Group Blog
 
All blogs
 

รักได้อีก...วิธี



(ภาพประกอบโดยฝีมือและความใจดีของคุณ SevenDaffodils ครับ)

คนยุคนี้เขาขยันสร้างศัพท์และสำนวนใหม่ๆนะครับ

สองสามปีก่อน ผมไปอ่านบล็อคน้องคนนึง เขาไปถ่ายรูปต้นไม้ใบน้ำอะไรสักอย่าง
ทั้งรูปมันเขียวพรืดไปหมด เขาเขียนคำบรรยายใต้รูปว่า “เขียวได้อีก”

สารภาพว่านั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็นคนใช้วลีแบบนี้
คนเข้าวัยกลางคนแบบผมถึงกับมึนอยู่นานว่า ตกลงมันแปลว่าอะไร
จะว่ามันยังเขียวไม่พอ มันก็ดูเขียวขนาดนั้น จะเอาอีกเหรอ ^^”
เดชะบุญว่าผมมีเพื่อนอายุห่างกันสิบปีขึ้นอยู่ก๊วนนึง
เวลาไม่เข้าใจวัยรุ่นก็จะไปถามเด็กพวกนี้ได้ เลยได้คำตอบ
ว่าเขาจะบอกว่า มันเขียวมากกกก

ฉะนั้น ยุคนี้ถ้าใครพูดว่าสวยได้อีก แปลว่าเขาชมว่าสวยมากกกก
หรือถ้าเขาบอกว่าพี่แอสตันแก่ได้อีก นี่ก็ชมว่าแก่มากกก (เอ๊ะ... ชมใช่มะ) ^^”

แต่ผมมั่นใจว่าถ้าตอนสมัยผมวัยรุ่นแล้วมีคนเป็นแฟนกัน
ถ้าฝ่ายหญิงถามฝ่ายชายว่า...พี่รักหนูไหมหรือตัวเองรักเค้ามั้ย
เกิดผู้ชายตอบว่า “รักได้อีก” สงสัยจะงานเข้า หุหุ

เวลามีใครมาบอกว่า รักใครอีกคนมากชนิดลากทวีปอเมริกามาถึงไทยได้
ต้องไม่ลืมว่า มันของไม่เที่ยงไม่ถาวร ไม่ทนจนค้ำฟ้า ไม่ใช่อะไรที่สั่งได้หรอกนะครับ
วันนี้รักมาก มะรืนนี้ก็อาจจะหมดรักได้ ตามเหตุปัจจัย

ความรักในใจจะมากจะน้อยก็เรื่องหนึ่ง ว่ากันไม่ได้
แต่มีแล้วจะแสดงออกยังไง นั่นก็อีกเรื่อง

จะพูดว่ารักมาก รักที่สุด โคตรรัก รักทุกลมหายใจ รักทุกการผายลม
รักเบ่งบานปานจะแหวกจั๊กกะแร้ดม หรือพูดเก๋ๆว่า “รักได้อีก” ก็ตามแต่
ที่แน่ๆ รักแท้มันไม่ใช่รักที่แสดงออกด้วยความอยากได้ อยากเอา

เคยมีหลายท่านมาปรึกษาผมเรื่องความรักต้องห้าม
ส่วนมากเลยคือไปยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว จะเป็นมือที่สาม ว่างั้น
แล้วก็สับสนระหว่างคำว่า “ความรักชนะทุกอย่าง” กับ “ความถูกต้อง”

อยากบอกว่าความรักชนะได้ทุกอย่าง ยกเว้นตัวมันเอง
มันจะแพ้ตัวเอง เพราะทุกอย่างในโลกนี้รวมถึงความรัก
ล้วนแต่มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้

เคยมีหนังโบราณๆชื่อ Invaders From Mars
พูดถึงมนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร ที่มาบุกรุกรานโลก
ด้วยเทคโนโลยีด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่า
ตอนแรกๆก็ปราบมนุษย์ซะหยู่หมัด แต่ตอนหลังก็แพ้แบบง่ายๆ
เพราะพอเจอไวรัสหวัดธรรมดาๆของชาวโลกนี่แหละ
เล่นงานเอาซะงอมง่อยกลับดาวอังคารไป

ความรักก็เป็นแบบนี้ครับ มันดูยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานสะท้านบู๊ลิ้ม
แต่พอเวลาผ่านไป มันมักจะตายง่ายตายดายเหมือนคายอ้อย

เคยทานอ้อยใช่ไหมครับ ที่เขาหั่นเป็นชิ้นๆขาย ให้เราจิ้มใส่ปากเคี้ยวๆ
เคี้ยวจนหมดรสหวาน แล้วก็ต้องคาย อันนี้ธรรมชาติ ไม่มีใครกินกากอ้อย
เว้นแต่ใครที่ว่านั้นจะมีหาง มีงา มีงวงยาว และพุงย้อย

กากของความรัก ก็คือสิ่งที่เรียกว่าความอยาก ภาษาบาลีท่านเรียกตัณหา
ทั้งอยากเจอ อยากได้ อยากเป็นแฟน อยากมีอะไรกัน อยากเป็นเจ้าของ
เวลาเรามีตัณหา อยากได้สิ่งใด จิตมันจะทะยานไปหาสิ่งนั้น
อาการที่มันทะยานนี่แหละครับ ที่เป็นเหตุของทุกข์

เรื่องรักต้องห้าม มันไม่ดียังไง ผมคงไม่บรรยายเพราะทุกท่านคงพอรู้
แค่คิดก็ทุกข์ อยากได้ก็ทุกข์ อยากแล้วไม่สมอยากก็ทุกข์
สมอยากแล้วก็ยังทุกข์อีก เพราะมันต้องหลบๆซ่อนๆ กลัวโดนจับได้

บางคนถามว่า...เวลามีรักต้องห้ามจะห้ามได้ยังไง ก็จิตเป็นอนัตตาไม่ใช่เหรอ
แหม...คนถามนี่มันฉลาดนะ แต่ยังฉลาดน้อยไปหน่อย

ที่เขาเรียกรักต้องห้าม ไม่ใช่ว่าต้องห้ามใจไม่ให้รัก
แต่ควรห้ามและต้องห้าม...การกระทำ ไม่ให้ตามจิตไปจนมันเกินเลยครับ

จะรักมาก ร้ากกกกก รัก ก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้ารู้ทันใจ มีสติ
เพราะสติจะไม่ทำให้คนที่เรารัก เขาต้องทำผิดศีล ทำบาปอกุศลร่วมกับเรา
ถ้าแบบนี้ใช้ได้ครับ อย่างมากก็ทุกข์ใจบ้างตามสมควร
ศีลถึงเริ่มหมองๆ แต่ก็ยังอยู่บริบูรณ์ ไม่ขาด ไม่หายไป

ถามว่าแล้วทางออกคืออะไร
เชื่อผมนะ ถ้ามั่นใจว่ารักจริง รักได้อีก ต้องเชื่อว่า
เราสามารถรักได้อีก...วิธี

คือส่งเสริมให้เขาเจริญ มีชีวิตที่ดี ที่สว่าง ที่สงบ
ให้เขาได้พบทางที่จะพ้นทุกข์ ไม่ใช่เพิ่มความยึดมั่นถือมั่น
อย่าดึงเขาลงต่ำแต่ให้นำทางเขาไปในที่สูง พ้นจากบาปอกุศล
ทำได้แบบนี้แล้ว จะพูดได้เต็มปากว่าเรารักเขา

คนเราไม่จำเป็นต้องรักกันแบบชู้สาว เป็นแฟน เป็นผัวเมีย
ถึงจะมีความสุขนะ อันนี้พูดจากประสบการณ์จริง
เป็นกัลยาณมิตร เป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน ปรารถนาดีต่อกัน ก็มีความสุขได้

ความรักทำให้คนสุขใจและทุกข์ใจได้ในเวลาเดียวกัน
ความรักทำให้คนเป็นคนดี และเลวได้ในคนเดียวกัน
ความรักชนะได้ทุกอย่าง แต่ก็ทำลายทุกอย่างได้
ถ้าขาดสติ ขาดปัญญานะ

สุขสันต์วันที่ยังมีคนบอกว่า..รักนะจุ๊บๆ กันอยู่ครับ

ปล. ติดตาม twitter ผมได้ที่ @aston_ed
Facebook ธนาคารความสุข(Happiness Bank) ค้นหาด้วย keyword "aston27"

หนังสือของผมทั้ง 4 เล่ม สั่งซื้อได้จาก //www.se-ed.com/eshop/
พิมพ์คำว่า "ธนาคารความสุข" จะโชว์ขึ้นมา 3 เล่ม
ส่วนเล่มสี่ "วิตามินแห่งความสุข" นะครับ

ขอบคุณครับ ^^




 

Create Date : 13 มีนาคม 2555    
Last Update : 13 มีนาคม 2555 9:55:17 น.
Counter : 2594 Pageviews.  

คันหู รู้มั้ยเป็นอะไร



ชั่วโมงนี้ เชื่อว่าไม่น่าจะมีใครไม่รู้จักชื่อของ จ๊ะ คันหู
ต่อให้ไม่รู้จัก อย่างน้อยๆก็น่าจะเคยได้ยินชื่อของเธอผ่านหูมาบ้าง
จะได้ยินแล้วคันหู คันใจ คันไม้ คันมือหรือคันปาก ก็นับหมดนะ

ผมจะไม่มาพูดหรือวิจารณ์สิ่งที่เธอทำหรอกครับ
ผมว่ามันไม่สำคัญ เท่าสิ่งที่ผมกำลังจะเล่า

วันนี้ ผมเพิ่งได้ดูคลิปรายการนึงชื่อทำนองว่า สุขขาอยู่หนได๋
มีน้องได๋ ไดอาน่าเป็นพิธีกรและน้องจ๊ะ เป็นแขกรับเชิญ
ทำให้เห็นว่า จริงๆจ๊ะก็เป็นเด็กชนบทคนนึงที่ปากกัดเท้าถีบ
ทำงานเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว และยังอ่อนต่อโลกมาก
อ่อนขนาดที่ยังคิดว่าสามารถล้างเครื่องสำอางหมดได้ด้วยสบู่น่ะ

ผมว่าเธอไม่รู้หรอกครับ ว่าเพลงคันหูที่เธอร้องกับท่าเต้นมันไม่ดียังไง
เธอมองในมุมว่า เธอไปทำงาน และงานของเธอคือการให้ความบันเทิง

ที่น่าสนใจคือ ไดอาน่าพาเธอไปทดลองร้องเพลงคันหู ในแบบใหม่
คือคันหูในแบบแจ๊ส ออกมาเพราะทีเดียวนะ
ที่สำคัญ ไม่ทะลึ่งหยาบโลนเหมือนที่เคยเห็นในคลิปก่อนๆ

ดูแล้วผมก็ไปโผล่แถวบางอ้อขึ้นมาว่า.. เออ..คนเรานี่
แค่ทำสิ่งเดิมๆ ด้วยมุมมองใหม่ วิธีใหม่
ชีวิตก็อาจจะเปลี่ยนไปได้คนละขั้วเลยนะ

จ๊ะ ก็ไม่ได้ร้องเพลงคันหูมาตั้งแต่เกิด
พี่เบิร์ด ก็ไม่ได้รักทุกคนนะจ๊ะมาตั้งแต่อุแว๊
พี่แจ้ ก็ไม่ได้ร้องโอ๊ยโอ๊ยมาตั้งแต่หย่านม

ทุกคนมีจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตเหไปทางนั้น หันมาทางนี้
ตามแรงฉุดของบุญที่ทำกรรมที่แต่ง
บางทีก็รู้ทัน บางวันก็หลงทาง

คนเราสร้างตัวตนขึ้นจากความคิด
แล้วพอเข้าไปยึดว่านั่นแหละตัวเรา
ความคิดนั้นมันก็กลับมากำหนดชีวิตเราอีกที


ถ้าคิดดีคิดกระจ่างในทางบุญ
ก็เป็นคุณเป็นกุศลมีหนทางไปที่ดี
ถ้าคิดชั่วมัวเมาไม่เอาไหน
ก็เกิดมาดีแค่ไหน ตอนไปก็ไปทางมืดมิดได้

สติและปัญญาถึงสำคัญและมีคุณค่ากับชีวิตมาก
เพราะการทำอะไรผิด ไม่อันตรายเท่าการไม่รู้ว่า
สิ่งที่ทำน่ะมันผิด แต่กลับคิดกลับเห็นว่ามันถูกแล้ว
หรือบางคนดูแคลนการทำคุณงามความดี การเจริญสติ
เพียงเพราะเคยมีธนูปักเข่า หรือเรื่องราวที่ผิดหวังมา

พระพุทธเจ้าเคยบอกว่า
ท่านไม่เห็นอันตรายอะไรยิ่งไปกว่ามิจฉาทิฐิเลยนะ
ฉะนั้น เรามาทำเหตุของการมีสัมมาทิฐิกันไว้ให้มากๆนะครับ
มีทาน รักษาศีล แล้วมีสติรู้สึกตัวภาวนากันนะครับ

สุขสันต์วันที่คันหูบ้างไม่คันหูบ้างครับ





 

Create Date : 05 มีนาคม 2555    
Last Update : 5 มีนาคม 2555 6:44:12 น.
Counter : 1623 Pageviews.  

รักทรมาน



(ภาพประกอบแสนสวยด้วยน้ำใจของคุณ SevenDaffodils ฝากช่วยโหวตให้เธอด้วยนะครับ)

ถาม:“ทำไมนะเราถึงได้รักคนที่ไม่รักเราได้มากขนาดนี้ หรือเป็นเพราะเคยมีเวรกรรมต่อกันทำให้ตัดใจไม่ได้สักทีมีแต่ความทรมานในใจ?”




Free TextEditor

ตอบ: จะเพราะกรรมเวรอะไรที่รักเขาน่ะเรื่องนึง ยกไว้ก่อน
พี่ไม่มีญาณทัศนะพอจะตอบได้ แต่ที่ตอบได้คือ
ที่ทรมานใจน่ะ ทำกรรมของตัวเองอยู่แท้ๆเลยนะ

คนเราเลือกไม่ได้หรอก ว่าจะรักหรือไม่รักใคร
แต่เลือกได้ว่าจะปฏิบัติจัดการบริหารความสัมพันธ์นี้ยังไง
คือรู้กาลเทศะว่า เมื่อไหร่ควรจะอยู่ เมื่อไหร่ควรจะไป

ถ้าไปรักเขาแล้วเขาไม่รักอันนั้นมันเรื่องสุดวิสัย
แต่ถ้าตั้งสติเป็น เห็นความจริงว่าอะไรเป็นอะไร
ไม่คร่ำครวญหวนไห้เหมือนโดนธนูปักเข่ามันก็เศร้าไม่นานหรอก

คนที่ทุกข์ขมตรมตรอม ก็เพราะยอมรับไม่ได้ว่าความจริงคืออะไร
คนเขาไม่รักก็ยังตะบักตะบวยจะย้วยให้เขารักให้ได้
นี่มันทรมานตัวเองอยู่เห็นๆ

ถ้าหลับไปแล้วตื่นมาลืมตาเป็นก็เห็นโลกตามจริงได้ด้วยวิธีเดียวกัน
คือตื่นขึ้นจากอาการใจหลับทั้งที่ร่างกายตื่น
ตื่นจากฝันซะ มารับรู้อยู่กับความจริงให้เป็น

อย่ามัวแต่ไปโทษเวรโทษกรรมอะไรให้น่าเวทนา
ชีวิตเราไม่ต้องดราม่าขนาดนั้นก็ได้ครับ
มีข้าวกิน มีที่นอน มีงานทำ หายใจได้ ก็ดีถมไปแล้ว

ทุกข์ทางใจส่วนใหญ่ในชีวิตคนเรา เป็นทุกข์ส่วนเกินนะ
ที่เกินก็เพราะเราดราม่านี่แหละ
คล้ายๆ พวกชอบคิดเหมือนนางเอกมิวสิควีดีโอน่ะ

เคยเป็นมั้ย ที่เอาเวลามานั่ง rewind เรื่องแย่ๆซ้ำๆซ้ำๆ
ให้น้ำตามันเอ่อๆจนไหลล้นขอบเบ้าตา แหม..อินซะ
ผมคนหนึ่งล่ะ เคยมาแล้ว ถึงพูดได้เต็มปาก

อกหักทีก็ต้องนั่งซึมเป็นปี จะได้รู้สึกว่านี่แหละรักแท้..โธ่ถัง
นั่งเผาเวลาในชีวิตเล่นไปกับความทุกข์แท้ๆเลย

บางคนจะเถียงว่า ก็จิตเป็นอนัตตานี่เคอะ
มันจะคิด ห้ามได้ที่ไหนล่ะคุณพี่

ตอบว่า... ถูกแล้วครับ ครูบาอาจารย์ผมท่านก็ไม่ได้ห้ามคิดนะ
แต่ท่านสอนว่า ให้รู้ว่าจิตที่กำลังคิด
เพราะที่รู้สึกไม่ดี ก็เพราะคิดให้ค่าสิ่งที่เขาทำ
หรือประเภทคิดแต่จะหาทางปล่อยวาง นี่ก็คิดอีกแบบ
จิตน่ะถ้ามีปัญญาเขาวางเอง สั่งไม่ได้หรอก

เคยมั้ย เวลาเรากลุ้มใจอะไรมากๆ เพื่อนมาบอกว่า
"เฮ้ย...อย่าคิดมากสิวะ..."
แล้วเราทำได้ไหม ไม่คิดมากน่ะ
..ไม่ได้หรอกใช่ไหม นี่เป็นธรรมะนะ

ธรรมะ ในหมวดที่ชื่อว่าไตรลักษณ์ คือจิตเขาเป็นอนัตตา
เขาไม่ได้ทำงานตามใจเรา แต่เป็นไปตามเหตุปัจจัย

เราทำได้แค่สร้างเหตุที่ดี คือมีสติไว้เนืองๆ
พอรู้สึกตัว มีสติ จิตก็ไม่หลงไปคิดฟุ้งซ่าน
ความรู้สึกไม่ดีก็เกิดสั้นลง น้อยลง
เพราะไม่ทุกข์มากก็ไม่คิดมาก วงจรมันขาดไป
ไม่ต้องห้ามอะไรเลยเห็นไหม ง่ายกว่าเยอะ

แค่มีสติ รู้สึกตัว รู้ว่าจิตมันกำลังคิดอยู่
หลักนี้ใช้ได้ทุกเรื่องเลยนะ

สุขสันต์วันที่เรายังรู้สึกตัวได้อยู่ครับ




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2555 9:02:13 น.
Counter : 2651 Pageviews.  

It’s Kind of a Funny Story: ชีวิตนี้หนาช่างน่าขำ



คุณว่าคนบ้ากับคนไม่บ้า ใครน่าสงสารกว่ากันครับ?
ถามให้ถูกกว่านั้น คุณว่าใครบ้ากว่ากัน ?

วันนี้มีหนังที่อยากแนะนำให้ลองหา DVD มาดูครับ
เป็นหนังเล็กๆ ที่พูดถึงชีวิตในโรงพยาบาลบ้าของคนกลุ่มหนึ่ง

ผมเคยแอบสงสัยว่า
ทำไมเราชอบเรียกสถานรักษาผู้ป่วยทางจิตว่าโรงพยาบาลบ้า
ทั้งที่โรงพยาบาลสถานที่นั้นก็ไม่ได้บ้า แต่คนน่ะบ้า ว่าไหม ?

เคยมีคนสร้างหนังเกี่ยวกับโรงพยาบาลแบบนี้ไว้หลายเรื่องครับ
อย่างเรื่อง One Flew Over the Cuckoo's Nest ที่แสดงโดยแจ็ค นิโคลสัน
ก็เป็นหนังเกี่ยวกับโรงพยาบาลบ้าที่ผมยกนิ้วให้ว่าเป็นหนังขึ้นหิ้งที่ควรดู
หรืออย่างหนังไทยก็มีหนังที่พี่เบิร์ด ธงไชย แสดงคู่จินตหรา ชื่อหลังคาแดง
ที่กำกับโดยพี่หง่าว ยุทธนา มุกดาสนิท

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ผมดูแล้วก็มักจะมีคำถามในใจว่า
ตกลงคนบ้ากับคนไม่บ้า ใครบ้ามากกว่ากัน แล้วแบบไหนมันน่าสงสารกว่า

It's Kind of a Funny Story เป็นเรื่องของเด็กวัย ๑๖ คนหนึ่งชื่อเครก
ครอบครัวอบอุ่น ได้เรียนโรงเรียนดี ฐานะโอเค หน้าตาก็โอเค

แต่เครกกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรพิเศษโดดเด่น "เมื่อเทียบกับคนอื่น"
และคิดมากจนมีอาการซึมเศร้า และนึกถึงฝันถึงการฆ่าตัวตายบ่อยๆ
จนกลัวว่าตัวเองจะไปทำจริงๆ เลยพาตัวเองมาให้หมอรักษา
สุดท้ายก็จับพลัดจับผลู ต้องเข้ารักษาตัว ๕ วัน

สุดท้าย ใน ๕ วันนั้น เขาก็ได้รับการรักษาจริงๆ แต่ไม่ใช่จากหมอ
จากเพื่อนคนไข้ทั้งหลายที่ดูเพี้ยนๆนั่นแหละ

เขาได้เรียนรู้ว่า ในขณะที่เขารู้สึกด้อยกว่าเพื่อนๆ ด้อยกว่าคนอื่น
ในขณะที่รู้สึกว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาๆที่ไม่ค่อยมีคุณค่าอะไร
ในขณะที่เขาไม่เห็นคุณค่าอะไรของสิ่งที่มี และอยากจะทิ้งมันไปนี่แหละ
โลกนี้มีคนอีกจำนวนมากที่พยายามดิ้นรน เพื่อจะได้มีชีวิตธรรมดาแบบเขา

ชีวิตธรรมดาที่เขาเบื่อ กลับเป็นสิ่งที่คนหลายคนตะเกียกตะกาย
เพื่อจะได้มีชีวิตแบบนั้นสักวัน แม้จะช่วงสั้นๆ ไม่กี่ชั่วยาม

ไม่ว่าการได้เล่นบาสเกตบอลสักครึ่งชั่วโมง การได้ออกมาเห็นฟ้ากว้างๆ
ได้กินกาแฟจากตู้ขายกาแฟนอกโรงพยาบาล

หรืออย่างกิจกรรมที่เป็นความหวังสูงสุดของของผู้ป่วยที่นั่น
คือการหวังแค่จะได้มีปาร์ตี้กินพิซซ่ากันสักมื้อ
ก็ยังต้องรวบรวมเงินกันเลือดตาแทบกระเด็น

เรามักจะรู้สึกว่าผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเป็นคนน่าสงสาร
แต่ดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว ก็นึกสงสัยขึ้นมาว่า

ระหว่างคนที่ตะเกียกตะกายต่อสู้เพื่อจะมีชีวิตปกติธรรมดา
กับคนที่มีชีวิตปกติธรรมดาอยู่แล้ว แต่ไม่เห็นค่าของมัน
คนไหนน่าสงสารกว่ากัน

ความสำเร็จของชีวิต ใช่ว่าจะต้องมีทุกอย่างสมบูรณ์ไร้ตำหนินะ
บ๊อบ ดีแลน เคยพูดว่า ความสำเร็จคือการที่คนคนหนึ่งตื่นขึ้นตอนเช้า
และเข้านอนตอนกลางคืน โดยในระหว่างวันได้ทำสิ่งที่เขาอยากทำแล้ว

และที่สำคัญ ผมคิดว่าเราไม่ควรวัดว่าใครประสบความสำเร็จในชีวิต
จากทรัพย์สินที่เขามี จากสิ่งที่เขาได้ แต่น่าจะวัดจากสิ่งที่เขาได้ทำให้คนอื่น

อย่างพระพุทธเจ้า พระอัครสาวก ครูบาอาจารย์ ท่านไม่มีอะไรเลยนะ
ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเสื้อผ้าชุดเดียว บาตรใบเดียว กุฏิก็หลังนิดเดียว
ไม่มีทรัพย์สินอื่นใด ทำไมท่านมีความสุขเยอะแยะ

ทำไมบางคนมีบ้าน มีรถ ยศถาบรรดาศักดิ์ มีเสื้อผ้าเต็มตู้
ก็ยังมีชีวิตอยู่กับความไม่อิ่ม ไม่พอ ไม่สุขจริงๆ สักที

นึกถึงเพลงที่เขาร้องว่า เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด...
ก็ประหลาดดีนะและประหลาดแบบน่าขำด้วย
แบบชื่อหนังที่เขาว่า It's kind of a funny story น่ะ

สุขสันต์วันที่เรายังมีชีวิตธรรมดาๆ นะครับ




 

Create Date : 28 ธันวาคม 2554    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2555 8:01:05 น.
Counter : 4514 Pageviews.  

น้ำท่วม รถเมล์ ลิเก สติ


(ภาพประกอบโดยฝีมือและความใจดีของคุณ SevenDaffodils ครับ)

น้ำปีนี้ท่าทางจะดุ และเยอะมากเอาการ
ผมเข้าใจและเห็นใจพี่น้องหลายๆคนที่น้ำท่วมครับ
ไม่ได้พูดแบบหาเสียง แต่อย่างที่เล่าไปเมื่อตอนที่แล้วว่า
บ้านผมเองก็ท่วมเหมือนกัน

บ้านผมอยู่ท้ายซอยท่าอิฐ นนทบุรี
น้ำเริ่มเอ่อท่วมพร้อมๆ อยุธยา ตั้งแต่ตอนที่คนกทม.จำนวนมาก
ยังคิดว่าน้ำคงจะไม่ท่วมกรุงเทพฯแน่ๆ นั่นแหละ

การที่ผมเจอน้ำค่อยๆ ขึ้นท่วมก่อนชาวบ้าน มันมีข้อดีนะครับ
ที่เห็นชัดคือมีเวลาเตรียมการรับมือก่อนชาวบ้าน มีแผนหนึ่ง แผนสอง
และผมไม่คิดว่ามันอาจจะไม่ท่วม แต่คิดเลยว่าจะท่วมแน่
อย่างน้อยก็ดีกว่าประมาท คิดว่าจะไม่ท่วม แล้วไม่ได้เตรียมอะไรเลย

น้ำท่วมนี่ก็คล้ายกับทุกข์ในชีวิตเรานี่แหละ
พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เรามีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท จำได้ใช่ไหมครับ
ที่สอนอย่างนั้น เพราะชีวิตพวกเราล่อแหลมต่อการเจอทุกข์ตลอดเวลา

ถ้าเปรียบการเกิดเหมือนเราขึ้นรถเมล์คันหนึ่ง มีกรรมของเราเป็นคนขับ
ถ้ากรรมดีเป็นคนขับ แกก็ขับดีหน่อย กรรมชั่วเป็นคนขับ ก็เหนื่อยไป

ระหว่างทางจะมีความแก่ชราขึ้นมาเพิ่มบนรถเราทุกป้าย ทุกไฟแดง
ผู้โดยสารชื่อ นายเจ็บป่วยก็รออยู่ แต่ไม่รู้ว่ามันจะมาขึ้นที่ป้ายไหน โค้งใด
ส่วนความตายไม่ต้องพูดถึง มั่นใจได้แน่นอนว่า
ป้ายสุดท้ายของรถเราเที่ยวนี้ นายท่าที่รอเราอยู่ แกชื่อน้ายม
เหมือนชื่อเต็มแกจะชื่อ ยมบาล น่ะครับ ^^

ระหว่างทาง ยังมีผู้โดยสารอย่าง
นส.โศกเศร้า นามสกุล ร่ำไรรำพัน
นายไม่สบายกาย นามสกุล ไม่สบายใจ
ด.ช.คับแค้นใจ ด.ญ. พลัดพรากจากสิ่งที่รัก
และนางประสบ กับสิ่งที่ไม่พอใจ ขึ้นๆ ลงๆ เป็นระยะๆ

น้ำท่วมก็นับเป็นการประสบกับสิ่งที่ไม่พอใจ ไม่สบายใจ ใช่ไหมครับ
คงไม่มีใครที่นับวันรอด้วยความหวังอันแสนหวานว่าน้ำจะท่วมหรอกนา
พระพุทธเจ้าท่านเคยเปรียบว่าทุกชีวิตมีทุกข์รออยู่
เหมือนมีไฟกำลังไหม้หัว บางคนรู้ตัว บางคนไม่รู้
บางคนเหมือนจะรู้แต่ไม่เชื่อว่าจะเกิดกับตัวเอง
เผลอๆ อาจจะคิดว่าที่กำลังร้อนๆ หัวน่ะ
เพราะอบไอน้ำเสริมความงามให้เส้นผมอยู่

จะว่าไป น้ำท่วมรอบนี้สอนอะไรเราเยอะนะครับ
อย่างน้อยเราก็เห็นว่าการขาดการเตรียมพร้อม
ความประมาท การคิดว่าจะเอาชนะธรรมชาติได้ ผลเป็นยังไง

และได้เห็นโลกนี้เป็นเหมือนโรงลิเกโรงหนึ่ง มีตัวละครหลากหลาย
ลิเกเรื่องนี้ท้องเรื่องคือเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่
มีคนที่เตรียมพร้อม มีคนไม่เตรียมพร้อม
มีคนที่พึ่งตัวเองได้ มีคนที่คร่าครวญหวังจะพึ่งแต่คนอื่น
มีคนที่สงบ ยิ้มรับ มีคนที่ตื่นตระหนก ขาดสติ
มีคนที่เข้าใจ มีคนที่ไม่เข้าใจโวยวาย ก่นด่า กราดเกรี้ยว

มีคนที่รักชีวิตมากกว่าทรัพย์สิน
มีคนรักทรัพย์สินมากกว่าความถูกต้อง
อาจเพราะลืมไปว่า เรามีบ้าน มีรถ มีทรัพย์
เพื่อใช้งาน ทำประโยชน์จากมัน...ไม่ได้เอาไว้แบก

ลิเกเรื่องนี้สอนว่า ถ้าจะต้องเสียบ้าน เสียรถ เสียทรัพย์ ยังหาได้ใหม่
แค่...อย่าเสียสติไปด้วยอีกอย่างก็แล้วกัน

จะว่าไป มีทุกข์ใหญ่ๆ ร่วมกันสักที ก็ไม่เลวหรอกนะ
เหมือนธรรมชาติมาสะกิดเราแรงๆ ซะทีนึงให้ตื่น

ที่อ่านๆ อยู่ ส่วนมากก็รู้จักคุณดังตฤณ รู้จักหลวงพ่อปราโมทย์ฯ
รู้จักพระพุทธเจ้า รู้จักธรรมะของท่าน นับว่ามีบุญแล้วนะ
ถ้าไม่ภาวนาชาตินี้ แล้วจะภาวนาชาติไหน
ไม่ภาวนาเสียแต่ตอนนี้ แล้วจะรอให้น้ำท่วมโลกก่อนหรือไร

สุขสันต์วันที่สติเรายังไม่จมน้ำไปนะครับ




 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2554 23:47:28 น.
Counter : 2199 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.