Group Blog
 
All blogs
 
ซื้อบันไดไปสวรรค์


(ภาพสวยๆจากฝีมือคุณแป๋ว SavenDaffodils ครับ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้)

มีอาจารย์ท่านหนึ่งอีเมล์มาคุยกับผม เรื่องวิธีการ"โปรโมท"ให้คนทำบุญของวัดแห่งหนึ่ง

อีกท่านหนึ่งส่งกระทู้ในพันทิพมาให้อันหนึ่ง จขกท. เล่าด้วยความน้อยใจว่า
อุตส่าห์ลงทุนซื้อของไปถวายวัด(ตั้ง)พันกว่าบาท แต่ถวายเสร็จหลวงพ่อไม่สวดให้พรเลย

เวลานึกถึงการทำบุญของชาวพุทธหลายท่าน
ผมมักจะนึกถึงเพลงฮิตของ เลด เซพพลิน ชื่อ Stairway to heaven เสมอ

ถ้าไปถามคนอังกฤษว่ารู้จักวงร็อคระดับตำนานที่ชื่อ เลด เซพพลิน ไหม
รับประกันเตะก้นอีตาแอสตันได้ว่า น้อยคนนักที่จะส่ายหน้า

เลด เซพพลิน มีเพลงฮิตที่เป็นตำนานหลายเพลง
แต่มีเพลงหนึ่งที่ยาวประมาณ 8 นาที ชื่อ "บันไดไปสวรรค์" หรือ Stairway To Heaven

เพลงเพราะมากครับ แต่ไม่เคยตัดเป็นแผ่นซิงเกิลเพื่อโปรโมทตามวิทยุเลย
ปกติเพลงที่จะส่งตามสถานีให้เปิด ถ้ายาวมากๆ ต้องตัดเพลงให้สั้นเหลือประมาณ 4-5 นาที
แต่ทางวงไม่ยอม บอกว่า จะเปิดไม่เปิดก็เรื่องของดีเจ ไม่ใช่เรื่องของผม

สามสิบกว่าปีผ่านไป เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่มีคนขอทางวิทยุมากที่สุด
ไม่ใช่แค่ในอังกฤษ แต่รวมถึงอเมริกา และไม่ใช่แค่ปี 1971 ปีเดียวนะ ทุกปี

ในส่วนของความหมาย โรเบิร์ต แพลนท์ นักร้องนำ คนเขียนเนื้อเพลงบอกว่า
มันเป็นแค่เพลงแต่งงานธรรมดา พูดถึงผู้หญิงที่ตัดสินใจแต่งงาน ว่าเหมือนซื้อบันไดไต่สวรรค์

แต่มีหลายสำนักฟันธงว่า เพลงพูดเรื่องวิธีคิด วิธีใช้ชีวิตแบบคนรวย
ที่คิดว่าระดับของบุญ มีความสัมพันธ์โดยตรงกับจำนวนเงินที่ใช้ทำ

บางคนยังไม่เข้าใจเนื้อแท้ของการทำทาน ว่าทำเพื่ออะไร
ส่วนมากยังเข้าใจว่าให้ทานเพื่อจะ "เอา" บุญมาสะสมไว้มากๆ

บางวัดยกเอานางวิสาขา อุปัฏฐายิกา (ผู้อุปถัมป์บำรุงพระภิกษุสามเณร) ในสมัยพุทธกาลมาเป็นต้นแบบ
แต่ลืมความจริงไปข้อหนึ่งว่า นางวิสาขา ไม่ใช่ได้บุญเพราะจำนวนทานที่ทำ

แต่เพราะนางวิสาขาทำบุญโดยจิตบริสุทธิ์ ไม่ได้หวังลาภ ไม่ได้หวังในบุญอะไร
ท่านทำบุญ เพียงเพื่อจะบูชาพระพุทธเจ้า และบำรุงพระศาสนาเท่านั้น

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ท่านเคยเขียนถึงเรื่องทำบุญว่า
"บุญที่ทำในรูปของการถวายทานนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเงินก็ตาม จุดหมายสูงสุดอยู่ที่การลดความยึดติดถือมั่นในตัวกู ของกู

ยิ่งลดได้มากเท่าไร ก็ยิ่งเข้าใกล้พระนิพพานอันเป็นประโยชน์สูงสุดที่เรียกว่า "ปรมัตถะ"ซึ่งสูงกว่าสวรรค์ในชาติหน้า (สัมปรายิกัตถะ) หรือความมั่งมีศรีสุขในชาตินี้ (ทิฎฐธัมมิกัตถะ)

แต่หากทำบุญเพราะหวังแต่ประโยชน์ส่วนตน อยากได้เข้าตัวมาก ๆ แทนที่จะสละออกไป ก็ยิ่งห่างไกลจากนิพพานหรือกลายเป็นอุปสรรคขวางกั้นนิพพานด้วยซ้ำ

อันที่จริงอย่าว่าแต่นิพพานเลย แม้แต่ความสุขในปัจจุบันชาติก็อาจเกิดขึ้นได้ยาก เพราะจิตที่คิดแต่จะเอานั้นเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์"


ท่านยังยกตัวอย่างว่า นักทำบุญหลายท่านมักจะเป็นห่วง มีเยื่อใยในทานที่ถวาย
จะสร้างวัด ก็ห่วงว่าจะมีชื่อตัวเองแปะไว้บนเสาไหม จะสร้างพระก็ห่วงว่าจะมีชื่อสลักไว้ตรงไหน

ลืมไปว่า พระพุทธเจ้าสอนให้เราทำทาน ศีล ภาวนา เพื่อลดละอัตตาตัวตน
แต่กลับไปทำบุญเพื่อหวังประกาศความยิ่งใหญ่ของตัวเอง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ท่านเคยสอนว่า เบื้องหลังการทำกิจกรรมอะไรของมนุษย์
ล้วนแต่เพื่อประกาศอัตตา ว่านี่คือฉัน ฉันยังมีตัวตน แถมเป็นคนดีด้วยนะ

คิดว่าตัวเองเป็นคนดี ก็ยังเป็นอัตตาของคนดี
ถามว่า แล้วไม่ดีเหรอ.. ตอบว่า ก็ดีกว่าเป็นคนชั่วนะ แต่มันก็ยังมีอัตตาน่ะ

ที่สำคัญ ถ้าทำบุญเพื่อสนองอัตตาตัวเอง ถึงจุดหนึ่ง เราอาจจะได้บาปพอๆกับได้บุญ
เพราะยิ่งทำ อัตตายิ่งมาก กิเลสก็ตัวใหญ่ตาม

ย้อนกลับไปพูดถึง เลด เซพพลิน หลายอัลบั้มเป็นผลงานที่ไม่มีกระทั่งชื่อวงบนหน้าปก
มีคนถามว่า ทำไม.. เขาบอกว่า งานดีมันวัดด้วยเพลงข้างใน ไม่ใช่เพราะชื่อบนหน้าปก

เอากะลุงเขาสิ

ถ้าเลด เซพพลิน พูดแบบนั้นได้ เราก็น่าจะคิดได้เหมือนกันว่า
บุญจะดี ไม่ได้อยู่ที่พิธีกรรมยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่ได้อยู่ที่พระสวดหรือไม่สวด
อันนั้นมันเป็นแค่ปก หรือเปลือกของศาสนา แต่มันอยู่ที่ใจของคนทำบุญนี่แหละ

ถ้าเชื่อได้แบบนี้ แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในบุญเทียมๆล่ะครับ

สุขสันต์วันฝนตกครับ



เพลงที่เอามาลงให้ ไม่ใช่ต้นฉบับนะครับ เป็น cover version แบบแจ๊ส จะได้ฟังง่ายกว่า


Create Date : 13 พฤษภาคม 2552
Last Update : 18 พฤษภาคม 2552 7:18:43 น. 18 comments
Counter : 1164 Pageviews.

 
สวัสดีครับคุณแอสตั้น
ผมเป็นแฟนบทความของคุณคนหนึ่งอย่างเหนียวแน่น ชอบที่คุณเขียน เป็นเหมือนคนที่เข้าถึงธรรมจริง ๆถึงเขียนได้ดีขนาดนี้ ผมเป็นศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์คนหนึ่ง (โดยที่ท่านไม่รู้) ผมฟังซีดีของหลวงพ่อ และฝึกดูจิตเองที่บ้านปีกว่าแล้ว ตามทันมั่งเผลอมั่ง(แต่ส่วนมากเผลอบ่อย) ไม่เคยไปกราบท่าน เพราะคิดว่าคงไม่มีบุญพอ ดูคิวแล้วหมดโอกาส ผมชอบฟังซีดีท่าน / อ่านถามตอบของ อ. สุรวัฒน์ในเว็บวิมุตติ/อ่านบทความคุณ ก็พอรู้แนวทาง แต่ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ถามตอบของอ. สุรวัฒน์หายไปไหนไม่ทราบ พอทราบใหมครับ อย่างให้คุณเป็นที่พึ่งของนักดูจิตตลอดไปครับ (เพิ่งเขียนเข้ามาครั้งแรก)


โดย: donking IP: 118.172.122.153 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:41:48 น.  

 
พี่เคยอ่าน


คุณปืน ที่เวป jazz.com ของหลายๆอย่างที่ขายในญี่ปุ่น ก้อไม่มียี่ห้อ

จิตสำนึก...


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:25:44 น.  

 
ขอบคุณสำหรับแง่คิดดีๆครับ :)


โดย: VAAy วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:15:02 น.  

 
โดนใจ...ครับ


โดย: สุริยา IP: 124.120.155.137 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:11:50 น.  

 
ถูกต้อง

และภิกษุ สามเณร ต้องไม่รับปัจจัยจากคุณโยมด้วย

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ


โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:43:13 น.  

 
เอ๋ยยย เพลงบันไดไปสวรรค์ เป็นเพลงแต่งงานหรอนี่ ^^"
เข้าใจผิดมานาน
เพลงเขาเจ๋งดีค่ะ ชอบ :)

ไม่แน่ว่าบันไดที่ซื้อสำหรับไต่สวรรค์ อาจกลายเป็นบันไดไต่ลงนรกแทน
ถ้ามัวแต่ทุกข์ พะวักพะวง ห่วง-หวง บุญเทียม
ก็..บุญเป็นอีกชื่อหนึ่งของความสุขนี่นะคะ ^^


ปล. ระวังอย่าตากฝนนะคะพี่ เดี๋ยวศาลาลุงชินจะขาดโฆษก ;)


โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.33.77 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:50:01 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ติดตามอ่านมานานแล้วเหมือนกันค่ะ ^^
ถือพี่เป็นอาจารย์คนนึงเลยก็ว่าได้


โดย: อ๋อย IP: 58.8.39.166 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:59:14 น.  

 
หยิบเพลงนี้มาเปิดวันเสาร์นี้เลยสิคะ พี่เอ๊ด ^^ รู้สึกจะไม่ได้เปิดนานแล้วเนอะ


โดย: Melody of U IP: 202.142.200.250 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:08:27 น.  

 
เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งบอก melody ว่า ..กะจะทำบุญสะสมไว้เรื่อยๆ..
ทำบุญทีไรหวังผลทุกที ...อยากได้ความสบายใจ เป็นส่วนใหญ่ แล้วก็อยากให้ตัวเองพบเจอแต่สิ่งดีๆ ให้คนรอบข้างไม่ทุกข์ ไม่โศก ไม่มีโรคภัย ศัตรู
...เป็นการยึดมั่นถือมั่นในตัวตนอยู่ดี...

ได้รู้อย่างนี้ ก็จะพยายามทำบุญ ด้วยใจที่ไม่นึกอยากได้อย่างที่เคยเป็นค่ะ

ขอบคุณที่คอยบอกทางค่ะ
^o^

ปล.เพลงเพราะอีกแล้ว ปกติไม่ชอบเพลงร็อคค่ะ แต่ที่ได้จากคุณ aston ชอบดนตรีทั้ง 2 เพลงเลยค่ะ





โดย: myouzhny วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:14:04 น.  

 
...แล้วการร่วมอนุโมทนาบุญโดยที่เราไม่ได้เป็นผู้บริจาค หรือให้ทานด้วยตัวเองนี่ถือว่าได้ทำบุญหรือเปล่าคะ เช่น กรณีเราไม่มี หรือเวลาผ่านเห็นคนใส่บาตร เราก็สาธุอนุโมทนาด้วย ลักษณะนี้ดูเหมือนว่าไม่น่าจะเข้าข่ายการลดอัตตาหรือเปล่าคะ

สงสัยหนอ...


โดย: Arin IP: 202.57.155.98 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:06:00 น.  

 
"บุญจะดี ไม่ได้อยู่ที่พิธีกรรมยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่ได้อยู่ที่พระสวดหรือไม่สวด
อันนั้นมันเป็นแค่ปก หรือเปลือกของศาสนา แต่มันอยู่ที่ใจของคนทำบุญนี่แหละ"

บุญอยู่ที่ใจของคนทำบุญนี่แหล่ะ...


โดย: เป่าจิน วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:15:11 น.  

 
ได้อ่านกระทู้อันนั้นเหมือนกันค่ะ
พี่เอ๊ดตอบดีแฮะ :)


โดย: Hobbit วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:31:10 น.  

 
ได้อ่านกระทู้นั้นเช่นกัน เห็นด้วยกับคำตอบค่ะ
ถ้าวางใจไม่ถูกเวลาทำบุญ อาจพลาดไปเสริมเพิ่มอัตตาได้ ขอบคุณที่เตือนสตินะคะ
เจริญในธรรมค่ะ


โดย: Mint@da{-"-} วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:23:00 น.  

 
คุณ Arin

การอนุโมทนาในบุญที่ผู้อื่นได้กระทำ ถ้าจิตเรายินดีในบุญนั้นด้วยใจบริสุทธิ์ เราก็ได้อานิสงส์ไปด้วยครับ

แต่ทำตั้งใจกล่าวอนุโมทนา ด้วยความอิจฉา หมั่นไส้ หรือโลภอยากได้บุญจากเขา อันนี้บุญที่ควรจะเกิด ก็โดนปนเปื้อนจากจิตที่ไม่บริสุทธิ์นั้น

การอนุโมทนา ดูเผินๆ เหมือนไม่ได้ลดละอัตตา แต่จริงๆ การมีมุฑิตาจิต คือยินดีที่เขาได้สร้างบุญ สร้างกุศล โดยไม่อิจฉา ริษยา ก็ชื่อว่าเราลดอัตตาไปในตัว

เพราะมีแต่คนที่มีอัตตา หนาใหญ่ จึงรักในหน้าตา ในชื่อเสียง ว่าฉันก็เป็นคนทำบุญนี้ๆเหมือนกัน

ในความเห็นผม ผมมองว่า เป็นการสละออก ซึ่งความรัก หวงแหน ในหน้าตา ตัวตน ในแบบหนึ่งนะครับ


โดย: aston27 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:03:59 น.  

 
สาธุค่ะ ... ขอให้เราทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ ... ล้วนลดอัตตาได้ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นนะคะ


โดย: ดวงลดา วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:42:50 น.  

 
ติดตามอ่านงานของคุณแอสตัน ประจำครับ ชอบๆ เขียนไปเรื่อยๆ นะครับ แต่ถ้าเหนื่อยก็หยุดได้นะครับ ไม่ได้ห้าม...เพราะมันเป็นอนัตตา


โดย: แบ๊ว IP: 124.121.173.132 วันที่: 16 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:46:38 น.  

 
สวัสดีค่ะ ได้รู้จักคุณ Aston จากทาง Hi5 เลยได้ติดตามมาที่ blog

งานเขียนเยอะเลยค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับงานเขียนเตือนใจ รูปก็สวยดีนะคะ

Stairway to Heaven อ่านจบปุ๊บก็นึกถึงน้าคนหนึ่งที่อยากทำทานกับพระที่เข้าสมาบัติมากๆ ถึงขั้นต้องดั้นด้นไปตามหาเพื่อถวายปัจจัยให้ท่าน

แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า เอาอีกแล้วเรา ..ความผิดคนอื่นใหญ่เท่าขุนเขา ความผิดเราเท่าเส้นผม.. วิจารณ์คนอื่นเป็นนิสัย มะดีมะดี

หันกลับมาดูตัวเราก็ยังทำทานหวังนู่นหวังนี่ ต่อไปคงต้องตั้งใจใหม่แล้ว

สาธุค่ะ


โดย: TanyalukS วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:29:19 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณ Aston

ได้มารื้อฟื้นที่จะเข้ามาอ่านเรื่องราวในบล็อกของคุณ ตอนที่ได้ฟังซีดีหลวงพ่อแล้วได้ยินชื่อคุณอีกครั้งนึง นึกขึ้นได้ว่าห่างหายไปนานเลยกลับมาเยี่ยมแล้วก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในใจคุณจากการเริ่มเจริญสติ อนุโมทนาค่ะ

ชอบเนื้อความของบทนี้ที่คุณเขียนลิ้งค์เพลง Stairways กับการทำบุญ ได้ข้อคิดดีมากและก็เก๋สุดๆเลย ชอบๆ รู้ว่าใจมันฟูขึ้นมาเชียว คุณแปลเพลงเก่งดีนะ ที่แปลเนื้อเพลงที่ป้า Nina Simone ร้องน่ะ ถอดออกมาได้เพราะมาก

อนุโมทนาค่ะ เพิ่งรู้ว่าคุณเขียนหนังสือออกมาด้วย ไว้ถ้าได้อ่านแล้ว จะแวะมาบอกนะคะ ยินดีด้วยค่ะ


โดย: รุ้ง IP: 203.107.230.169 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:58:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.