|
๒๑๗-น้ำตาหยดนั้น
การใช้ชีวิตที่เป็นปกติ ตามธรรมดาของการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ก็ต้องเผชิญกับความโลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา สิ่งเหล่านี้มันก็มีที่มาจากโลกธรรม ๘ ซึ่งวิ่งวนเวียนแวดล้อมเราอยู่ตลอดทั้งวัน เหมือนกับเราเดินอยู่บนทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ ในทุ่งหญ้าก็มีเกสรดอกไม้ฟุ้งไปรอบ ๆ ดัวเรา เราอยากจะไขว่ขว้า หรือ อยากจะเป่าละอองเกสรให้ออกจากตัวเราก็ย่อมทำได้ไม่ยาก
โลกธรรมทั้งแปดนั้นก็ไม่ต่างกัน มันก็วนเวียนอยู่รอบตัวเราทุก ๆ วัน ขึ้นอยู่กับเราจะขว้าไว้หรือปล่อยวางให้สิ่งนั้นมันเป็นของโลก เป็นธรรมของมันไป
การจับสัมผัสของโลกธรรม ๘ ปลายทางของมันย่อมนำความทุกข์มาให้เราเสมอ ไม่ว่าสิ่งนั้นเราจะบอกว่าเป็นความสุขก็ตามที อย่างที่เราได้เคยได้ยินกันมาแล้ว ว่า สุข หรือ ทุกข์ ก็สิ่งไม่เที่ยง ความสุขนั้นเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของความทุกข์เท่านั้น เราจะจับต้องขว้าเอาไว้ก็ไม่ได้นานนักหรอก วันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องพรากสิ่งที่เรารักหรือ สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขในปัจจุบันนี้ไปอยู่แล้ว
เคยคิดเล่น ๆ ว่าตอนนี้ครอบครัวของเราต่างก็มีความสุขดี จะเรียกได้ว่าดีกว่าครอบครัวอื่น ๆ เสียอีก หากแต่วันข้างหน้าเราต้องสูญเสียคนรักที่สุดไป ข้าพเจ้ามักถามตัวเองเสมอ ว่าจะทำใจได้ไหม บ่อยครั้งที่นั่งนึกคิดไปว่าคนที่เรารักในครอบครัวตายไป เราจะวางใจอย่างไร
ถึงวันนั้นจะกั้นน้ำตาไว้ได้ไหม...
ข้าพเจ้านึกทีไร ก็ไม่อาจจะยืนยันว่าถึงวันนั้นจะไม่มีน้ำตาให้เห็น เพราะแม้จะเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้เป็นธรรมของโลก ทุกอย่างมีเกิด ก็ต้องมีจาก มีความพลัดพรากไปเป็นธรรมดา ถึงวันนี้ข้าพเจ้าอาจจะเป็นคนที่สูญเสียน้ำตาได้ง่ายที่สุดก็ได้ เพราะแม้ใจพระโสดาบันบางคนก็ยังไม่อาจกัดกั้นน้ำตาไว้ได้ แล้วข้าพเจ้าเองก็เป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา การสูญเสียน้ำตาบ้างในอนาคต ก็คงจะเป็นเรื่องปกติ
พูดถึงเรื่องน้ำตานี้ ก็นานแล้วที่ไม่ได้หลั่งไหลออกมาจากเบ้าตา อาจจะมีเคลิ้ม ๆ บ้างนิดหน่อยตอนดูละครแล้วซึ้งตามบทบาท แต่น้ำที่ต้องกับสายลมวันนั้น ที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกจดจำได้เป็นอย่างดี
มันเป็นวันที่เราต้องกลับเข้ามาทำงานในกรุงเทพ มาใช้ชีวิตอย่างคนเมืองทั่วไป เมื่อรู้ว่าเราไม่อาจจะใช้ชีวิตบรรพชิตได้ในตอนนั้น การบวชเป็นเรื่องยาก ข้าพเจ้ามักจะนึกถึงคำพูดของพระสารีบุตรเสมอ ๆ ในที่นี้หมายถึงการบวชเพื่อทำให้แจ้งในนิพพานเป็นเรื่องยากมาก วันนั้นเองที่ข้าพเจ้าเสียน้ำตาในความรู้สึก แม้จะเป็นเพียงน้ำตาอันน้อยนิด และปลิวหายไปตามสายลมที่มากระทบ แต่มันเป็นน้ำตาที่ไหลให้กับความสงสารของครอบครัว น้ำตาหยดนี้เอง ที่ได้หล่อเลี้ยงให้สังสารวัฏของข้าพเจ้ายืดยาวต่อไปอีก...
วันนี้มาแบบเศร้า ๆ และขอขอบคุณ รูปจาก //www.schmiergrafx.de อย่างมากมายเช่นเคย
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 8:06:40 น. |
|
13 comments
|
Counter : 831 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:43:16 น. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:11:44 น. |
|
|
|
โดย: Budratsa วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:40:26 น. |
|
|
|
โดย: มินทิวา วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:5:09:27 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:22:01 น. |
|
|
|
โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:28:08 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:04:23 น. |
|
|
|
โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:14:49 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:4:55:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:3:43:31 น. |
|
|
|
| |
|
|
.
.
ชอบประโยคนี้จังเลยครับ
ปล. เดี๋ยวผมไปดูก่อนนะครับ
ว่ามีหัวข้อ สรรพสิ่งแล้วหรือยัง 555