Group Blog
 
All blogs
 
เรียนรู้เรื่องจิต จากแผลในใจ



มีคำถามจากคุณรัชนี ถามไว้ในกล่องคำถาม ผมตอบไปตอบมา ได้เนื้อความยาวประมาณหนึ่ง และคิดว่ามีประโยชน์ดี เลยขอเอามาใส่ในหมวดหลักนี้นะครับ

สวัสดีค่ะคุณพิทยากร
เป็นแฟนรายการเพลงคุณพิทยากรมานานนนน...มาก...... เพราะเป็นคนยุค 70 ก็เลยชอบเพลงที่คุณเปิดมากๆ

...เพิ่งผ่านพ้นวิกฤตชีวิตมา ตอนนี้สุขภาพแข็งแรงเป็นปรกติแล้ว แต่แผลในใจไม่จางหายไปเลย เมื่อเห็นอะไรที่เกี่ยวกับการรักษาตัวโดยเคมีบำบัด หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการเจ็บป่วย โรงพยาบาล ข่าวการไม่สบายของใครก็ตาม ใจจะฝ่อ กลัว บางครั้งน้ำตาไหล พยายามคิดว่าเราผ่านมาได้แล้ว ลืมอดีต ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด แต่ก็ยังทำไม่ได้ ทุกวันนี้สวดมนต์ นั่งสมาธิ จากที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย เรียกว่าพบธรรมะเมื่อพบวิกฤตชีวิตใจเย็นลงเยอะมากๆ
ขอถามคำถามคร่าวๆ ก่อนค่ะ
1. แผลในใจมีวิธีรักษาให้จางได้บ้างหรือไม่คะ หรือไม่ต้องรักษา
2. เวลานั่งสมาธิจิตใจชอบวอกแวกคิดไปเรื่องอื่นๆ เช่น เรื่องงานถ้าตอนนั้นงานเยอะจะคิดว่าจะทำอะไรก่อน เรื่องทำความสะอาดบ้าน แต่ไม่ได้คิดไปเรื่องในอดีต แต่บางครั้งสวดมนต์แล้วน้ำตาไหลออกมา เพราะคิดไปถึงน้อง พ่อ แม่ที่ทุกคนช่วยให้ผ่านพ้นวิฤกตชีวิตมาได้ (เขียนคำถามนี้ก็น้ำตาไหลออกมาแล้วเช่นกัน แต่กลั้นไว้) มีวิธีใหนที่จิตใจจะไม่วอกแวกเวลานั่งสมาธิได้บ้างหรือไม่คะ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะคะ จะรออ่านค่ะ แล้วจะเขียนมาใหม่ค่ะ

Ratchanee


สวัสดีครับ คุณรัชนี

ที่จริงสองคำถามของคุณรัชนี สามารถอธิบายรวมกันได้เป็นข้อเดียวเลยครับ เพราะเป็นเรื่องของจิตเหมือนกัน

ปกติ จิตเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรารู้สึกว่าเป็น "ตัวเรา" ถูกไหมครับ แต่จิตเองกลับมีความจริงที่แสดงให้เราดูบ่อยๆ แต่เราไม่ค่อยเห็น หรือสังเกต หรือเห็นแล้วแต่ไม่ยอมรับ ว่า "จิตไม่ไม่ใช่ตัวเรา เพราะมันปรวนแปร มีทุกข์บีบคั้นตามธรรมชาติ และบังคับไม่ได้"

พระพุทธเจ้าทรงแจกแจงว่า จิตที่เราเข้าใจกันว่ามันเป็นตัวเรานั้น ที่จริงประกอบขึ้นจากการทำงานของจิต 4 ส่วน บวกกับร่างกายอีก 1 ส่วน รวมเป็น 5 ส่วน เรียกตามภาษาแขกว่า ขันธ์ 5

จิต 4 ส่วนนั้น ได้แก่
1. เวทนา ความรู้สึกสุขทุกข์ ดีใจเสียใจ
2. สัญญา ความจำได้ หมายรู้ ว่าถ้ารูปร่างหน้าตา ภาษาแบบนี้ น่าจะอย่างนี้ น่าจะเป็นอย่างนั้น
3. สังขาร ความคิดนึก ปรุงแต่ง
4. วิญญาน ไม่ได้หมายถึงไอ้ดวงไฟ ลอยไปลอยมา เหมือนในหนังผีสมัยเด็กที่เราดูนะครับ วิญญาน คือจิตตัวที่ไปทำหน้าที่รับรู้ทุกสิ่งอย่าง ทุกตัวที่พูดมาข้างต้น

แผลในใจที่คุณเจอ ที่จริงก็คือการทำงานของจิตในส่วนที่เป็นความจำได้ หมายรู้ บวกกับความคิดนึก ปรุงแต่ง

อาจจะฟังดูโหดร้าย ถ้าต้องบอกว่า จิตมันจะฝังใจกับอะไร เราก็บังคับมันไม่ได้นะครับ ผมสมมติเอาว่าจิตเหมือนต้นมะม่วง ที่ทำงานเป็นปกติสามัญตามธรรมชาติของมันเอง

การที่เรา "คิดเอา" โดยการสมมติตามกฏหมาย ตามเอกสารโฉนด ว่าเราเป็นเจ้าของต้นมะม่วงทั้งสวน ไม่ได้ให้อำนาจเราตรงไหนเลยที่จะ "สั่ง" ให้มันออกลูกได้

มะม่วงมันก็ออกลูกตามธรรมชาติ เมื่อถึงเวลาอันควร เมื่อมีเหตุอันควร เมื่อมีปัจจัยอันควร เช่นได้ดินดี น้ำพอเหมาะ แดดพอเพียง แร่ธาตุสารอาหารครบถ้วน อุณหภูมิเหมาะสม มะม่วงจึงออกดอก ออกผลเอง

คนเราทำได้เพียงแค่สร้างเหตุและปัจจัยให้พอเหมาะ พอดี สมควรแก่การเติบโตของมะม่วง

จิตใจก็เหมือนกัน เราบังคับ เราสั่งเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่ตัวเรา หรือในระดับคนที่ยังไม่เห็นได้อย่างนั้น ก็พอเห็นได้ว่า เขาไม่ได้อยู่ใต้อาณัติบัญชาคำสั่งของเรา

วิธีการจะเห็นจริงได้ว่า จิตไม่ใช่เรา เราใช้วิธีการเจริญสติ หรือเรียกศัพท์ เทคนิคตามอิทธิพลอินเดียว่า วิปัสสนา

วิปัสสนา จึงไม่ใช่การไปนั่งสมาธิหลับตาปี๋ เหมือนกลัวผีมาหลอก แต่เป็นการคอยมีสติคอยรู้สึกตัว รู้กาย รู้ใจตัวเองลงปัจจุบัน ตามความเป็นจริง

ในหมวดกาย พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้รูปกายที่ยืน เดิน นั่ง นอน ไม่ได้บอกว่าให้นั่งสมาธิอย่างเดียว

พูดแบบง่ายๆ กายมันเป็นอย่างไร ให้รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น เช่นมันนั่งรถเมล์อยู่ก็รู้การมีรูปหรือก้อนๆหนึ่งนั่งอยู่ ไม่สำคัญว่านั่งเบาะหน้า หรือเบาะหลัง นั่งสายอะไร รถครีมแดง หรือเมโทรบัส ไม่สน

เห็นว่ารูปที่นั่งเอนไปไหวมาตามแรงซิ่งของคนขับนี้เป็นส่วนหนึ่ง ใจที่ไปรู้กายก็เป็นอีกส่วน อยู่ด้วยกันแต่เป็นคนละส่วนกัน

พูดแบบซื่อๆ เห็นว่ากายเป็นส่วนหนึ่ง จิตเป็นอีกส่วน อันนี้เรียกว่าจิตมันมีปัญญาเบื้องต้น แยกรูป แยกนามได้

นั่งๆไป รถเมล์เบรกกระทันหัน หน้าเราทิ่มเกือบกระแทกเบาะหน้า จิตตกใจ รู้ทันว่าตกใจ หลังจากนั้น จิตปรุงความโกรธ ก็รู้ทันว่าโกรธ

ถ้ามีสติเห็นทันความเปลี่ยนแปลง จากจิตที่เคลิ้มๆ พลิกเป็นจิตที่มีความตกใจ แล้วก็เปลี่ยนเป็นจิตที่โกรธ พอมีสติความโกรธดับไป ทำได้บ่อยๆก็จะเริ่มเห็นได้ว่า ความตกใจ ความโกรธไม่ใช่จิต แต่ความตกใจ ความโกรธล้วนเป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาในจิต เหมือนน้ำเน่าที่ถูกรินลงในแก้ว

แก้วก็ไม่ใช่น้ำเน่า น้ำเน่าก็ไม่ใช่แก้ว แต่มันเป็นสิ่งที่มาอาศัยในแก้ว ทำให้แก้วเหม็นได้

วิปัสสนาเราปฏิบัติ ด้วยการรู้ การดู เพื่อให้เห็นความจริงเหล่านี้ ดังนั้นเราจะดูแบบยอมรับความจริง คอยดู คอยรู้ตามที่มันเป็นจริง ไม่ดัดแปลง ไม่ปรุงแต่ง ไม่เสแสร้ง

กลัว รู้ว่ากลัว ไม่ชอบ รู้ว่าไม่ชอบ โกรธ รู้ว่าโกรธ ไม่ห้าม ไม่บังคับ ไม่กด ไม่ข่ม แต่ยกเว้นว่าต้องไม่ผิดศีล 5 นะครับ

ศีล 5 คือรั้วที่กั้นเราไม่ให้ละเมิดผู้อื่นด้วยกาย ด้วยวาจา แต่ใจนี่เอาไว้ดู เอาไว้เรียนรู้ครับ

ถ้าเห็นความจริงของกาย ของจิตใจบ่อยๆ จิตเองนั่นแหละ จะค่อยๆฉลาดขึ้น จะมีสติสัมปชัญญะมากขึ้นตามลำดับ เพราะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นสภาวะแบบไหน จะดีหรือร้าย ล้วนแต่เป็นของชั่วคราว ผ่านมาแล้วผ่านไป

ความกลัว ก็ไม่ได้กลัวตลอดเวลา กลัวชั่วครู่ ชั่วคราว ใจฝ่อ ก็ไม่ได้ฝ่อ 24 ชั่วโมง ฝ่อได้ ก็ฟูได้ เหมือนที่มันเปลี่ยนจากเคลิ้ม เป็นตกใจ เป็นโกรธ แล้วก็หายโกรธนั่นแหละ

จิตใจที่ว่อกแว่ก ก็เหมือนกันนะครับ มันเป็นธรรมชาติของจิต ที่จะปรวนแปร เคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ถ้าจะทำให้มันนิ่ง มันสงบ ก็ทำได้ เรียกว่าปฏิบัติสมถะกรรมฐาน เช่นดูลม ดูท้องพองยุบ เดินจงกรมเล่นๆ บริกรรมพุทโธ สวดมนต์ หรือกระทั่งไปนั่งถักนิตติ้ง จิตก็จะนิ่งได้ สงบได้ ชั่วคราว

แต่ถ้าจะเอาปัญญา สู้กับทุกข์แบบจริงๆจังๆ เห็นจะต้อง ขยับไปทำวิปัสสนา

ฉะนั้น ที่นั่งสมาธิแล้วเห็นว่ามันเคลื่อนไหว ว่อกแว่ก นั่นแหละดีแล้วนะครับ เห็นอนิจจัง เห็นทุกข์ เห็นอนัตตา นี่แหละวิปัสสนาแท้ๆเลย

ลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ วางใจให้ถูก เชื่อในการเรียนรู้จักตัวเอง แล้วจะเห็นว่า จิตที่ว่อกแว่ก ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ

ปัญหาอยู่ที่จิตอีกดวง ที่ไม่ชอบความว่อกแว่กนั้นอีกทีครับ

สุขสันต์วันที่โลกข้างนอกวุ่นวาย แต่ภายในสงบได้นะครับ





Create Date : 26 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 1 ธันวาคม 2551 18:41:28 น. 26 comments
Counter : 1054 Pageviews.

 
^^

เที่ยงกว่าๆแล้วอย่าลืมหาอะไรทานน่ะค่ะ


โดย: Girl_lov_Star วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:33:14 น.  

 
หญิงก็เป็นคนนึงเหมือนกันที่นั่งสมาธิ แล้วจิตหนีไปคิด
แล้วรู้บ้างไม่รู้บ้างว่าคิดอะไรอยู่

ขอบคุณมากๆค่ะ Blog ของพี่ให้อะไรดีๆมากมาย
พี่เอ็ดดี้รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ลมหนาวเริ่มมาแล้วค่ะ


โดย: เจ้าหญิงทิงนองนอย วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:07:05 น.  

 
"จะเริ่มเห็นได้ว่า ความตกใจ ความโกรธไม่ใช่จิต แต่ความตกใจ ความโกรธล้วนเป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาในจิต เหมือนน้ำเน่าที่ถูกรินลงในแก้ว"

ยังงงๆกับตรงนี้อยู่นิดหน่อยอ่ะพี่ ตอนนี้ผมยังรวมๆเป็นก้อนเดียวกันอยู่เลย เพียงแต่ตอนนี้รู้ทันเร็วขึ้น เผลอก็รู้ ไม่นานเหมือนช่วงแรกๆ แต่ยังแยกไม่ค่อยออกว่าอะไรคือจิตผู้รู้ หรือจิตที่ถูกรู้เลยง่ะ


โดย: Tony Koon IP: 58.9.193.163 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:08:42 น.  

 
เข้ามาอ่านค่ะ ^_^



โดย: Mam IP: 210.160.8.69 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:48:34 น.  

 
สวัสดีค่ะ แวะมาเยี่ยมก่อนกลับบ้านค่ะ...
emo


โดย: Devonshire (Devonshire ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:09:54 น.  

 


มีดาวให้แปะมั๊ยพี่เอ๊ด
จะโหวดบล็อกวันนี้อ่ะคะ
ถูกใจมากกก ..

ความคิดปรุงแต่งของตัวเราเองเนี่ยะล่ะ
เซียนปราบเซียน..
เพราะ..เล่นเอาเหวอไปหลายรอบแล้ว


โดย: myover วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:44:11 น.  

 
หนูก็เป็นอีกคนนึงที่นั่งสมาธิแล้วจิตหนีไปฟุ้งซ่านตลอดเลยค่ะ - -"" บางทีก็รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง
แต่ชอบบล็อควันนี้จังเลยค่ะ ^^ ขอโหวตให้อยู่ในหนังสือเล่มต่อไปของพี่เอ็ดนะคะ แหะๆ


โดย: aritsumemoon IP: 203.131.212.44 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:04:37 น.  

 
อ่านเข้าใจ
แต่ยังดูแยกกาย แยกจิตจากกันไม่ออก แหะๆ - -"


โดย: SEsai* IP: 125.26.205.208 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:12:40 น.  

 
"ปัญหาอยู่ที่จิตอีกดวง ที่ไม่ชอบความว่อกแว่กนั้นอีกทีครับ"

นั่นก็คงเป็นปัญหาของพี่ด้วยค่ะ
ที่ไม่ชอบความทุกข์ ความไม่สบายกาย ใจ
มาเห็นเอาก็ตอนที่คุณแอสตันเคยบอกไว้นานมาแล้ว

บางทีตอนนี้เผลอๆก็ไม่เห็นค่ะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:16:23 น.  

 
ตอนนี้จิตตก เครียด เศร้าใจ กลุ้ม สติแตก เฮ้อ


โดย: meang IP: 118.172.51.38 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:10:26 น.  

 
ดูจิต ดูจิต ดูจิต ... สาธุค่ะ


โดย: ดวงลดา วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:58:12 น.  

 
แวะมาอ่าน..ในวันที่อยากได้กำลังใจค่ะ
ก็รู้ล่ะนะว่าเวลาที่จิตมันเศร้า..เดี๋ยวมันก็หายไปมันเศร้าได้ไม่นาน..เพราะมันไม่เที่ยง
แต่มันก็เศร้าบ่อยจัง...อยากจะเล่นเกมส์กับจิตว่ามันจะเป็นยังไงเราก็ไม่สนใจ..แค่ดูและรู้อย่างเดียว...อย่างนี้ถูกมั้ยคะคุณเอ็ด...


โดย: บ๊วย IP: 124.121.40.211 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:33:09 น.  

 


โดย: zmen วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:17:58 น.  

 
เพลงโรแมนติกไปหรือเปล่า?

แต่ก็ชอบนะ...^^


โดย: Q.NUH วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:53:22 น.  

 

เผลอไปทำเหตุให้นึกถึงแผลในใจบ่อยๆ รู้ตัวอีกที อ้าว คิดไปถึงแผลในใจอีกแหละ คงต้องทำเหตุให้มีสติบ่อยๆ ไม่ได้กลัวเผลอนะคะ เพราะมันเผลอแหง๋มอยู่แล้ว ฮะ ฮะ ฮะ

ที่นี่ Thanksgiving แล้วค่ะ Happy Thanksgiving นะคะ ดิฉันขอขอบพระคุณ พระศาสดาของเราและสาวกทั้งหลายของพระองค์ค่ะ โดยเฉพาะหลวงพ่อปราโมทย์ และ คุณ Aston ค่ะ

รีบเดินก่อนที่จะไม่เห็นทางดีกว่า :D


โดย: daisyntulip IP: 75.43.220.111 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:41:18 น.  

 
รูปดอกทานตะวัน
ตอนแรกก้อนึกว่า เราถ่ายรูปได้คล้ายกับช่างภาพคนเก่งของเวปบล็อกพี่จัง
แต่ พอ เอาไฟล์รูปมาเปิด ก้อ...
ใช่จิงๆด้วย
ปลื้มนิดๆ ขอบคุณที่ยัง เอารูปมาใช้ประโยชน์นะคะ







โดย: แนน ค่ะ IP: 58.8.107.216 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:01:25 น.  

 
รูปสวยค่ะ เพลงก็เพราะ ^^

อ่านคำตอบพี่แล้ว รู้สึกดีค่ะ เปรียบเทียบและขยายความได้ดีจัง :)

จิตใจดูคล้ายจะบังคับได้นะคะ แต่เอาเข้าจริงก็บังคับไม่ได้ อารมณ์ที่เข้ามาจะผลักไสก็ไม่ได้ จะเกี่ยวเหนี่ยวเอาไว้ก็ไม่ได้ เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป ถ้าทัน บางทีเห็นแล้วก็ขำๆ
ตอนอ่านบล็อกนี้ถึงตรงโฉนด และน้ำเน่ากับแก้ว จิตก็ถูกกระตุกซะงั้นค่ะ :p

ปล. ขอให้แผลในใจของเจ้าของคำถามหายไวๆนะคะ


โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.33.159 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:42:51 น.  

 
ขอนอกเรื่องนิดนึงค่ะ

อยากทราบชื่อเพลง และชื่ออัลบั้มด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ


โดย: MiMi IP: 203.144.130.176 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:28:28 น.  

 
ชอบ (ก็รู้ว่าชอบค่ะ) ...
ที่เปรียบเทียบกับสวนมะม่วงค่ะ ... เห็นภาพชัดเจนดี

ตอนนี้ก็พยายามรีบเดินอยู่ ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ยังดีกว่าอยู่นิ่งๆ นะคะ

สุขสันต์วันที่สนามบินยังไม่เปิดค่ะ ^0^


โดย: aggressive red rabbit IP: 202.28.6.18 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:15:48 น.  

 
ชอบอีกแล้วค่ะ
ขออนุญาตเอาไปให้คนไข้อ่านนะคะ
รอพี่รวมเล่มอีก จะได้ซื้อมาไว้ให้คนไข้หลายๆคนค่ะ
ตอนนี้จิตตก ไม่รู้ทำไม log in แล้ว ถึงไม่ขึ้นว่าเรา log in อะ (พูดเล่นนะคะเรื่องจิตตกเนี่ย อิอิ)
พยายามเข้ามาตอบหลายวัน แต่ใส่รูป emoticon ไม่ได้ เลยไม่ตอบ
ตอนนี้ มีสติรู้ตัวว่า อยากก็รู้ว่าอยาก แต่แก้ไม่เป็น ทำไงได้เน้อ เฮ้อ


โดย: My Life as a Doc IP: 125.27.173.127 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:10:28 น.  

 


โดย: Hobbit วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:25:35 น.  

 
ดีใจกับตัวเองจังเลย ที่ตัดสินใจถูกที่วันนี้คลิกเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ เพราะตอนที่กำลังเข้ามาอ่าน กำลังรู้สึกแบบเดียวกับคุณรัชนีที่ถามคำถามไว้เช่นกันค่ะ

อย่างน้อยคำตอบของคุณ aston นอกจากจะได้ช่วยแนะนำคุณรัชนีแล้ว ยังได้ช่วยเตือนสติให้ดอกปีบด้วยเช่นกัน

ขอบคุณมากๆค่ะ


โดย: ดอกปีบ IP: 125.27.209.101 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:07:47 น.  

 
ทำไมเราก็ยังโพสต์แบบใช้ emoticon ไม่ได้หว่า
แก้กันต่อไป (อยากแก้ ก็รู้ว่าอยากแก้นะคะพี่ ตรงนี้ขอ emo จากบรรทัดที่สอง ตัวที่สองจากขวาค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า)


โดย: My Life as a Doc (อย่างไรก็ดี ) วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:0:51:08 น.  

 
เพลงของelgarเพราะนะคะ^.^


โดย: อ้อ IP: 58.8.83.246 วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:1:56:09 น.  

 
Thanks


โดย: yai IP: 58.136.98.1 วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:16:08:51 น.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: aps IP: 61.7.141.18 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:18:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.