Bloggang.com : weblog for you and your gang
- ภูฏาน ก็ ภูฏาน
ภูฏาน ก็ ภูฏาน
กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในดินแดนสยาม เกิดกระแสกรี๊ดเจ้าชายองค์หนึ่งที่เสด็จมาร่วมราชพิธีฉลองที่จัดขึ้นในประเทศ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ด้วยหญิงทุกคนในวัยเด็กล้วนอยากเป็นเจ้าหญิงกันทั้งนั้น ประกอบกับเจ้าชายองค์นี้มีคุณสมบัติเพียบพร้อม เปี่ยมศักดิ์ งามสง่า กิริยาดี การศึกษาเด่น ส่งผลให้ประเทศเล็กๆ ในหุบเขาที่เมื่อก่อนไม่ค่อยเป็นจุดหมายปลายทางของใครเท่าไหร่นักของเจ้าชายคนนั้นผุดขึ้นมาโดดเด่นเป็นสง่าในหัวใจชาวไทย โดยเฉพาะผู้หญิงทั้งสาวและไม่สาว ทั้งที่โสดและไม่โสด
ช่วงนั้นมีหนังสือออกมาเจาะลึกถึงประเทศนี้และเชื้อพระวงค์นี้กันอย่างคึกคัก แม้แต่คุณนายแม่ของฉันยังเอ่ยถึงราวกับรู้จักลึกซึ้งกันมาเป็นสิบๆ ปี
ประเทศนั้นชื่อ ภูฏาน (แต่ฉันชอบชื่อ ภูฐาน ชื่อเดิมมากกว่า)
ปัจจุบัน เจ้าชายรูปงามพระองค์นั้นได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์เรียบร้อยแล้ว และไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนไทยเห่อง่ายลืมง่าย หรือว่าการเป็นกษัตริย์มันโรแมนติกน้อยกว่า เอื้อมถึงยากกว่า ฟังดูจริงจังกว่า อ่อนโยนอ่อนหวานชวนฝันน้อยการเป็นเจ้าชาย กระแส “อยากไปภูฏานจังเลย” จึงค่อยๆ จางหายไปกับกาลเวลา
ส่วนตัวของฉันเอง ที่ตัดสินใจเลือกภูฏานเป็นที่ฉลองวันเกิดครบรอบปีที่ 37 ในปีนี้ ไม่ได้เป็นเพราะชอบตามกระแสหรือสวนกระแส แต่เป็นเพราะภูฏานอยู่ใกล้ประเทศอินเดียที่ฉันอยู่ และรู้ว่าจะได้อยู่ในภูมิภาคนี้อีกไม่นานแล้ว จึงควรไปเยี่ยมเยียนประเทศใกล้ๆ เสียหน่อย หลงเชื่อไปว่าระยะทางใกล้ๆ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการเดินทาง ซึ่งเป็นการคิดผิดตั้งแต่เริ่มต้น
ในบันทึกนี้ ฉันจะไม่ไล่เล่าลากยาวตามระยะเวลา หรือเล่าประวัติของสถานที่ไปเยี่ยมชม แต่จะขอสรุปข้อสังเกตระหว่างการเที่ยวเป็นประเด็นสั้นๆ เท่าที่นึกออกเท่าที่เห็นในช่วงสองวัน พูดง่ายๆ ก็คือไม่มีข้อมูลท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวตาม ไม่มีถูกไม่มีผิด เรื่องความสวยงามต่างๆ ขอเล่าด้วยรูปในสไลด์ด้านล่างนะคะ
--
Boutique Country
ในหนังสือ Lonely Planet คัมภีร์ของนักท่องเที่ยวกล่าวถึงการเที่ยวภูฏานโดยสรุปว่าเป็น เนปาลเวอร์ชั่นหรู สำหรับฉันและหวานใจ ภูฏานเป็นบูติกประเทศ โดยเปรียบเทียบกับบูติกโฮเต็ล คือ เล็กๆ น่ารัก มีเอกลักษณ์ สะอาดเนี้ยบ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การจัดวางควบคุมคิดมาแล้ว เน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ และราคาไม่ถูก เหมาะสำหรับคนชอบของแปลกตาแต่ไม่ชอบความแปลกใจ นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับความอุ่นใจจากการมีผู้นำทางเจ้าของประเทศผู้สามารถอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็นให้ได้รู้ถ้าอยากรู้ ผู้นำทางประจำตัวของเราจะพาไปเที่ยวชมจุดท่องเที่ยวต่างๆ เป็นลำดับขั้นเป็นระบบระเบียบ
ความเห็นส่วนตัว : ภูฏานไม่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัย รักอิสระเสรี อยากคลุกคลี ได้เห็นชีวิตคนท้องถิ่นแท้ๆ เพราะโปรแกรมการเที่ยวได้ถูกจัดวางไว้เรียบร้อยแล้วทุกเส้นทางโดยมีผู้นำทางเป็นผู้ควบคุมว่าจะได้ดูอะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง กินอะไรบ้าง เดินไปทางไหนได้บ้าง ประเทศภูฏานมีโลกสองโลกขับเคลื่อนไปเคียงข้างกัน คือโลกของชาวภูฏาน กับ โลกของนักท่องเที่ยว คนภูฏานที่ไม่ได้อยู่ในวงการท่องเที่ยวจะมีชีวิตกินอยู่ในโลกของตน ไม่ไปกินอาหารในร้านที่จัดสำหรับนักท่องเท่ียวที่จะมีการผูกบัญชีกับสำนักนายหน้าท่องเที่ยวหักกลบลบบัญชีกับ “ต้นทุนเงินฝาก” (ที่ฝากแล้วฝากเลย) 200 เหรียญสหรัฐ ที่ได้ข่าวว่ากำลังจะขึ้นเป็น 250 ในอีกไม่ช้านี้
--
วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์แสนรัก แต่ไม่รู้จะทานอยู่ได้อีกกี่นานนัก
ประชาชนและรัฐบาลภูฏานรักและหวงแหนวัฒนธรรมสองสิ่งคือ การแต่งกายและสถาปัตยกรรม ถึงแม้ว่าฉันจะเห็นเด็กชายวัยรุ่นทำผมทรงเกาหลีปาดเจลปล่อยปอยผมปรกหน้าอยู่บ้าง แต่คนส่วนใหญ่พร้อมใจกันใส่ชุดประจำชาติเดินไปมาบนท้องถนน ดูแล้วแปลกตา รู้สึกเหมือนอยู่ในฉากถ่ายละครย้อนยุคขนาดใหญ่ตอนที่ผู้กำกับสั่งหยุดพัก เนื่องจาก “ตัวประกอบ” คุยโทรศัพท์มือถือกันให้ควั่ก บนท้องถนนเองมีรถรุ่นใหม่วิ่งคึกคัก โดยแบ่งเป็น ฮอนด้าสำหรับคนรวย ฮุนไดสำหรับรับส่งนักท่องเที่ยว มหินทรากับทาทาของอินเดียสำหรับราษฎรทั่วไป รถหรูที่สุดที่เห็นจอดอยู่คือเบนซ์สปอร์ตรุ่นล่าสุด
สิ่งแรกที่เห็นได้อย่างเด่นชัดตอนที่เครื่องบินร่อนลงอย่างสง่างามบนรันเวย์ที่ติดอันดับสั้นทุกสุดในโลกที่เมืองปาโร คือ บ้านเรือนของที่นี่มีความกลมกลืนไปในทางเดียวกัน มีหลังคา หน้าต่าง คานรับ ลวดลายประดับเหมือนๆ กัน ผู้นำทางของเราบอกว่า ใครจะสร้างอะไรต้องเสนอแบบให้ทางการดูก่อน ถ้าไม่มี “ความเป็นภูฏาน” อาจถึงขั้นโดนรื้อถอน มีการกำหนดแบ่งประเภทของสิ่งก่อสร้างด้วยสีของหลังคา สีแดงเป็นอาคารราชการ สีเหลืองเป็นวัด สีเขียวและสีดำเป็นของราษฎร
ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ฉันอ่านมีข่าวอยู่ข่าวหนึ่งรายงานเรื่องการที่ภูฏานจะเปิดประเทศให้เป็น IT Destination คล้ายๆ กับอินเดีย สิ่งแรกที่ทางการของภูฏานเน้นนักเน้นหนาคือ อาคารสำนักงานของศูนย์ไอทีต้องเป็นอาคารแบบภูฏาน อ่านต่อๆ ไปจนจบข่าวก็ยังไม่เห็นเจอนโยบายอื่นๆ ที่บอกว่ามีวิธีการไหนดึงดดูนักลงทุน จะมีสถาบันการศึกษาใดบ้างพัฒนาบุคลากรของตนให้เข้าทำงานในอาคารนั้น... จบข่าว
--
เรื่องกิน เรื่องใหญ่สำหรับฉัน แต่อาจจะไม่ใช่สำหรับเขา
เป็นที่เลื่องลือและเป็นความจริงว่าคนภูฏานชอบกินพริกกับเนยแข็ง ซึ่งฉันมองว่าเป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งที่ทำให้อาหารของชาตินี้ไม่ค่อยถูกปากคนต่างชาติ ง่ายๆ เลย คนตะวันตกเจอคำว่าพริกเข้าไปก็ถอย คนตะวันออกอย่างฉันเจอพริกไม่ถอยแต่เจออาหารทุกจานมาในรูปแบบคล้ายๆ กัน คือ ผัดเนยใส่เนยแข็ง เจออาหารรสชาติคงที่เพราะเครื่องปรุงเดียวที่ใส่คือเกลือเข้าไปหลายมื้อก็เอือมได้ง่ายๆ แม้ว่ามื้อแรกจะรู้สึกว่าอร่อยไม่เลวก็เถอะ ส่วนคนอินเดียจากประเทศพี่ใหญ่ที่ได้รับสิทธิเข้าเที่ยวได้โดยไม่ต้องมีคนควบคุม เอ้ย ดูแล ผู้นิยมเครื่องเทศร้อนแรงคงจะเซ็งจิตอยู่ไม่น้อย แต่ก็เห็นร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวบางทีจัดอาหารอินเดียให้กินกันเลย
เหตุผลหนึ่งซึ่งหวานใจเอ่ยมาคือประเทศเล็กๆ ในหุบเขาก็มีวัฒนธรรมการกินที่ค่อนข้างจำกัดจำเขี่ยเป็นธรรมดา ถ้าเป็นสมัยเมื่อห้าหกสิบปีก่อน ฉันคงพยักหน้าหงึกๆ แต่มายุคนี้ อินเตอร์เน็ตก็มีแล้ว (แต่ยังไม่มีไวไฟ) มือถือก็มีแล้ว ใจคอจะไม่ลองกินของอะไรใหม่ๆ เลยรึ แต่มานึกอีกรอบ ขนาดประเทศเปิดมากๆ อย่างอินเดีย คนอินเดียเขายังกินแต่อาหารอินเดียเลย ดังนั้น เรื่องภูมิประเทศที่ตั้งของประเทศคงจะไม่ใช่เหตุผล มันเป็นเรื่องของรสนิยมและความคุ้นเคย ลิ้นใครก็ลิ้นใคร ใครชินอย่างไร ชอบอย่างไร ต่อให้มีเนื้อดีๆ นำเข้ามากองตรงหน้า เขาคงจะหั่นพริกผัดเนยแข็งกินกันอยู่ดี
พูดถึงเรื่องกินแล้วมาพุดถึงเรื่องดื่มบ้าง ภูฏานไม่ใช่ประเทศมือถือสากปากถือศีล แอบหลบมุมดื่ม เบียร์ภูฏานอร่อยมาก โดยเฉพาะเบียร์แบบไม่กรองชื่อ Red Panda รสชาติดีไม่แพ้เบียร์ที่พระตามโบสถ์ที่เบลเยี่ยมหมักเลยล่ะ ที่ภุฏานมีกฎหมายให้วันอังคารเป็นวัน Dry Day งดขายเหล้าในร้านทั่วไป แต่ร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวขายได้ ก็อย่างที่บอก ประเทศนี้มีโลกสองโลกอยู่ในประเทศเดียวกัน
--
คนภูฏานชอบคนไทย ด้วยเหตุผลใดไม่ปรากฏ
ฉันเดินทางบ่อยแต่ไม่เยอะประเทศ คนต่างชาติที่ฉันรู้จักแทบทุกคนจะชอบอาหารไทย บ้างว่าชอบเมืองไทย แต่พูดไม่เต็มปากเต็มคำว่าชอบคนไทย ส่วนที่ภูฏาน ฉันรู้สึกถึงความรู้สึกทางบวกกับคนไทยตั้งแต่ก้าวย่างแรกๆ ที่เคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมือง พอเห็นพาสปอร์ตของฉันปุ๊บ เจ้าหน้าที่หัดพูดภาษาไทยกับฉันทันที เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็มองฉันแล้วยิ้มให้ตาเป็นประกาย ส่วนผู้นำทางของฉันก็เอ่ยถามถึงโครงการฝนเทียมในพระราชดำริ ในกรุงทิมพูมีร้านที่ชายของนำเข้าจากเมืองไทยชื่อ 8 Eleven
ทำให้ฉันรู้สึกตระหงิดๆ ว่า ในภูฏานน่าจะเคยมีกระแสกรี๊ดประเทศไทยอยู่เหมือนกัน แต่พวกเขากรี๊ดกันด้วยเหตุผลใดกันหนอ...
>>ฝากข้อความ เชิญที่นี่
Create Date : 24 พฤษภาคม 2553
Last Update : 24 พฤษภาคม 2553 21:09:40 น.
5 comments
Counter : 891 Pageviews.
Share
Tweet
น่าไปมากเลยค่ะ
โดย:
thank u teacher
วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:08:45 น.
ตามไปเที่ยวด้วยคนนะ
โดย:
Tree Rose
วันที่: 26 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:01:09 น.
โดย:
chokun123
วันที่: 27 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:14:59 น.
มาอ่านมุมมองภูฏานของคุณมิว
น่าสนใจหลายประเด็นค่ะ อ่านแล้วก็ยิ่งทำให้รู้สึกอยากไป (ติดที่งบนี่แหละ เพราะศึกษาแล้วก็เรียกว่างบสูงอยู่เหมือนกัน แต่อยากไปมากๆ)
เรื่องที่เค้ากรี๊ดคนไทย เคยอ่านเจอว่า กษัตริย์เค้าค่อนข้างยึดแนวทางใกล้เคียงกับในหลวงน่ะค่ะ ประเทศนี้ใช้ค่าความสุขมวลรวมของประชาชนเพื่อการพัฒนาประเทศแทนค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม แล้วพอกษัตริย์เค้าเห็นในหลวงเราทำงานเพื่อคนไทย รู้สึกว่าจะมีการศึกษาและดำเนินแนวทางคล้ายๆ กัน และคนภูฏานเองก็ได้รับข้อมูลเมืองไทยและในหลวงในลักษณะนั้นนะคะ (ก็เลยพอจะเข้าใจคนที่ถามเรื่องฝนเทียมค่ะ)
เบียร์ภูฏานอร่อยมาก โดยเฉพาะเบียร์แบบไม่กรองชื่อ Red Panda - อ่านประโยคนี้จบ จดไว้ในสมองเลยว่า ถ้าได้ไปเป็นหนึ่งใน The Must ของเราแล้วหละ ปกติไม่ได้ดื่มของมึนเมามานานแล้ว แต่เล่นบอกอย่างนี้อย่างไรก็ต้องลองซะแล้ว
อ่านแล้วรู้สึกว่า นี่ถ้าเขียนเป็นหนังสือขาย น่าจะน่าสนใจเชียวค่ะ
โดย:
สาวไกด์ใจซื่อ
วันที่: 5 มิถุนายน 2553 เวลา:17:18:45 น.
สวัสดีค่ะทุกท่าน ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนกันนะคะ
@คุณสาวไกด์ใจซื่อ บันทึกนี้เป็นแค่ความรู้สึกคร่าวๆ เท่าที่ได้สัมผัสแค่สองสามวันค่ะ ถือได้ว่าแค่แตะๆ แบ่งปันความเห็นส่วนตัว ถ้าต้องเขียนเป็นหนังสือขาย คงต้อง "ลงสนาม" ทั้งทางกว้างและทางลึกกว่านี้ แต่ความเห็นของคุณเป็นกำลังใจให้มากเลยค่ะ เดี๋ยวย้ายไปอยู่ฮ่องกง ได้อยู่จริง เจอจริง มีเวลาให้ทำความรู้จักมากหน่อย อาจจะคิดเขียนให้เป็นเรื่องเป็นราว ให้เห็นฮ่องกงที่มากกว่า "เกาะสำหรับชอปปิ้ง"
โดย:
Mutation
วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:11:25:14 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [
?
]
ฉั น คื อ ใ ค ร
สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"
จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ
ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง
Group Blog
...
- Je traduis - ผลงานแปล -
----
- Je vis = ชีวิตฉัน
--
- Jecris - Oversee ณ a day
--
- J'ecris - Salade ณ Freeform
--
- J'ecris - "จากยุโรป" ณ มติชนสุดสัปดาห์
--
- J'ecris - Muse'e @ Happening
-
- Je bouge = ฉันไปเที่ยว
---
- A LA RECHERCHE DU TEMPS PERDU
--
- Gamme Magie Editions - สนพ.กำมะหยี่
All Blogs
- 06 Mars 11 บาหลี - บันทึกปิดทริป
- 03 Mars 11 บาหลี : ไปไหน ไปไหน ไปอุบุด
- 24 DEC 10 เที่ยวไทเป วันที่สี่ วันสุดท้าย
- 22 DEC 10 เที่ยวไทเป วันที่สาม เช้ายันค่ำ
21 DEC 10 เที่ยวไทเป วันแรก ตอนค่ำ และวันต่อมา ตอนบ่าย
20 DEC 10 : ไทเป วันแรก ตอนบ่าย
- ภูฏาน ก็ ภูฏาน
- ตลุยบูร์โกญ
Friends' blogs
tobetwo99
นางกอแบกเป้
JewNid
แพนด้ามหาภัย
ช้อย
grappa
DesperateMommy
MoneyPenny
Thai Wahine
ปุถุซน
กัมม์
DoRaePEET
Historicus
Tibou
whiteuniform
Webmaster - BlogGang
[Add Mutation's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.