ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 

๐๔๕-คืนที่ว่าง



เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่ข้าพเจ้าไม่ได้เข้ามาเขียนบทความอะไรเพิ่มเติม
อันที่จริงเขีนไว้เยอะแล้ว แต่ยังไม่ได้พิมพ์...
เนื่องจากช่วงนี้ต้องเร่หางานทำ เลยไม่ค่อยมีสมาธิในการที่จะนำเอาเรื่องราว
ธรรมะมาเล่าสู่กันฟัง...

อาจเพราะบรรยากาศ สภาวะแวดล้อมของเมืองกรุง มันไม่ค่อยเต็มใจให้
ข้าพเจ้าสงบจิต สงบใจได้ เหมือนอยู่ที่บ้านชนบท

ตอนอาศัยอยู่ที่บ้าน มันได้อยู่กับธรรมชาติ ดังนั้นจึงมีเรื่องราวให้ได้ทบทวน
ได้ข้อคิดมาก ผิดกับในเมืองใหญ่ ดูชีวิตคนรอบข้างวุ่นวายสับสน มันเลยพลอยให้จิตเราดูสับสนหดหู่ไปบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก

ตอนกลางคืนทุกคืน ข้าพเจ้าจะขับรถไปสวดมนต์ ฟังธรรมะ นั่งสมาธิ ที่วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ก็ใช้เวลาปฏิบัติประมาณ ๒ ชั่วโมง ข้าพเจ้ารู้สึกสงบใจอีกครั้งเมื่อได้กลับมาใกล้ชิดกับวัด

มันเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ ต้องปฏิบัติ ต้องทำความเข้าใจในเรื่องธรรมะ ให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงยอมละทิ้ง ข่าว ละคร ช่วงหัวค่ำไปเสีย แล้วเดินทางไปวัดเพื่อปฏิบัติบูชา ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าสำคัญที่สุด ที่ชาวพุทธเราควรกระทำกัน

ข้าพเจ้ามีคืนที่ว่าง ว่างจากความวุ่นวาย แม้จะเป็นเพียงเวลาไม่นาน
แต่ก็รู้สึกประทับใจกับการปฏิบัติของพระวัดอโศการามมาก

ข้าพเจ้ารู้คนแถวนี้โชคดีมาก ที่อยู่ใกล้ชิดกับวัดที่ปฏิบัติดีเช่นนี้ แต่ก็มีน้อยคน น้อยคนมากที่จะรู้สึกได้...และเข้าวัดปฏิบัติธรรมกัน

คนส่วนมากมักจะอ้างว่าไม่มีเวลา ไม่ว่าง ฯลฯ นั่นเป็นเหตุผลของแต่ละคนก็แล้วแต่ ตัวใครจะรับรู้ รู้สึกกัน คนทุกคนบนโลกนี้ ข้าพเจ้าวิเคราะห์แล้วก็มีเพียงคนหลับ กับคนตื่นเท่านั้น นอกนั้นไม่มีเลย...

คนตื่นคือ คนที่รู้เห็นโทษและพิษภัยของวัฏฏะสงสาร
คนหลับคือ คนที่ไม่รู้ คนที่ยังหลงติดอยู่กับบ่วงแห่งวัฏฏะสงสาร









 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 14:11:49 น.
Counter : 406 Pageviews.  

๐๔๔-ข้อคิดเล็ก ๆ กับเรื่องพระศรีอาริยเมตไตรย




ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่าไม่ได้เขียนบทความเพื่อ ส่งเสริมความเชื่อ ความศรัทธา หรือว่าลบหลู่ความเชื่อของบุคคลแต่ประการใด แต่ข้าพเจ้าจะเขียนในเชิงวิเคราะห์ อย่างเป็นกลางที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ผู้อ่านก็ควรใช้ ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง ด้วยเหตุด้วยผลก่อนเสมอ

ในเรื่องพระศรีอาริยเมตไตรย ตามความเชื่อของชาวพุทธเรานั้นคือ พระโพธิสัตว์องค์ต่อไปที่จะมาตรัสรู้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาล ภายภาคหน้า ในเรื่องกาลเวลาที่จะจุติลงมาเกิดตรัสรู้นั้นเป็นเรื่อที่เข้าใจผิดเข้าใจถูกกันเสียโดยมาก

เท่าที่ข้าพเจ้ารวบรวมข้อมูลได้ระยะหนึ่ง ก็พอทราบว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากคือ พระพุทธเจ้าองค์ถัดไปที่จะมาตรัสรู้นั้นอยู่ในกาลสมัย ที่มนุษย์มีอายุขัย ๘๐,๐๐๐ ปี และต้องเป็นอายุขัยขาลงของบรรดาสัตว์ทั้งหลายเท่านั้น เพราะมีเหตุที่ทำให้เหตุ สัจธรรม การเปลี่ยนแปลงและ กฎไตรลักษณ์ได้ชัดเจนที่สุด

โดยอาศัยข้อมูล ๒ ข้อมูลนี้รวมกันก็เพียงพอที่จะสรุป ได้ว่าอีกนานแสนนานทีเดียวกว่าจะถึงเวลานั้น เพราะปัจจัยที่ทำให้อายุขัยของมนุษย์เปลี่ยนแปลงนั้นใช้เวลานาน ประมาณได้ว่าทุก ๑๐๐ ปี อายุขัยของมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงสัก ๑ ปี ตัวเลขนี้ก็โดยประมาณ ท่านก็อย่าเอาไปคิดให้ปวดหัวเลย เมื่ออายุขัยของมนุษย์ลดลงเหลือเพียง ๑๐ ปี เนื่องจาก การทำบาปอกุศลกันมาก จนต้องเข่นฆ่ากันเอง ตายเป็นผักเป็นปลากันเกลื่อนแผ่นดิน บัดนั้นเองเหล่ามนุษย์บางส่วนคิดได้ และหันกลับมาทำกุศลกรรมกันอีกครั้ง จนทำให้อายุมนุษย์ค่อยเพิ่มขึ้น (อย่างช้า ๆ) จนกว่าอายุขัยของมนุษย์สูงสุด บางตำราท่านว่า หนึ่งแสนปี, หนึ่งล้านปี หรือ สิบล้านปีบ้าง ก็ยังไม่แน่ว่าจะเท่าไร่กัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสาระสำคัญอะไร เพราะอายุมนุษย์ก็ย่อมขีดกำจัดเหมือนกัน อย่างน้อยก็มากกว่า แสนปี เป็นต้นไป จากนั้นอายุขัยมนุษย์จะเสื่อมถอยลงมาอีก จนกระทั่งเหลืออายุขัยประมาณ ๘๐,๐๐๐ ปี ช่วงนี้เองที่จะเป็นช่วงที่พระศรีอาริยเมตไตรยจะลงมาตรัสรู้ กว่าจะถึงเวลานั้น เราอาจตายแล้ว เกิดเป็นมนุษย์มากกว่า ๕๐๐ ชาติแล้วก็ได้

ดังนั้นใครที่ตั้งความหวังว่าจะได้เกิดทันยุคของพระศรีอาริยเมตไตรยนั้น จะต้องมีกำลังใจเต็ม มีอธิฐานบารมี มีสัจบารมี และบารมีอื่น ๆ ประกอบ (หาอ่านเรื่องบารมี ๑๐ เพิ่มเติม) เรื่องบารมีนี้ทำกันเล่น ๆ เลิก ๆ ไม่ได้ เพราะกำลังใจไม่เต็ม ก็บอกได้เลยว่าไม่มีทางเกิดทัน ยังมีเรื่องศีลพรตที่ถูกที่ควรอีก หากขาดกันเพียงเล็กน้อยก็พลาดได้ง่าย ๆ เหมือนกัน

๑. ส่วนเรื่องที่ว่าใครฟัง เทศน์มหาชาติ พระเวสสันดรชาดกจบ ๑๓ กัณฑ์จบในวันเดียว แล้วจะได้เกิดทันยุคพระศรีอาริยเมตไตรยนั้น เราต้องเชื่อและฟังเทศน์นั้น โดยใช้ปัญญาพิจารณาประกอบ ลำพังแค่ฟังผ่าน ๆ ก็เป็นแค่เพียงลมเข้า ออกหูเท่านั้น อย่างนี้ก็อย่าเอาไปคุยให้คนอื่นฟัง อายเขาเปล่า ๆ ดังนั้นคนที่เขาฟังโดยโยนิโสมนสิการนั้นก็หายาก คนที่ทำได้จริง ๆ นั้นเขามีความพร้อมในเรื่อง ปัญญา ทานและศีล เป็นทุนอยู่แล้ว ถึงไม่ได้ฟังเทศน์จบ ๑๓ กัณฑ์ เขาก็ได้ไปเกิดในยุคพระศรีอาริยเมตไตรยอยู่ดี เรื่องนี้ โปรดให้ท่านได้นำไปพิจารณาให้ดี ๆ
ในส่วนตัวข้าพเจ้าเชื่อว่าควรจะเน้นเรื่อง อธิฐานบารมีและ ถือศีล ๕ ประการเป็นหลัก เพราะมนุษย์ในยุคที่มีอายุขัย ๘๐,๐๐๐ ปีนั้น เขาการดำรงชีวิตที่เป็นปกติที่อยู่ด้วยศีล ๕ ประการไม่ขาดไม่พร่อง และจะเป็นกันโดยสันดาน ไม่ต้องมีใครบังคับ ไม่ต้องสมาทานศีล คือภูมิจิตของมนุษย์ยุคนั้น ประกอบด้วยศีล ๕ ประการเสมอกัน แล้วเรา ๆท่าน ๆทั้งหลาย ที่เกิดในยุคปัจจุบันมีกำลังใจรักษาศีล ๕ ประการเพียงพอไหม ถ้ารักษาไม่ไหวก็ม้วนเสื่อกลับบ้านเดิมไปได้เลย ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องตั้งสัจจะอธิฐานกัน ถ้าสมมุติว่าเกิดทัน คงได้เกิดเป็น วัว ควาย น่าจะพอไหวอยู่ เนื่องจากกำลังใจในการรักษาศีลไม่เพียงพอ

๒. เรื่องความหวังที่องค์พระศรีอาริยเมตไตรย จะลงมาต่ออายุศาสนาของพระสมณโคดมในยุคปัจจุบันนั้น ข้าพเจ้าขอให้ท่าน เลิกฝัน เลิกคิด เลือกเชื่อกันเสียที เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ หรือถ้าเป็นไปได้จริง คนในยุคปัจจุบันส่วนมาก เป็นพวกปัญญาธรรมมืดบอด เขาก็จะมีมิจฉาทิฏฐิเยอะ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็เยอะกว่าสมัยพุทธกาลเสียอีก เขาจะไม่มีความเชื่อในธรรมของพระศรีอาริยเมตไตรย จะมีแต่คนกลุ่มเล็ก ๆที่เห็นคุณค่า เท่านั้น จึงเป็นการไม่คุ้มค่าที่พระองค์จะลงมาเอง

อีกทั้งพระสัทธรรมของพระสมณโคดม ก็ยังไม่เสื่อมคลาย ยังมีผู้ถือปฏิบัติอยู่ไม่น้อยและมีเทวดาที่มีบุญบารมี มากบ้าง น้อยบ้าง ทีอาสาลงมาสืบต่อศาสนาอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้นเอง โปรดลองศึกษาและค้นคว้ากันจริง ๆ จะรู้ว่ามีพระอริยสงฆ์ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อยู่ตามหุบเขา หรือซอกหนึ่งของมุมเมือง เรื่องนี้ข้าพเจ้าขอยืนยันด้วยตัวเองว่ามีจริง
ดังนั้นขอให้ท่านเลิกตั้งความหวัง ลม ๆ แล้ง ๆ นี้เสีย แล้วเอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระศาสดาองค์ปัจจุบัน มาใส่ใจปฏิบัติอย่างจริงจัง แล้วจะรู้ว่าคนที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นไปจาก กองทุกข์นี้ก็คือตัวเราเองเท่านั้น การพึ่งพา เทวดา อินทร์ พรหม เป็นเรื่องของศาสนาอื่น ไม่ใช่ศาสนาพุทธ

การที่จะได้เห็น หรือเข้าใจสัจธรรม อะไรนั้นเป็นเรื่องของอนาคต เราไม่ควรตั้งความหวังจนเกินพอดี สิ่งที่ดีคือปัจจุบันนี้ อารมณ์ในปัจจุบันนี้ เรารักษาได้หรือยัง ถ้ายังไม่ได้ ปล่อยให้อารมณ์ของอกุศลเข้ามาครอบงำ ก็ไม่ต้องหวังเรื่องพระศรีอาริยเมตไตรย แม้แต่สวรรค์ชั้นต่ำสุด ท่านก็ไม่อาจจะไปถึง

สารบัญ




 

Create Date : 25 เมษายน 2551    
Last Update : 25 เมษายน 2551 21:33:53 น.
Counter : 392 Pageviews.  

๐๔๓-ความสุขไม่ได้แปลว่า...เราจะต้องได้ในสิ่งที่ต้องการเสมอ




จะแปลกอะไรไหม ที่คนเราต่างกันค้นหาความสุข
ตามแนวที่ตัวเองคิดว่าเหมาะกับตัวเองแล้ว

เราไม่มีสิทธิ์ไปบอกว่า ขอทานคนข้างถนนนั้น
มีชีวิตอย่างน่าเวทนา ไม่มีความสุข เราไม่เคยมีเครื่องชั่งน้ำหนัก
ความสุขที่เที่ยงธรรม เที่ยงแท้ หรือ อย่างเป็นกลางนัก

แต่ทว่าเราก็มีเครื่องชั่งของเราแล้วภายในใจของแต่ละคน
ซึ่งมันก็บอกเข็มชี้ตัวเลขไม่เท่ากัน
แม้ว่าจะมีสิ่งตอบสนองความสุขเหมือนกัน หรือเท่า ๆ กันก็ตาม

ดังนั้นการค้นหาว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริงของเรานั้น
เป็นหน้าที่หลักของมนุษย์ที่เกิดมา
บางคนก็หาเจอ บางคนก็หาไม่เจอ
แต่คนส่วนมากนั้นถูกหลอก ถูกกระแสสังคมหลอก
หลอกให้เชื่อหลอกให้ตาม ให้ทำตามว่าสิ่งนี้แหละเป็นความสุข
ของมนุษย์ทั้งหลาย

ผู้ถูกหลอกเขาไม่เคยได้คิด ได้สำรวจตัวเองเลยว่าสิ่งที่กระแสสังคมป้อนให้นั้น ทำให้เขามีความสุขมากแค่ไหน หรืออย่างน้อยก็จะยั่งยืนแค่ไหน

ความสุขที่แท้จริงของข้าพเจ้าคือการปล่อยวาง
การปราศจากการดิ้นรน การดำรงชีวิตอยู่ด้วยศีล ธรรม
นี่คือความสุขของข้าพเจ้าที่พอจะหาได้ในเวลานี้

สารบัญ




 

Create Date : 24 เมษายน 2551    
Last Update : 24 เมษายน 2551 13:31:52 น.
Counter : 714 Pageviews.  

๐๔๒-ความตายของหมาข้าพเจ้า



ไม่นึกเลยว่าสังคมมนุษย์ในยุคปัจจุบันจะสามารถฆ่ากันได้แม้กระทั่งสุนัขที่ไม่มีทางสู้
ดูแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าเวทนานัก....
เมื่อวานก่อนข้าพเจ้าตื่นเช้ามาก็ต้องตกตลึงเพราะ เจ้าด่างสามตัว
ที่เลี้ยงไว้เห่ากันขโมยนั้น นอนตายอเนจอนาถ อยู่ตามบริเวณบ้าน
สาเหตุการตาย ก็เพราะยาเบื่อผสมข้าว
เจ้าด่างของข้าพเจ้ามันคงกินเข้าไป ตอนคนร้ายนำมาวางล่อไว้ข้าง ๆ บ้าน

ข้าพเจ้านำเจ้าด่างไปฝังไว้ในสวนหลังบ้าน
แล้วก็สวดแผ่เมตตา อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้าด่างทั้งสาม
ก็หวังว่ามันคงจะได้ไปเกิดยังภพภูมิที่ดีกว่านี้
หากยังชดใช้เวรกรรมไม่หมด ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด
เป็นสัตว์เดรัจฉานอยู่ก็ขอให้เกิดในสภาพแวดล้อมที่ดี
ชาติหน้าฉันใด มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ขอให้มันได้เกิดทัน
ยุคของพระศาสนา มุ่งสู่ผลบุญผลกุศล จะได้ไม่ต้องเวียนว่ายตาย
กลับไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอีกครั้ง

ก็กล่าวประมาณนี้แหละ...
เพราะข้าพเจ้าเองก็เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
ตามที่พระพุทธเจ้าสอนอย่างฝังใจเสียแล้ว คนเรามักมอง
สัตว์เดรัจฉานผู้ร่วมโลกเป็นแค่อาหาร สิ่งบันเทิงใจ
แต่พวกเขาเป็นมากกว่านั้นอีก พวกเขาอาจเป็นญาติ ๆ
ของเราที่กำลังชดใช้กรรมก็ได้

เราเองก็เหมือนกัน ถ้ายังประมาทกับชีวิตอยู่ ก็ตกสู่อบายภูมิได้ง่าย ๆ
ได้เช่นกัน

ส่วนสาเหตุการตายของเจ้าด่างเป็นอุทาหรณ์ที่น่าคิดมาก
ส่วนหนึ่งนั้นคงเป็นเพราะความโลภ ความไม่ประมาณในการบริโภค
เป็นส่วนสำคัญที่มันต้องจบชีวิตลง
พระพุทธเจ้าทรงเน้นสอนให้มนุษย์ ละความโลภประเภทนี้เสีย
เพราะมันจะนำภัยร้ายมาสู่ตัวเราเอง
เรากินอาหารนั้นเพราะต้องการแค่มีชีวิตอยู่
คือเรียกว่า "กินเพื่ออยู่" ไม่ได้ อยู่เพื่อกิน

สังคมปัจจุบันก็คงไม่ต่างอะไรกับนิสัยของเจ้าด่างมากนัก
บุคคลผู้โลภมาก มักจะทำการทุจริตรับสินบน เพื่อหาความร่ำรวย
ชื่อเสียงเกียรติยศ ต่าง ๆ นา ๆ สิ่งนี้มันเป็นเหมือนข้าวที่ชโลมไปด้วยยาพิษ
ชนิดอ่อนที่เห็นผลช้า บุคคลมักจะมัวเมายินดีกับรสของอาหาร สินบน
จนลืมไปว่าในนั้นมีรสของยาพิษอยู่ด้วย
จะรู้ตัวอีกที่ก็ใกล้จะจากโลกนี้ไปแล้ว อย่างนั้น...


สารบัญ




 

Create Date : 24 เมษายน 2551    
Last Update : 24 เมษายน 2551 13:07:03 น.
Counter : 440 Pageviews.  

๐๔๑-เรื่องของดอกบัว



การพิจารณาบัวสี่เหล่าเปรียบเทียบกับชีวิต ของมนุษย์โลกนั้น
พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเทียบได้สมเหตุผลมากที่สุด
บัวสี่เหล่าจึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ ของพระพุทธศาสนา

กล่าวคือถ้าใครกล่าวถึงพรรณไม้ในพุทธศาสนาก็ต้องนึกถึงดอกบัว
เพราะดอกบัวตูมส่วนหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของความนอบน้อม
เพราะมีลักษณะคล้ายกับเรากำลังพนมมือ ดังนั้นเรามักจะนำดอกบัวตูม
ไปกราบพระเสมอ
และดอกบัวบานยังเป็นสัญลักษณ์ของปัญญา ของผู้ที่รู้ดีชั่ว
ขจัดสิ้นซึ่งอาสวะ กิเลสหมักดองทั้งหลาย เป็นผู้แจ้งต่อโลก

ภาพดอกบัวมีหมู่แมลงภู่ ผึ้ง มาตอมเพื่อดูดเอาน้ำหวาน เพราะได้กลิ่น
หอมของเกสรบัว ไม่ต่างกับ พระภิกษุ หรือ พระโยคาวจร ที่มีศีลบริสุทธิ์
เป็นที่น่าเคารพ น่าศรัทธาต่อผู้อยู่ใกล้ และอยู่ไกล

สารบัญ




 

Create Date : 16 เมษายน 2551    
Last Update : 16 เมษายน 2551 15:06:52 น.
Counter : 1670 Pageviews.  

1  2  

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.