จากสมจิตร ถึง Paul Potts ถึงทุกคนที่พึงมีกำลังใจ
(ขอบคุณภาพประกอบจากคุณแป๋ว SevenDaffodils นะครับ) ช่วงนี้เป็นช่วงโอลิมปิคฟีเวอร์ โดยเฉพาะกีฬาที่ไทยมีความหวังอย่างยกน้ำหนัก หรือมวยสมัครเล่น ในบรรดาสี่เหรียญที่ได้ครังนี้ เหรียญหนึ่งที่ผมปีติมาก ก็คือเหรียญทองของสมจิตร จงจอหอ ผมเคยเขียนถึงนักมวยไปครั้งหนึ่ง ในบล็อคที่พูดถึงเรียลลิตี้โชว์ชื่อ The Contender บอกว่า.. โลกนี้เรามักจะจ้องมองไปที่คนชนะ แล้วมองข้ามคนแพ้ ที่ดีใจกับสมจิตร ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นคนไทย ไม่ใช่เพราะเขาได้เหรียญทอง ไม่ใช่แค่เพราะทุกนัดที่ขึ้นชก เขาต่อยได้ดีมาก ชนะขาดแบบสวยงามทุกนัด แต่เพราะเขาเป็นผู้ชนะ ที่เดินผ่านอุปสรรค ผ่านความผิดหวังพ่ายแพ้มาหลาย ครั้ง สมจิตเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่อายุมากที่สุดของโอลิมปิคเที่ยวนี้ เพราะเขามาโอลิมปิคเที่ยวนี้เป็นครั้งที่สาม ซึ่งมีไม่มากนักสำหรับกีฬามวย (จากข้อมูลที่คุณผู้อ่านชื่อบุญยงได้กรุณาเพิ่มเติมให้ในคอมเมนท์ข้างล่าง) "สมจิตรเริ่มชกมวยสมัครเล่นเมื่อเห็นสมรักษ์ไปต่อยในปี 1996 ต่อมาปี 2000 ที่ซิดนี่ย์ รุ่น 51 กิโลกรัม สมจิตรแพ้วิจารณ์ พลฤทธิ์ในการคัดตัว สมจิตรเสียใจมาก ถึงกับไปขอร้องเสธ.วีป เพื่อจะขอตามไปด้วย จะให้ไปเป็นคู่ชก พี่เลี้ยง คนยกของ เสิร์ฟน้ำยังไงก็ได้ เสธ.แกก็เมตตาให้ไปด้วย และวิจารณ์ก็เป็นฮีโร่เหรียญทองในครั้งนั้นเอง มาที่เอเธนส์ปี 2004 สมจิตรก็ได้เข้าร่วมการแข่งสมใจ แต่พอถึงรอบสอง สมจิตรเจอนักชกคิวบา จบสามยกสมจิตรนำอยู่ 3 แต้ม แต่โชคร้าย ยกสี่สมจิตรกดดันตัวเอง ดันไปยืนต่อยจนเค้าทำคะแนนแซงได้ ทั้งๆที่ออกไปเต้นฟุตเวิร์คก็ชนะแล้ว สุดท้ายก็ต้องตกรอบไปอย่างเจ็บปวดที่สุด" (ขอบคุณคุณบุญยงมากๆนะครับ) ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่ขี้แยหน่อย ก็คงเอาแต่นั่งร้องไห้ ถอดใจเลิกชกไปแล้ว แต่สมจิตร ไม่ยอมแพ้เขาอาศัยความพ่ายแพ้เป็นบทเรียน แล้วก้มหน้าก้มตาซ้อมๆๆๆๆ จนมีวันนี้ เหรียญทองเหรียญนี้ จึงยิ่งใหญ่มากเป็นพิเศษในความรู้สึกของผม เหรียญเงินของมนัสเอง ก็น่าชื่นชม ในฐานะแชมป์เก่าที่ใช้ชีวิตประมาทพลาดพลั้ง จวนเจียนจะต้องแขวนนวม หมดอนาคต แต่ได้สติฟื้นกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ใหม่ เคยมีคำคมอันหนึ่งที่ผมชอบมาก เขาบอกว่า "จุดหมายที่ยิ่งใหญ่ดีงามนั้น ไม่มีทางลัดเพื่อไปถึง" สองสามวันก่อนเขียนบล็อคนี้ ผมเพิ่งได้ FWD mail ฉบับหนึ่งที่ดีมากๆ เป็นเมล์ที่อ้างอิงมาจากบทความของ คุณซิคเว่ เบรคเก้ อดีต CEO ของ DTAC ที่พิมพ์ในกรุงเทพธุรกิจ เป็นเรื่องของหนุ่มจากเวลส์ตอนใต้คนหนึ่ง ชื่อ Paul Potts หนึ่งในผู้สมัครประกวดแสดงความสามารถของรายการทีวีชื่อ Britain's Got Talents เมื่อปีกลาย ดูแล้วคล้ายๆพวกดันดารา หรือ The Star AF ในบ้านเรา พอล พ็อตตส์ เป็นลูกคนขับรถเมล์ แม่เป็นแคชเชียร์ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ประกอบอาชีพเซลส์แมนขายโทรศัพท์มือถือ เป็นหนุ่มหน้าตาเชยๆ ตุ้ยนุ้ย ที่ดูเผินๆ ก็ไม่มีวี่แววจะเป็นดาราอะไรกับใครได้ ก่อนขึ้นเวทีพอลบอกว่า ปัญหาสำคัญตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเขาคือ เขาเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างแรง สมัยเรียนเพื่อนก็ชอบรุมแกล้ง และเขาเชื่อ คิด และรู้สึกมาตลอดว่าตัวเองเป็นคน "ไม่สำคัญ" ถ้าคุณดูจากคลิปใน you tube ที่ผมลิงค์มาให้ คุณจะเห็นภาพชัดขึ้น โปรดสังเกตสีหน้าของกรรมการ ตอนเห็นพอลเดินขึ้นเวที มาหยุดยืนตรงไมค์โครโฟนแล้วบอกว่า "ผมมาเพื่อร้องโอเปรา" กรรมการคนหนึ่งทำหน้าเหมือน "จะไหวมั้ยเนี่ย" แล้วคอยดูสีหน้าของกรรมการ หลังจากพอลเริ่ม ร้องเพลง "Nessun Dorma" ของ Puccini เพลงนี้ใครเป็นแฟนของพวก Andrea Bocelli หรือ Luciano Pavarotti คงทราบว่ามันร้องยากมาก พอลร้องไปได้ไม่กีวินาที คนดูก็ปรบมือให้ กรรมการถึงกับอึ้ง ยังไม่ถึงครึ่งเพลง คนดูก็ลุกขึ้น standing ovation ปรบมือโห่ร้องอื้ออึงด้วยความชื่นชม ตอนใกล้จบเพลง บางคน รวมถึงกรรมการ และผมด้วย น้ำตาซึมเลยครับ เฉลยตอนจบให้ว่า พอล พ็อตตส์ ได้เข้ารอบ และกลายเป็นผู้ชนะจากการโหวตของคนอังกฤษกว่าสองล้าน รางวัลที่ได้ เป็นอะไรบ้างไม่ทราบ แต่ที่พอล คงยินดีเป็นล้นพ้น คือการได้ร้องถวายหน้าพระที่นั่ง ให้สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ ที่สอง นอกเหนือจากได้เซ็นสัญญาออกอัลบั้มของตัวเองในชื่อชุดว่า "One Chance" ขอยืนยันว่าคุณควรจะดูให้ได้ ชนิดที่ถ้าคอมไม่มีลำโพง ไม่มี sound card ก็ให้ไปดูจากเครื่องที่มี ดูแล้วจะปีติยินดี กับศักยภาพของคนธรรมดา ที่ดู "ไม่สำคัญ" และเผื่อว่าคุณที่อ่านบล็อกนี้อยู่แล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนั้น อาจจะมีกำลังใจให้ตัวเองมากขึ้น บล็อกวันนี้นี้ไม่มีเพลงประกอบ เพราะยกเวทีให้พอล พ็อตตส์ครับ สุขสันต์วันที่ยังมีลมหายใจนะครับ
Create Date : 24 สิงหาคม 2551
Last Update : 2 กันยายน 2551 17:12:57 น.
Counter : 2328 Pageviews.