|
โสดาปัตติมรรค-แนวทางเพื่อทรงคุณธรรมเป็นพระโสดาบัน ตอน ๖
คนที่สอนธรรมะส่วนใหญ่มักจะละเลยที่จะอธิบายเรื่องสัมมาทิฏฐิเสีย จะพูดก็พูดแค่เป็นประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ค่อยให้ความสำคัญอะไร อย่างเช่น สัมมาทิฏฐิในมรรค ๘ ว่าตามพระศาสดาท่านตรัสไว้และสรุปได้อย่างนี้
สัมมาทิฏฐิ กล่าวโดยปริยายเบื้องต่ำหมายถึง ความเห็นชอบ ความเห็นที่ถูกต้อง ความเข้าใจที่ถูกต้อง เช่น เห็นและเชื่อว่า บุคคลทำดีย่อมได้รับผลดี ทำชั่วย่อมได้รับผลชั่ว บาปบุญมีจริง นรกสวรรค์มีจริง มารดาบิดา ครูอาจารย์เป็นผู้มีพระคุณ เป็นต้น
สัมมาทิฏฐิกล่าวโดยปริยายเบื้องสูงหมายถึง ความรู้ในอริยสัจ ๔ รู้กฎแห่งสามัญลักษณะ(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ตามความเป็นจริง
ดังนั้นการสอนให้คนรู้พุทธศาสนาจำเป็นต้องสอนเรื่องสัมมาทิฏฐิก่อนเสมอ ยกตัวอย่างเช่น การสอนเรื่องสวดมนต์ไหว้พระ หรือ เรื่องสมาธิ หากผู้ปฏิบัติไม่มีความเห็นหรือความเชื่อที่ถูกต้องแล้ว ก็ย่อมไม่มีความวิริยะ พากเพียรในการปฏิบัติ ผลที่ได้ย่อมล้มเหลว เมื่อเกิดปัญหาจากการปฏิบัติย่อมมีความเบื่อหน่ายเพราะไม่รู้จะสวดมนต์หรือนั่งสมาธิกันเพื่ออะไร
ยังมีความเห็นผิดอีกอย่างหนึ่งที่คนไทย ชาวพุทธเราต้องพยายามทำความเข้าใจกันเสียใหม่นั่นคือเรื่อง เวทมนต์ ของขลัง วัตถุมงคล เป็นต้น ชาวพุทธส่วนใหญ่มักจับประเด็นของพระพุทธศาสนาพลาดไป ได้เอาไสยศาสตร์มาปนกับพุทธศาสนาอย่างไม่น่าให้อภัย
โดยส่วนตัวข้าพเจ้าเชื่อว่า เวทมนต์ ไสยศาสตร์นั้นมีจริง เกิดจากการทำสมาธิจนเข้าถึง ฌาน ๔ เพ่งกสิณจนสามารถแสดงอภิญญาได้ แต่ของพวกนี้เป็นฌานโลกีย์คือยังตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์อยู่ ยังมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาเหมือนกับคนรวยก็สามารถจนได้ทุกเวลาอย่างนั้น โดยทั่วไปไม่ว่าคนในหรือนอกพระพุทธศาสนาก็สามารถปฏิบัติและแสดงอภิญญาได้ทั้งนั้น
ส่วนมากพระอริยสงฆ์ที่ทรงอภิญญาเป็นพระอรหันต์จะใช้ประโยชน์ในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาไม่เคยเลยที่พระอริยสงฆ์(โสดาบันขึ้นไป)จะเอาความสามารถด้านนี้ไปใช้เพื่อหาเงิน หาทอง ลาภยศ ตำแหน่ง แต่อย่างใด
ที่สำคัญพระพุทธเจ้าเองก็ทรงห้ามพระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้แสดงอภินิหาร(อวดอุตริมนุสธรรม)แก่ชาวบ้านทั่วไป ไม่งั้นต้องอาบัติปาจิตตีย์ แต่หากคุณวิเศษนั้นไม่มีในตนแล้วนำไปอวดอ้างแก่ผู้อื่น ท่านปรับอาบัติปาราชิก คือขาดจากความเป็นพระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ทันที เป็น ๑ ใน ๔ อาบัติที่มีโทษรุนแรงที่สุด
จะเห็นได้ว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าเองยังทรงไม่เห็นด้วย หรือให้ความสำคัญกับคุณวิเศษดังกล่าว แต่ทรงเน้นเรื่องธรรมะและแนวปฏิบัติเพื่อดับทุกข์มากกว่า
ชาวพุทธเรามักจะเดินสวนทางกับจุดมุ่งหมายของพระพุทธเจ้าเสมอ และมักจะถูกหลอกกันเป็นประจำ เสียเงินเสียทองไปกับวัตถุมงคล จนเกิดความกันวุ่นวายดังที่เป็นข่าวอยู่ในปัจจุบัน แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับการทำให้เกียรติคุณของพระพุทธเจ้าและศาสนาพุทธหม่นหมองไปเพราะความเห็นผิดดังนี้เอง
ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จปรินิพพานนั้นทรงกล่าววาจาสรรเสริญบุคคลที่ปฏิบัติบูชามากกว่าอามิสบูชา แต่ชาวพุทธปัจจุบันส่วนมากก็ชอบแบบอามิสบูชาเพราะ ทำง่ายดี แต่ให้ผล
Create Date : 27 มีนาคม 2551 |
Last Update : 27 มีนาคม 2551 21:19:15 น. |
|
0 comments
|
Counter : 334 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|