ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๐๙๑-ข้างทางจงกรม




การได้หยุดพักผ่อน เพื่อเข้าวิปัสสนากรรมฐาน เป็นทางเลือกหนึ่งที่ข้าพเจ้าพอใจที่จะทำอยู่เสมอ กลิ่นไอแห่งพระอริยะ ลอยวนเข้ามาสัมผัสกับมโนจิตอยู่เป็นประจำ ข้าพเจ้าพยายามเสาะหาเวลาที่ว่าง เพื่อเสาะหาสิ่งที่เข้าใจว่า พระอริยะแห่งหุบเขา นั้นอยู่ที่ไหน…

ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี ๒๕๕๑ มีข่าวสำนักปฏิบัติธรรมป่า ในเขตอำเภอใกล้บ้าน ดังเข้ามากระทบโสตข้าพเจ้า สองถึงสามครั้ง และพยายามขับรถหา จนถึงความพยายามในครั้งที่สาม จึงเดินทางมาถึงเพราะระยะทางนั้นไกลพอสมควร ทางเข้านั้นหากศรัทธาไม่ถึง ก็ล้มเลิกได้ง่าย ๆ เช่นกัน

ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๑ ข้าพเจ้าเข้าไปกราบหลวงปู่ในตอนเย็น และแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ว่าอีก หนึ่งอาทิตย์จะมาเข้ากัมมัฏฐาน แต่วันนี้ติดธุระขอกลับบ้านไปก่อน หลวงปู่ก็พยักหน้ารับ และจัดการสั่งให้พระลูกวัดทำงานต่อ

ข้าพเจ้ากลับมายังบ้าน แต่ด้วยธุระการงานนั้นมากพอสมควร เป็นอันว่าเลยเวลาที่กำหนดกับหลวงปู่ไว้ คืนหนึ่งข้าพเจ้าได้ฝันเห็นหลวงปู่ ท่านบอกให้มาที่วัด และให้พาท่านไปกิจนิมนต์ในตัวอำเภอ หลังจากตื่นขึ้นมาจึงรู้ว่า ถึงเวลาที่เราจะต้องไปวัดตามสัญญาที่ให้กับหลวงปู่ไว้ และ ก็เป็นโอกาสดีที่จะกลับเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพฯ เสียที การกลับมาครั้งนี้จึงเป็นการเข้ามาต่อสู้กับกฏแห่งกรรม อย่างที่เราไม่สามารถหนีมันได้ แม้ว่าจะรู้ชัดในความเป็นไปของชีวิตตัวเอง แต่เราเองก็ไม่อาจจะฝืนโชคชะตาได้เลย

ปลายเดือนเมษายน ๒๕๕๑ เป็นช่วงที่กำลังผลัดฤดูเข้าสู่หน้าฝน พายุฝนลูกหนึ่งกำลังซัดกระหน่ำ ทำให้ฝนตกชุกอยู่เป็นสัปดาห์ ข้าพเจ้าขับรถมายังวัดของหลวงปู่ วันนั้นมีผ้าขาวซึ่งเป็นคนท้องถิ่นอยู่เพียงคนเดียว ข้าพเจ้าจึงเป็นคนแปลกถิ่น และต้องพักอยู่เพียงลำพัง ในกุฎิเล็ก ๆ มีขนาดเพียงเหยียดขาไปได้สุดก็ชนกับผนังพอดี

การปฏิบัติของพระที่วัดก็ถอดแบบมาจากสายพระป่าของ อาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ทุกอย่าง ข้าพเจ้าขอข้ามที่จะอธิบายไปก่อนเพราะหลายท่านคงทราบ ข้อวัตรปฏิบัติแนวพระป่าดีอยู่แล้ว หากเขียนไปก็คงเป็นสารคดีเชิงธรรมะเรื่องยาวเป็นแน่

ชายป่าข้าง ๆ กุฎิ มีสถานที่เหมาะสมสำหรับนั่งสมาธิ ในตอนกลางวัน ข้าพเจ้าแบกมุ้งกรด เข้าไปในป่า และหาที่นั่งสมาธิในนั้น ฝนที่ตกมาในช่วงกลางคืน ทำให้ดินในบริเวณป่า ชุ่มไปด้วยน้ำและเปียกชื้นอย่างมาก ข้าพเจ้าเสาะหา กิ่งไว้เศษใบไม้ มารองนั่งเพื่อไม่ให้ความชื้นเข้ามารบกวนการนั่งสมาธิ

บริเวณใกล้ ๆ มีทางเดินจงกรม ซึ่งเป็นทางที่พระสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรมเคยใช้มาก่อน แต่ช่วงนี้คงไม่มีใครเดินจงกรมมานานเป็นอาทิตย์เพราะ พื้นที่เปียกชื้น เริ่มมีใบไม้ปกคลุมรกมากขึ้น ข้าพเจ้าเข้าไปเกลี่ยทางเพื่อที่จะใช้เดินจงกรม ทางยาวประมาณ ๘ เมตร เดินวนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น สลับกับการนั่งสมาธิ

ในช่วงบ่ายวันนั้น ข้าพเจ้าเดินมาจนสุดปลายทางเดินจงกรม และกำลังจะกลับตัว ปรากฎว่ามีนกตัวหนึ่งมาเดินวนไปเวียนมาอยู่ที่ปลายเท้าของข้าพเจ้า จึงคิดในใจว่า

‘นกตัวนี้แปลกจริง ไม่กลัวคน…’

เมื่อขยับมือไล่ มันก็บินหนี ไปเกาะอยู่ที่กิ่งไม้ใกล้ ๆ และไม่ยอมห่างจากทางจงกรมของข้าพเจ้าเลย แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และเดินจงกรมต่อไปอีกรอบหนึ่ง

‘ธรรมดาสัตว์ย่อมกลัวอันตรายจากมนุษย์ แล้วสาเหตุอะไรที่ทำให้นกตัวนั้นไม่กลัวอันตรายจากเรา… นอกเสียจากมันทำเพื่อปกป้องสิ่งที่มันรักมากที่สุด…’

‘นั่นไง…’ ข้าพเจ้าคิดได้ และมองไปที่ตอไม้ข้าง ๆ ทางจงกรม ข้างในมีโพรงเล็ก ๆ มีลูกนกวัยกำลังกินกำลังนอนอยู่ ๒ – ๓ ตัว ที่น่าเวทนาคือมันกำลังทุกข์ยาก จากมดดำฝูงหนึ่งกำลังมุมกัดเจ้าลูกนกทั้งหลาย เพราะเหตุนี้เอง เจ้านกตัวนั้นจึงได้วนเวียนอยู่บริเวณทางเดินจงกรม เพราะมันต้องการจะเข้าไปช่วยลูกนก แต่เพราะข้าพเจ้าเดินจงกรมอยู่เลยเป็นการรบกวนมันโดยไม่ตั้งใจ

ข้าพเจ้าหยุดเดินจงกรม และออกห่างจากตอไม้นั้น ไม่ช้านกตัวนั้นก็เข้ามาในโพรง และช่วยลูกนกจากการทำร้ายของมดดำฝูงนั้น

‘เกือบไปแล้ว…สินะ’

เราเองก็ต่างปรารถนาบุญ กุศล โดยที่ไม่ได้มองสิ่งที่อยู่รอบตัวเลย ว่าเขาจะทุกข์ ยากและได้รับอันตรายจากการกระทำของเราอย่างไรบ้าง ลูกนกอาจจะต้องตาย หากข้าพเจ้ายังฝืนเดินจงกรมบนเส้นทางนั้นต่อไป สิ่งนี้แม้ว่าเราจะไม่ได้เจตนา เพราะเหตุแห่งความไม่รู้ ไม่ได้ตั่งใจจะเบียดเบียนหรือทำร้ายสรรพสัตว์ในทางอ้อม แต่ไม่ว่าอย่างไร ผลกรรมมันก็จะตกมาสู่เราเสมอ อย่างน้อยก็คงมีเศษกรรมหลงเหลือมาสนอง ในชาติภพต่อไป


ย้อนกลับมาเปรียบเทียบการแสวงหาสัจธรรมในชีวิตจริงของข้าพเจ้าแล้ว มันไม่ได้แตกต่างกันเลย ญาติ ครอบครัว พี่น้อง ผองมิตรนั้น ไม่ต่างอะไรกับลูกนกที่กำลังรอความช่วยเหลือ และยังช่วยตัวเองไม่ได้ จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลจากแม่นกเสียก่อน

การเดินบนเส้นทางธรรมของข้าพเจ้า จึงจำเป็นต้องรอเวลา รอเวลาที่ลูกนกเหล่านั้นได้เติบโต เพียงพอที่จะต่อสู้กับอันตรายรอบตัว และเรียนรู้ในการหาอาหารด้วยตนเอง เมื่อถึงเวลานั้น ข้าพเจ้าก็จะกลับมาเดินบนเส้นทางจงกรมสายนั้น…อีกคราว


Create Date : 05 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2551 8:39:30 น. 7 comments
Counter : 559 Pageviews.

 
แวะมาสวัสดีและเป็นกำลังใจให้จขบ.ได้กลับสู่เส้นทางอันประเสริฐ...ซึ่งไม่ได้มีแต่ทางสายนั้นเพียงสายเดียว...

สาธุค่ะ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:31:17 น.  

 
เด็กอายุ 17 ปี มีรายได้จากการทำงานผ่าน Computer 70,000 บาท/เดือน //www.job-th.com/thai


โดย: mediabuyer_9@hotmail.com IP: 222.123.24.62 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:27:21 น.  

 


โดย: Nissan_n วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:26:45 น.  

 
ดีที่ได้สังเกตุเห็น นะคะ
ไม่งั้นคงรู้สึกเสียใจเมื่อได้มาเห็นทีหลัง เด็กๆพวกนั้นก็คงโดนมดรุมกัดตาย บาปกรรมๆ


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:54:05 น.  

 
ตกหลุมทีนี่มันปรี้ดๆเลยค่ะ
แวะมาเยี่ยมค่ะ ขอบคุณที่ไปเยี่ยมนะคะ
เพิ่งจะเคยทำบล็อค ยังไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่เลย อิอิ


โดย: lole_blue วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:16:39 น.  

 
น่าชื่นชมกับความเพียรในการปฏิบัติธรรมของคุณอัสติสะครับ



โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:03:13 น.  

 
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้น ให้ค่ะ อ่านเรื่อง ข้างทางจงกรม แล้วรู้สึกว่าดีจังค่ะน่าเข้าไปอ่านทุกเรื่องเลยให้สาระดี เป็นเรื่องที่ดีนะคะที่ได้หนีจากที่วุ่นวายมาอยู่ที่สงบ สังคมยุคนี้ไม่ค่อยมีคนได้มีโอกาสดี ๆ แบบนี้เท่าไหร่นะคะ


โดย: twr_twr (twr_twr ) วันที่: 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:00:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.