ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๑๑๔-กล่องดำปริศนา(ยาวหน่อย)


นานมาแล้วมีกล่องดำใบหนึ่ง มันวางอยู่บนเนินเขาสูงสุดของหมู่บ้าน ไม่มีใครทราบว่ามันตั้งอยู่นานมากเท่าใด เพราะตั่งแต่เกิดมาทุกคนก็เห็นเจ้ากล่องดำใบนี้วางอยู่ ณ ที่แห่งนั้นแล้ว
ปลายฤดูเก็บเกี่ยวของปีหนึ่ง หัวหน้าหมู่บ้านเรียกประชุมชาวบ้านทั้งหมด เพื่อไขปริศนาจากกล่องดำใบนั้น เพราะต้องการทราบที่ไปที่มาของกล่องดำที่วางอยู่คู่กับหมู่บ้าน

ในอดีตที่ผ่านมา มีคนพยายามที่จะเปิดดูภายในมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีใครที่จะสามารถเปิดมันได้เลย เพราะมันทั้งแข็งและเหนียว เกินกว่าอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนั้นจะเจาะทะลุทะลวงไปได้
เคยมีหลายคนเสนอให้นำกล่องดำใบนั้น ไปโยนทิ้งยังแม่น้ำ เพราะเกรงกลัวว่ามันจะเป็นภัยต่อผู้คนในหมู่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านในสมัยนั้นก็เห็นด้วย ชาวบ้านจึงช่วยกันยกกล่องดำนั้นไปทิ้งแม่น้ำ

แต่อีก ๓ วันต่อมาเจ้ากล่องดำปริศนากลับมาปรากฏอยู่ที่เดิมอีก เป็นที่ฉงนสงสัยของชาวบ้านสมัยนั้น ตั่งแต่บัดนั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไปยุ่งเกี่ยวกับกล่องดำใบนั้นอีกเลย
มันจึงถูกทิ้งไว้ไม่มีใครเหลียวแล จนกระทั่งกาลเวลาผ่านไปนานแสนนานลุล่วงมาถึงกาลปัจจุบัน ในสมัยที่ได้ผลัดเปลี่ยนหัวหน้าหมู่บ้านมากว่า ๑๐ คนแล้ว ความสงสัยในกล่องดำใบนี้จึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง

คำประกาศหาผู้ที่สามารถไขปริศนากล่องดำนี้มีขึ้น พร้อมกับรางวัลจำนวนหนึ่งสำหรับผู้ที่ให้คำตอบได้ว่า มีอะไรอยู่ภายในกล่องดำนี้

ไม่นานก็มีผู้อาสาหาคำตอบของกล่องดำปริศนา จำนวน ๔ คน ซึ่งก็ล้วนเป็นบุรษหนุ่มวัยกลางคนทั้งสิ้น ก่อนวันงานประลองหาคำตอบของกล่องดำ ทุกคนต่างอวดอ้างคุณวิเศษของตน ว่าสามารถรู้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่องดำ และสามารถทำนายได้ว่าภายในนั้นมีอะไรบ้าง ทำให้เกิดลัทธิความเชื่อ ความศรัทธาในตัวบุคคลทั้ง ๔ ตามกำลังความสามารถในการชักจูงของแต่ละคน ชาวบ้านต่างตื่นเต้นที่จะรู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ และเกิดการจัดกลุ่มตามความเชื่อ ความนิยมของผู้ประลองทั้ง ๔ นั้น

วันท้าประลอง…

บุรุษคนที่ ๑ เดินเข้ามาใกล้กล่องดำ ทำพิธีบริกรรมอยู่นาน แล้วใช้มือแตะที่กล่องดำนั้นพร้อมกับพูดว่า
“ท่านทั้งหลาย ภายในกล่องดำนี้ว่างเปล่า ไม่มีวัตถุใด ๆ อยู่ภายในเลยแม้แต่น้อย นอกจากอากาศธาตุ ข้าพเจ้าเห็นด้วยญาณของข้าพเจ้าเอง…”บุรุษคนที่ ๑ พูดจบก็มีเสียงเห่ร้องยินดีจากกลุ่มผู้สนับสนุน

บุรุษคนที่ ๒ เดินเข้ามาใกล้กล่องดำ ทำพิธีบริกรรมอยู่นานเช่นกัน แล้วใช้มือแตะที่กล่องดำในนั้นพร้อมกับพูดว่า
“ท่านทั้งหลาย ภายในกล่องดำนี้ไม่ได้ว่างเปล่า แต่ไม่มีอะไรเลยเป็นเพียงกล่องตัน ไม่มีที่ว่างแม้เพียงอากาศอาศัยอยู่ ข้าพเจ้าเห็นด้วยญาณของข้าพเจ้าเอง…”บุรุษคนที่ ๒ พูดจบก็มีเสียงเห่ร้องยินดีจากกลุ่มผู้สนับสนุน

บุรุษคนที่ ๓ เดินเข้ามาใกล้กล่องดำ เขาใช้มือจับที่กล่องดำนั้น พร้อมกับเขย่าเพื่อสังเกตุวัตถุภายใน แล้วพูดว่า
“ท่านทั้งหลาย ภายในกล่องดำนี้ไม่ได้ว่างเปล่า และไม่ใช่กล่องตัน แต่มีลูกกลมโลหะกลิ้งอยู่ภายใน ข้าพเจ้าสัมผัสด้วยหูของข้าพเจ้าเอง…”บุรุษคนที่ ๓ พูดจบก็มีเสียงเห่ร้องยินดีจากกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนมาก จนทำให้ผู้สนับสนุนของบุรุษที่ ๑ และ ๒ เริ่มลังเล

บุรุษคนที่ ๔ เดินเข้ามาใกล้กล่องดำ เขาใช้มือจับที่กล่องดำนั้น พร้อมกับเขย่าและหมุนกล่องดำไปมา เขายืนพิจารณาอยู่นาน จึงพูดว่า
“ท่านทั้งหลาย ภายในกล่องดำนี้ไม่ได้ว่างเปล่า และไม่ใช่กล่องตัน แต่มีลูกโลหะ ๔ เหลี่ยมจตุรัสกลิ้งอยู่ภายใน ข้าพเจ้าสัมผัสด้วยหูของข้าพเจ้าเอง…”บุรุษคนที่ ๔ พูดจบก็มีเสียงเห่ร้องดังสนั่นของผู้ที่สนับสนุนจำนวนมาก

ในที่สุดก็ถึงกาลเวลาที่ตัดสิน หัวหน้าหมู่บ้านและคณะกรรมการ เลือกที่จะให้บุรุษคนที่ ๔ เป็นผู้ชนะประลองในครั้งนี้ เพราะมีเหตุผลสามารถพิสูจน์ได้ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด

“ช้าก่อน…” บุรุษผู้หนึ่ง มีรูปร่างงดงาม และท่าทางดูนิ่มนวล สุขุม พูดแทรกเข้ามายังพิธีประลอง
“ขอให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสทดสอบการประลองด้วยคนเถิด ข้าพเจ้ามั่นใจว่าจะสามารถแก้ปริศนากล่องดำนี้ได้อย่างแน่นอน” ชายผู้นั้นพูด ทำให้บุรุษทั้ง ๔ คนก่อน รู้สึกไม่ค่อยพอใจ

“ก็ได้…พวกเราจะให้โอกาสท่าน” หัวหน้าหมู่บ้านพูดขึ้นหลังจากประชุมกับคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว

ชายผู้มาทีหลังเดินไปยังกล่องดำใบนั้น เขาค่อย ๆ พิจารณาจับกล่องขึ้น ค่อย ๆ หมุนที่ละนิดจนรอบ และยกกล่องเอียงทำมุมกับพื้นฟังเสียงการเปลี่ยนตำแหน่งของวัตถุภายใน
จนในที่สุดจึงพูดกับผองชนว่า

“ท่านทั้งหลาย ภายในกล่องดำนี้ไม่ได้ว่างเปล่า และไม่ใช่กล่องตัน แต่มีลูกโลหะที่ไม่ใช่สี่เหลี่ยมจตุรัสกลิ้งอยู่ภายใน แต่มีโลหะที่มีเหลี่ยมมุมน้อยใหญ่จำนวน ๓๑ มุมด้วยกัน ข้าพเจ้าสัมผัสด้วยหู และเห็นด้วยญาณของข้าพเจ้าเอง…”บุรุษคนนั้นพูดจบ
ก็มีเสียงฮือฮา จากชาวบ้านทั้งหลาย

บุรุษผู้มาทีหลังเขายังสามารถสอนให้ชาวบ้านมองเห็นวัตถุที่อยู่ภายในกล่องดำได้ด้วย
บางคนได้รับคำแนะนำนิดเดียวก็สามารถมองเห็นวัตถุภายในอย่างละเอียดละออ และนำความรู้นี้ไปสั่งสอนผู้อื่นให้เห็นตามเป็นอันมาก
แต่บางคนก็มีความสามารถเพียงสังเกตุเสียงการเคลื่อนไหวของวัตถุภายในเท่านั้น แต่ถึงอย่างไร การสังเกตุและผลจากการสังเกตุก็เป็นไปตามคำแนะนำของชายคนนั้นทุกประการ
- จบ -

การเผยปริศนากล่องดำซึ่งเปรียบเสมือนตัวอวิชชา ปิดกั้นให้เราไม่เห็นในการเวียนว่ายตายเกิด เหตุเพราะนัยตาจักษุอันมืดบอดมองไม่เห็นสัจจธรรมความจริงที่ซ่อนอยู่ภายใน

บุรุษที่ ๑ ถึง ๔ คือมิจฉาทิฏฐิของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ ซึ่งมีมุมมองความเชื่อที่แตกต่างกันไป

บางคนเชื่อว่าตายแล้วสูญ เกิดชาติเดียวตายชาติเดียว ตายแล้วก็จบกัน เปรียบเหมือนกล่องดำที่ว่างเปล่า ทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสก็ตัดสินแล้วว่าว่างเปล่า

บางคนเชื่อตายแล้วจะเกิดเป็นคน เป็นเทวดาอีกไม่มีการเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือสัตว์นรก และปฏิเสธที่จะเชื่อเรื่องกรรม เปรียบเหมือนกล่องตันไม่มีการเปลี่ยนแปลง

บางคนที่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นทุก ๆ สิ่ง ถ้าเกิดเราทำผิดสิ่งใดแล้ว หรือสารภาพอย่างนี้ ๆ แล้วพระผู้เป็นเจ้าจะยกโทษให้ ตายจากภพนี้ไปแล้วจะได้เกิดในสรวงสวรรค์ ร่วมกับพระผู้เป็นเจ้าชั่วนิรันดร์ เปรียบเหมือนกล่องดำที่รู้ว่าเป็นเพียงทรงกลมกลิ้งไปกลิ้งมา


บางคนเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เชื่อนรก เชื่อผีสาง เชื่อมนุษย์ เชื่อเทวดา ซึ่งความเชื่อก็ยังวนเวียนอยู่เท่านี้ ไม่ได้พัฒนาให้สูงขึ้นหรือละเอียดขึ้น และจะศรัทธากราบไว้ขอพรจากเทวดา สิ่งศักสิทธิ์ให้ช่วยเหลือ มีชีวิตและการดำเนินชีวิตที่ผูกติดกับสิ่งศักดิ์ การกราบไหว้ การอ้อนวอนขออย่างไร้เหตุผล มีความเชื่อกฏแห่งกรรมอยู่บ้าง แต่มีความลังเลสงสัยอยู่มากกว่า

ในตอนท้ายบุรุษที่เข้ามานำเสนอ และสอนการมองกล่องดำอย่างถูกวิธี นั่นคือพระพุทธเจ้า ผู้ที่มองเห็นการเวียนว่ายตายในภพภูมิทั้ง ๓๑ ภพ ภูมิ ซึ่งพระองค์ได้สอนไว้อย่างละเอียดมากกว่าใครใด ๆ ทั้งปวง

เราทั้งหลายที่ไม่เชื่อเพราะเหตุที่ยังมองไม่เห็นตาม และไม่อยากปฏิบัติตามคำสอนที่แท้จริง คือการเข้าไปสัมผัสกล่องดำ เข้าไปฟังเสียงการกลิ้งและเหลี่ยมมุมของวัตถุที่อยู่ภายใน แต่เราชอบที่จะนั่งนิ่ง ๆ ชอบฟัง ชอบวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าที่จะเข้าไปปฏิบัติให้เห็นจริง
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่คนเราจะมีทิฏฐิเป็นไปตามบุรุษคนที่ ๑ ถึง ๔ ที่กล่าวมา
ทั้งที่ปากก็บอกว่าเชื่อตามพระพุทธเจ้า แต่ไม่มีความรักที่จะปฏิบัติตามที่ทรงสั่งสอน จึงทำให้เรามองเห็นและมีความเชื่อ ศรัทธา คลาดเคลื่อนไปจากพุทธศาสนา ซึ่งศาสนาแห่งการประพฤติพรหมจรรย์อย่างแท้จริง




Create Date : 22 ธันวาคม 2551
Last Update : 22 ธันวาคม 2551 8:00:36 น. 8 comments
Counter : 344 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:9:21:56 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

ขอส่งความปรารถนาดีมาฝากค่ะ..

zwani.com myspace graphic comments

ถึงจะเป็นคริสต์หรือพุทธ/เราก็พี่น้องกันค่ะ



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:9:27:52 น.  

 
สบายดีนะคะ..คุณอัสติสะ..รักษาสุขภาพด้วยค่ะมีความสุขมากมากค่ะ


โดย: Nissan_n วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:12:23:33 น.  

 
เป็นการเปรียบเทียบได้ลึกซึ้งจริงๆ
ก็การวิจารณ์คนอื่นมันง่ายกว่าการที่เราจะลงมือทำเองไม่ใช่หรือ?


โดย: busabap วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:12:30:49 น.  

 
ท่านว่า เบญจจักษุ ตามีห้าระดับ
1. มังสาจักษุ
2. ทิพยจักษุ
3. ปัญญาจักษุ
4. ธรรมจักษุ
5. พุทธจักษุ


โดย: palin วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:20:07:29 น.  

 


สาธุค่ะ
อนุโมทนาด้วยกับธรรมทาน...


โดย: แม่ไก่ วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:10:05:21 น.  

 
ปฏิบัติให้เห็นจริง ดีที่สุด
โมทนาสาธุค่ะ
Merry Christmas & Happy New Year


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:21:34:15 น.  

 


ความคิด
กำหนด
ตัวตน



โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 17 มกราคม 2552 เวลา:11:02:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.