่ถูก

ปีกว่าๆๆ ที่นี่ ได้ไปมาหลายสถานที่ ทั้งเป็นไกด์พาเที่ยว  ทั้งเขาพาเที่ยวและ หลงทางไปเอง อิอิ ประสบการณ์ครบรส


อินเตอร์เนต มันดีจริงๆๆ สำหรับคนไกลบ้านอย่างเรา  เป็นทั้งอาจารย์สอนทำกับข้าว  ทั้งเพื่อนคล้ายเหงา และ ได้คุยกับทางบ้าน ส่งข่าวสารถึงกันตลอด  คิดถึงจริงๆๆ 

อีกไม่นานจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านแล้ว และกอดทุกคนให้หายคิดถึง  พ่อแม่พี่น้อง หลานๆๆ ยาย ลุงป้าน้าอา และ เพื่อนๆๆๆๆ 

คิดถึงเสมอจ้า

Te echo de menos.





Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2557 4:00:41 น.
Counter : 1175 Pageviews.

2 comment
พ่อแม่ รังแก ฉัน เขาใฝ่ฝัน ฟูมฟัก ฉันอักโข

พ่อแม่รังแกฉัน (บาป 14 ประการของมารดาบิดา)

สำหรับคนมีลูกค่ะ ลองดูสิว่าเราเข้าข่ายเป็นพ่อแม่ที่รังแกลูกกันหรือเปล่าคะ


พ่อแม่รังแกฉัน (บาป 14 ประการของมารดาบิดา)

พ่อแม่บางคน (1)
ทำร้ายลูกด้วยการรักเขามากเกินไป ผลก็คือเกิดภาวะรักจนหลง ลูกของตนถูกทุกอย่าง ลูกของตนดีกว่าคนอื่นเสมอ อันส่งผลให้ลูกกลายเป็นคนมีอัตตาสูง เชื่อมั่นตนเองในทางที่ผิด ชอบดูถูกคน เป็นตัวปัญหา แต่ไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนสร้างปัญหา

พ่อแม่บางคน (2)
ทำร้ายลูกด้วยการตามใจเขามากเกินไป ผลก็คือพ่อแม่กลายเป็นข้าช่วงใช้ของลูก ส่วนลูกกลายเป็น “ลูกบังเกิดเกล้า” ที่พ่อแม่ต้องยอมให้เขาทุกอย่าง ที่หนักกว่านั้นก็คือ ถ้าพ่อแม่ไม่ยอมตามที่ลูกต้องการลูกบางคนก็ถึงขั้นทุบตีทำร้ายพ่อแม่

พ่อแม่บางคน (3)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่กล้าห้ามปรามสั่งสอนเมื่อลูกทำผิด ทำเลว ทำบาป ผลก็คือ ลูกสูญเสียสามัญสำนึก แยกแยะถูกผิดดีชั่วไม่เป็น มองไม่เห็นเส้นแบ่งทางจริยธรรมว่า ดีเป็นอย่างไร ชั่วเป็นอย่างไร จึงกลายเป็นนักเลงอันธพาล ระรานคนเขาไปทั่ว

พ่อแม่บางคน (4)
ทำร้ายลูกด้วยการให้เงินลูกเพียงอย่างเดียว ผลก็คือ ลูกไม่รู้จักคุณค่าของเงิน ไม่เห็นคุณค่าของผู้ที่หา/และให้เงิน ยิ่งได้เงินมาก ยิ่งผลาญเงินเก่ง มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ และทั้งๆที่ใช้จ่ายเงินสูง แต่กลับมีคุณภาพชีวิตต่ำ

พ่อแม่บางคน (5)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกเรียนรู้ที่จะพึ่งตนเอง เกรงว่าหากให้ลูกทำอะไรด้วยตนเองแล้วเขาจะลำบาก ผลก็คือเมื่อโตขึ้นลูกกลายเป็นลูกแหง่ที่พึ่งตนเองไม่ได้ ทำอะไรด้วยตนเองไม่เป็น ยิ่งเติบโตยิ่งเป็นตัวปัญหาของสถาบันครอบครัว

พ่อแม่บางคน (6)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมส่งเสริมให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดี มัวแต่สนใจลงทุนในการทำธุรกิจเป็นร้อยเป็นพันล้าน แต่ไม่รู้จักลงทุนในการสร้างลูกให้เป็นปัญญาชน ผลก็คือลูกเติบโตแต่ตัว แต่ทว่ามีสติปัญญาที่ต่ำต้อย ขาดทักษะการคิด การใช้เหตุผล การทำงาน การเข้าสังคม เขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถร่วมเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมเท่านั้นแต่ยังสร้าง ปัญหาให้สังคมอีกต่างหาก

พ่อแม่บางคน (7)
ทำร้ายลูกด้วยการทำแต่งานสังคมสงเคราะห์นอกบ้าน โดยลืมไปว่าคนที่ตนต้องสงเคราะห์ก่อนดูแลก่อนต้องให้ความรักก่อนก็คือลูก ผลก็คือแม้จะกลายเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ประสบความสำเร็จนอกบ้าน สังคมสรรเสริญ แต่กลับเป็นพ่อแม่ที่ล้มเหลวในบ้าน และลูกกลายเป็นเด็กที่ขาดความรัก ความอบอุ่น ไม่พร้อมจะแบ่งปันความรักและความอบอุ่นให้ใคร

พ่อแม่บางคน (8)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักยกย่องชมเชยลูกเมื่อเขาประสบความสำเร็จในการเรียน ในการทำงาน หรือในการทำกิจกรรมใดๆก็ตาม ผลก็คือลูกกลายเป็นคนใจคอคับแคบ ยกย่องชมเชยใครไม่เป็น เมื่อเห็นคนอื่นได้ดีมีความสำเร็จ เขาจึงเป็นนักอิจฉาริษยาตัวฉกาจ ที่จ้องแต่จะหาทางทำลายคุณงามความดีของคนอื่น

พ่อแม่บางคน (9)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสอนเขาให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ผลก็คือ เมื่อโตขึ้น เขาจึงพร้อมผละหนีพ่อแม่ไปอย่างไม่รู้สึกผิด ไม่เห็นความจำเป็นว่า การเป็นลูกที่ดีนั้น จะต้องกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ของตนอย่างไร

พ่อแม่บางคน (10)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนลูกให้รู้จักการบำเพ็ญตนเป็นผู้ให้ ผลก็คือเมื่อโตขึ้นเขาจึงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ คิดแต่จะกอบโกย คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวจนมองไม่เห็นหัวคนอื่น แทนที่จะถือหลัก “ยิ่งรวยยิ่งให้ ยิ่งได้ยิ่งแบ่ง”กลับถือหลัก “ยิ่งรวยยิ่งคอร์รัปชั่น ยิ่งแบ่งปันยิ่งสูญเสียเปล่า”

พ่อแม่บางคน (11)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกรู้จักตัดสินใจด้วยตนเอง ผลก็คือ ลูกกลายเป็นคนขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำอะไร ส่งผลให้ไร้ภาวะผู้นำ ต้องเดินตามคนอื่นโดยดุษฎี

พ่อแม่บางคน (12)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนให้ลูกรู้จักสมบัติของผู้ดี ผลก็คือเขากลายเป็นคนหยาบกระด้างทั้งทางกาย ทางใจ ใจคอโหดหินทมิฬชาติ ขาดความสุภาพอ่อนน้อม ขาดสัมมาคาราวะ ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักประมาณตน ครองตน ครองงานไม่เป็น ไม่เห็นคุณค่าของระเบียบประเพณี กฎหมาย จรรยาจารีตของสังคม ไม่เคารพในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนดีของเพื่อนมนุษย์

พ่อแม่บางคน (13)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่แนะนำให้ลูกรู้จักคบเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตร (เพื่อนแท้) ผลก็คือรอบกายของเขาจึงมีแต่บาปมิตร (เพื่อนเทียม) คอยประจบสอพลอ คอยหลอกล่อให้ทำความเลวทรามต่ำช้า ติดสุรา ยาเสพติด นำพาชีวิตไปในทางเสียหาย ตกอยู่ใต้วังวนของอบายมุข สนุกสนาน ไม่สนใจหาแก่นสารให้กับชีวิต

พ่อแม่บางคน (14)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสร้างสภาพแวดล้อมให้ลูกเป็นคนรักการอ่าน รักการเขียน รักการเรียนรู้ รักการเดินทาง ปล่อยให้เขาศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองไปตามยถากรรม ผลก็คือเขากลายเป็นคนหูตาคับแคบ ขาดความรู้พื้นฐาน ขาดความรู้รอบตัว ขาดความกระตือรือร้น ไม่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การคิด พูด ทำ ไม่เฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง ขาดความแหลมคม ตามไม่ทันโลก ตกข่าว เป็นคนว่างเปล่าทางความรู้ (รอบตัว) ความคิด จิตใจ และไม่มีรสนิยมอย่างอารยชน


ขอบคุณ :
ห้องเรียนพ่อแม่'s





Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2557 3:35:07 น.
Counter : 3279 Pageviews.

1 comment
เมื่อครั้ง สัมภาษณ์ Visa Spain วีซ่าท่องเที่ยว
 ประสบการณ์ครั้งนั้นผ่านมาประมาณ 2 ปีแล้ว แต่ยังจำได้ดี  ก่อนหน้านี้ Visa Spain วีซ่าท่องเที่ยว ขอยากมาก ถือเป็นงานหินสุดๆๆ เพราะขอโดยตรงกับทางสถานฑูต ไม่ได้ผ่านตัวแทนเหมือนทุกวันนี้
เรายื่นเอกสารทุกอย่างที่เตรียมไปตามเอกสารแนะนำว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง  เจ้าหน้าที่ไม่ได้ขอเอกสารอะไรเพิ่มเติม ให้กระดาษ นัดวันรับเล่มมา1 แผ่นพร้อมสำเนา visa

ผ่านไปอย่างใจจดจ่อ .........  2 อาทิตย์ได้รับอีเมล์จากทางสถานฑูต นัดสัมภาษณ์ นัดแนะวันที่มาเรียบร้อย เราเตรียมพร้อม สู้ ๆๆๆ อิอิ การเตรียมของเราคือ  อ่านแผนการเที่ยวที่ตัวเองเตรียมไว้  ลองตอบคำถามในใจเรื่องที่คิดว่าเขาจะถาม และทำใจให้สบาย

เมื่อถึงวันเราไปก่อนเวลานัดนิดหน่อย  การไปสัมภาษณ์หรือติดต่อวีซ่าควรแต่งกายสุภาพนะคะ  อันนี้แนะนำเลยค่ะ เพราะเป็นการให้เกีรยติสถานที่

เราเจอเพื่อน 2-3 คน รออยู่ก่อนแล้ว ทั้งหมดเป็นหญิง  เราคิดในใจ  ไม่เชื่อใจหญิงไทยกันบางเลย
แค่อยากไปเที่ยวสเปนไม่ได้ไปทำอะไรเลย  เรื่องเยอะจริงๆๆ

จริงๆๆ แล้วเขาค่อนข้างระวังผู้หญิงเดินทาง เพราะกลัวจะแอบแฝงไปทำอย่างอื่นหรือโดดวีซ่า  เรายิ้มให้เพื่อนๆๆ ที่นั่งรอ สอบถามทราบว่ามารอสัมภาษณ์เหมือนกัน  ทุกคนค่อยข้างกังวล  บางคนไปหาแฟน ขอวีซ่า 3 เดือน  บางคน 1 เดือน บางคนไปเยี่ยมเพื่อน  ส่วนเราลุยเดี่ยวไปเที่ยวเพราะตอนนั้นบ้าบอลสเปนมาก อยากมาดูสนาม เรอัล มาดริด หรือ มาเหยียบสเปนสักครั้ง

การมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ทำให้เราได้เพื่อนดีๆๆ มา 2 คน และคบกันต่อมาจนทุกวันนี้  มิตรภาพดีๆๆ เกิดได้ทุกที่ แค่คุณเปิดใจ

ออกทะเลไปไกล ตัดตอนถึงตอนสัมภาษณ์ดีกว่า  อิอิ  จนท.เรียกเราเมื่อถึงคิว  เขาให้เข้าไปทีละคน สัมภาษณ์ผ่านกระจกกั้น  เป็น จนท.ผู้หญิง เป็นคนสเปน 1 คน และ จนท.ผู้ชายคนไทย ทำหน้าทีเป็นล่าม  เรากล่าวทักทายเป็นภาษาไทยและภาษาสเปน  '' HOla สวัสดีค่ะ '' จนท.ถามว่าจะสัมภาษณ์เป็นภาษาอะไร  ให้เลือก ไทย หรือ อังกฤษ  เราเรียก อังกฤษ จริง ๆๆ ภาษาเราไม่ดีมาก พอพูดได้ แต่เลือกภาษาอังกฤษ เพื่อเขาจะได้เห็นว่าเราพูดได้ เมื่อไปสเปนแล้วคงสื่อสารได้ อิอิ คิดเอาเองค่ะ

มาดูบทสนทนากันค่ะ

จนท. ไปสเปน ไปทำอะไรค่ะ
เรา -  ไปเที่ยวค่ะ  ขอวีซ่า 14 วันค่ะ
จนท. ทำไมอยากไปเที่ยวสเปน ไปเที่ยวหรือไปเยี่ยมเพื่อน มีเพื่อนอยู๋ที่นั่นไหม
เรา -  หนูชอบฟุตบอลทีมชาติสเปนค่ะ ตามเชียร์ตั้งแต่ได้แชมป์ยูโรปีก่อนแล้วค่ะ ต่อด้วยบอลโลกตอนนี้ก็ยังเชียร์ค่ะ เมื่อคืนก็เชียร์ แต่สเปนเล่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เสียประตูตั้ง 2 ลูกค่ะ

จนท.สเปน  อมยิ้มพร้อมก้มหน้าจดบันทึกๆๆ พร้อมพูดว่า  ใช่เล่นแย่มากๆๆ  ผิดฟอร์ม
**  คือ  คืนก่อนไปสัมภาษณ์สเปนแข่งกับประเทศอะไรจะไม่ได้ ชนะ แต่เสียประตูไป 2  ตอนสัมภาษณ์ เราเล่าด้วยความตื้นเต้นเพราะชอบจริง ๆๆ  วกกลับมาที่คำถามต่อ

จนท.  แล้ว ฟุตบอล El Clasico คืออะไรเหรอที่คุณเขียนไว้ในแผนการท่องเที่ยว
เรา -   เป็นแมทช์  ระหว่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่าค่ะ  อยากไปเห็นการแข่งขันของทั้ง 2 ทีม และอยากเห็นแฟนๆๆ ของทั้ง 2 ทีม เชียร์ค่ะ

จนท.  เปิดดูพาสปอร์ตเรา แล้วถามว่า ไป มาเลเชีย / ลาว / ออสเตเรีย มา
เรา   -  ใช่ค่ะ ไปท่องเที่ยวกับเพื่อนๆๆ ค่ะ แต่เที่ยวนี้ไปสเปนคนเดียว เพราะเพื่อนๆๆ ไม่ชอบฟุตบอลค่ะ

จนท.ยิ้มแล้วบอกว่า  เดี๋ยวจะแจ้งผลให้ทราบภายใน 1 อาทิตย์นะคะ
เราตอบว่าค่ะ  ขอบคุณมากนะคะ  พร้อมสายตาออดอ้อน 

** ระหว่างสัมภาษณ์เมื่อเราไม่เข้าใจคำถาม  เจ้าหน้าที่ผู้ชายคนไทย และช่วยแปลให้ค่ะ การสัมภาษณ์ ควรตอบคำถามให้ชัดเจน พูดจา ฉะฉาน และ มองตา คู่สนทนา แต่ไม่ใช่จ้องนะคะ แสดงความนอบน้อมไปในตัว และ ตอบตามความจริง พูดจากใจจริง เพราะ ท่านสามารถสื่อได้ว่าเราตอบจริงหรือโกหก  มีผลกับวีซ่านะคะ **


ยังไม่ถึง 1 อาทิตย์  เราได้รับเมล์ จากสถานฑูุต ว่า อนุมัติวีซ่าท่องเที่ยวของคุณแล้ว ให้มารับเล่มได้ค่ะ **


เฮ้ยๆๆๆๆๆ  ได้มาซะที ลุ้นแทบเหนื่อย 

España  here i come .



สุดท้ายนี้เอาภาพ เมือง Pontevedra มาฝากค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ ไว้เจอกันบลอกหน้าค่ะ

Hasta pronto.



Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2557 5:02:57 น.
Counter : 1052 Pageviews.

4 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

Makaveli_J
Location :
  Spain

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



ปรึกษาเรื่องวีซ่าสเปน ฟรีคะ
แวะมาทักทายกันได้นะคะ คนไกลบ้านอยากมีเพื่อนคะ
http://mellamotai.blogspot.com.es




New Comments