Group Blog
 
All blogs
 
Coco Chanel เรื่องแฟชั่น เรื่องสุข เรื่องชั่วคราว


(ภาพประกอบโดยความเอื้อเฟื้อจากคุณ SevenDaffodils ครับ)

ผมไม่ได้เป็นลูกค้าของชาแนล ไม่เคยซื้อน้ำหอมชาแนลหมายเลขห้า
ไม่ค่อยสันทัดเรื่องแฟชั่น นอกจากเคยตั้งชื่อให้แบรนด์ต่างๆใหม่

อย่าง Prada ผมชอบเรียกว่า "ป้าดา"
Jean Paul Gautier ผมจะเรียกว่า "ฌอง ปอล แกดูแย่"
Gucci ผมจะเรียกว่า "กุดจี่"

แต่ต้องมาดูหนังเรื่องนี้ เพราะเกี่ยวกับงานที่ทำ

ชื่อหนังเต็มๆคือ Coco Avant Chanel คำแรกเป็นชื่อเล่น
คำต่อมา "อาวอง" ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า "ก่อน" ส่วน ชาแนล คงไม่ต้องบอก

ที่ตั้งชื่อหนังแบบนี้ก็เพราะ Gabriel Chanel นักออกแบบแฟชั่นเจ้าของห้องเสื้อ "ชาแนล"
ก่อนที่โลกนี้จะรู้จักเธอในฐานะดีไซเนอร์นั้น เธอมีชื่อเล่นที่เพื่อนๆเรียกว่า..โคโค่

ตัวหนังเป็นอย่างไร ผมคงจะไม่เล่า เผื่อใครอยากจะไปชมเอง แต่ส่วนตัวบอกได้ว่าหนังดีมากนะครับ
ที่อยากพูดถึงมีสองสามอย่างที่สะดุดใจผมอยู่ ตอนอยู่ในโรง

เรื่องแรก ต้องท้าวความก่อนว่า สมัยครั้งกระโน้น แฟชั่นของผู้หญิงไฮโซฝรั่งเศส
คือการใส่กระโปร่งสุ่มลากพื้น แล้วมีสายรัดตัวรัดเอวจนแน่นติ้ว ดันหน้าอกจนปลิ้น

แล้วชาแนลก็เป็นคนปฏิวัติวิธีแต่งตัวของผู้หญิงยุคนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าในเวลาต่อมา
ว่ากันว่า เธอเป็นคนแรกที่ทำให้ผู้หญิงกล้าใส่ชุดราตรีสีดำไปงานกลางคืน
เป็นคนแรกที่ทำให้ผู้หญิงได้ใส่กางเกง ฯลฯ

ผมสังเกตว่า วิธีแต่งตัวของคนส่วนใหญ่ในโลก สะท้อนความจริงเรื่องอัตตาของมนุษย์
เราแต่งตัว เพื่อให้คนอื่นยอมรับชื่นชม ในอีกทางก็เพื่อประกาศอัตตาของเราว่า "นี่แหละ..คือฉัน"

แต่น่าแปลกที่ความเป็นตัวเราของหลายคน ต้องรอให้มีคนอื่นมายืนยันว่า "เออ.. สวย"
ผมนึกถึงเพลงของพี่เต๋อ เรวัติ พุทธินันท์ ผู้ล่วงลับที่ชื่อ "มันแปลกดีนะ" เขาร้องไว้ว่า..

"มีคนเขาอยู่เมืองนอก ไม่ต้องบอกว่าชื่ออะไร
เขาคิดให้เราแต่งตัว ถ้าเขามั่วจะรู้ได้ไง
คนนำมีอยู่สองสาม แต่คนตามนั้นบานตะไท
ไม่รู้เป็นใครที่ไหน พ่อแม่ก็ไม่ใช่แต่เราก็ตามเขาไป"

คอลเลคชั่นที่สวยที่สุดของนักออกแบบคนไหนก็ตาม ไม่เคยมี
เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็จะมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาเสมอ
คือถ้ามันสวยที่สุดจริงๆ เราจะมีคอลเลคชั่นใหม่ไปทำไม .. ถูกไหมครับ

อนุมานได้ว่า สิ่งที่ดีที่สุดในทางโลก มันเป็นแค่ของ "ชั่วคราว" นะ
เสื้อผ้าของพวกเรา ถึงได้สั้นๆยาวๆ ขาวๆดำๆ ลีบบ้างพองบ้าง
เอวสูงเอวต่ำ เดี๋ยวล้ำยุค เดี๋ยววินเทจไปๆมาๆ ไม่จบไม่สิ้น

เรื่องที่สอง อันนี้เป็นรายละเอียดของประดับบ้าน
ของเศรษฐีเพลย์บอยชื่อบาลซงที่ชาแนลไปอยู่ด้วยในช่วงหนึ่ง

มีมุมหนึ่งของบ้าน ประดับประดาไปด้วย เขาสัตว์ต่างๆบนผนัง
อันนี้ก็ประกาศอัตตาอีกแบบ แต่เบียดเบียนชีวิตอื่นด้วย

ผมจำได้ว่าสมัยเด็กๆ เคยไปบ้านญาติที่ต่างจังหวัด ก็มีแบบนี้แหละ
มันคงสวยงามน่าเกรงขามสำหรับบางคน แต่สำหรับผมตอนเด็กๆมันน่ากลัว
และถึงตอนนี้ ในยุคที่เราต้องดิ้นรนเพื่อรักษาสัตว์หลายชนิด มันน่าหดหู่มากกว่า

แฟชั่นเสื้อผ้าที่ว่าสวยล้ำนำสมัย แฟชั่นของแต่งบ้านที่ว่าโอ่อ่าน่านิยม
พอเวลาเปลี่ยนไป มันก็กลายเป็นของตกยุค เป็นของไม่น่านิยม

เรื่องที่สาม หนังแสดงภาพว่าบรรดาไฮโซ เซเลป ที่ชาแนลไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยช่วงหนึ่ง
มักนิยมเอาแต่เที่ยวเล่น ปาร์ตี้ ส่วนหนึ่งเพราะสังคมสมัยโน้นมีค่านิยมว่า
ผู้หญิงมีหน้าที่หาสามีรวยๆ แล้วให้ผู้ชายเลี้ยงก็พอแล้ว เลยว่างงานกัน

มองในแง่ดี ผู้หญิงสมัยนี้โชคดีกว่าสมัยก่อนมากนัก ที่สังคมเปิดกว้างขึ้น
มองในมุมที่ลึกอีกหน่อย ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่า เกิดเป็นมนุษย์ดีกว่าเทวดา

เพราะมนุษย์มีทั้งสุข ทุกข์ มนุษย์มีความลำบาก เลยเห็นทุกข์ เห็นความจริง
เห็นธรรมะได้ง่ายกว่าเทวดา ที่ตลอดอายุขัย ส่วนมากจะมีแต่ความสุข

แต่บางคนที่มีบุญจะได้เสวยสุขแบบเทวดา แต่จับพลัดจับผลูมาเกิดเป็นมนุษย์
ก็ใช้ชีวิต ใช้โอกาสของตัวเอง "เปลือง" ด้วยการเที่ยวเล่นกินดื่มผิดศีลไปวันๆ

มองในมุมหนึ่ง เทวดาเดินดินเหล่านี้ ก็โชคดีกว่าใครๆในทางโลก
มองในอีกมุม ก็ไม่ง่ายเลยที่คนกลุ่มนี้ จะเห็นประโยชน์ของธรรมะ
จนถึงขั้นเข้ามาภาวนาปฏิบัติจริงจัง

ที่บอกแบบนี้ ไม่ใช่ไม่มีนะครับ ผมรู้จักหลายคนที่เข้าข่ายเทวดามาเกิด
แล้วก็สนใจปฏิบัติจริงๆจัง กระทั่งเทวดาหรือพรหมที่ใส่ใจการภาวนาก็มีมาก

ดูตอนจบของ Coco Avant Chanel แล้วเห็นได้ว่า
ชีวิตคนบนโลกมีหลายหลาก ที่ไปของแต่ละคนก็หลากหลาย
เรียนรู้จากคนอื่น แล้วอย่าลืมเรียนรู้ตัวเอง เพื่อจะได้เห็นว่า

คนเราก็เท่านี้
วันนี้อาจจะดีพรุ่งนี้อาจจะแย่ ไม่มีอะไรแน่นอน
เราต่างก็เป็นสัตว์โลกที่มีกิเลส ตัณหา อุปาทานเหมือนกัน
เราต่างก็เกิดมามีชีวิตกันคนละ 24 ชม. ต่อวันเสมอกัน

ต่างกันที่สำนึก สติ ปัญญา ความรู้ผิดชอบชั่วดี และกรรม
ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ โคโค่ ทำ มันดีหรือเลว
เพราะผมไม่ได้ใส่ใจจะตัดสินชีวิตใครนานแล้ว

ผมสนใจแต่ว่า วันนี้ ชั่วโมงนี้ วินาทีนี้ ขณะจิตนี้ กายเราจิตเราทำอะไรอยู่
และผมก็อยากให้ผู้อ่านบล็อกนี้สนใจสิ่งเดียวกัน

สุขสันต์กับวันที่เรามีเสื้อผ้าใส่ ไม่ว่าจะแบรนด์อะไรนะครับ


Create Date : 29 กันยายน 2552
Last Update : 5 ตุลาคม 2552 0:21:11 น. 16 comments
Counter : 6812 Pageviews.

 
(-/|\\-)


โดย: aritsumemoon IP: 124.120.204.143 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:10:30:32 น.  

 
..แวะเข้ามาเลยได้อ่านบล็อกใหม่พอดีค่ะ ยังนึกอยู่ว่า เอ๊ หายไปหลายวันจัง ไม่ค่อยมีคำถามนะคะ (ถ้ามีแล้วจะถาม) อาศัยอ่านและศึกษาจากคำถาม-คำตอบ(ที่พี่แอสตั้นแนะนำ) ของสมาชิกท่านอื่นๆ เอาค่ะ ได้ประโยชน์ดีค่ะ สุขสันต์วันอาทิตย์ :)

ปล.1. ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำเรื่องหนังสือ "น้ำพริก" หาซื้อได้แล้วค่ะ


โดย: helloeve IP: 203.209.97.26 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:15:33:12 น.  

 
"ชีวิตคนบนโลกมีหลายหลาก ที่ไปของแต่ละคนก็หลากหลาย
เรียนรู้จากคนอื่น แล้วอย่าลืมเรียนรู้ตัวเอง"
.....
"ผมสนใจแต่ว่า วันนี้ ชั่วโมงนี้ วินาทีนี้ ขณะจิตนี้ ผมทำอะไรอยู่
และผมก็อยากให้ผู้อ่านบล็อกนี้สนใจสิ่งเดียวกัน"

-^_^-

..สาธุค่ะพี่ -/\\-


แต่วันนี้ไปตักบาตรเทโว เผลอส่งจิตออกนอก สำรวจผู้คนอีกค่ะ ตามประสา
และยัง "นี่แหละ..คือฉัน" ผุดพรายขึ้นมาบ่อยอย่างน่ากลัว
^^"


โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.37.64 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:18:19:27 น.  

 
ข้อความล่าสุดในtwitterของKarl Lagerfeldคือ

Fashion's life is short. It's six months, six months, six months. It's not something you do for a great future.

สำหรับดีไซเนอร์ ก็เห็นว่าผลงานของเค้าก็ไม่เที่ยง มันดีแล้วเหมาะแล้วในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

แล้วเราๆท่านๆจะไปวิ่งไล่ให้เหนื่อยทำไม?

ปล. ความเห็นอาจไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในบล็อก แต่อย่างน้อยKarl Lagerfeldก็เป็นดีไซเนอร์ของCHANELล่ะน่า




โดย: Q.NUH วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:22:39:25 น.  

 
เอ่อ... ขอค้านหัวข้อแรกได้ไหม เราเป็นคนนึงที่ยอมรับว่าตามแฟชั่น แต่เราจะตามเฉพาะแฟชั่นที่เรารู้สึกว่ามันเหมาะกับเรา... และไม่ว่าแฟชั่นจะเปลี่ยนไปยังไง ถ้ายังไม่มีอะไรที่มาทำให้เรารู้สึกว่ามันดีกว่า แปลกกว่า เก๋กว่าที่เราแต่งอยู่ เราก็ไม่ยอมเปลี่ยน.... ไม่รู้ว่าจะเข้าประเด็นไหม ถ้าไม่เข้าก็ขอโทษด้วย... แค่รู้สึกตอนอ่านแค่นั้นเอง ;)


โดย: inthana IP: 124.120.19.191 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:1:53:13 น.  

 
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ กระตุ้นเตือนสตินะคะพี่แอสตั้น :)


โดย: วาง ว่าง เว้น IP: 125.24.185.193 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:8:03:07 น.  

 
ไม่ว่า จะแบรนด์ไหน...
แต่งแค่พอดี พอควร ถูำกต้องตามกาละเทศะ ก็น่าจะพอแล้วละมังคะ
ว่าแล้วก็นึกถึงที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่าเมื่อวานไปวัดมา เห็นบางคนใส่ขาสั้นซะสั้นจู๋เชียว..จะตามแฟชั่น ก็น่าจะดูให้เหมาะกับสถานที่บ้างน๊า..
ฟังแล้วก็อยากจะจับตีก้นนักเชียว


โดย: noi IP: 61.91.248.100 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:14:30:04 น.  

 
ดูเพราะชอบออเดรและชาแนล หนังมีอะไรมากกว่าแฟชั่น ออกไปทางหนังชีวิตด้วย ชอบที่คุณแอสตันโควทเพลงของพี่เต๋อ โห เพลงสมัยก่อนนี่สอนแบบเนียนๆ เด็กๆเราฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ

"เราต่างก็เป็นสัตว์โลกที่มีกิเลส ตัณหา อุปาทานเหมือนกัน
เราต่างก็เกิดมามีชีวิตกันคนละ 24 ชม. ต่อวันเสมอกัน
ต่างกันที่สำนึก สติ ปัญญา ความรู้ผิดชอบชั่วดี และกรรม" โคโค่ก็ดีดขึ้นมาจากเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ล้มเหลวจากการอยากเป็นดารา ยอมจำนนเป็นเมียเก็บ แต่คนมันใฝ่ดี อยู่ตรงไหนมันก็ดีได้และได้ดี


โดย: ตามนั้น IP: 203.107.230.169 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:14:35:29 น.  

 
helloeve ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ต้นอ้อ อนุโมทนาครับ

Q Nuh เกี่ยวสิคุณ เกี่ยวตรงๆเลย

คุณ inthana ประเด็นเรื่องแฟชั่น ผมตั้งใจจะพูดเรื่องการมีอัตตาของมนุษย์ครับ

แม้แต่การที่เราประกาศตัวว่า "ฉันไม่ชอบแฟชั่น" มันก็เป็นอัตตาอย่างหนึ่งเหมือนกัน

หรืออย่างกรณีคุณ inthana ที่บอกว่า "เราจะตามเฉพาะแฟชั่นที่เรารู้สึกว่ามันเหมาะกับเรา"

มันก็ยังเป็นเรื่องของ "เรา" อยู่ อันนี้สำคัญกว่าเรื่องตามแฟชั่น หรือไม่ตามครับ อันนั้นผมพูดสนุก ตามสิ่งที่คิดได้ตอนดูหนัง เท่านั้นเอง

คุณ noi เห็นด้วยครับ

ท่านอื่นๆ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน และที่เขียนอะไรไว้นะครับ


โดย: aston27 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:22:15:46 น.  

 

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ


โดย: เต่าตัวลาย วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:9:41:47 น.  

 
พี่เคยมี Chanel No.5 ตั้ง2-3ขวด เขาให้มาทั้งนั้น



แล้วพี่ก้อให้คนอื่นต่อไปด้วยว่า กลิ่นแรงเหลือเกิน



วิ่งตามแฟชั่นถ้าเงินถุงเงินถังก้อน่าวิ่ง


ด้วยว่าทันสมัย ตามเขาว่ากัน...แบบที่คุณเอ็ดบอก


เขาไหน ไขเหนา


เขานั้น เขาโน้น มีหลายเขา...


สัตว์หนานั่น ไม่ใช่สัตว์ประเสริฐแบบที่อยากเป็นกัน


สุขสันต์วันฟ้าสวยค่ะ


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:10:49:07 น.  

 
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ

เข้ามาทักทายพี่ครั้งแรก หลังจากตามอ่านย้อนหลังหมดทุกบล็อก (ใช้เวลาเป็นเดือน)

ขอเป็นกำลังใจให้พี่เขียนเรื่องดีๆต่อไป
และจะรอติดตามผลงานค่ะ


โดย: Budd IP: 58.9.100.204 วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:16:48:29 น.  

 
เป็นเรื่องชั่วคราวจริงๆจ้า ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

ปล. ชอบรูปประกอบมากค่ะ สวยจัง ชอบรู้ว่าชอบนะ


โดย: เป่าจิน วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:11:12:56 น.  

 
Thank you ka khun Aston.


โดย: L J IP: 75.71.87.218 วันที่: 18 ตุลาคม 2552 เวลา:6:21:28 น.  

 
สาธุค่ะ
ไม่ได้เป็นคนบ้ายี่ห้อ ของนอก
แต่จะชอบซื้อ ๆ และตามแฟชั่นพอสมควร
เลยมีเสื้อผ้าเต็ม(หลายตู้) และบางตัวก็ไม่เคยใส่

แต่ มีใครเป็นเหมือนเราบ้างไหม?

ที่พอเริ่มมาฝึกรู้กาย รู้ใจ
ใจมันก็ไม่เหมือนเดิม

อะไร ๆ ที่เคยคิดว่าชอบ ว่าสวย ว่าอยากได้ พอรู้ทัน มันก็จบลงที่ "ไม่มีสาระ" ทุกที (คือ สรุปไม่ได้ซื้อ)

กำลังตามดูไปอีกชั้น ว่า ไอ้ใจที่เริ่มแห้งๆ กับสิ่งรอบข้างนี้ มันเป็นกิเลส "เบื่อ" ตัวหนึ่งหรือเปล่า

"ชอบงานเขียนของคุณแอสตันค่ะ เป็นอะไรที่สะกิดใจ ให้กลับมาเป็นกลางๆ ได้ทุกทีที่ได้อ่านเลย"

สาธุ และขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ


โดย: BeBe IP: 71.158.209.228 วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:9:00:53 น.  

 
อืม....กำลังจะโละเสื้อผ้าเก่าๆทิ้งพอดี
ใช้จริงๆไม่กี่ตัว แต่เต็มตู้รกรุงรังไปหมด
คิดว่าจัดแล้วก็จะมาจัดการขยะใจรกๆโละทิ้งเหมือนกัน
ขอบคุณเสมอมาค่ะ


โดย: Chulee IP: 89.50.26.125 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:42:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.