Tarot บทพิสูจน์ความแม่นยำของการพยากรณ์
 

พระสยามเทวาธิราช

คนไทยเราเชื่อกันมาแต่โบร่ำโบราณแล้วว่ามีเทวดาผู้ปกปักรักษาบ้านเมืองใน สมัยกรุงสุโขทัยมีพระขพุงผีเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เชื่อกันว่า ถ้าไหว้ดีพลีถูก บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าไหว้ดีพลีไม่ถูก บ้านเมืองก็ล่มจมพระขพุงผีนี้เข้าใจกันว่าน่าจะเป็นเทวรูปศิลาของเทวนารีซึ่งปัจจุบันเรียก ว่า แม่ย่า ซึ่งสันนิษฐานว่าพ่อขุนรามคำแหงให้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระมารดาคือ นางเสือง ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและต่อมาถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความเชื่อว่าเทวดาที่คุ้มครองบ้านเมืองคือ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และ พระหลักเมือง สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงให้ความหมายของพระเสื้อเมืองว่า มีมัลลิตารีเพาเวอร์ คืออำนาจทางทหาร พระทรงเมืองเป็นซีวิลเพาเวอร์ คืออำนาจของข้าราชการพลเรือน ส่วนพระหลักเมืองเป็นจูดิคัลเพาเวอร์ คืออำนาจตุลาการ ซึ่งสื่อความหมายว่าบ้านเมืองจะร่มเย็นได้ ก็ต้องประกอบด้วยความเข้มแข็งทางทหาร การปกครองที่ดีงาม และกระบวนการด้านความยุติธรรมอันถูกต้องเที่ยงตรง อย่างไรก็ตามในส่วนของชาวบ้านโดยทั่วไปยังให้ความเคารพยำเกรงต่อพระแก้วและ พระกาฬ จนมีคำสาบานที่อ้างพระแก้วพระกาฬอย่างติดปาก พระแก้วก็คือพระแก้วมรกตซึ่งถือได้ว่าเป็นของคู่บ้านคู่เมืองโดยแท้ เพราะชื่อของเมืองคือรัตนโกสินทร์ก็หมายถึงที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตนั่นเอง ส่วนพระกาฬ หรือพระกาฬไชยศรีเป็นบริวารพระยม มีหน้าที่นำดวงวิญญาณมนุษย์ไปยมโลก



>ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) พระองค์มีพระราชดำริว่า "พระปรีชาสามารถในการรักษาประเทศนี้ ชะรอยจะมีเทพยดาองค์ใดองค์หนึ่งคอยพิทักษ์รักษาบ้านเมืองไว้เป็นแน่แท้" จึงมีพระราชประสงค์จะทำเทวรูปของเทวดาพระองค์นั้นไว้บูชาด้วยพระกตัญญูกตเวที และถวายพระนามว่า "พระสยามเทวาธิราช" ด้วยพระองค์ทรงมีความเชื่อว่า บ้านเมืองย่อมมีเทวดาคุ้มครองรักษา รวมถึงองค์พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์จักรี ตลอดจนประชาราษฎร์ที่อาศัยในแผ่นดินให้อยู่รอดปราศจากภยันตรายต่างๆ ที่ใหญ่หลวงมาแล้วทุกยุคทุกสมัย ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ประเทศต่างๆ ในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ในสมัยนั้น เช่น พม่า เวียดนาม มาเลเซีย ฯลฯ ล้วนถูกชาวยุโรปเข้าปกครองและยื้อแย่งอำนาจไปจนสิ้น ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส คงเหลือเพียง "ประเทศไทย" เท่านั้น ที่อยู่รอดปลอดภัยและเป็นเอกราชมา ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดให้อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งไพศาล ทักษิณ ในพระบรมมหาราชวังเช่นกัน และประดิษฐานมาจนถึงปัจจุบัน
พระสยามเทวาธิราช เป็นเทวรูป หล่อด้วยทองคำสูง ๘ นิ้ว ประทับยืนทรงเครื่องกษัตริยาธิราช ทรงฉลองพระองค์อย่างเครื่องของเทพารักษ์ มีมงกุฎเป็นเครื่องศิราภรณ์ พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงขรรค์ พระหัตถ์ ซ้ายยกขึ้นจีบดรรชนีเสมอพระอุระ องค์พระสยามเทวาธิราชประดิษฐานอยู่ในเรือนแก้วทำด้วยไม้จันทน์ ลักษณะแบบวิมานเก๋งจีน มีคำจารึกเป็นภาษาจีนที่ผนังเบื้องหลัง แปลว่า "ที่สถิตย์แห่งพระสยามเทวาธิราช" เรือนแก้วเก๋งจีนนี้ประดิษฐานอยู่ในมุขกลางของพระวิมานไม้แกะสลักปิดทอง ตั้งอยู่เหนือลับแลบังพระทวารเทวราชมเหศวร์ ตอนกลางพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวังพระวิมานไม้แกะสลักปิดทองนี้ เรียกว่า พระวิมานไม้แกะสลักปิดทองสามมุข ด้านหน้าขององค์พระสยามเทวาธิราชตั้งรูปพระสุรัสสวดี หรือพระพราหมี เทพเจ้าแห่งการดนตรีและขับร้อง มุขตะวันออกของพระวิมาน ตั้งรูปพระอิศวรและพระอุมา มุขตะวันตกของพระวิมาน ตั้งรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ฉะนั้น "พระสยามเทวาธิราช" หล่อด้วย "ทองคำ" ทั้งองค์ ซึ่งเป็นสีประจำราชวงศ์จักรี ทรงเครื่องกษัตริย์ สวมมงกุฎ พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นเสมอพระอุระในท่าประทานพร เป็นที่เชื่อกันว่า "พระสยามเทวาธิราช" เป็นเทพยดาศักดิ์สิทธิ์ที่อภิบาลรักษาประเทศไทย องค์พระมหากษัตริย์ และ ปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด ดังนั้น ในทุกๆ ปีจะมีพระราชพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช โดยกำหนดไว้ในปฏิทินหลวงให้ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งตามประเพณีนิยมถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติแบบโบราณอนุวัติ และทำสืบทอดกันมาตั้งแต่รัชกาลที่ 4 มาทุกๆ รัชกาลจนถึงรัชกาลปัจจุบัน



คาถาบูชาพระสยามเทวาธิราช

สยามะเทวาธิราชา เทวาติเทวา มหิทธิกา
เทยยรัฏฐัง อนุรักขันตุ อาโรคะเยเนะ สุเขนะ จะ
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ สุวัตถิ โหตุ สัพพะทา
สยามะเทวานุภาเวนะ สยามะเทวะเตชะสา
ทุกขะโรคะภะยา เวรา โสกา สัตตุ จุปัททะวา
อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต
ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง โสตถิภาคะยัง สุขัง พะลัง
สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา
สะตะวัสสา จะ อายุ จะ ชีวะสิทธี ภะวันตุ เม

อย่างไรก็ดีการสวดพระคาถาบูชาพระสยามเทวาธิราช ผู้ที่สวดบูชา เป็นประจำจะเป็นสิริมงคล ตนเองและครอบครัว มีความร่มเย็นเป็นสุขเจริญในหน้าที่การงาน เกิดชัยชนะความสำเร็จแห่งกิจการ ทรัพย์ ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง ศรี อายุ วรรณะ โภคสมบัติ ความเจริญ และยศ มีอายุยืนตลอดหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ฉะนั้นบ้านเมืองเรามีเทวดาคุ้มครอง พร้อมปกปักรักษาองค์พระมหากษัตราธิราชแห่งราชวงศ์จักรี รวมถึงพสกนิกรชาวไทยทุกคนให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขสืบมา ซึ่งก็คือ "พระสยามเทวาธิราช"


บทความ : อ. ตั้มศรีนเรศพยากรณ์




 

Create Date : 04 กันยายน 2554    
Last Update : 4 กันยายน 2554 21:49:20 น.
Counter : 1579 Pageviews.  

ศาลพ่อปู่จันทร์ทุ่ง

ความเชื่อ“ศาลพ่อปู่จันทร์ทุ่ง” ของชาวม.มหิดล ศาลายา

ในอดีตคนเก่าแก่เล่าว่า "ศาลายา" เป็นที่เปลี่ยว ห่างไกลความเจริญมาก ยังไม่มีถนนหนทางตัดผ่าน ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นเวลาป่วยไข้ไม่มีใครกล้าออกไปหาหมอ จึงมีผู้เมตตาสร้างศาลาให้หลังหนึ่ง และนำเอาสมุนไพรที่รักษาโรคได้มาแขวนไว้เป็นทาน ให้คนเอาไปใช้รักษา ใครต้องการยาอะไรก็จะไปเลือกหาเอาที่ศาลานั้น จึงเรียกที่แห่งนั้นว่า "ศาลายา" เรื่อยมาหรืออีกตำนานชื่อ "ศาลายา" มีเล่าต่อกันมา สมัยก่อนศาลายาจะเป็นชื่อที่คู่มากับ "ศาลา ทำศพ" ซึ่งมีผู้สันนิษฐานว่า แต่ก่อนสถานที่ 2 แห่งนี้ น่าจะเคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้คนเจ็บไข้ล้มตายกันมาก จึงมีการตั้งศาลาขึ้นจ่ายยาแก่คนเจ็บเหล่านั้น และเมื่อล้มตายก็จัดการเผาศพจึงมีชื่อทั้ง "ศาลายา" และ "ศาลาทำศพ" ต่อมาเห็นว่าชื่อ "ศาลาทำศพ" ไม่เป็นมงคลจึงเปลี่ยนชื่อเป็น "ศาลาธรรมสรพณ์" และยังใช้ในปัจจุบัน คนเก่าคนแก่ของมหาวิทยาลัยมหิดล เล่าว่า พื้นที่ในเขต "ศาลายา" คือชื่อตำบลหนึ่งที่ตั้งอยู่ใน จ.นครปฐม และปัจจุบันที่ดินส่วนหนึ่งของ ต.ศาลายา ก็เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมหิดล ในอดีตศาลายานี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งซ่องสุมโจรและเลื่องลือกันว่า "ผีดุ" มักปรากฏตัวให้ใครต่อใครเห็นอยู่เป็นประจำ อย่างที่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา ก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่กับวิทยาเขตมาเนิ่นนานเช่นกัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าก็คือ “ศาลพ่อปู่จันทร์ทุ่ง” ซึ่งเป็นศาลเก่าแก่ประจำวิทยาเขตศาลายา



เมื่อมีศาล การบนบานก็จะตามมาแน่นอน !“การบนบาน” นับเป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างช้านาน จะมีการบนบานในเรื่อง สำคัญๆ อย่างเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องความรัก คำบอกเล่าของรุ่นพี่ที่บอกต่อๆ กันมาเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของศาลพ่อปู่จันทร์ทุ่งจากพี่ๆ ว่า " หากใครต้องการอะไรให้ไปขอบนกับพ่อปู่ โดยเฉพาะเรื่องของการเรียน" คือ ไม่ให้ติดเอฟ พอไม่ติดเอฟก็เลยมาแก้บน คือมาถวายว่าว น้ำแดง และดอกไม้ 4 สี ตามที่พี่ๆ บอกมา “ศาลพ่อปู่จันทร์ทุ่ง” นี้ท่านเป็นชายแก่ นุ่งโสร่งสีม่วง สถิตย์อยู่ที่นี่ ก็นับเป็นเจ้าที่ ที่ดูแล ที่นี่
ดร.สุกรีเล่าว่า ศาลนี้ก่อตั้งเมื่อ ปี 2538 อย่างตอนที่กำลังเริ่มจะสร้างตึก จู่ๆ นศ.ปริญญาโทก็ถูกผีเข้า มีเพียงผมที่รู้ว่านศ.ถูกผีเข้า นศ.ที่ถูกผีเข้าเอะอะโวยวาย บอกผมว่าสร้างตึกไม่ได้หรอก เขามายืนชี้ให้ผมดูว่าตรงนี้มีคนตายเยอะ ผมจึงถามว่าทำอย่างไรจึงจะสร้างได้ แต่เขายังไม่ทันพูดอะไรต่อ จู่ๆก็ออกไป จากนั้นจึงมีผู้รู้ซึ่งเป็นร่างทรง มาก็คุยกันว่าจะตั้งศาล และร่างทรง ก็ชี้ไปยังจุดใต้ต้นไทรว่าให้ตั้งศาลตรงนี้ นั่นก็คือที่ตั้งศาลพ่อปู่จันทร์ทุ่ง ณ ปัจจุบัน และร่างทรงบอกว่าเจ้าที่ ณ ศาลตรงนี้ จะรับแต่ ผลไม้ ปากริมไข่เต่า ชอบเล่นว่าว ชอบเลี้ยงควาย หลังจากนั้นก็ทำพิธีให้ทุกปี
“ศาลพ่อปู่จันทร์ทุ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชนมหาวิทยาลัยนี้ มันเป็นเรื่องที่ดี ทำให้จิตใจ มีอะไรที่ผูกพันกับสถานที่ที่เขาศรัทธา ความเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้ ของศาลพ่อปู่จันทร์ทุ่งว่า ศรัทธา แน่ล่ะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของความเชื่อ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล จนเกิดคำพูดที่ว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
อ. ตั้มศรีนเรศพยากรณ์




 

Create Date : 21 มกราคม 2554    
Last Update : 21 มกราคม 2554 8:28:37 น.
Counter : 2409 Pageviews.  

พระคาถาน้ำมนต์ธรณีสาร

พระคาถาน้ำมนต์ธรณีสาร

เพื่อลบล้างอาถรรพ์มนต์ดำ เสนียดจัญไร ร้านค้าที่ทำการค้าไม่ขึ้น บ้านเรือนอยู่ไม่สุข

โอมมะ พุทธธัง จักกะวาลัง อะหังปิตัง ชานามิ
ธัมมัง จักกะวาลัง อะหังปิตัง ชานามิ
สังฆัง จักกะวาลัง อะหังปิตัง ชานามิ

โอมมะ พระพุทธโธ อิติปิโสภะคะวา
จะตุโกนจา มะหายันตัง อักขระ ยันตัง คาถา สันตัง วิกลึงกะเล
ทุติยัมปิ จะตุโกนจา มะหายันตัง อักขระ ยันตัง คาถา สันตัง วิกลึงกะเล
ตะติยัมปิ จะตุโกนจา มะหายันตัง อักขระ ยันตัง คาถา สันตัง วิกลึงกะเล

โอมมะ ยะเคลื่อน ยะคลอน ยะถอนออกมา ด้วยนะโมพุทธายะ
จะ พะ กะ สะ
อิ กะ วิ ติ สวาหะ
พุทธังปัจจะขามิ ธัมมังปัจจะขามิ สังฆังปัจจะขามิ สวาหายะ ประสิทธิเมฯ


หมายเหตุ- การใช้ให้ได้ผล ให้สมาทานศีลให้บริสุทธิ์ จากนั้น นะโมฯ 3 จบ น้อมอาราธนาบารมีพระรัตนตรัย แล้วตั้งใจสวด ไปประมาณ 3,5,7,9 จบ แล้วอธิษฐานใส่น้ำบริสุทธิ์ สะอาด
ขอให้เป็นน้ำมนต์ช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย ล้างอาถรรพ์มนต์ดำสิ่งไม่ดีทั้งหลายออกไป แล้วนำน้ำที่ทำ พรมไปรอบสถานที่ในบ้านหรือร้านค้าของเรา ไล่จากในสุดออกนอก แล้ว พรมกันไว้ ให้เหมือนรั้ว ทำบ่อยๆ จะดีมาก เพราะคนที่ทำคุณไสยฯใส่เรา เขาอาจจะแอบเอามาใส่เรื่อยๆ
สำหรับการแก้คน ที่โดนคุณไสยฯ ให้นำน้ำสะอาดมา แล้วทำแบบกัน เพียงแต่เพิ่มการดื่มเข้าไป อธิษฐานให้ล้างสิ่งไม่ดีในกายออก
ให้ทั้งกิน ทั้งอาบยิ่งดี
ขั้นแรกให้ กินเข้าไป
การไล่ ให้ใช้คนสี่คน คนแรกจับแขนซ้าย คนที่สองจับแขนขวา อีกคน ถือขันน้ำมนต์

href="//www.bloggang.com/data/a/astrojeab/picture/1286708727.jpg" target=_blank>
ให้คนที่โดนไล่ของ นั่งกับพื้น และเหยียดขาไปข้างหน้า
แล้วให้คน หนึ่งคนใช้ก้านมะยมและใบมะยม จุ่มน้ำมนต์นี้ แล้วค่อยๆ ตีไล่ออก จากศรีษะไล่ลงไป ทั่วร่างกาย ให้ไปออกที่ปลายเท้า ห้ามใครก็ตามไปยืนหรืออยู่ทางปลายเท้า เดี๋ยวของจะไปเข้าคนนั้นแทน คนที่พรมน้ำมนต์ ระหว่างพรมไปก็ บริกรรมคาถานี้ไปด้วย ก่อนทำให้ระลึกคุณพระรัตนตรัย แล้วก็พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ให้มาโปรด โดยขอบารมีรวมแห่งหลวงปู่ทวดท่านสงเคราะห์


อ .ตั้ม ศรีนเรศพยากรณ์




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2553    
Last Update : 10 ตุลาคม 2553 18:07:22 น.
Counter : 29407 Pageviews.  

ตำนานของ หลวงพ่อบ้านแหลม แห่งแม่น้ำแม่กลอง

ตำนานของ หลวงพ่อบ้านแหลม แห่งแม่น้ำแม่กลอง
วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (วัดบ้านแหลม) ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม
พระพุทธรูป 5 องค์ที่ลอยน้ำมาด้วยกันจากทางเหนือนั้น มีเพียงองค์เดียวที่ป็นพระพุทธรูปยืน คือองค์ที่ลอยไปตามแม่น้ำแม่กลอง
แล้วขึ้นสถิตอยู่ที่วัดบ้านแหลม อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ก็คือ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าหลวงพ่อบ้านแหลมนั่นเอง

ประวัติความเป็นมา
สำหรับหลวงพ่อบ้านแหลม มีตำนานอีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า ชาวบ้านแหลมซึ่งอยู่ปากอ่าวจังหวัดเพชรบุรี ได้พากันมาจับปลาในทะเล
ขณะที่ลากอวนอยู่นั้นได้ลาก พระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย ติดอวนขึ้นมาองค์หนึ่ง ทุกคนต่างดีใจมาก จึงอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นบนเรือ
แล้วพากันล่องกลับเข้าฝั่ง แต่ระหว่างทางคนในเรือได้แลเห็นพระเกศของพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งลอยปริ่มๆ น้ำอยู่ไม่ไกลนัก จึงร้องบอกให้ทุกคนทราบ
แล้วเทียบเรือเข้าไป จึงได้พบ พระพุทธรูปยืน ทุกคนต่างอัศจรรย์ใจเป็นที่สุดที่พระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลืองแต่ลอยอยู่ในน้ำได้
จึงพากันกราบนมัสการด้วยความเลื่อมใสในอภินิหารและอิทธิฤทธิ์ที่ได้พบเห็น แล้วอาราธนาขึ้นบนเรืออีกลำหนึ่ง

พอเรือแล่นมาถึงแม่น้ำแม่กลองตอนหน้า วัดศรีจำปา ได้เกิดอาเพทคล้ายกับว่า พระพุทธรูปยืน ท่านประสงค์ที่จะอยู่วัดนี้ จึงทำให้ฝนตกหนัก
ลมพายุพัดจัด จนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น เรือลำที่พระพุทธรูปยืนประดิษฐานอยู่นั้น ทนคลื่นลมไม่ไหว จึงเอียงวูบไป
พระพุทธรูปที่อยู่บนเรือจึงเคลื่อนตกจมหายไปในแม่น้ำ ชาวบ้านแหลมพากันตกใจและเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ต่างช่วยกันดำน้ำค้นหาอยู่หลายวัน
แต่ก็ไม่พบ จึงตกลงว่าไม่ค้นหากันต่อไปอีก จึงนำพระพุทธรูปองค์นั่งองค์ที่เหลืออยู่ไปยังถิ่นของตน
และนำพระพุทธรูปองค์นั้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเครา อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี

กาลต่อมาชาวบ้านศรีจำปาต่างช่วยกันลงดำน้ำค้นหาพระพุทธรูปที่จมอยู่นั้น
และอาจเป็นด้วยเพราะอภินิหารของหลวงพ่อที่จะอยู่เป็นมิ่งขวัญของชาวบ้านศรีจำปา
จึงทำให้ชาวบ้านศรีจำปาดำน้ำจนพบและอาราธนาไปประดิษฐานไว้ที่วัดศรีจำปา

ครั้นชาวประมงบ้านแหลมรู้ข่าวว่าชาวบ้านศรีจำปาพบพระพุทธรูปของตนที่จมน้ำ จึงยกขบวนกันมาทวงพระคืน แต่ชาวบ้านศรีจำปาไม่ยอมให้
จนเกือบจะเกิดศึกกลางวัดขึ้น แต่ด้วยอภินิหารของหลวงพ่อและการมีเหตุผลด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก็สามารถประสานสามัคคีตกลงปรองดองกันได้
ฝ่ายชาวประมงบ้านแหลมจึงยินยอมยกพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรให้ชาวบ้านศรีจำปาไป แต่มีข้อแม้ว่าต้องเปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่เป็น วัดบ้านแหลม
เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่ชาวบ้านแหลมได้พระพุทธรูปมาแต่แรก

ตั้งแต่นั้นมาวัดศรีจำปา จึงได้นามว่า วัดบ้านแหลม มาจนทุกวันนี้ และขนานนามพระพุทธรูปยืนว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม
ต่อมาวัดบ้านแหลมได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร และได้รับพระราชทานนามว่า วัดเพชรสมุทวรวิหาร





พุทธลักษณะ
หลวงพ่อบ้านแหลมเป็นพระพุทธรูปยืน ปางอุ้มบาตร หล่อด้วยทองเหลืองแบบสมัยสุโขทัยตอนปลาย ภายในโปร่ง ส่วนสูงประมาณ 170 เซนติเมตร
(บ้างว่าสูงประมาณ 2 เมตร 80 เซนติเมตร) แต่บาตรเดิมนั้นได้สูญหายไปในทะเลก่อนที่ชาวประมงจะได้จากทะเลปากอ่าวแม่กลอง
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช ได้เสด็จมานมัสการและได้ถวายบาตรแก้วสีเงินแก่หลวงพ่อบ้านแหลมดังปรากฏอยู่ทุกวันนี้

ความศักดิ์สิทธิ์
ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อบ้านแหลมนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ไม่ว่าเป็นทางก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง ทางแคล้วคลาด ทางรักษาโรค
และเรื่องอื่นๆ อีกมาก แม้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็ทรงทราบ อีกทั้ง สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี
พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 5 ก็ทรงเลื่อมใส ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 6 ที่พระราชทานมายังพระครูมหาสิทธิการ (แดง) ความว่า



ปีกลายนี้ สมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปยังเมืองสมุทรสงคราม ในกระบวนหลวง ได้รับสั่งให้คนนำเครื่องสักการะไปถวายหลวงพ่อบ้านแหลม
และได้รับสั่งไว้แต่ครั้งนั้นว่า ขอผลอานิสงส์ความทรงเลื่อมใส จงบันดาลให้หายประชววร ครั้นเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ได้ไม่นานก็หายประชวร
จึงทรงระลึกถึงที่ได้ทรงตั้งสัตยาธิษฐานไว้สมพระประสงค์ โปรดพระราชทานปัจจัยเป็นมูลค่า 800 บาท มาเพื่อช่วยในการปฏิสังขรณ์วัดบ้านแหลม
ข้าพเจ้าได้ส่งมาให้ท่านพระครูทางกระทรวงธรรมการแล้ว

อีกประสบการณ์หนึ่งจากผู้ที่รอดชีวิตเพราะบุญญาบารมีของหลวงพ่อคุ้มครอง คือ นายชิต เข้มขัน อดีตนายด่านศุลการกร สมุทรสงคราม
ได้ประกอบอาชีพเป็นกัปตันเรือเดินทะเลระหว่างกรุงเทพฯ-สิงคโปร์ คราวหนึ่งเรือถูกพายุอัปปางลง
เขาต้องลอยอยู่ในทะเลหลายชั่วโมงจวนหมดกำลังจมน้ำอยู่แล้ว ก็นึกถึงหลวงพ่อบ้านแหลมขึ้นมาได้ จึงขอให้หลวงพ่อช่วย

ขณะนั้นเรือที่เดินอยู่ในทะเลได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย จึงหันหัวเรือตามหา แต่เดือนมืดมองไม่เห็น เรือแล่นวนเวียนอยู่สักครู่ก็จะหันหัวเรือกลับ
แต่ก็ได้ยินเสียงคนร้องเรียกให้ช่วยอยู่เรื่อย จึงค้นหาอีกจนพบนายชิตลอยคออยู่จวนจะจมน้ำ เมื่อเอาตัวขึ้นมาบนเรือนั้นนายชิตสลบไม่ได้สติ
ต้องแก้ไขอยู่นาน พอฟื้นจึงพากันซักถามว่าตะโกนให้ช่วยหรือเปล่า นายชิตบอกว่าไม่ได้เรียกให้ช่วย เป็นแต่คำนึงถึงหลวงพ่ออยู่ในใจ
ขอให้หลวงพ่อช่วยเท่านั้นเอง

บนบานศาลกล่าว
เรื่องการบนบานขอให้หลวงพ่อบ้านแหลมช่วยเหลือนั้น ผู้เฒ่าผู้แก่เล่ากันมาว่า ท่านช่วยทุกเรื่องที่คนเข้ามาขอความเมตตา
ยกเว้นเรื่องทหาร หากมาขอให้ไม่ถูกเกณฑ์ทหาร คนนั้นเป็นต้องถูกเกณฑ์อย่างแน่นอน เพราะกล่าวกันว่าท่านชอบทหารนั่นเอง
และเมื่อสิ่งที่บนบานไว้ได้ดังประสงค์ มักจะนิยมแก้บนกันด้วยพวงมาลัยเป็นส่วนใหญ่ จะมีประทัดบ้างก็ประปราย




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2553    
Last Update : 10 ตุลาคม 2553 17:56:15 น.
Counter : 1009 Pageviews.  

การจุดธูปสักการ สิ่งศักดิ์สิทธิ์




1.พระพุทธรูป -ใช้ 3 ดอก แทนพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
2.พระสงฆ์ -ใช้ 3 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ
3.หลวงปู่โต -ใช้ 9 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ
หลวงปู่ทวด -ใช้ 9 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ
หลวงปู่ปาน -ใช้ 9 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ
เกจิอาจารย์บรรลุธรรม – ใช้ 9 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ
4.พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 -ขอพรธูป 9 ดอก
5.พระโพธิสัตว์กวนอิม -ขอพรธูป 9 ดอก
6.พระแม่อุมาเทวี -ขอพรธูป 9 ดอก
(องค์เทพองค์พรหม) -บน 39 ดอก
- บวงสรวง 16 ดอก
7.ปู่ฤาษี -ขอพร 9 ดอก
8.พระภูมิเจ้าที่ -เทพใช้ธูป 9 ดอก
- เทวดาธรรมดา 5 ดอก
- ผี 1 ดอก
9.กุมารทอง -จากวัด ใช้ธูป 5 ดอก
- วิญญาณลูก 1 ดอก
10.ไหว้บรรพบุรุษ -ใช้ธูป 1 ดอก
11.ว่านมงคลกาหลง -ใช้ธูป 5 ดอก
12.พระแม่นางกวัก -ใช้ธูป 5 ดอก




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2551 14:42:28 น.
Counter : 545 Pageviews.  

1  2  
 
 

เจี๊ยบแสนสวย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




รับดูดวงด้วยไพ่ยิปซี ศาสตร์ ๗

โดย " อาจารย์ตั้ม."

1900-108-099

*** ทุก ปัญหาของ คุณ เรา แก้ไขให้ คุณ ได้ ***

ครอบครัว - การเงิน - การงาน - การเรียน - ความรัก

สามารถติดต่อขอดูดวงเป็นการส่วนตัว " อาจารย์ตั้ม

โทรศัพท์ 089-9638635 ,086-5727292

*** ทุก ปัญหาของ คุณ เรา แก้ไขให้ คุณ ได้ ***




[Add เจี๊ยบแสนสวย's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com