|
มามีสาระกันหน่อย...นิทรรศการ The Lost Dinosaur Kingdom ที่เซี่ยงไฮ้
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าบทความเรื่องนี้กะเขียนไว้เพื่อส่งไปตีพิมพ์ในนิตยสาร แต่ปรากฏว่าหลังจากส่งไปแล้วไม่ได้รับการพิจารณา แป่ววววว แหะ ๆ ก็เลยเอามาลงไว้ที่นี่เพื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอ่านไม่มากก็น้อยค่ะ
ขอเชิญติดตามรับอ่านค่ะ..........
(เซี่ยงไฮ้) Shanghai Science & Technology Museum หรือ 上海科技馆 (ซ่างไห่เคอจี้กว่าน) ได้จัดนิทรรศการ The Lost Dinosaur Kingdom โดยการนำเอากระดูกฟอสซิลของไดโนเสาร์ที่ขุดค้นได้ในเมืองจื้อก้ง (自贡) มณฑลซื่อชวน(四川)ซึ่งเป็นแหล่งค้นพบกระดูกฟอลซิลไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มาจัดแสดง รวมไปถึงแสดงเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์ อาทิ ใครเป็นคนค้นพบโดโนเสาร์เป็นคนแรก ทำไมถึงเรียกไดโนเสาร์ว่าไดโนเสาร์ บรรพบุรุษของไดโนเสาร์คืออะไร หางไดโนเสาร์มีไว้เพื่ออะไร เป็นต้น
เมื่อผ่านเข้าสู่ประตูของพิพิธภัณฑ์ ก็จะพบกับฟอลซิลโครงกระดูกเต็มตัวของไดโนเสาร์สองตัวที่ถูกส่งตรงมาจากจื้อก้ง โดยบรรจุมาเป็นชิ้น ๆ แล้วนำมาประกอบที่นี่ กำลังยืนต้อนรับผู้เข้าชมอยู่ด้านหน้าประตู คะเนความสูงน่าจะประมาณตึกสี่ชั้นขึ้นไป หลังจากนั้นก็เดินเข้าสู่ช่วงนิทรรศการจัดแสดง โดยเริ่มจากมีคำถามทีละคำถาม และนำไปสู่คำตอบพร้อมแสดงฟอลซิล จำลองภาพสถานที่ขุดค้นหรือสไลด์มัลติวิชั่นให้ผู้ชมได้ชมกัน เหล่านี้คือคำถามที่น่าสนใจที่เป็นไฮไลท์ของงาน
ใครเป็นผู้ค้นพบไดโนเสาร์เป็นคนแรก - ในปี 1822 นายแพทย์ชาวอังฤกษชื่อ Gideon Mantell และภรรยาได้ค้นพบฟันขนาดใหญ่ถูกฝังอยู่ในหิน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับฟันของอิกัวน่า เขาเชื่อว่าน่าจะเป็นฟันของสัตว์เลื้อยคลานชนิดใดชนิดหนึ่งที่สูญพันธ์ไปแล้วจึงตั้งชื่อกระดูกชิ้นนี้ว่า อิกัวโนดอน (Iguanodon) ซึ่งหมายถึงฟันของอิกัวน่านั่นเอง หลังจากนั้นคนก็เริ่มเรียกเจ้าของฟันชิ้นนี้ว่า อิกัวโนดอน ตามนายแพทย์ผู้ค้นพบ
แล้วคำว่า ไดโนเสาร์ เกิดขึ้นได้อย่างไร หลังจากการค้นพบอิกัวโนดอนแล้ว นักชีววิทยาเกี่ยวพืชและสัตว์โบราณชาวอังกฤษ Richard Owen ได้ค้นคว้าเพิ่มเติมพบว่าสัตว์ประเภทนี้ลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากสัตว์เลื้อยคลานทั่วไปคือ ร่างกายที่ใหญ่ผิดปกติและสามารถเดินโดยลำตัวตั้งตรงได้ จึงคิดว่าควรแยกสัตว์ประเภทนี้เป็นอีกประเภทต่างหาก เขาจึงเรียกพวกมันว่า Dinosaur ซึ่งมาจาก deinos หมายถึงใหญ่โตผิดปกติและ sauros ซึ่งหมายถึงสัตว์เลื้อยคลานในภาษากรีก
บรรพบุรุษของไดโนเสาร์คืออะไร บรรพบุรุษสายตรงของไดโนเสาร์นั้นยังไม่ทราบอย่างแน่ชัด อย่างไรก็ตามจากการวิจัยทั้งสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่และฟอลซิล นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าบรรพบุรุษของไดโนเสาร์คือ สัตว์เลื้อยคลานที่เรียกว่า thecodonts ซึ่งจระเข้ที่พบเห็นในปัจจุบันและสัตว์เลื้อยคลานที่บินได้จำพวก pterosaur (สูญพันธ์ไปแล้ว) มีบรรพบุรุษร่วมกันกับไดโนเสาร์ ตอนแรก thecodonts ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก และใช้ชีวิตอยู่บนบกจากนั้นค่อยเริ่มวิวัฒนาการลงไปในน้ำ เริ่มว่ายน้ำได้ จากนั้นก็พัฒนากล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้นและกลับมาอยู่บนบกได้อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้สามารถมีลำตัวตั้งตรงกับพื้นโลกได้แล้ว การวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ มาสู่การมีลำตัวตั้งตรงในการเดินถือเป็นต้นกำเนิดของการเกิดโดโนเสาร์นั่นเอง
จะแยกไดโนเสาร์กินเนื้อและกินพืชออกจากกันได้อย่างไร ง่ายมาก เพียงแค่ดูลักษณะภายนอกก็สามารถแยกออกได้ ไดโนเสาร์กินเนื้อจะมีลักษณะเฉพาะคือมีคอหนาใหญ่ หัวใหญ่และปากใหญ่ มีฟันแหลมคมลักษณะเหมือนเลื่อย ในขณะที่ไดโนเสาร์กินพืชมักมีร่างกายขนาดใหญ่มโหฬาร หัวเล็ก ฟันลักษณะเป็นฟันบดและคอยาว โดยปกติแล้วไดโนเสาร์กินพืชจะมีร่างกายถูกวิวัฒนการมาเพื่อป้องกันตนเอง เช่น มีเขาบนหัว มีแผงหนามบนหลัง หรือมีอวัยวะป้องกันภัยอื่น ๆ
อะไรคือความลับในไข่ไดโนเสาร์ - มีผลงานวิจัยบางชิ้นแสดงว่าขนาดและความหนาแน่นของรูอากาศที่เปลือกไข่ไดโนเสาร์เกี่ยวข้องกับการเกิดการเปลี่ยนแปลงความชื้นในอากาศขณะนั้น นอกจากนี้ ไข่ไดโนเสาร์ยังสามารถแสดงถึงอากาศและสิ่งแวดล้อมในยุคนั้นได้อีกด้วย นักวิทยาศาสตร์จีนได้ค้นพบภาวะผิดปกติของเปลือกไข่ไดโนเสาร์ ทำให้เชื่อว่าไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและอากาศในยุคปลายครีเตเชียสได้ (Cretaceous) ได้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้พวกมันไม่สามารถหายใจได้อย่างปกติและจึงเริ่มล้มตายและสูญพันธุ์ไปในที่สุด
หางที่แตกต่างกันของไดโนเสาร์มีไว้เพื่ออะไร - หางของไดโนเสาร์นั้นมีหลายรูปแบบ อาทิ หางที่ยาวลักษณะเป็นแท่งเหมือนไม้ ผอมบางเหมือนแส้ หางที่หนาใหญ่หรือแม้แต่มีลักษณะเป็นหนาม หางที่แตกต่างเหล่านี้มีหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป เช่น รักษาจุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย เป็นอาวุธป้องกันตัว หางที่เป็นหนามของ Stegosaurus มีไว้เพื่อป้องกันจากการโจมตีของผู้ล่า เป็นต้น
ไดโนเสาร์ถูกจัดเป็นสัตว์เลื้อยคลานด้วยหรือเปล่า ไดโนเสาร์, Saurian (สัตว์จำพวกกิ้งก่า), terrapin (เต่าอาศัยอยู่แถบอเมริกาเหนือ) และ ophidian (สัตว์ประเภทงู) ทั้งหมดถูกจัดว่าเป็นสัตว์เลื้อยคลาน แต่ในขณะสัตว์เลื้อยคลานประเภทอื่นจะมีลักษณะขาที่กางออกไปด้านข้าง มีท้องที่เลื้อยหรือขนานไปกับพื้นดิน แต่ไดโนเสาร์กลับสามารถเดินและยืดตัวขึ้นตรงได้ ซึ่งขานั้นมาจากด้านล่างของร่างกายไม่ใช่ด้านข้างเหมือนสัตว์เลื้อยคลานทั่วไป
ไดโนเสาร์มีกี่ประเภท เมื่อดูจากลักษณะของกระดูกเชิงกรานแล้วสามารถแบ่งไดโนเสาร์ได้เป็นสองประเภทคือ Saurischia และ Ornithischia Saurischia เป็นไดโนเสาร์มีกระดูกเชิงกรานสามง่ามคล้ายจระเข้ ในขณะที่ Ornithischia มีลักษณะกระดูกเชิงกรานคล้ายนก ไดโนเสาร์ทั้งสองประเภทเกิดและวิวัฒนาการในยุคเมโสโซอิค (Mesozoic) กลายเป็นต้นตระกูลของไดโนเสาร์ต่อมา และทั้งสองประเภทก็สูญพันธ์ไปยุคปลายครีเตรเชียส (Cretaceous)
ไดโนเสาร์ที่ขุดค้นได้ในจีนคือประเภทไหน ไดโนเสาร์ที่ขุดค้นได้ที่เมืองจื้อก้งถูกตั้งชื่อตามสถานที่ที่ค้นพบว่า Yangchuanoasurus hepingensis คือขุดค้นได้ที่หมู่บ้านเหอผิง(和平)หย่งชวน(永川)เมืองจื้อก้ง เป็นไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อที่ดุร้าย
นอกจากนี้ Yangchuanoasurus hepingensis ยังเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย กระโหลกของมันมีความยาวกว่าหนึ่งเมตร สูงกว่า 0.5 เมตร อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดของโลกที่ขุดค้นได้ ดูจากภาพก็จะเห็นได้ถึงความแข็งแรงของกระดูกขากรรไกร พร้อมฟันแหลมเรียงแถวเป็นซี่ๆ ไว้ฉีกเนื้อเหยื่อ
ผิวหนังไดโนเสาร์ที่ขุดค้นได้ในจีน จริง ๆ แล้วฟอลซิลผิวหนังของไดโนเสาร์เป็นสิ่งที่หายากอย่างยิ่ง เพราะว่าโดยปกติหลังจากที่ไดโนเสาร์ตาย ผิวหนังจะเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วเว้นเสียแต่ว่าบังเอิญอยู่ในอุณหภูมิพอดีที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ ผิวหนังไดโนเสาร์ที่ขุดได้ในจีนเป็นของพันธุ์ Mamenchisaurus ซึ่งเป็นไดโนเสาร์บกที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีหัวเล็กคอยาวและหางยาว ผิวหนังที่ขุดได้แสดงถึงเกล็ดของไดโนเสาร์อย่างชัดเจน มีขนาด 6-15 มิลลิเมตร
นอกจากงานในส่วนนิทรรศการจัดแสดงให้ได้ชมแล้ว Shanghai Science & Technology Museum ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ผู้เข้าชมได้ร่วมสนุกอีกมากมาย อาทิ ถ่ายภาพโดยใช้คอมพิวเตอร์ทำให้เหมือนกำลังขี่หลังไดโนเสาร์ท่องโลกล้านปีอยู่ กิจกรรมจำลองการขุดค้นกระดูกไดโนเสาร์ ต่อชิ้นส่วนโมเดลกระดูกฟอลซิล ห้องจำลองการทำงานของนักไดโนเสาร์วิทยา สไลด์มัลติวิชั่นการเก็บรักษากระดูกไดโนเสาร์ที่ขุดได้ เป็นต้น
เกี่ยวกับเมืองจื้อก้ง ตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา นักวิทยาศาตร์ได้ขุดค้นพบฟอลซิลของไดโนเสาร์หลายชนิดในสภาพสมบูรณ์ที่เมืองจื้อก้ง เป็นการแสดงถึงว่าในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยอย่างชุกชุมของไดโนเสาร์มาก่อน ที่เมืองจื้อก้งยังมี Zigong Dinosaur Museum หรือ 自贡恐龙博物馆 (จื้อก้งค่งหลงบ๋ออู้กว่าน) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ระดับโลก นอกจากนี้ ฟอลซิลของไดโนเสาร์ที่ขุดได้ที่นี่ก็ขนาดใหญ่ติดอันดับโลกอีกด้วย .....................
หมายเหตุ มีรูปที่ถ่ายมามากมายแต่เนทช้ามากค่ะเลยไม่สามารถโพสต์รูปได้เพราะเปิดไม่ออกซะที ก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ
Create Date : 28 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 8:30:11 น. |
Counter : 460 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ถึงขั้นตกตะลึงทำบล็อควันแรกมีคนมาคอมเม้นท์ได้ด้วย โฮ่ โฮ่
โลว์เทคเป็นนิจสินค่ะ วันนี้ตื่นเช้ากะเข้ามาดูบล็อคเมื่อวานที่ทำแบบงง ๆ แล้วค้างเอาไว้ เปิดเข้ามางง ๆ มีผู้ชมมาคอมเม้นท์ด้วย แวกซ์ ดีใจจังเลย ถ้าทำได้อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ (แต่ถ่ายจากหน้าจอคอมไม่ได้ มันสะท้อนน่ะค่ะ)
ตอนนี้กำลังงงอยู่ว่า Group Blog คืออะไรและต่างจาก All Blogs ยังไง ยังหาไม่เจอค่ะ แล้วก็อยากจะเขียนเรื่องที่หัวข้อมันเป็นคนละเรื่องกัน เลยอยากจะแยกเป็นหัวข้อใหญ่แล้วใส่หัวข้อเล็ก ๆ เพิ่มเข้าไป เช่น แบ่งเป็นเรื่องการใช้ชีวิต มีหัวข้อย่อย แบ่งเป็นเรื่องการเรียน มีหัวข้อย่อย (งงไหม๊) แต่ยังหาไม่เจอค่ะ
ไม่เป็นไรจะลองคลำ ๆ ดูต่อไป
Create Date : 23 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 23 กันยายน 2550 8:48:27 น. |
Counter : 175 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ทำบล็อคครั้งแรกทำยังไงหว่า
ตอนนี้อยู่ว่าง ๆ (จริงก็ไม่ว่างหรอกแต่ไม่ยอมอ่านหนังสือเลยเรียกว่าว่าง) ก็เลยคลิ๊ก มาลองทำบล็อคดู เกิดมาก็ไม่เคยมีบล็อคอะไรกับใครทั้งนั้น ออกแนวโลว์เทคนิดหน่อย นี่เป็นหน้าแรกของบล็อคที่จะลองทำดูละกัน
Create Date : 22 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 22 กันยายน 2550 20:00:38 น. |
Counter : 185 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
Shanghai China
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
สวัสดีค่ะ ทุกคน
บล็อคนี้ถือกำเนิดขึ้นด้วยความว่างอย่างไม่ตั้งใจระหว่างมาเรียนที่นี่ เรื่องของเรื่องคือขี้เกียจอ่านหนังสือ ฉะนั้นเลยหาเรื่องทำอย่างอื่น เพิ่งมาเจอว่ามันมีบล็อคอย่างนี้ด้วย (เค้าเจอกันปีมะโว้แล้วเธอ) ก็เลยมาลองทำดูค่ะ
|
|
|
|
|
|
|