|
โสดาปัตติมรรค-แนวทางเพื่อทรงคุณธรรมเป็นพระโสดาบัน ตอน ๕
เปล่าหรอก...ฉันศึกษามาต่างหาก
ชายหนุ่มรู้ว่าหลอดไฟสว่างด้วยการ ติด ดับ ต่อเนื่องกันจนสายตาเราจับความถี่ไม่ทัน จึงมองหลอดไฟเป็นแสงสว่างนิ่มนวล
ฉันใดก็ฉันนั้น บุคคลที่รู้เห็นการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสารก็ย่อมเป็นชายหนุ่มที่รู้ความเป็นจริงของแสงสว่าง แต่บุคคลที่ไม่รู้เหตุของความเป็นจริงของการเวียนว่ายตายก็จะเป็นเหมือนกับหญิงสาวไป
ข้าพเจ้าขอพาท่านย้อนกลับไปศึกษาพุทธประวัติของพระพุทธเจ้ากันสักนิดก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น ว่าพระองค์ตรัสรู้อะไร ซึ่งถ้าจะเอาคำถามไปถามเด็ก ๆ หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่บางคน ก็ต้องตอบว่า อริยสัจ ๔ ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งก็เป็นเหมือนสูตรตายตัวที่เราเรียนกันมาตั่งแต่สมัยประถม
อริยสัจ ๔ นั้นเป็นบทสรุปที่พระพุทธเจ้าได้ค้นพบ แต่ก่อนที่พระองค์จะค้นพบ อริยสัจ ๔ นั้น พระองค์ทรงค้นพบอะไรก่อนบ้าง คำตอบคือ ญาณ ๓ หรือ วิชชา ๓ ได้แก่
๑.ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ทรงมีญาณระลึกชาติได้ ย้อนหลังไปนับแสน ๆ กัป
๒.จุตูปปาตญาณ คือ ทรงมีญาณหยุ่งรู้การเกิดและตายของสัตว์ทั้งปวงได้
๓.อาสวักขยญาณ คือ ทรงหยั่งรู้ อริยสัจ ๔ ดับอาสวะกิเลสทั้งปวงได้สิ้นเชิง
ข้อ ๑ ใน วิชชา ๓ นี้เองเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะหากเราไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ก็เชื่อได้ว่าท่านไม่มีความเชื่อใน ปุพเพนิวาสานุญาณ ของพระพุทธเจ้า หรืดพูดกันชัด ๆ ว่าไม่ได้นับถือพระพุทธเจ้าเลยก็ว่าได้ เพราะองค์ประกอบมันไม่ครบ ท่านจะบอกว่านับถือกับเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้อย่างไร การระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยก็มีอันต้องตกไป
หากเราเกิดกันแค่ชาติเดียว แล้วทำไมพระองค์ต้องทนลำบาก ทรมาณตน อดอาหาร บำเบ็ญทุกกิริยานานถึง ๖ ปีด้วยเล่า ทรงกลับไปเสวยราชสมบัติ หาความสุขในชาตินี้ต่อไปไม่ดีกว่าหรือ ข้าพเจ้าจึงอยากให้ชาวพุทธที่มีปัญญาทั้งหลายจงใคร่ครวญคิดกันให้ดี เพราะเหตุและผลนั้นมันชัดเจนอยู่แล้ว เราไม่ได้เกิดมาแค่ชาตินี้เพียงชาติเดียวหากแต่เกิดมาแล้ว จนนับกันไม่ถ้วน พระองค์ต้องทรงทำความเพียร เพื่อหาความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายนี้
ดังนั้นด้วยความหวังดีของข้าพเจ้า บุคคลที่มีมิจฉาทิฏฐิ ประเภทเกิดครั้งเดียวตายครั้งเดียว หรือเกิดเป็นคนทุกชาติไป ไม่ยอมรับว่าชาติหน้ามีจริงนั้น ให้ปรับเปลี่ยนความคิดกันเสียใหม่ เพราะถ้าเราไม่เชื่อเรื่องชาติหน้ามีจริงแล้ว กฎแห่งกรรม ก็จะตั้งอยู่ไม่ได้ ไม่มีประโยชน์อะไร ซึ่งไม่ต่างอะไรกับท่านได้ฉีก พระไตรปิฎกไปแล้ว ๓ ใน ๔ ส่วน กลายเป็นชาวพุทธไม่เต็มบาทไป ข้าพเจ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย หันมาสร้างสัมมาทิฏฐิกันดีกว่า
ที่ข้าพเจ้าเน้นเรื่องสัมมาทิฏฐินี้ก็เพื่อเป็นพื้นฐานก่อน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก หากอธิบายเรื่องอื่นต่อไปแล้วไม่เข้าใจ ก็จะยังตกอยู่ในสัมมาทิฏฐิอยู่ ไม่ถึงกับมองพุทธศาสนาในแง่มุมที่ผิดไปเพราะตัวเองไม่เข้าใจในหลักธรรมบางข้อในพระพุทธศาสนา
<อ่านต่อตอน ๖>
Create Date : 22 มีนาคม 2551 |
Last Update : 22 มีนาคม 2551 9:11:20 น. |
|
0 comments
|
Counter : 293 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|