|
๒๗๐ - ศรัทธาเป็นใหญ่
ชีวิตของคนเราที่เกิดมานั้น ย่อมประกอบด้วยความรัก ตัณหา และความโลภด้วยกันทั้งสิ้น เพราะหากกิเลสเหล่านี้ไม่เกิดแก่เราแล้ว เราก็คงไม่ต้องลงมาเวียนว่ายตายเกิดอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
การอธิบายเรื่องการเวียนเกิดเวียนตาย การเวียนดับแห่งสังขารนั้น ก็ใช่ว่าจะเข้าใจได้ง่าย ๆ และสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าจะเหมาะสำหรับคนทุกคนเสมอไป เหตุนั้นเพราะธรรมที่พระพุทธเจ้าค้นพบนั้น เป็นธรรมเครื่องแห่งบัณฑิต เป็นของสูง เหมาะสำหรับคนที่มีนัยย์ตาที่เจือด้วยกิเลสน้อย และที่สำคัญต้องมีอุปนิสัยแห่งความศรัทธามาจากอดีต
เรื่องของศรัทธาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะศรัทธาเป็นรากเง้า เป็นดั่งรอยเท้าช้างใหญ่ หากคนที่ไม่มีศรัทธาในศาสนาหรือคุณงามความดีแล้ว ในส่วนเรื่องปัญญา ศีล สมาธิ ก็ยิ่งจะเกิดขึ้นได้ยาก หรือแม้เกิดขึ้นแล้วก็ดำรงอยู่ ตั้งมั่นอยู่ได้ไม่นาน เหตุนี้ท่านจึงเปรียบเทียบศรัทธาเป็นดั่งรอยเท้าช้างใหญ่ ซึ่งสามารถบรรจุรอยเท้าสัตว์อื่น ๆ ได้ทุกประเภท ในที่นี้ว่ากันโดยหลักแห่งศรัทธาเป็นตัวนำ
ข้าพเจ้ามักจะเน้นเรื่องความศรัทธาเป็นหลัก แม้เรื่องที่เขียนจะว่ากันเรื่องของปัญญาเสียโดยมาก แต่ก็เป็นปัญญาอันสืบเนื่องมาด้วยศรัทธาเป็นฐาน เมื่อความศรัทธามาถึงขั้นหนึ่ง เราจะเริ่มเรียนรู้หาวิธีแห่งศรัทธาที่ถูกต้อง การเรียนรู้หาศรัทธาที่ถูกต้องนั้น แสดงให้เห็นถึงการรู้จักใช้ปัญญาแล้ว ขอยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้น
เช่น ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่า เราต่างศรัทธาต่อพระเครื่องกันโดยมาก หรือไม่ก็ชอบไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทวดาอารักษ์ทั้งหลาย เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองหรือคนที่เรารักปรารถนา ในคอ นิ้ว ก็สวมเครื่องรางของขลังที่เชื่อกันว่าจะนำโชคดีมาให้ หรือ ไม่ก็เชื่อว่าสามารถคุ้มครองชีวิตของตนเองได้ อย่างนี้เป็นศรัทธาแบบสุก ๆ ดิบ ๆ ผี(เทวดา)บ้าง พระบ้าง พรหมบ้าง ปะปนกันไปอย่างแยกไม่ออก
แต่สำหรับคนที่สามารถต่อยอดจากศรัทธาแล้ว หันมาเจริญทางปัญญา ส่วนมากคนเหล่านี้ก็เรียนรู้ได้ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แนวทางพ้นจากความทุกข์ ในไม่ช้า เมื่อเรียนรู้ธรรมของพระพุทธเจ้าไปเรื่อย ๆ วัตถุมงคล สิ่งของต่าง ๆ รวมทั้งการกราบไหว้ ผี สาง เทวดาก็จะค่อย ๆ ลดลง และหันหน้ามาปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแทน อย่างนี้เรียกว่าการต่อยอดจากศรัทธาแบบสุก ๆ ดิบ ๆ เพราะมีทั้งแบบ พุทธ ผี เทวดา พรหม ฯ ปะปนกันไป และกว่าจะมาพบทางที่พระพุทธเจ้าวางไว้ ก็ต้องลองผิดลองถูกอยู่นาน
อีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นศรัทธาที่เกิดมาจากรากฐานของพุทธโดยแท้ ไม่นับถืออย่างอื่น เข้าวัดทำบุญเป็นประจำ แต่ไม่ได้เจริญทางปัญญา มีความชื่นชมในการทำบุญ ทาน ศีล จนเวลาช่วงหนึ่งผ่านไป เมื่อได้เรียนรู้และอบรมธรรมสักระยะ ก็เกิดแนวคิดที่อยากปฏิบัติธรรม อยากรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า และหันมาปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างเด็ดเดี่ยว หมั่นเจริญวิปัสนากรรมฐานอยู่เป็นนิจ อย่างนี้เป็นการต่อยอดจากศรัทธาที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง ซึ่งหาได้ยากในสังคมปัจจุบัน
ขอขอบคุณ รูปภาพงาม ๆ จาก //www.chokchata.comมากมาย ครับ
Create Date : 07 ตุลาคม 2553 |
Last Update : 7 ตุลาคม 2553 8:11:50 น. |
|
12 comments
|
Counter : 536 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 ตุลาคม 2553 เวลา:10:14:08 น. |
|
|
|
โดย: Chulapinan วันที่: 7 ตุลาคม 2553 เวลา:16:56:55 น. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 7 ตุลาคม 2553 เวลา:16:57:22 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 ตุลาคม 2553 เวลา:6:01:08 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 ตุลาคม 2553 เวลา:8:18:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 ตุลาคม 2553 เวลา:6:22:56 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 9 ตุลาคม 2553 เวลา:20:40:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:6:36:59 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:7:01:22 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:8:26:52 น. |
|
|
|
โดย: Borken วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:23:09:18 น. |
|
|
|
| |
|
|
ถึงซึ่งนิพพานได้โดยแท้จริง