Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องของชั้น








ตั้งใจจะมาขอบคุณทุกท่านที่กรุณาโหวตให้ผมได้สายสะพายมาอีกปีครับ

น่าสังเกตว่า สาขานี้มีคนได้รางวัลคือผมคนเดียว
สงสัยจะเพราะเรื่องธรรมะไม่ค่อยมีใครเขียนกันหรือเปล่าไม่ทราบ

ที่จริงผมไม่เคยจัดประเภทบล็อคตัวเองว่าเป็นบล็อคธรรมะเลยนะครับ
ถ้าใครสังเกต ผมจะจัดหมวดหมู่เรื่องที่เขียนไว้ในหัวข้อ "จิปาถะ" เสมอ

ผมมีเหตุผลสองสามข้อที่ทำแบบนี้

ข้อหนึ่ง..
ว่ากันตรงๆ ผมยังไม่ถึงขั้น ที่จะแสดงธรรมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มปากเต็มคำ
ที่เห็นตัวเองอยู่ ก็ยังกิเลสหนา ปัญญาน้อย แค่เอาตัวรอดไม่จมในคลื่นทุกข์ ก็บุญนักหนา

ถ้าผมถึงโสดาบันแล้ว ก็อาจจะมั่นใจมากขึ้น เพราะแน่ใจได้ว่า ไม่พาคุณหลงทางกันแน่ๆ

สอง.. เพราะผมก็ไม่ได้ตะบี้ตะบันเขียนแต่เรื่องธรรมะ แค่เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเล่า
แล้วก็เจือความรู้แค่หางอึ่งที่จำครูบาอาจารย์มา ไว้เป็นแนวทาง

สาม.. ผมเป็นคนนึงที่สนใจใฝ่รู้เรื่องพุทธศาสนา แต่อ่านหนังสือธรรมะไม่ค่อยเข้าหัว
เจอศัพท์ภาษาแขกเข้าไปแล้วจะมีอาการวิงเวียน หน้ามืด ต้องควานหายาดมส้มโอมือ

พอมีโอกาสได้เขียนเรื่องธรรมะ เลยตั้งใจ และพยายามเขียนให้มันเป็นภาษาไทย
พยายามไม่อาศัยภาษาแขก และอยากให้คุณเข้าใจได้ว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของเราๆท่านๆ

ไม่ใช่เรื่องยากเย็น ไม่ใช่เรื่องต้องปีนบันไดเรียน หรือลำบากไปไกลถึงไหนๆ

คนพูดธรรมะเป็น เห็นธรรมะได้นี่ ไม่ได้วิเศษกว่าชาวบ้านอะไรหรอกนะครับ
วันดีคืนร้าย เราก็โดนกิเลสซัดเสียน่วมอ่วมอรทัยอยู่นั่นแหละ

ต่างกันก็เพียงแค่ เราพอจะเอาตัวรอดได้บ้าง ไม่ตกน้ำตกท่าเวลาโดนมันซัด
มีทุกข์ก็แบกทุกข์น้อยกว่าแต่ก่อนเก่า กลัวบาปกลัวกรรม ยิ่งกว่ากลัวผี

ไม่ได้แปลว่า หมดกิเลส เป็นคนเหนือธรรมดา เหนือชั้นกว่าใคร

ก็เหมือนคนเป็นดีเจ เป็นนักจัดรายการ ไม่ได้แปลว่ารู้จักเพลงทุกเพลงในโลก
ไม่ได้แปลว่าเชี่ยวชาญชนิดเหนือชั้นเกินมนุษย์มนา เว้นเสียแต่จะอีโก้อัตตาใหญ่หน่อย

แต่เป็นคนรู้จักนำเสนอ รู้จักถ่ายทอดบอกเล่า เรียงเพลงเป็นร้อยเพลงเก่ง เท่านั้น
คนที่สนิทกับผมจะทราบดี ว่าผมมักจะบอกเสมอ ว่าผมรู้น้อย ที่จัดรายการได้ดีก็เพราะคนฟัง

ผมเองไม่ค่อยสบายใจนัก เวลาใครเอาผมไปเทียบกับคนอื่น ทำนองว่าผมเก่งกว่า ดีกว่า
ผมว่าคนเรามันวัด เทียบกันแบบนั้นไม่ได้นะ ทางใคร ทางมันน่ะ

เพราะผมว่าคนที่พูดแบบนั้น ก็เพราะเขาชอบเรามากกว่าอีกคน
ถ้าไปฟังคนอื่นที่ชอบอีกคนมากกว่าผม เขาก็ต้องพูดอีกอย่าง

ฉะนั้น เวลาได้รางวัล เวลาได้คำชม ผมก็จะขอบคุณ แล้วก็อยู่กับปัจจุบัน
เวลาได้คำด่า ผมก็จะขออภัย แล้วก็อยู่กับปัจจุบัน คือเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น

อย่างในบล็อคที่แล้ว มีคนมาคอมเมนท์โดยเอาผมไปเทียบกับคุณซันนี่
ผมก็ยังเห็นจิตมันปรุงความรำคาญใจขึ้นมา เพราะคำว่า "ห่างชั้น" นั่นแหละ

ถ้าเป็นคนที่สติไว คนที่เก่งมากๆ เขาจะเห็นเลยว่า มันเป็นแค่ "ตัวอักษร"
มันไม่ได้เป็นคำชม หรือคำด่า เหยียดหยาม เย้ยหยัน ยกย่องอะไรทั้งนั้น

มันคือใจเราเองต่างหาก ที่ไปแปลความออกมา ว่าเขารู้สึกยังไง

ไม่นานมานี้ ผมตกอยู่ในภาวะลูกแกะที่ไปทะเลาะกับหมาป่าเข้า
ผมพูดสุภาพกับเขา เขาก็อ้างว่า..ผมไม่จริงใจ พยายามใช้คำพูดเพราะๆเลียเขา
ผมพูดแบบห้วนๆ ตรงๆ เขาก็บอกว่า..ผมหลอกด่าเขา

สรุปคือ ทำอะไรก็ผิดอยู่ดี เพราะเขามีอคติอยู่เป็นทุนเดิม
ฉะนั้น มันไม่สำคัญว่าผมจะพูดอะไร เพราะเครื่องแปลภาษาในใจเขามันถูกตั้งไว้อยู่แล้วว่า "ผิด"

ทำอะไรไม่ได้ ก็อยู่นิ่งๆ พูดอะไรไม่ได้ ก็อย่าพูด
เราก็อยู่ของเรา ให้เขาเป็นของเขาไปอย่างนั้น

ใครจะว่าผมห่างชั้น ก็เรื่องของเขา ปัญหาของเขานะครับ
ผมอยู่บนสองเท้าของผม ไม่ได้อยู่บนชั้นที่ไหน
ถึงจะต้องไปกังวลว่า ผมอยู่ใกล้ชั้น หรือห่างชั้น

เคยได้ยินครูบาอาจารย์เล่าว่า.. สมัยพุทธกาล พุทธศาสนาก็เป็นศาสนาของชนกลุ่มน้อยนะ

ถ้านับเอาจำนวนสาวกผู้นับถือพระพุทธเจ้า เราห่างชั้นกับศาสนาอื่นเยอะครับ
อย่างในอินเดีย พวกฮินดูมีเยอะกว่าชาวพุทธเยอะ แม้แต่ในยุครุ่งเรืองสุดขีดก็เถอะ

สำหรับฮินดูแล้ว พระพุทธเจ้า เป็นแค่ภาคหนึ่งของพระนารายณ์ หรือพระพรหม ที่อวตารลงมาแค่นั้น
แต่อันนี้ไม่ได้พูดเรื่องพระธรรม คำสอนนะ ว่าอันไหนแจ่มกว่า
เพราะบอกแล้วว่า ของแบบนี้ ทางใคร ทางมัน

ฝั่งโน้น เขาอาจจะชอบของเขา ศรัทธาของเขาอย่างนั้น ก็ให้เขาว่าของเขาไป

ฉะนั้น ในฐานะคนธรรมดา ใครจะห่างจากชั้นไหน ผมว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เวลาตายไป ก็นอนราบบนระนาบเดียวกันหมด

จะห่างกันก็เพราะชั้นบนพุง ว่าใครมากชั้นกว่านี่แหละกระมัง

มองอีกมุมนึง.. "ห่างชั้น" นี่มันปัญหาของคนอื่น
แต่ "ห่างเธอ" นี่สิ ปัญหาของเราเห็นๆ
เอิก.........................................

ว่าแล้วก็เอาเพลงของแคโรล คิง เกี่ยวกับความ "ห่าง" มาฝาก
so far away คือชื่อของเพลงครับ



สุขสันต์วันอาทิตย์ ครับ


Create Date : 13 มกราคม 2551
Last Update : 23 มกราคม 2551 21:35:00 น. 28 comments
Counter : 786 Pageviews.

 




โดย: a r i t s u m e m o o n IP: 124.122.155.157 วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:17:34:27 น.  

 
ช่างมันเหอะพี่เอ๊ด ใครจะว่าห่างชั้นห่างเธออะไรก็ว่าไป ในเมื่อมีคนชอบก็ย่อมมีคนไม่ชอบเหมือนกันน่ะ

บอกตามตรงว่าผมอ่าน Blog พี่เอ๊ดมาปีกว่า ยังไม่ต้องใช้ยาดมส้มโอมือเลย พี่เอ๊ดถ่ายทอดได้เข้าใจไม่ยากจริงๆ

ประโยคที่พี่เอ๊ดบอกว่า "ทำอะไรก็ผิดอยู่ดี เพราะเขามีอคติอยู่เป็นทุนเดิม" อันนี้เห็นด้วย 1000% เลยครับ เพราะตอนนี้ก็เจอสภาพในที่ทำงานไม่ต่างจากเหตุการณ์แบบนี้อยู่ แต่เป็นอคติของเพื่อนร่วมงาน จนตอนนี้เริ่มเบื่อๆอยากหางานใหม่ทำแล้วพี่

ปล.สุดสัปดาห์ที่ไม่มีรายการที่ดีเจทำอะไรขำๆให้คนฟังฮากันนี่ มันช่างดูเงียบเหงาจริงๆ


โดย: Tony Koon (tk_station ) วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:18:02:39 น.  

 


นึกภาพลูกแกะแอสตันทำน้ำขุ่น
แล้วมีหมาป่ามองตาเขียว

บางครั้งเครื่องแปลภาษาของคนที่ไม่ชอบหน้ากัน หรือไม่ต้องการฟังกัน
มันก็ช่างแปลได้ใจความสำคัญว่า "เออ แกผิด"
ไปซะทุกที

ชอบ Carole King ก็เลยคิดว่าเรื่องธรรมะในนี้อ่านง่ายที่สุดแล้ว...
ไม่ต้องใช้ยาหอม ยาลม ยาดม ยาหม่องใดๆ
ลำเอียงเห็นๆ เลยเนี่ย
เครื่องแปลภาษาทำงานแบบรวนๆ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:18:40:36 น.  

 
งั้นแบบนี้ก็ต้องระวัง "อย่าได้ห่างเธอ" เป็นเด็ดขาดสิค่ะเนี่ย เพราะฟังดูเป็นปัญหาของเราเองเต็มๆ เลยemo


ดีใจด้วยสำหรับผลโหวตค่ะ .. แบบว่าเราก็กดโหวตให้คุณแอสตัน
ในหัวข้อธรรมะเช่นกันค่ะ แบบว่าการพูดถึงธรรมะแบบจิปาถะ
อย่างที่คุณแอสตันทำนี่เราว่าอ่านง่ายๆ เข้าใจดีเลยนะค่ะ
ไม่ต้องเอาแบบองค์ความรู้มาประกอบจนทำให้คนอ่านงงเลย
เพราะว่ายิ่ง่อ่านยิ่งไม่เข้าหัว แทนที่จะได้เรื่องราวกลับจะได้
เรื่องคิดมากเพิ่มไปอีก แบบนี้คงไม่ดีแน่นอนเลยค่ะ
emo


โดย: JewNid วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:19:19:46 น.  

 
umm!


โดย: MM (ongchai_maewmong ) วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:19:42:55 น.  

 
"ผมก็ยังเห็นจิตมันปรุงความรำคาญใจขึ้นมา เพราะคำว่า "ห่างชั้น" นั่นแหละ

ถ้าเป็นคนที่สติไว คนที่เก่งมากๆ เขาจะเห็นเลยว่า มันเป็นแค่ "ตัวอักษร"
มันไม่ได้เป็นคำชม หรือคำด่า เหยียดหยาม เย้ยหยัน ยกย่องอะไรทั้งนั้น

มันคือใจเราเองต่างหาก ที่ไปแปลความออกมา ว่าเขารู้สึกยังไง "

มึคำถามค่ะ
การรู้เท่าทันและเลือกใช้เครื่องแปลจากใจของเรา แล้วพบว่ามันเป็นแค่ตัวอักษร หรือ ลมที่เปล่งออกมากระทบหู ทำให้เรากลายเป็นคนที่ไม่สนใจคำทั้งติและชมของผู้คนรอบกาย ก่อให้เกิดความมั่นใจในอัตตาจนเกินไปมั้ยคะ แล้วทำไงดีคะ


โดย: vanda IP: 58.8.124.156 วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:20:42:34 น.  

 
ยินดีด้วยครับ กับสายสะพาย
ตอนโหวตให้พี่ ผมก็โหวตบล็อกธรรมมะครับ แหะ แหะ

ส่วนคอมเม้นต์เกรียนอันนั้น
ในใจตอนแรกที่เห็น ก็ว่าจะคอมเม้นต์ต่อ
แต่ก็ไม่รู้จะไปราดน้ำมันลงในไฟแช็คทำไม
เพราะผมเองก็สำเหนียกได้ว่า พี่กับพี่ซอนนี่ คนละแนวเลย
เหมือนเราไม่ควรนำนักกีฬาฟุตบอลกับบาสมาแข่งกัน
ว่าแล้วก็ฟัง คาโรล คิง ดีกว่า เพลงโปรดเลย


โดย: getterTu วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:21:38:03 น.  

 


โดย: นักรักโลกมายา วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:23:04:36 น.  

 
เจอเรื่องของชั้น จนต้องมาเขียน "เรื่องของชั้น" เลยเหรอคะ...^^

ยั่วขึ้นนี่หว่า...

blogดิฉันซิ "เรื่องของชั้น"ทั้งblogเลย ฮ่า...ฮ่า...

ก็blogชั้น จะเขียนอะไรมันก็...เรื่องของชั้น!

อ่านแล้วจะคิดยังไง ก็"เรื่องของคุณ"



โดย: Q.NUH วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:23:30:26 น.  

 
อ่านเพลินๆ รวดเดียวจบ
จากชั้นถึงเธอ
เป็นความสามารถเฉพาะตัวของพี่เอ๊ดนะคะเนี่ย

สุขสันต์ก่อนวันจันทร์ค่ะ
^^





โดย: I am just fine^^ วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:23:42:18 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแอสตัน...

หากจะบอกว่า ดีใจ เสียใจ (ตลอดจน รัก ชอบ เกลียด เฉย) ที่คุณได้สายสะพายมาครองอีกปี เราคิดว่าก็คงไม่จำเป็นสำหรับคุณ(ล่ะมั้ง)...

งั้นขอเล่าอะไรให้คุณฟังเล่นเฉยๆ แล้วกันว่า เราดีใจกับตัวเองที่ได้เห็นบล็อกของคุณเป็น popular vote ธรรมะดีเด่นเมื่อวันบ่ายศุกร์ เลยมีโอกาสได้เข้ามาอ่านแบบม้วนเดียวจบตั้งแต่ป้ายแรก เอ้ย! บล็อกแรกยันบล็อกสุดท้าย (เพิ่งอ่านจบวันนี้) จนได้ทรมานกายด้วยการนอนตีสองติดกันทุกคืน คืนนี้ก็เช่นกัน (ดีนะที่กิเลสมาช่วงวันหยุดพอดี อิอิ )

ไว้เขียนเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดามาให้อ่านอีกบ่อยๆ นะคุณ

ปล; เราเป็นคนละซันนี่กับที่เค้ากล่าวขวัญถึงกันข้างบนนะ แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่รู้เลยว่าเค้ากล่าวกันถึงเรื่องอะไร (แถมไม่ได้อยากรู้ซะด้วยสิ คงไม่มีใครว่าใช่มะ ก็เรื่องของชั้นนี่อะ! )


โดย: Sunnie IP: 161.200.255.162 วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:2:07:37 น.  

 
สวัสดีทุกท่านครับ

ที่เขียนชื่อบล็อคตอนนี้ว่า "เรื่องของชั้น" อันนี้เป็นการเล่นคำนะครับ

คุณป้าคิว อย่าได้เข้าใจว่าผมยั่วขึ้นเป็นอันขาด

ที่จริงว่ากันโดยหลักวิปัสสนา การโกรธ หรือขุ่นใจ เป็นเรื่องธรรมชาตินะ

พระพุทธเจ้าบอกว่า จิตเป็นอกุศล รู้ว่าเป็นอกุศล ใช้ได้นะ
เพราะเป็นการรู้ตามที่เป็นจริง ไม่เสแสร้ง ไม่แทรกแซง

แล้วถ้าเห็นบ่อยๆ ก็จะรู้ว่าไอ้ที่โกรธ ที่ขุ่น ไม่ใช่เพราะใครอื่น
เพราะตัวเราเองนี่แหละ ไปแปลตัวหนังสือเขาแบบนั้น

แล้วก็จะเห็นว่า ขุ่น ก็เป็นสภาวะอย่างนึงที่ไม่คงที่
ขุ่นได้เอง ก็ใสได้เอง โดยไม่ต้องไปวุ่นวายกับมัน

เหมือนน้ำในโอ่งที่ขุ่นเพราะเราไปกวนมัน ก็ย่อมใสได้เองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไร

ยิ่งแก้ ยิ่งอยากให้หายขุ่น ก็ยิ่งขุ่น

เอิก......

มาตอบคำถามคุณแวนดาครับ

"มึคำถามค่ะ
การรู้เท่าทันและเลือกใช้เครื่องแปลจากใจของเรา แล้วพบว่ามันเป็นแค่ตัวอักษร หรือ ลมที่เปล่งออกมากระทบหู ทำให้เรากลายเป็นคนที่ไม่สนใจคำทั้งติและชมของผู้คนรอบกาย ก่อให้เกิดความมั่นใจในอัตตาจนเกินไปมั้ยคะ แล้วทำไงดีคะ"


ถ้าคุณแวนดาเป็นได้อย่างนั้น โดยไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ แทรกแซงมัน ก็ดีมากเลยนะครับ

เพราะไอ้ ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน เห็นก็สักแต่ว่าเห็น นี่ไม่ใช่ของแบกะดินหากินได้ตามเซเว่น

ของจริงๆมันเกิดขึ้นเพราะจิตมันเป็นกลางด้วยสัมมาสติ
คือเห็นว่าทุกอย่างมัน"เป็นของมันอย่างนั้นเอง"

แต่ผมอยากบอกว่า.. ต้องสังเกตดูเอาว่า ตอนที่รู้ว่าตัวเองเป็นแบบนั้น.. จิตของคุณแวนด้าเป็นยังไงต่อ

คือพอรู้ว่า มันไม่ปรุงอะไร จากสิ่งที่ได้อ่าน ได้ยิน แล้วมันยินดี หรือยินร้าย หรือเฉยๆ

หรืออย่างที่คุณแวนด้าสงสัย ก็ต้องรู้ทันนะครับ ว่าสงสัยไปแล้ว

ถ้าเห็นว่ามันปรุงอัตตา ว่ากูเก่ง กูดี ก็ต้องรู้ทันอีก

ที่ผมเห็นมา ผมเรียนรู้อย่างนึงว่า ความมีสติก็ดี ความเป็นกลางก็ดี มันเกิดทีละแว้บครับ

แว้บเดียวสั้นๆ ไอ้ที่มันชุ่มชื่น ยินดี โล่งๆ สบายๆ นั่นมันผลของสติ

ความเป็นกลางก็เหมือนกัน ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอัตตา
มีอัตตา ก็รู้ว่ามีอัตตาครับ ใช้ได้แล้ว

แล้วเชื่อเถอะ เราไม่ได้เป็นกลางตลอดเวลาหรอก
เพราะอย่างที่ผมเป็น คือพอเป็นกลางบ่อยๆเข้า มันก็ดีใจขึ้นมา ว่าเออ.. เราเก่งเว้ย

พอเห็นแค่นั้นแหละ.. หลงไปแล้ว

ฉะนั้น หลักสำคัญสำหรับนักเรียนวิปัสสนาทุกท่าน
ถ้าเป็นเวลาทำการบ้าน ไม่ใช่เวลาทำงานที่ต้องใช้ความคิดนะ

ให้รู้ลงปัจจุบัน ลูกเดียว ไม่ต้องคิดมาก
คิดมาก ก็ตามรู้มันไป ว่าหลงไปคิด

รู้กิริยาที่มันคิด ไม่ได้ให้สนใจว่าคิดอะไร

รู้ทันแล้ว จิตชอบ ไม่ชอบ ยินดี หรือยินร้ายก็ตามรู้มันต่อ

รู้ลงปัจจุบัน จิตดี ก็รู้ จิตไม่ดี ก็รู้ รู้อย่างที่มันเป็นจริงๆ
จิตไม่ดี ไม่ต้องไปแก้ แค่รู้ทัน รู้แล้วไม่แทรกแซง

แต่อย่าผิดศีล 5 นะครับ
ไม่ใช่เห็นยุงกัดแขน รู้ว่าอยากตบยุง แล้วตบ อันนั้นไม่ไหว

แต่ถ้าแค่ อยากดูทีวี อยากฟังเพลง รู้ว่าอยาก
ถ้ารู้ทันแล้ว มันมีเหตุจำเป็นจะต้องดู ก็ดูได้ครับ ไม่ผิดศีล

แต่ดูแล้วก็ปฏิบัติได้นะ เช่นดูละคร เห็นนางเอกสวย ใจมันชอบ รู้ว่าชอบ
ใจมันอิจฉา ที่นังนี่มันสวยกว่าเรา รู้ว่าอิจฉา

เห็นมันโดนตบ สะใจ รู้ว่าสะใจ สงสาร รู้ว่าสงสาร

เห็นพระเอกมันโง่ โดนนางร้ายมันหลอกแล้วเชื่อ หงุดหงิดรู้ว่าหงุดหงิด
โฆษณาเยอะ รำคาญ รู้ว่ารำคาญ

กว่าจะดูละครจบตอนนึง ได้ทำการบ้านตั้งหลายข้อแล้วเห็นมั้ยครับ ไม่ยากเลย


โดย: aston27 วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:8:28:57 น.  

 
เป็นนักเรียนวิปัสสนานี่เหมือนเข้าไปอยู่ในลิฟต์ที่มีกระจกเงา 6 ด้านนะคะ สะท้อนภาพไปมาของความคิดและการตามทันจิตอย่างไม่สิ้นสุด แถมยังถูกดึงขึ้นดึงลงอีก เฮ้อ งง
อ้อ ต้องรู้เท่าทันจิตอีกว่า กำลัง งง

ขอบคุณนะคะสำหรับคำตอบ


โดย: แวนด้า IP: 58.8.129.41 วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:17:52:54 น.  

 
ชั้น..ชั้น..
เธอ..เธอ..
ทั้งชั้น..ทั้งเธอ

สุดท้ายก็ต้องห่าง จากกันไป ทั้งเธอและชั้น


โดย: ต้นอ้อล้อลม IP: 58.136.210.101 วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:23:40:57 น.  

 
..เย๊..เย๊..
เข้ามาแสดงความยินดีด้วยค่ะ
ไม่รู้ว่ายินดีให้ตัวเองอ๊ะป่าว
เพราะมินก็โหวตให้ในสาขานี้ด้วย
เสาร์-อาทิตย์ ไม่ได้ยินเสียงคุณเอ๊ดแล้ว
ตอนนี้ต้องใช้อ่านเอาอย่างเดียวอ่ะ
ปล.เดี๋ยวตามไปบ้านคุณคูณหน่อยดีกว่าค่ะ
ดูเหมือนจะกำลังเซ็ง ๆ
ไปแหย่ให้ยิ้มซักนิดก็ยังดีค่ะ


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:8:13:29 น.  

 
ยินดีด้วยนะคะ
ถึงจะไม่เคยได้โหวตให้ (เพราะไม่ใช่สมาชิก blog) แต่ส่วนตัวแล้ว blog นี้ก็ถือเป็น blog ธรรมะอันดับหนึ่งเลยค่ะ

ปล. ไม่ใช่ซันนี่ที่พี่พูดถึงหรอกนะคะ



โดย: sunny IP: 58.8.35.5 วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:23:52:00 น.  

 
สวัสดีค่ะ
เขาโหวต blog กันแล้วเหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องเลยค่ะ เพิ่งรู้นะเนี่ย
อยากถามคุณแอสตัน (ถ้าไม่อยากพูดถึงก็ไม่ต้องตอบนะคะ) ตอนที่ชีวิตแต่งงานของคุณจบไป ที่คุณบอกว่า ถ้ามีรักครั้งใหม่ คุณจะไม่ลดมาตรฐานตัวเองลง ประมาณนี้หรือเปล่าคะ (ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัย)
มันยังไงคะ ยกตัวอย่างเรา ถ้าเรารู้ว่านิสัยเราเป็นยังงี้ นิสัยเขาเป็นยังงั้น ซึ่งเป็นนิสัยที่เรารับไม่ได้
ได้ลองปรับเข้าหากันแล้ว มันไม่ใช่
ก็ต้องเลิก เพราะเราก็ไม่อยากลดมาตรฐานตัวเองลง เพื่อที่จะรักกันอีกและเสียใจในวันข้างหน้า เป็นวงจร รักๆเลิกๆ
emo คุณว่าเราทำถูกไหมคะ
เพื่อที่ทั้งเราและเขาจะได้ไม่เสียสุขภาพจิต
ที่จะต้องมาทะเลาะกันอีก รักกันอีก และเลิกกันอีก
ขอบคุณค่ะemo


โดย: หมีเท็ดดี้ IP: 203.157.72.199 วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:11:35:56 น.  

 
แวะมาอ่านคอมเมนท์และขอบคุณที่แวะมาครับ

คุณหมีเท็ดดี้ครับ

ที่จริงมาตรฐานผมมีอยู่ข้อเดียว
คืออยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ

ไม่ใช่เขาสบายใจ หรือผมสบายใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียว
แต่เป็นความสบายใจร่วมกันของคนสองคน

เพราะขึ้นชื่อว่า "ชีวิตคู่" มันบอกอยู่แล้วว่า เป็นเรื่องของ "คู่"

แต่เรื่องความรัก มันไม่เคยมีสูตรตายตัวหรอกครับ
ผมก็เคยนึกว่า ถ้าจะมีแฟนอีกที คนแบบนั้นผมไม่เอา คนแบบนี้ผมไม่เอา

แต่พอถึงเวลาจริงๆ ถ้ามันรักไปแล้ว อะไรมันก็มองข้ามได้

ตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือเป็นเรื่องต้องผิดศีล ผิดธรรม

หรือไม่ใช่เรื่องที่เห็นว่า ถ้ายังเป็นอยู่ในระยะยาว มันจะทำให้ชีวิตเรามีปัญหา ทะเลาะเบาะแว้ง

แต่ถามว่า เป็นเรื่องไหนบ้าง อันนี้ตอบลำบากครับ
เพราะมันแล้วแต่รายละเอียดของแต่ละคน แต่ละคู่

อย่างที่บอกนะ.. ความรัก มันไม่มีสูตรสำเร็จหรอก


โดย: aston27 วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:13:57:11 น.  

 
ช่วงชีวิตคนเรา อาจต้องมีคนที่ห่างหาย
ทั้งที่ยังมีลมหายใจ..และที่ไม่มีวันกลับ
แต่เราไม่เคยทำใจได้สักครั้ง

รู้สึกหม่นหมองหดหู่ ไร้อนาคตยังไงบอกไม่ได้อธิบายไม่ถูก
(ยิ่งได้ฟัง so far away ยิ่งประทบใจ)

มันไม่จริงหรอกนะที่ว่าเค้าไม่ได้จากไปไหน หากยังอยู่ในใจเรา
เพราะมันสัมผัสไม่ได้ ถ่ายทอดไม่ถึงซักหน่อย

ทำไงดีคะ????


โดย: โจรสลัดพลัดถิ่น IP: 58.137.129.220 วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:16:23:59 น.  

 
ขอแก้ไขคำว่า ประทบใจ เป็น กระทบใจค่ะ


โดย: โจรสลัดพลัดถิ่น IP: 58.137.129.220 วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:16:25:42 น.  

 
ขอดม ส้มโอมือ หนึ่งฟื๊ดค่ะ อิอิ


โดย: Ab Psy ReinDEAR++ (Ab Psy ReinDEAR++ ) วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:23:30:23 น.  

 
แจงรู้จักและโปรดคุณเอ๊ดจากการเป็นดีเจ...

แต่เมื่อรู้จักเขาเพิ่มขึ้นอีกนิด
ยิ่งรู้สึกดีที่ได้รู้จักคนแบบนี้

แจงยังเป็นคนธรรมดา(มาก)
ที่ยังต้องพึ่งการแผลภาษาแขกของคุณเอ๊ด
เป็นภาษาง่ายๆ มาเตือนสติ ดึงตัวเองอยู่เสมอ
ยอมรับค่ะ...ว่ายังคิดเองไม่ได้
เลยยังต้องพึ่งคุณเอ๊ดอยู่

สำหรับวันนี้...
คำว่า "ก็ไอ้แค่ตัวอักษร"
และ "มันคือใจเราเองต่างหาก"
เป็นบทเรียนง่ายๆ (ที่บางครั้งก็ทำยาก)
ของแจงเอง อิอิ...

ขอบคุณนะคะ
และขอแสดงความยินดีอีกปีหนึ่งด้วย
ที่ได้สายสะพายงามๆ ค่า...

นี่หละ...
คุณค่าที่คุณคู่ควร


โดย: jme วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:10:04:13 น.  

 
เห็นคำถามของคุณหมีเท๊ดดี้แล้ว ตรงใจพิลึก on-off...on-off ไปๆ มาๆ มันเสียพลังงานเยอะจริงๆ

มันคงแล้วแต่คน อย่างพี่เอ๊ดว่ามั๊งคะว่าแต่ละ"คู่"จะจัดการกะมันได้ลงตัวยังไง
แต่พี่คะ ไอคำว่า"อยู่ด้วยแล้วสบายใจ"เนี่ยมันกว้างจังนะคะ แล้วก็ยากด้วย
บางทีอยู่กับตัวเองแล้วยังเบื่อเลย งี้หนูก้ออยู่กับใครไม่ได้เลยสิเนี่ย


โดย: Versailles IP: 203.101.156.148 วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:11:24:44 น.  

 
เอิ๊ก ..

ชอบจัง
ห่างชั้น ปัญหาของคนอื่น
ห่างเธอ ปัญหาของเรา

น่ารักจริงๆค่ะ


โดย: เช้านี้ยังมีเธอ วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:12:26:39 น.  

 
คุณแอสตัน ขอบคุณค่ะที่ตอบคำถาม
แต่เราก็ยังมีสิ่งที่ไม่เข้าใจอยู่ดี คำว่า "อยู่ด้วยแล้วสบายใจ"
มันก็ใช่ ตอนนี้อยู่ด้วยแล้วสบายใจ น่ะค่ะ
แต่ว่า ถ้าคิดถึงอนาคตวันหน้า (อีกแล้ว ทำไมไม่อยู่กับปัจจุบัน) มันดูไม่มีหนทางที่ความคิดจะร่วมกันเลย
งั้นเลิกซะวันนี้ ไม่ดีกว่าหรือคะ
ดีกว่าต้องทะเลาะและเลิกกัน เสียใจวันหน้า
และคิดว่า ทำไมเราไม่เลิกซะตั้งแต่ตอนนั้น
เพราะตอนนี้ คิดว่าเหนื่อยใจมาก ขอหยุดดีกว่าแต่ซักพักก็คิดถึงเขาน่ะค่ะ เฮ้ออออ
ขอบคุณนะคะ


โดย: หมีเท็ดดี้ IP: 203.157.72.199 วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:13:23:32 น.  

 
แหม... บล็อคนี้ดูเผินๆ จะกลายเป็นกระทู้ไปแล้ว ^^

"อยู่ด้วยแล้วสบายใจ"

มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวครับ คุณหมีเท็ดดี้

ถามว่า...ถ้าเป็นอย่างที่คุณบอกว่า ดูไม่มีหนทางที่ความคิดจะร่วมกัน

แล้วทำไมวันนี้ถึงสบายใจล่ะครับ?

คนเราไม่ต้องคิดเหมือนกันทุกเรื่องก็ได้นะ
ผมเคยสังเกตเห็นว่า คนที่รักกันมากๆ และอยู่กันยืด
ไม่ใช่เพราะเขาเหมือนกันหรอก

แต่เพราะเขายอมรับกันและกันได้ ในความต่างนั่นแหละ
และมีความสุข ที่ได้ยอมรับความแตกต่างนั้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฐานะ การศึกษา หน้าตา การงาน ความคิดอ่าน

แต่ส่วนสำคัญ ที่ทำให้เราสบายใจ หรือไม่สบายใจ มันมักจะเป็นเรื่องจุกๆจิกๆ
ประเภทเรื่องเล็ก ทำให้เป็นเรื่องใหญ่
เรื่องใหญ่ ทำให้เป็นเรื่องเล็ก

เอาไปขึ้นเป็นบล็อคใหม่ซะดีไหมนี่


โดย: aston27 วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:17:26:02 น.  

 
ไม่ได้มาฟังเพลง

อ่านข้อเขียนที่ทำให้ใจสบายซะนาน



โดย: MaRiMeKKo วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:2:18:04 น.  

 
แหม่ มันจี๊ดก็ไอ้ตรง ห่างเธอเนี่ย มันเรื่องของเรานี่แหล่ะ จะโรแมนติคไปถึงหนายเนี่ย พี่เราemo


โดย: cocain IP: 58.8.94.73 วันที่: 20 มกราคม 2551 เวลา:15:07:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.