|
๐๓๖-ศีลแปลว่าปกติ...ที่ไม่ปกติ
การเขียนบทความในเชิงพุทธศาสนา ลัทธิความเชื่อนี้ จะว่าทำง่ายก็ง่าย จะว่าทำยากก็ยากเพราะจำเป็นต้องมองสังคมหลาย ๆ ด้าน หลาย ๆ มุม แล้วนำมากลั่นกรองเป็นอักษรหรือถ้อยคำ บางครั้งก็กระทบ เสียดแทง ความรู้สึกของคนบางคน บางกลุ่มบ้าง ถูกใจบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นการเขียนบทความประเภทนี้ จึงต้องมีแกนหลักคือ ปัญญาและเหตุผล ตามความเป็นจริง ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่เขียนกันไปตามความรู้สึก หรือสามัญสำนึกของปุถุชนคนธรรมดา หรือ เขียนให้เอาอกเอาใจใครเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือฆราวาส ในเรื่องเกี่ยวกับศีล ซึ่งในตำราแปลว่า ปกติ ในความปกตินั้นเขาปกติกันอย่างไร เรื่องนี้หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเคยอธิบายไว้เป็นข้อคิดว่า คำว่าปกตินั้นให้คิดว่าตัวเองตามธรรมชาตินั้น ปกติเราต้องการอะไร ไม่ต้องการอะไร ตัวอย่างเช่น
๑.เรารักชีวิตตัวเองเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นสัตว์อื่น ๆ ก็รักชีวิตของมันเองเป็นเรื่องปกติเช่นกัน จึงไม่ควรเลยที่จะเบียดเบียนกัน
๒.เรามีความรักในทรัพย์สินขิงตัวเองอย่างไร บุคคลอื่นก็มีความรักในทรัพย์สินของเขาเป็นปกติ อย่างนั้นแล้วควรหรือที่จะแก่งแย่ง ปล้นชิง ทรัพย์สินกัน
ยกตัวอย่างเพียง ๒ หัวข้อ ในส่วนที่เหลือก็มีนัยลักษณะเดียวกัน ปัญญาชนที่อ่านหนังสือออก และท่องศีล ๕ ได้ดีคงคิดต่อเองได้ไม่ยาก
ในเรื่องของศีล ๕ ประการนี้เป็นวิสัยของมนุษย์โลกที่เกิดมา ทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์เดินสวนทางกันเป็นประจำนั้น ไม่ว่าเขาจะมีผิวพรรณ วรรณะอะไร ในอดีตชาติต่างก็เคยรักษาศีล ๕ ประการนี้ครบด้วยกันทั้งนั้น แต่ใครจะมากน้อยกว่ากันก็ขึ้นอยู่กับบารมี หรือกำลังใจของแต่ละคน จึงทำให้มนุษย์เรามีความแตกต่างกันมากมายเหมือนทุกวันนี้
แต่ปัจจุบัน ถ้าเราจะเอาศีล ๕ บริบูรณ์คือมนุษย์โลกแล้ว เราคงจะมองหามนุษย์โลกจริง ๆ นั้นยากเต็มที เราเพราะพวกเขาเริ่มมองคนที่รักษาศีล เป็นเรื่องผิดปกติของสามัญชนทั่วไป เรื่องศีลจึงเป็นเรื่องปกติ...ที่ไม่ปกติอีกต่อไป
ไม่น่าแปลกอะไรที่คนจะมีศีล ๕ บริสุทธิ์ ในสภาวะสังคมปัจจุบัน จะต้องมีกำลังใจเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว มีความมุ่งมัน มากเป็นพิเศษ เขามักจะถูกมองและถูกให้คุณค่าทางสังคมน้อยกว่า คนทั่ว ๆ ไป เช่น ถ้าตกอยู่ในสังคมของนักดื่มสุรา พวกนักดื่มก็มักจะให้ความสำคัญ พูดคุย และช่วยเหลือเพื่อนที่อยู่ในวงการนักดื่มเหมือนกัน คนที่ไม่ดื่มและไม่ค่อยเข้าสังคมเพื่อต้องการรักษาศีล ๕ ประการจึงร่วมทำงานด้วยกันยาก แต่มันก็ไม่เสมอไปหรอก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของสังคมนั้น บางกลุ่มบางสังคมเขาก็สามารถแยกแยะ ผิดถูก หรือเวลาพักผ่อน เวลาทำงานได้ ดังนั้นสังคมที่เจอของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีแนวโน้มไปตามที่ข้าพเจ้าเขียน อย่างแน่นอน
มุมมองการมีคู่เริ่มเปลี่ยนไป ผู้ชายก็เริ่มมีเมียน้อยหรือกิ๊ก จนดูเป็นเรื่องปกติ ใครไม่มีชู้หรือกิ๊กถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ มุมมองแบบนี้มันจะค่อย ๆ เปลี่ยน ค่อย ๆ ปรับ ไปเรื่อย ๆ จนทุกคนยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติไป แล้วสุดท้ายสุด เขาก็จะมองศีลธรรมเป็นเรื่องงมงาย เป็นเรื่องที่เขียนกันขึ้นมาเพื่อเรียนเอาเกรดกันเท่านั้น
เรื่องศีลนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่เราจะมองข้ามไม่ได้เลย เพราะมันเกี่ยวข้องกับชะตาของโลกเราทีเดียว คือโลกจะเจริญ รุ่งเรือง สงบร่มเย็น ก็อยู่ที่ศีล จะล่มสลาย แตกสลายก็เป็นเรื่อง ทุศีล ให้ท่านทั้งหลายจงช่วยกันเอาไปคิด อ่านอย่างเดียว ข้าพเจ้าเชื่อว่ามันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักคิดและปฏิบัติอย่างถูกต้อง และเคร่งครัดต่างหาก ผลที่ได้ก็ไม่ใช่ตกอยู่ที่ใครคนอื่น แต่ผลนั้นก็ตกอยู่กับตัวท่านเองเท่านั้น
สารบัญ
Create Date : 13 เมษายน 2551 |
Last Update : 13 เมษายน 2551 15:35:17 น. |
|
5 comments
|
Counter : 365 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Imaginewing วันที่: 13 เมษายน 2551 เวลา:15:37:19 น. |
|
|
|
โดย: ออริกาโน วันที่: 13 เมษายน 2551 เวลา:16:47:13 น. |
|
|
|
โดย: ย่าชอบเล่า (ย่าชอบเล่า ) วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:4:49:59 น. |
|
|
|
โดย: ย่าชอบเล่า (ย่าชอบเล่า ) วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:4:52:39 น. |
|
|
|
โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:21:20:28 น. |
|
|
|
| |
|
|
มีความสุขวันสงกรานต์นะค่ะ