ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๔๓๕ - กรงขัง... (ตอนที่ ๒)


ต่อจากตอนที่ ๑



ชายนักเดินทางตกใจกับข้อแลกเปลี่ยนที่โหดร้ายเกินเหตุเกินควร เขานั่งนิ่งอยู่นาน พยายามคิดทบทวนเพื่อหาข้อต่อรอง

"ว่าอย่างไร เจ้าหนุ่ม ต้องการจะแลกไหม ฮ่า ๆ ๆ" เจ้าเมืองหัวเราะอย่างชอบใจ เหตุที่เจ้าเมืองต้องการลิ้นและนิ้วมือของชายนักเดินทาง ก็เพื่อไม่ต้องการให้คนที่มาถึงเมืองนี้แล้วนำความลับไปบอกกล่าวกับศัตรู โดยการพูดหรือเขียนนั่นเอง

"ผมไม่ยอมรับข้อแลกเปลี่ยนนี้ ท่านไม่มีเหตุผล ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นนักเดินทาง..." ชายนักเดินทางโวยวาย การโต้เถียงนี้ไม่ได้ผลใด ๆ อีกทั้งยังทำให้เจ้าเมืองรู้สึกโกรธไปด้วย

"ทหาร...เอาเจ้าคนนี้ไปขังยังคุกศิวิไลซ์ตลอดชีวิต" เจ้าเมืองสั่งการด้วยน้ำเสียงแข็งขัน แทบจะเป็นเวลาเดียวกับทหารสองคนวิ่งเข้ามาหิ้วตัวชายนักเดินทาง และลากไปตามพื้น เพื่อไปยังห้องขังแห่งใหม่ และในที่นี้ นักโทษทั้งหลายจะต้องถูกจองจำอยู่ในนั้นตลอดอายุขัย ไม่มีวันได้ออกมาอีก และที่สำคัญในอดีตที่ผ่านมาคำสั่งเจ้าเมืองถือว่าเด็ดขาด ไม่มีใครสามารถแก้ไขหรือยื่นอุทธรณ์ใด ๆ ได้ นี่ไม่ต่างอะไรกับเมืองแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ

'คุกศิวิไลซ์?...' ชื่อนี้มันก้องอยู่ในหัวของชายนักเดินทาง คำสองคำมันฟังดูขัดกันชัดเจนเหลือเกิน มันจะเป็นอย่างไรกัน แม้ว่าชื่ออาจจะดูดี แต่ได้ชื่อว่าที่กักขังแล้ว คงไม่มีใครอยากจะเข้าไปอยู่เป็นแน่

ไม่ช้าชายนักเดินทางก็ถูกนำตัวมายังพื้นที่ใจกลางเมือง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีกำแพงหินสูงลิบตา พื้นที่ตั้งของบริเวณอาคารยุบลงไปคล้ายแอ่งกระทะขนาดใหญ่ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นปากปล่องภูเขาไปที่ดับสนิทแล้ว ท่านเจ้าเมืองมองเห็นทำเลนี้เหมาะที่จะทำเมืองสำหรับขังนักโทษ ตั่งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน



ชายนักเดินทางถูกนำตัวเข้ามายังเมืองกักขัง ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ มีผู้คนถูกกักขังอยู่เป็นจำนวนมาก ภายในเต็มไปด้วยอาคารหินสี่เหลี่ยมจัตุรัส สูงบ้างต่ำบ้างตามลักษณะพื้นที่ตั้ง ถนนทางเดินดูลาบเรียบสะอาดตา ราวกับได้รับการดูแลอย่างดี ภายในอาคารหิน เขาสังเกตเห็นหน้าต่างบานเล็ก ๆ พอแสงลอดส่องไปได้ ภายในมีคนอาศัยอยู่ และกำลังจ้องมองชายนักเดินทางตาเขม็ง

มีบรรดานักโทษเดินอยู่ตามท้องถนนประปราย ดูจากแววตาแล้วพวกเขาไม่ได้มีความทุกข์อะไร บางพวกก็สามารถทำการค้าขายได้เท่าที่จำเป็น บางพวกก็เล่นสนุกสนานตามสวนและตามสระน้ำ มีบางพวกกำลังก่อสร้างอาคารใหม่ ๆ และบางพวกก็กำลังทำการเกษตร ฯ หากไม่ถูกคุมตัวมา เขาก็คงไม่ทราบว่าที่แห่งนี้เป็นเรือนจำ

ชายนักเดินทางถูกนำตัวมายังบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งดูภายนอกเหมือนเป็นบ้านมากกว่าห้องขัง แต่เมื่อเปิดเข้าไปก็จะเห็นห้องกักขังอีกหลายสิบห้อง ข้างในไม่มีคนอยู่ ยกเว้นชายวันกลางคนรุ่นราวคราวเดียวคนหนึ่งซึ่งคงต้องคดีคล้าย ๆ กัน ถูกขังอยู่ห้องใกล้ ๆ คนเดียว

"เจ้ามาใหม่ เจ้าต้องอยู่ในนี้ทุกวัน ตอนเช้าจะมีคนนำออกไปเดินข้างนอก ๑ ชั่วโมง และจะต้องอยู่อย่างนี้ ห้าสิบปีก่อน แล้วค่อยย้ายออกไปข้างนอกได้" เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมอธิบาย



"ผมต้องอยู่ห้องแคบ ๆ นี้ ห้าสิบปีหรือครับ " ชายนักเดินทางพูดเพราะแทบรับสภาพไม่ได้ ภายในห้องก็ไม่ต่างอะไรกับคุกหิน มีหน้าต่างบานเล็ก ๆ พอมองเห็นอิสรภาพข้างนอกได้นิดหน่อย

"ใช่แล้ว...หน้าที่ของเจ้าจะต้องปรับสภาพตัวเองให้ได้ บอกก่อนว่า ไม่มีใครสามารถหนีออกจากที่นี่ได้ คนที่หนีได้คือต้องเป็นศพก่อนสถานเดียว ห้ามก่อเรื่องทะเลาะวิวาทหรือส่งเสียงดังเด็ดขาด เมื่อพ้นห้าสิบปีแล้ว เจ้าจะมีโอกาสได้งานที่ถนัดทำ สามารถสร้างบ้านได้ ค้าขายได้ตามสมควร แต่ไม่สามารถออกจากเมืองนี้ได้ จนกว่าชีวิตจะดับลงเท่านั้น" เจ้าหน้าที่อธิบายต่อ

ชายนักเดินทางถูกโยนเข้าไปในห้องเล็ก ๆ นั้นราวกับลูกหมาที่ถูกเจ้าของโยนทิ้ง จากนั้นประตูเหล็กหนาก็ถูกปิดสนิท พร้อมกับเสียงคล้องกุญแจขนาดใหญ่ ในห้องที่เขาอยู่นั้นโชคดีที่สามารถมองผ่านกรงเหล็กหนา ทำให้เห็นห้องอื่นได้แทบทุกห้อง ไม่เว้นแม้แต่ห้องที่มีชายคนนั้นถูกขังอยู่

"เหอะ ๆ ถูกจับมาเหมือนกันหรือ..." ชายคนนั้นร้องทัก ด้วยน้ำเสียงที่เรียบและเย็นชา สภาพการแต่งตัวของเขา ไม่ผิดกับขอทานคนหนึ่ง บ่งบอกถึงระยะเวลายาวนานในการอาศัยอยู่ในนี้ทีเดียว

"ครับ พวกนั้นกล่าวหาว่าผมเป็นพวกสอดแนม อะไรพวกนั้น แต่ผมไม่ใช่ ผมเป็นนักเดินทาง คุณสามารถช่วยผมได้ไหม..." ชายนักเดินทางพูดแกมขอร้อง

"แม้แต่ตัวข้ายังช่วยตัวเองไม่ได้เลย จะช่วยเหลือเจ้าได้อย่างไร..."

"พอมีวิธีหนีออกจากที่นี่หรือเปล่า...?" ชายนักเดินทางถาม

"ข้าไม่รู้หรอกว่าเขาหนียังไง แต่มีน้อยคนมาก ๆ ที่จะหนีได้ คนส่วนใหญ่พอได้ออกจากคุกแคบ ๆ นี่ แล้วย้ายออกไปข้างนอก ก็ไม่ค่อยมีใครอยากหนีนักหรอก เพราะข้างนอกนั้นมีอิสระพอสมควร ทั้งยังสามารถทำงานได้ ไม่ถูกกักบริเวณแต่ในห้องแคบ ๆ บางคนก็ยังสามารถแต่งงานได้ด้วย ไม่ต่างอะไรกับชาวเมืองดี ๆ เขาจึงตั้งชื่อว่า เมืองแห่งคุกศิวิไลซ์...ไงล่ะ"

อ่านต่อตอนที่ ๓ (จบ)

Thank you image from ' //www.thelivingmoon.com ' , ' https://encrypted-tbn0.gstatic.com ' , ' //waynehistorypa.org'





Create Date : 20 มีนาคม 2556
Last Update : 22 มีนาคม 2556 10:23:49 น. 5 comments
Counter : 498 Pageviews.

 
Thank you very much


โดย: Kai (nookookai8 ) วันที่: 20 มีนาคม 2556 เวลา:14:12:09 น.  

 

แวะมาทักทาย คุณอัสติสะ
ช่วงเย็นๆ นะคะ
มีความสุขมากมากค่ะ


โดย: Nissan_n วันที่: 20 มีนาคม 2556 เวลา:16:49:49 น.  

 
สวัสดีครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มีนาคม 2556 เวลา:21:24:49 น.  

 
สวัสดีครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มีนาคม 2556 เวลา:9:16:17 น.  

 
มาอ่านตอนทีสองครับผม อิอิสนุกดีนะครับ อ่านแล้วไหลลื่นเลยเชียว แหะๆ ^^



โดย: วนารักษ์ วันที่: 28 มีนาคม 2556 เวลา:14:45:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.