|
๓๔๕ - การเกิดและระลึกอดีต
พ้นผ่านปีใหม่ไปไม่นาน คืนปี วันเดือน เคลื่อนคล้อยไปตามธรรมชาติ โลก ดวงจันทร์ พระอาทิตย์ยังคงเคลื่อนหมุนไป อย่างไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย ชีวิตของมนุษย์ก็ยังคงดิ้นรนขวนขวายอยู่อย่างนั้น ข้าพเจ้าผ่านวันเกิดในช่วงสิ้นปีมาได้ไม่นาน ก็มานั่งคิดว่า ทุก ๆ ครั้งที่ถึงวันเกิด อายุขัยของเราก็มากขึ้นอีกหนึ่งปี แต่อายุที่จะเหลืออยู่บนโลกมนุษย์นี้ก็กลับลดลวทุกปี เราจะมาดีอกดีใจกับการได้อายุใหม่ หรือจะมาเวทนาต่ออายุขัยของเรากันดี
ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายก็แสนสั้นหนักหนา ธรรมดาของสัตว์ทั้งหลายนั้น มีเหตุอยู่หลายประการที่จะทำให้เขาคิดกระทำกรรมชั่ว นั่นคือ การไม่รู้ในผลแห่งกรรม การไม่รู้ในที่ไปที่มาของตัวเราเอง การไม่รู้ในอดีต และการไม่รู้ในอนาคต เพราะหากเรารู้เราก็จะไม่กระทำกรรมอันส่งผลเผ็ดร้อนให้กับตัวเอง แต่เพราะความไม่รู้นั่นแท้จริงเทียว ที่ทำให้เราต้องกระทำกรรมดีบ้าง กรรมชั่วบ้าง ท่องเที่ยวเดินทางอยู่ในวัฏฏะสงสารอย่างเนิ่นนาน หาเบื้องต้นและเบื้องปลายไม่ได้
ในบางครั้งพวกเรานั้นเหมือนถูกหลอกให้ล่นละคร มีบทบาทของพ่อ แม่ ลูก นักปกครอง ครูอาจารย์ ฯ และก็ต้องจากกันไปเมื่อถึงเวลาอันสมควร บางคนบางพวกจริงจังกับบทบาทมาก ถึงกับเข่นฆ่า ชิงดีชิงเด่นกันไปมากก็มี แต่ท้ายสุดไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ มัจจุมารก็มักจะพรากพวกเราไปในตอนท้ายเรื่องเสียทุกที และกลับมาเล่นบทบาทใหม่ พร้อมทั้งความทรงจำที่ถูกลบเลือน
เคยมีคนสงสัยกันว่า ทำไมเราถึงจำเรื่องราวในอดีตชาติไม่ได้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้มันไม่ต่างอะไรกับเรื่องของกรรม ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าใครที่ค้นคิดค้นเรื่องนี้ เสียเวลาเปล่า ซ้ำจะทำให้เป็นบ้าไปเลยก็ได้ ท่านเรียกว่าเป็น อจินไตย เป็นเรื่องเกินวิสัยของมนุษย์ แต่ถ้าเรามาลองเทียบเคียงดูเพื่อให้เกิด ศรัทธาและปัญญาก็คงพอจะอนุโลมกันได้บ้าง
ทำไมเราถึงจำเรื่องในอดีตชาติไม่ได้...?
จิต...เป็นธรรมชาติซึ่งมีหน้าที่รู้ รู้ตามรูปที่มากระทบตามอายตนะรวมทั้งการตอบสนองทางอารมณ์ต่าง ๆ และเป็นตัวเก็บข้อมูลชั้นดี ข้อมูลของจิตที่บันทึกนั้น สามารถดึงมาใช้งานได้ตามกำลังสติ และสมาธิ ยกตัวอย่างเช่น เรามีบ่อน้ำแห่งหนึ่ง หากน้ำในบ่อขุ่นถูกกวนตลอดเวลา เราก็จะไม่เห็นปลา แต่ถ้าไม่มีอะไรมากวนน้ำเลย มันก็จะนิ่ง และเราสามารถเพ่งมองเห็นสัตว์ต่าง ๆ ที่อยู่ได้น้ำได้ เป็นต้น เนื่องจากมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ล้วนเป็นสัตว์ที่มีกายหยาบ ประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นธาตุเดียวกับโลก การระลึกได้ก็ต้องผ่านเส้นประสาทซึ่งเป็นตัวกลางเสียก่อน เส้นประสาทนั้นรวมกันเยอะ ๆ เข้าก็เป็นสมอง ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการส่งผ่านข้อมูลเข้าออกจากจิต เช่น คนที่ประสบอุบัติเหตุจากการกระทบทางสมอง บางครั้งก็สูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะ เนื่องจากเส้นประสาทที่จิตเราคุ้นเคยและใช้งานอยู่ถูกทำให้เสียหาย และเมื่อได้รับการซ่อมแซมจากร่างกาย ความทรงจำก็จะกลับมาเช่นเดิม
การทำงานสอดคล้องกันระหว่างจิตกับสมอง มันทำงานร่วมกันตั่งแต่แรกที่เราปฏิสนธิ รูปร่างของเราจะสมบูรณ์อย่างไร ก็อยู่กับกรรมที่จิตเราสั่งสมมาตั่งแต่อดีตชาติ จะสมบูรณ์หรือพิการ ก็อยู่กระบวนการของจิตและสมองที่ช่วยกันสร้างรูปร่างขึ้นมาใหม่ นี่เป็นเหตุให้คนเรามีรูปร่างแตกต่างกัน เป็นตามอำนาจของกรรมในอดีต
คราวนี้ในระหว่างการเชื่อมต่อของภพ ชาติ สมองของมนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ จากกระบวนเริ่มต้นของการเกิด แต่สมองเองตอนแรกก็ยังอยู่ในระหว่างการสร้าง ในระหว่างจิตเราเองมันก็ไม่อาจจะสานต่อความทรงจำในอดีตกับเส้นประสาทในสมองได้ เพราะเส้นประสาทมีน้อยเกินไป แต่เรื่องราวของจิตในรับรู้มาอย่างมายในอดีตชาติ และมีช่องว่าง คืออายุขัยของกายทิพย์นานเกิน(ติดข้องอยู่ใน สวรรค์ เปรต อสุรกาย นรก) กระบวนการรีเชตจึงเกิดขึ้นเป็นการเริ่มต้นกระบวนการจำใหม่ ในช่วงที่สมองของเรามีการพัฒนาแล้วที่ในช่วง ๓ – ๕ ปี เราจึงจะสามารถจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้ เพราะสมองสามารถทำงานสอดคล้องกับจิตเราได้อย่างเต็มที่นั่นเอง จึงไม่แปลกอะไรที่คนเราจะสามารถระลึกย้อนอดีตในชาติปัจจุบัน ได้ตั่งแต่ ๓ ขวบขึ้นไป หรือบางคนอาจจะมากหรือน้อยกว่านั้นก็ได้ แต่รับรองได้ว่าส่วนใหญ่จะจำได้เพียงเรื่องรางบางช่วงที่สำคัญ ๆ เท่านั้น
เรียกว่า การบวนการเชื่อมต่อของภพ ชาติ เราจะสูญเสียความจำในอดีตชาติไปในช่วงนี้ แต่มีบางกรณีที่คนสามารถระลึกอดีตชาติได้ หากกระบวนการตายนั้นเกิดนั้นอยู่ในช่วงสั้น ๆ เช่น ตายจากมนุษย์แล้วเกิดเป็นมนุษย์เลยและมีภพของโอปปาติกะที่สั้นมาก ๆ จิตกับสมองยังสามารถสร้างเส้นใยที่สามารถเชื่อมต่อผสานกันได้(แต่เบาบางมาก) จะสามารถจำเรื่องราวในอดีตชาติได้เช่นกัน แต่รับรองว่าเรื่องประเภทนี้เกิดขึ้นน้อยมาก ( ความทรงจำเหล่านี้จะค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่ออายุมากขึ้น )
เป็นข้อเทียบเคียงและอธิบายเพื่อให้ผู้อ่านผู้มีความใคร่สนใจในชาติ ภพ และการเวียนว่ายตายเกิดได้คิดวิเคราะห์ สิ่งที่เขียนมาข้างเป็นเพียงแง่มุมของข้าพเจ้า ผู้อ่านไม่ต้องนำไปอ้างอิงครับ จุดประสงค์ไม่ได้อวดรู้เกินวิสัยของมนุษย์ แต่เพื่อให้เราตระหนักในกรรมดี กรรมชั่ว และเชื่อในภพ ชาติ ไม่ให้เราประมาทในการทำความดี ในชาติปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นตัวส่งผลดีไปยังอนาคต ให้เชื่อในคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อกระเทาะเปลือกสมองของคนยุคใหม่ที่กำลังวิ่งวุ่นหาความสุขประหนึ่งสุนัขวิ่งไล่กัดหางตัวเอง ให้เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดนั้นมีจริง ๆ ...
สารบัญ
Create Date : 20 มกราคม 2555 |
Last Update : 20 มกราคม 2555 21:42:56 น. |
|
10 comments
|
Counter : 610 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 20 มกราคม 2555 เวลา:21:46:49 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 20 มกราคม 2555 เวลา:23:41:39 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:14:00:05 น. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 22 มกราคม 2555 เวลา:0:10:13 น. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 22 มกราคม 2555 เวลา:8:36:28 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:0:42:15 น. |
|
|
|
โดย: มินทิวา วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:7:21:06 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:11:21:52 น. |
|
|
|
โดย: ลำเนา วันที่: 24 มกราคม 2555 เวลา:13:48:32 น. |
|
|
|
โดย: nongtee150 วันที่: 31 มกราคม 2555 เวลา:21:48:46 น. |
|
|
|
| |
|
|
[widget.sanook.com - *More Feel*]
ฝันดีนะคะ คุณอัสติสะ
อิอิ เจิมค่ะ